"ไม่ต้องห่วงหรอก ผมไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนได้เกินหนึ่งเดือน แต่ถ้าผมติดใจคุณและยังต้องการ คุณก็ต้องทำหน้าที่นี้ต่อไป จนกว่าที่แม่ของคุณจะออกจากโรงพยาบาล เข้าใจใช่ไหมเฟรย์!" “คุณหมอ เราเคยรู้จักกันเหรอคะ” “แน่นอนว่าไม่” “ถ้าอย่างนั้นทำไมถึงกล้ายื่นเงื่อนไขนี้ให้ฉันละคะ” “คุณเป็นผู้หญิง ส่วนผมเป็นผู้ชาย เรื่องมันก็เข้าใจง่ายมากเลยไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเรื่องเซ็กส์นี่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มนุษย์ที่ไหนก็มีเซ็กส์กันทั้งนั้น คุณคิดว่าผมเป็นหมอแล้วจะมีชีวิตส่วนตัวไม่ได้เหรอ” “ฉัน…” “นามบัตรของผม ถ้าคิดได้แล้วก็โทรมาก็แล้วกัน” “อติวิชญ์ สหัสวัตโยธิน…” “มีอะไรเหรอ หรือว่านึกอะไรขึ้นมาได้” “เปล่าค่ะ ฉันขอตัวก่อน” “ต้นกล้า… ครั้งนี้ฉันจะเป็นคนแก้แค้นให้นายเอง” เรื่องราวมันจะจบลงตรงไหน ฝากกดติดตามและให้กำลังใจทั้งคู่ไปด้วยกันนะคะ
View Moreโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง
“แม่ไม่ต้องห่วงนะ เฟรย์จะรออยู่หน้าห้องผ่าตัด”
ผู้เป็นแม่ทำได้แค่ยิ้มให้เธอก่อนที่เตียงคนไข้จะถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด “ณิชมน" ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก ไม่นานคุณหมอที่สวมชุดพร้อมผ่าตัดก็เดินเข้ามาหาเธอ
“ไม่ต้องห่วง คุณแม่ของคุณจะปลอดภัย”
“ขอบคุณค่ะ”
ดวงตาหม่นนั้นไม่ได้บอกถึงความยินดี สายตาของคุณหมอเจ้าของไข้เองก็เช่นกัน เขาก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะเข้าใจในการทำงานของเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากข้อแลกเปลี่ยนของทั้งคู่ทั้งหมด
ก่อนหน้านั้นสองเดือน
“เคสนี้เป็นเคสที่ค่อนข้างหนัก คุณแม่ของคุณต้องทำการผ่าตัดค่ะ”
“อะไรนะคะ แต่ประกันชีวิตที่คุณแม่ทำไว้ วงเงินอาจจะไม่พอ”
“เท่าที่ดูแล้วน่าจะเพียงพอในการผ่าตัดครั้งแรกค่ะ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจจะมีเพิ่มเติม นี่เป็นยอดค่าใช้จ่ายที่คุณหมอลองคำนวณมาให้ คุณลองพิจารณาดูอีกทีนะคะ”
พยาบาลยื่นเอกสารการรักษาทั้งหมดของคุณ “ชมจันทร์” มาให้ แม่ของเธอเป็นเจ้าของสวนมะม่วงและมะพร้าว แต่เพราะโหมงานหนักกับออเดอร์ที่รับมา เธอจึงได้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม โชคดีที่คนงานในสวนเห็นและนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เมื่อตรวจโดยละเอียดกลับพบว่าเธอมีเนื้องอกที่สมอง
“ค่าใช้จ่ายมากขนาดนี้เลยเหรอ”
