เมื่อเสือหวงประทับรอยจูบตีตราจองสาวไว้พร้อมกับคำขู่"ห้ามใครซ้ำรอยพี่" แต่สาวเจ้าทั้งดื้อทั้งรั้นจนน่าขย้ำให้จมเขี้ยวเป็นการสั่งสอน แล้วอย่างนี้คิดว่าเสือหวงอย่างเขาจะปล่อยในเธอลอยนวลได้นานแค่ไหนกัน
View More“ไปนอนไกลๆพี่เพลิง พี่เพลิงช่วยตัดสินใจให้ทีสิคะว่าน้ำฝนจะไปนอนที่ไหนดี บ้านพ่อเพชร หรือบ้านพี่โยดีคะ”เพลิงตะวันส่ายหน้าเร็วๆ กอดเมียรักไว้แน่น“พี่ไปนอนบ้านโน้นก็ได้ คืนเดียวเท่านั้นนะครับ แค่คืนเดียว พี่สัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ไปมีเรื่องกับพี่วีอีกแล้ว น้ำฝนอย่าไปไหนนะ พี่ไม่ให้ไปทั้งบ้านลุงเพชร ทั้งบ้านพี่โยนั่นแหละ นอนที่บ้านเรานะครับ พี่จะไปนอนบ้านโน้นเอง” คนกลัวเมียหนีไปไกลรีบคายความจริงออกมา และยอมรับโทษแต่โดยดีหยาดพิรุณถอนหายใจเบาๆ คร้านจะบอกจะตักเตือนแล้ว คนแบบพี่เพลิงต้องโดนลงโทษซะบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่หลาบจำพรรณดาราหัวเราะคิกเมื่อเห็นพี่ชายสวมชุดนอนเดินเข้ามาในบ้านตอนสามทุ่ม แม่พราวและพ่อนนท์ ที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่หันไปมองตามสายตาบุตรสาว แล้วก็พากันหัวเราะตาม ซึ่งการหัวเราะนั้น...แฝงความเยาะเย้ยอยู่ในที คนถูกพ่อแม่และน้องสาวหัวเราะซ้ำเติมทำหน้ายุ่ง ส่งสายตาดุมองแม่น้องสาวตัวดีคนเริ่มหัวเราะก่อนใครเพื่อน“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยหนูพรรณ เพราะเรานั่นแหละ ไม่ช่วยไปยืนยันว่าพี่หกล้มจริงๆ น้ำฝนก็เลยไม่เชื่อ”เพลิงตะวันนั
“ไอ้เพลิง!” กวีอยากจะเหนี่ยวคอมันมาชกอีกสักเปรี้ยง มันพูดแค่นั้นก็จริง แต่หน้าตาท่าทางมันกวนอวัยวะเบื้องล่างยิ่งนัก มันต้องการยั่วโมโหเขา เพื่อให้เขาเริ่มก่อน เพื่อให้เขาดูไม่ดีในสายตาเมีย“พอได้แล้ว! พี่เพลิงคะ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” พรรณดารารู้ฤทธิ์ของคนทั้งคู่ดี หญิงสาวไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้แล้ว ทางที่ดีคือพาพี่ชายออกห่างจากอดีตสามีให้เร็วที่สุดจะดีกว่าเมื่อเมียหันหลังเดินหนี กวีจึงขยับตัวจะรีบเดินไปดักหน้า ทว่าคนหวงน้องก็เข้ามาขวางไว้“ไอ้เพลิง!”“แน่จริงก็ชกผมอีกสิ หนูพรรณจะได้เกลียดพี่มากกว่านี้ หรือไม่ก็อาจจะไม่ยอมพาลูกกลับมาเหยียบบ้านพี่อีกเลยก็ได้” เพลิงตะวันยิ้มเยาะ“ไอ้เชี่ยเพลิง!” กวีเงื้อหมัดขึ้น กะว่าจะชกปากหมาๆให้แตกยับอีกสักแผล ทว่าเสียงหวานก็ตวาดแหวขึ้นเสียก่อน“พี่วี!”กวียั้งหมัดไว้ได้ทัน เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลดหมัดลงแนบลำตัวเพลิงตะวันยิ้มเยาะอย่างสะใจ“กลับก่อนนะครับ คุณอดีตน้องเขย” พูดจบร่างสูงเดินตามน้องสาวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนเมียไม่รักมองตามด้วยความโมโห“คิดเหรอว่ากูจะยอมม