เอกสารในนั้นมีค่าใช้จ่ายเกือบสองล้านบาท แม้ว่าแม่ของเธอจะทำประกันชีวิตเอาไว้ แต่วงเงินในการรักษารวมทั้งหมดก็อาจจะไม่พอ เมื่อเห็นค่ารักษาพยาบาลแล้วเฟรย์ทรุดตัวลงกับโซฟาในห้องพักฟื้นของแม่ แม้ว่าเธอจะมีงานทำและเงินเดือนก็นับว่าพอใช้ได้ แต่ไม่อาจจะไม่พอหากต้องใช้เงินมากขนาดนี้ อีกอย่างตั้งแต่แม่ของเธอเข้าโรงพยาบาลและรับการรักษา ก็ยังไม่เคยได้คุยกับคุณหมอเจ้าของไข้เลยสักครั้ง
“คุณหมอจะเข้ามาไหมคะวันนี้”
“คุณหมอ “อติวิชญ์” จะเข้ามาช่วงบ่ายค่ะ ถ้าคุณอยากจะคุยกับคุณหมอเดี๋ยวฉันจะแจ้งให้นะคะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ”
บ่ายวันนั้น / ห้องพักคุณหมอ
“คุณหมอคะ ญาติผู้ป่วยห้องแปดสองสองอยากปรึกษาคุณหมอเรื่องการผ่าตัดค่ะ”
“ห้องแปดสองสอง…”
“อติวิชญ์” หมอศัลยกรรมสมองและเจ้าของไข้ของชมจันทร์ หยิบแฟ้มมาดู เมื่อเห็นชื่อของผู้ป่วยเขาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและหันไปบอกพยาบาลผู้ช่วยของเขา
“ให้เธอเข้ามาคุย ผมว่างตอนบ่ายสาม”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปแจ้งญาติผู้ป่วยให้นะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
เมื่อพยาบาลผู้ช่วยออกไปแล้ว อติวิชญ์ หรือ “มาร์ค” หมอหนุ่มในวัยสามสิบสองปี เขาพึ่งได้รับตำแหน่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษทางด้านศัลยกรรมสมองมาหมาด ๆ และยังเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยดังอีกสองแห่ง เมื่อหันไปมองนอกหน้าต่างด้านนอกก็ยิ้มออกมา
“ได้เจอสักทีสินะ”
เมื่อเฟรย์รู้ว่าคุณหมออนุญาตให้เข้าพบได้ เธอจึงรีบเดินตามพยาบาลผู้ช่วยเข้ามาที่ห้องพักของคุณหมอทันที เมื่อเคาะประตูและเสียงอนุญาตดังขึ้นเธอจึงเดินเข้าไปด้านใน เฟรย์หันไปสวัสดีคุณหมอที่ดูอายุมากกว่าเธอแต่คงไม่มากเกินห้าปี เขาสวมแว่นตา หน้าตานิ่งและดูเย็นชากว่าที่เธอคิด
“สวัสดีค่ะคุณหมอ ดิฉันอยากจะปรึกษาเรื่องอาการป่วยของคุณชมจันทร์ค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนสิครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เขาปรายตามองเธอนิดหน่อยและบอกให้เธอนั่งลง หญิงสาวในวัยยี่สิบห้าปีค่อย ๆ นั่งเก้าอี้ตรงข้ามเขา ในมือเธอถือเอกสารที่พยาบาลให้เอาไว้แน่น หมอมาร์คที่หันไปคลิกบางอย่างในคอมพิวเตอร์เสร็จ จึงหันมามองเธอ
“ว่ายังไงครับ คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ”
“คือว่าเรื่องการผ่าตัดของคุณแม่น่ะค่ะ ดิฉันอยากทราบรายละเอียดว่าต้องทำการผ่าตัดเร่งด่วนเลยไหมคะ แล้วก็ค่ารักษาทั้งหมด… จะเกินกว่าที่คุณหมอประเมินมาหรือเปล่า ดิฉันจะได้เตรียมตัวถูก”
“เห็นว่าคุณชมจันทร์ก็มีประกันชีวิตอยู่ไม่ใช่เหรอครับ เรื่องค่ารักษาไม่น่าจะต้องห่วงนี่”
“ใช่ค่ะ เรื่องค่าผ่าตัดอาจจะไม่มีปัญหา แต่ว่าค่าห้องที่ต้องจ่ายในช่วงพักฟื้น… คือว่ามันค่อนข้างสูง ดิฉันจึงอยากจะทราบว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน เพราะส่วนต่างตรงนี้ เราต้องรับผิดชอบเอง”
“อ้อ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าตามปกติผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดสมอง ช่วงพักฟื้นในโรงพยาบาลอย่างต่ำก็ไม่เกินเจ็ดวัน หากมีอาการแทรกซ้อนก็ราว ๆ สิบวันไม่เกินสิบห้าวัน นอกจากมีอาการอื่นร่วมด้วย ดังนั้นผมคิดว่าหากต้องการสำรองเรื่องค่าห้อง ก็ควรจะต้องคำนวณเผื่อเอาไว้สักหนึ่งเดือน”
“หนึ่งเดือน… เลยเหรอคะ”
“ผู้ป่วยหลังการผ่าตัดมีอาการไม่เหมือนกัน บางคนก็หายเร็วกว่าปกติ แต่บางคนหากมีอาการข้างเคียงมาก ๆ ก็คงต้องดูอาการกันยาว ๆ อ้อจริงสิอย่าลืมเรื่องค่าใช้จ่ายหลังจากที่ผ่าตัดไปแล้ว ก็ต้องมีการมากายภาพบำบัดและตรวจร่างกายทุกเดือนด้วย ผมลืมไปเลยว่าตรงส่วนนี้ประกันชีวิตน่าจะไม่จ่ายให้ใช่ไหม”
“นั่น… จริงด้วยสิ”
สีหน้าของเฟรย์เริ่มวิตกกังวลมากขึ้น เธอลืมนึกถึงเรื่องหลังจากการผ่าตัดไปเลย ทั้งเรื่องการรักษาต่อเนื่องและการพักฟื้น ถึงจะผ่านเรื่องการผ่าตัดใหญ่ไปได้ แม่ของเธอก็อาจจะต้องพักอย่างน้อยสามถึงหกเดือน และยังต้องมาตรวจที่โรงพยาบาลตลอด
“ดูเหมือนคุณจะค่อนข้างลำบากใจนะคุณ…”
“ณิชมนค่ะ”
“คุณณิชมนเอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณลองกลับไปคิดดูก่อน ที่ผมประเมินค่ารักษาไปให้คุณ นี่เป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้น ยังไม่นับเรื่องที่จะมีอาการแทรกซ้อน หรือภาวะที่คนไข้ต้องรับหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น แต่ยังไงผมก็คงต้องบอกว่าอาการของคุณแม่คุณ จะต้องได้รับการผ่าตัด ไม่อย่างนั้นอาจจะอันตรายมากในอนาคต คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”
“ฉันทราบค่ะ”
‘ณิชมน เอมฤทัย เป็นเธอจริง ๆ ด้วยสินะ’
สีหน้าของเฟรย์เริ่มซีดลงเรื่อย ๆ เธอแทบจะหมดแรงเมื่อคุยกับคุณหมอมาถึงตรงนี้ แม้ว่าเขาจะยังทำหน้านิ่งและพูดเหมือนไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลยก็ตาม
“คุณมีอะไรอยากจะพูดไหม”
“คะ?”
“ผมถามคุณว่า มีอะไรอยากจะพูดอีกไหม”
“แล้วถ้าฉัน… อยากจะย้ายโรงพยาบาลที่พอจะ… จ่ายไหว”
“คุณก็ต้องมาขอประวัติ ทำเรื่องโยกย้ายและเริ่มต้นการตรวจใหม่ทั้งหมด อีกอย่างการรักษาที่ไม่ต่อเนื่องมีผลกระทบในระยะยาวและที่สำคัญ… คนไข้อาจจะรอไม่ได้นานถึงขนาดนั้น”
เฟรย์เริ่มหาทางออกไม่ได้ เธอกำมือแน่น ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีในตอนนี้ ทุกหนทางเหมือนกับจะถูกบีบให้แคบลงเรื่อย ๆ ซึ่งเธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของหมอ หรือว่าเธอเองที่กำลังสับสนจนทำตัวไม่ถูก
‘ใกล้แล้วสินะ’
“ฉันขอเวลากลับไปคิดทบทวน”
“แบบนั้นก็ได้ไม่มีปัญหา แต่ก็เท่ากับว่าคุณแม่ของคุณจะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น”