“พี่มารับกลับบ้าน” เพลิงตะวันมองสบตาน้องสาว พูดด้วยน้ำเสียงติดดุ“ค่ะ พี่เพลิง พี่พร้อม น้องพริ้งคะ ขึ้นไปเอากระเป๋าบนห้องกับคุณแม่เถอะ”พรรณดารารับคำพี่ชาย แล้วหันไปเรียกลูกทั้งสองให้ขึ้นไปเอากระเป๋าด้วยกัน เมื่อสามแม่ลูกออกไปจากห้องรับประทานอาหารแล้ว กวีจึงยืนขึ้นมองสบตาอดีตพี่เมียด้วยความไม่พอใจ“ทำไมต้องมารับ กูไปส่งลูกเมียเองก็ได้”“แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปเหยียบที่ไร่ว่ะ” เพลิงตะวันสวนกลับทันควัน“แล้วทีมึงมาเหยียบบ้านกูล่ะ”“ถ้าน้องกับหลานของผมไม่ได้อยู่ที่นี่ คิดเหรอว่าผมอยากจะมาเหยียบ อ้อ...” เพลิงตะวันเว้นจังหวะการพูด เขายิ้มดูแคลนไอ้คนที่เคยทำให้น้องสาวเขาเสียใจ“ถึงแม้ผมไม่อยากมาเหยียบบ้านนี้เท่าไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นมาเหยียบหน้าใครสักคน บอกตรงๆว่าผมอยากมามาก”“ไอ้เพลิง!”“พอๆ ตาวีนั่งลงกินข้าวได้แล้ว พ่อเพลิงทานข้าวต้มด้วยกันก่อนสิ” คุณย่ากิ่งแก้วรีบห้ามทัพหนุ่มเลือดร้อนทั้งสอง ท่านโบกไม้โบกมือเป็นเชิงห้ามปราม เมื่อสองหนุ่มหันไปทางผู้สูงวัยที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองเห็นสายตาตำหนิของคุณปู่กัมพล กับอาการส่
หญิงสาวข่มจิตข่มใจอยู่นาน พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ตกหลุมพรางของเขา ที่จริงเธออยากจะเปิดประตูออกไปต่อว่าเขาให้หูดับไปสักข้างเลยด้วยซ้ำ แต่รู้ดีว่าถ้าเธอเปิดประตูออกไป นั่นเท่ากับว่าเธอเปิดรับเสือให้เข้ามาขย้ำตัวเอง หญิงสาวจึงกำหนดลมหายใจเข้าออก ยุบหนอพองหนออยู่นาน กว่าจะสงบจิตใจลงได้ กว่านอนหลับก็เกือบค่อนคืนรุ่งเช้าวันใหม่ พรรณดาราและลูกๆเตรียมพร้อมที่จะกลับไร่ภูอิงฟ้า ลุงเพลิงของเด็กๆกำหนดไว้ว่าเธอต้องพาลูกๆกลับถึงไร่ก่อนเก้าโมงเช้า ซึ่งจากบ้านของอดีตสามีที่อยู่ใจกลางตัวเมืองไปถึงไร่ ใช้เวลาเดินทางเกือบหนึ่งชั่วโมง เพื่อไม่ให้เสียเวลา พรรณดาราจึงอยากจะกลับเลย แล้วค่อยแวะซื้ออาหารที่ร้านสะดวกซื้อให้ลูกรองท้องแทนมื้อเช้า แต่คุณปู่กัมพลและคุณย่ากิ่งแก้วรบเร้าให้อยู่ทานอาหารมื้อเช้าก่อน เพราะมื้อนี้คุณย่าเป็นคนเข้าครัวทำข้าวต้มกุ้งเอง จึงอยากให้หลานๆกินฝีมือตัวเอง หญิงสาวจึงไม่อาจปฏิเสธได้ สามแม่ลูกจึงร่วมรับประทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านก่อนครู่เดียวหลังจากที่ทุกคนเริ่มรับประทานอาหารแล้ว กวีก็เดินหน้ายุ่งเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร ที่จริงไม่ได้ยุ่งแต่หน