“คุณหมอหมายความว่ายังไงคะ”
“หมายความว่าอาการของคุณชมจันทร์ ที่อยู่ห้องไอซียูตอนนี้ ต้องการการรักษาอย่างต่อเนื่อง”
“แต่ว่าฉัน…”
เฟรย์รู้สึกจนมุมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงคิดจะขายที่ดินและทรัพย์สินที่มีทั้งหมด แต่ก็คงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น ถ้าจะหางานทำเพิ่มในตอนนี้ก็พอจะเป็นไปได้แต่มันจะช่วยได้สักเท่าไหร่ เมื่อหันไปมองหน้าคุณหมอหนุ่มตรงหน้า เธอจึงไม่คิดถึงอะไรที่น่าอายมากกว่านี้อีกแล้ว
“คุณหมอมีวิธีอะไรที่พอจะช่วยฉันในเรื่องนี้ไหมคะ ฉันยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ได้เข้ารับการผ่าตัดในครั้งนี้”
หมอมาร์คใช้มือรวบหน้าอกอวบแน่นตรงหน้าเข้ามาบีบเคล้นอย่างมันมือ ไม่คิดเลยว่าเธอจะซ่อนรูปแบบนี้ หน้าอกอูมในมือของเขามีขนาดที่มีขนาดโตกว่าที่เห็น ก็ยิ่งทำให้เขาตื่นเต้น“อาา….”ชุดคลุมของเขาถูกดึงออกไป ตัวตนที่เปลือยเปล่าของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เฟรย์อ่อนระทวย เธอไม่เคยเห็นผู้ชายเปลือยแบบนี้มาก่อน และที่สำคัญขนาดของน้องชายของเขาใหญ่จนเธอตกใจ เอ็นเนื้อที่ชี้มาที่ตัวของเธอหัวสีชมพูใสทำให้เฟรย์เกือบเป็นลม“ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวก็เข้ากันได้เอง”“อ๊าา หมอคะ…”เขาก้มลงและเริ่มใช้ปากดูดดึงไปทั่วเนื้อหวานตรงหน้า นิ้วคอยเคล้นคลึงให้ยอดอกสีชมพูสดแข็งสู้มือ ไม่นานก็เปลี่ยนไปใช้ลิ้น คิดไม่ถึงว่ามันจะทั้งหอมและหวานขนาดนี้ เสียงกลั้นครางของคนตรงหน้าทำให้เขาแทบบ้า“เสียวก็ครางออกมาไม่ต้องกลั้น อย่ามาดัดจริตแถวนี้ผมไม่ชอบ ถ้าไม่ครางคืนนี้คุณโดนหลายรอบแน่”“อื้อ…อ๊าา!!”เธอสุดจะกลั้นเมื่อมือของเขาบีบเคล้นหน้าอกจนเจ็บ แต่เธอกลับมีความรู้สึกต้องการเพิ่มมากกว่าเดิม เฟรย์กำลังจะคลั่งและหลุดจากความเป็นตัวของตัวเอง เธอปล่อยให้เขาครอบครองหน้าอกคู่สวยจนพอใจ และตอนนี้เขาเริ่มเลื่อนไปสำรวจตรงจุดอื่นแล้ว“อา…หอมฉิบหายเลย
เฟรย์รู้สึกว่าข้อตกลงที่ได้ทำเอาไว้ ผูกมัดเธอมากกว่าเดิมจนน่ากลัว แต่จะมาถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว ตรงหน้าคือหมอหน้าโหดที่พูดน้อย แต่เบื้องหลังคือแม่ของเธอ ซึ่งเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในชีวิต ในเมื่อโชคชะตาพาเธอมาถึงตรงนี้ ก็ยากที่จะหนีพ้นไปได้“เปลี่ยนรองเท้าตรงนี้ จากนี้หน้าที่จัดของเป็นของเธอ กระเป๋าวางตรงนี้ เข้ามาแล้วก็ล้างมือที่อ่างหน้าบ้านก่อน เช็ดให้แห้ง ผ้าเช็ดมือเปลี่ยนวันละครั้งหลังจากฉันออกจากบ้านไปแล้ว เธอฟังทันไหม”“ค่ะ ทันค่ะ”“กระเป๋า ของใช้ส่วนตัว มือถือเอาไปในห้องได้แต่ต้องฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อก่อน