สองพี่น้องปีนขึ้นไปนั่งขนาบคุณแม่บนเตียงกว้าง น้องพริ้งเขย่าแขนคุณแม่เบาๆ“คุณแม่ขา ลงไปทานข้าวกันเถอะค่ะ” น้องพริ้งรีบเอ่ยปากชวน เมื่อมารดาลืมตาตื่นขึ้นมายิ้มให้“คุณแม่ไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าตาไม่สดชื่นเลย” พี่พร้อมอังหลังมือกับหน้าผากมารดาด้วยความห่วงใย ใบหน้าเคร่งขรึมราวกับคุณหมอกำลังวินิจฉัยโรคคนไข้เมื่อพี่ชายตั้งข้อสังเกตน้องน้อยก็เอียงคอกะพริบตามองคุณแม่อย่างสำรวจตรวจตรา น้องพริ้งยื่นมือน้อยไปแตะแก้มนุ่มคุณแม่เบาๆ“น้องพริ้งรู้สึกว่าคุณแม่ตัวร้อนนิดนึงนะคะพี่พร้อมขา หรือพี่พร้อมว่าไงคะ” เด็กหญิงมองหน้าพี่ชายอย่างขอคำปรึกษา พี่พร้อมพยักหน้าเห็นด้วยกับน้องสาว“คุณแม่ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ คุณแม่สบายดี” พรรณดารายิ้มให้ลูกทั้งสอง หญิงสาวลุกขึ้นนั่งแล้วกางแขนออก เจ้าตัวเล็กทั้งสองรีบคลานเข้าไปซุกอกอุ่นให้คุณแม่กอดอย่างรู้ใจ“แล้วทำไมคุณแม่ถึงตัวร้อนล่ะคะ” ยายหนูพริ้งยังไม่คลายข้อสงสัย พรรณดาราตวัดสายตาดุไปยังต้นเหตุที่ทำให้เธอตัวร้อน คนหื่นจัดการเธอจนหนำใจแล้วก็แถมบริการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย แต่หลังจากนั้น แทนที่เขาจะพอ คนมักมากกลับย
“หนูพรรณครับ ตื่นได้แล้วครับ” กวีปลุกคนขี้เซาอีกครั้ง มือหนาบีบขยำแก้มก้นเด้งดึ๋งงอนงามอย่างมันเขี้ยว“ฮื้อ! อย่ากวนได้ไหมคะ” พรรณดาราปัดมือแสนซนออก ร่างอวบอัดขยับตัวขยุกขยิก ขาเรียวยกขึ้นพาดเอวสอบ ยืดแขนกอดรัดร่างใหญ่ที่นอนเบียดอยู่ แล้วถอนหายใจแรงคล้ายหงุดหงิด ก่อนลมหายใจจะค่อยๆผ่อนลง เป็นจังหวะสม่ำเสมอ บอกให้คนที่ถูกกอดรัดรู้ว่า หญิงสาวได้กลับเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้งแล้วกวีกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างยากลำบาก ความอวบอิ่ม นุ่มเนียน ทั้งกลิ่นหอมกรุ่นของเมียรักปลุกปั่นอารมณ์เร่าร้อนที่มอดดับไปแล้วเมื่อคืนนี้ให้โหมกระพือขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว“ที่รัก…” กวีกระซิบเรียกเสียงแตกพร่า ชายหนุ่มเลื่อนฝ่ามือลงต่ำ ผ่านหน้าท้องแบนราบ เขาใช้นิ้วกลางเรียวยาวซุกไซ้ในแอ่งอุ่นกลางร่างสาว สำรวจช่องทางรัดรึงด้วยการหมุนควานนิ้วเนิบช้า ร่องรอยความชุ่มฉ่ำจากบทรักหลายตลบเมื่อคืนทำให้หัวใจเต้นระรัว“ทั้งแน่นทั้งนุ่มเลยที่รัก อา…หนูพรรณจ๋า”“อืม…” เสียงหวานครางรับผะแผ่ว สะโพกเต่งตึงขยับน้อยๆ พรรณดาราเคลิบเคลิ้มไปกับความฝันแสนหวาน วาบหวิวซาบซ่าน เป็นความฝันที่คล้ายความจริ
“คุณวี ฉันเป็นห่วงลูก” พรรณดารามองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน เธอเป็นห่วงลูกจริงๆ กลัวว่าถ้าลูกตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอ เจ้าตัวเล็กทั้งสองจะร้องไห้งอแง“อย่าห่วงไปเลย มีคนอาสาดูแลลูกของเราให้แล้วทั้งคืน”“ฉัน...”“ชู่ว์! ตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดครับที่รัก เรามีอะไรต้องทำกันเยอะแยะ”พรรณดาราถอนหายใจเบาๆ หญิงสาวปรายตามองไปทางประตูแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับมาเงยหน้าจ้องมองคนที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้า“คุณวี...” พรรณดาราเรียกเขาด้วยน้ำเสียงทอดอ่อน หญิงสาวเอนกายลงนอนลงบนเตียงเมื่อเขาโน้มตัวลงมาวางสองมือคร่อมร่างเธอ“ว่าง่ายๆ แบบนี้ ค่อยน่ารักหน่อย” กวียิ้มพอใจกับท่าทีอ่อนลงของอดีตภรรยา หัวใจแกร่งเต้นระทึก เขาแทบรอไม่ไหวที่จะส่งตัวตนแข็งกร้าวเข้าไปซุกซบในแอ่งเนื้อนุ่มอุ่นอ้าวคุ้นเคยพรรณดารากำมือทั้งสองข้างแน่น เธอไม่มีวันยอมเขาง่ายๆ หรอก เขาทำให้เธอเจ็บช้ำจนต้องซมซานกลับไปรักษาหัวใจที่บ้านนานเกือบสองปี แล้วอยู่ดีๆ จะมาทำราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะมาทวงสิทธิ์ความเป็นสามี เรียกร้องเอาแต่ใจอย่างนี้ไม่ได้ ถึงแม้เธอกับเขาจะยังไม่ได้หย่าขาดจากกันก็ตามเถอะ นั
“หยุดอยู่ตรงนั้น! อย่าเข้ามานะ!” เสียงตวาดเบาๆ แต่หน้าตาบูดบึ้งแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ทั้งสายตาเคืองขุ่นที่มองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ และนิ้วเรียวที่ชี้ตรงมาที่เขา ทำให้กวียิ้มมุมปาก“จะเข้า ใครจะทำไม จะเข้าให้ลึกสุดตัวเลยด้วย”คำพูดสองแง่สองง่าม น้ำเสียงยียวน และท่าทางกวนประสาท อีกทั้งสายตาวิบวับไม่น่าไว้ใจของคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเตียงทำให้พรรณดาราอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ“คนบ้า! คนลามก!” หากแต่หญิงสาวก็ทำได้เพียงบริภาษออกมาเบาๆ และสาดสายตาดุใส่เขาเท่านั้น เพราะเธอกลัวลูกน้อยทั้งสองที่นอนหลับอยู่บนเตียงจะตื่น“ลามกน่ะใช่ แต่ไม่ได้บ้า” กวีกดเสียงต่ำขู่แม่ของลูกๆ ขายาวก้าวมั่นคงอ้อมไปทางปลายเตียง ขณะที่สายตาหมายมาดจับจ้องร่างอวบอิ่มน่าฟัดของคุณแม่ลูกสองไม่วางตา“คุณวี! ถ้าคุณเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดเดียว ฉันจะกรี๊ดให้ลั่นบ้านเลย” พรรณดาราขู่คนที่เดินไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ระยะห่างเพียงแค่หนึ่งช่วงแขนแบบนี้ ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ หญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างระวังตัว ทั้งหันซ้ายหันขวา หาทางหนีทีไล่&nb
ปักลึกในซอกสาว วงแขนแกร่งกอดเกี่ยวร่างบางไว้แน่น ปลดปล่อยหยาดรักถ่ายเทเข้าสู่ร่างสาวจนหมดสิ้น “เต็นจ๋า เมื่อไรเจ้าตัวน้อยจะมาสักที” วาโยรำพึงเบาๆคลอเคลียแก้มเนียน เขาแช่ลำรักร้อนผ่าวในร่องสาว ให้เธอตอดรัดเขาอย่างแสนสุข ร่างเปลือยเปล่าแข็งแกร่ง และร่างเกือบเปลือยแสนเย้ายวนนอนกอดก่ายกันอยู่บนเบาะแคบ พลอยไพลินนอนหนุนอกสามี หญิงสาวก่ายเกยอยู่บนร่างเขา แนบแก้มกับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจแกร่งเต้นเป็นจังหวะหนักแน่น มือบางลูบไล้ผิวเนื้อเรียบตึงอย่างเพลินมือ ใบหน้าสาวอมยิ้ม ทอดถอนใจอย่างมีความสุข วาโยนอนหนุนแขนตัวเองข้างหนึ่ง วงแขนอีกข้างกอดน้องไว้แนบอก และป่ายมือลงไปวางบนสะโพกหนั่นแน่น เคล้นคลึงเบาๆ “พี่โยขา” “ครับ” “เต็นมีอะไรจะบอกค่ะ” พลอยไพลินขยับตัวขึ้นไปนอนคว่ำอยู่บนตัวสามี ดวงตาคู่งามเป็นกระกายวิบวับ หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้เขา คิ้วเข้มขมวดมุ่น มองหน้าน้องอย่างจับผิด ท่าทางแบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาอยู่แน่ๆ “เต็
“ทำไมต้องเป็นเต็นด้วยล่ะพี่ต่าย ให้คนอื่นไปไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้!” เสียงเข้มดุของพี่ชายที่เกิดก่อนเกือบสี่ปีทำให้พลอยไพลินหน้าหงิกงอลงทันที หญิงสาวลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่ไปหยุดยืนข้างพี่ชาย ผู้ซึ่งเอาแต่ก้มหน้าสนใจงานในมือ ไม่สนใจว่าน้องสาวจะพอใจหรือไม่พอใจกับงานที่เขามอบหมายให้ พลอยไพลินนั่งคุกเข่าลงบนพื้น สองมือเกาะพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ไว้แน่น หญิงสาวเงยหน้ากะพริบตาปริบๆมองพี่ชาย ดวงตาเป็นประกายวิ้งๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยื่นน้อยๆ และปั้นหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร “พี่กระต่ายขา...” เสียงอ้อนหวานเจี๊ยบจนน่าขนลุกทำให้เพชรนิลมองน้องสาวอย่างไม่ไว้วางใจ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายกมือขึ้นกอดอก แล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้หลุบตามองคนลงทุนคุกเข่าอ้อนด้วยสายตาไม่เชื่อถือ “อย่ามาอ้อนเสียให้ยาก พี่ไม่ใจอ่อนหรอก” เพชรนิลบอกเสียงเข้ม แล้วขยับนั่งตัวตรงตามเดิม สายตาคมจ้องมองงานบนหน้าจอโน้ตบุ๊กตรงหน้า ไม่ชำเลืองแม้หางตาดูน้องสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน “พี่กระต่ายขา...” พลอยไพลินยังคงเกาะพนักเก้าอี้ไว้ไม่ยอมปล่อย ห...
Comments