เครื่องพ่นอยู่ทางนั้น”เฟรย์หันไปมองรอบ ๆ ห้องสีขาวที่ถูกสั่งให้เปิดเครื่องปรับอากาศและไฟสว่าง พื้นห้องที่ปูด้วยหินอ่อนสีขาว โต๊ะและเฟอร์นิเจอร์เหมือนจะถูกดูแลอยู่ตลอดเวลา เขาหันมามองเธอที่กำลังเอากระเป๋าเข้าไปในตู้พ่นอย่างเงอะงะจึงเดินเข้ามาด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมราคาแพงทำให้เธอรู้สึกวูบวาบที่หลัง“เอาวางไว้แล้วกดปุ่มนี้ รอแค่สิบวินาทีให้ไฟเขียวขึ้นแล้วค่อยดึงออกมา จำให้ดี ๆ ล่ะ”“ค่ะ”เธอดึงกระเป๋าออกมาเมื่อเห็นไฟเขียว แต่เมื่อหันมาก็ชนเข้ากับอกกว้างของเขาที่อยู่ด้านหล
“คุณพูดเรื่องอะไร นี่คุณกำลังชวนผมทำเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณของแพทย์เหรอ”“ฉัน…”เฟรย์รู้สึกอายขึ้นมาในทันทีเมื่อถูกคุณหมอถามแบบนี้ ถึงจะยอมรับแต่ว่าตอนนี้เธอเองก็เหมือนจะหมดหนทางแล้วจริง ๆ สวนผลไม้ที่แม่ทำมาหลายปี ต่อให้ขายผลไม้ทั้งหมดนั่นก็อาจจะพอแค่ค่าห้อง แต่หลังจากนั้นหากขายทั้งสวนหรือเอาที่ดินไปจำนองก็อาจจะไม่พอด้วยซ้ำ“คุณณิชมน ผมอยากให้คุณลองคิดให้ดี ๆ ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา”“หากว่าฉันมีทางอื่นก็คงไม่กล้าเสนอเรื่องน่าอายแบบนี้ แต่ถ้าคุณหมอช่วยไม่ได้ก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันผิดเองที่เสนอเรื่องน่าอายนี้ออกไป ขอตัวก่อน”“ผมก็ยังไม่ได้บอกว่ามันน่าอายหรือไม่ตอบรับนะ เรื่องนี้ผมว่าเราน่าจะพอคุยกันได้ นั่งลงก่อนสิ”เฟรย์หันมาและค่อนข้างตกใจที่คุณหมอหน้านิ่งคนนี้พูดออกมาแบบนี้ เขายังคงมองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเคยเห็นหน้าเขาที่ไหน แต่ก็คิดไม่ออก“ลองบอกข้อเสนอของคุณมาก่อนสิ เผื่อว่าผมอาจจะสนใจแล้วช่วยคุณได้”“ฉันทำงานให้คุณได้ ตอนนี้ฉันทำงานบริษัทส่งออกอยู่ แต่หลังเลิกงานก็สามารถทำงานพิเศษต่อได้ ถ้าคุณหมออยากให้ฉันทำอะไรก็…”“ทุกอย่างเลยเหรอ”“ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานแม่บ้าน
โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง“แม่ไม่ต้องห่วงนะ เฟรย์จะรออยู่หน้าห้องผ่าตัด”ผู้เป็นแม่ทำได้แค่ยิ้มให้เธอก่อนที่เตียงคนไข้จะถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด “ณิชมน" ได้แต่ยืนมองอยู่ด้านนอก ไม่นานคุณหมอที่สวมชุดพร้อมผ่าตัดก็เดินเข้ามาหาเธอ“ไม่ต้องห่วง คุณแม่ของคุณจะปลอดภัย”“ขอบคุณค่ะ”ดวงตาหม่นนั้นไม่ได้บอกถึงความยินดี สายตาของคุณหมอเจ้าของไข้เองก็เช่นกัน เขาก็ไม่ได้หวังว่าเธอจะเข้าใจในการทำงานของเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเกิดจากข้อแลกเปลี่ยนของทั้งคู่ทั้งหมดก่อนหน้านั้นสองเดือน“เคสนี้เป็นเคสที่ค่อนข้างหนัก คุณแม่ของคุณต้องทำการผ่าตัดค่ะ”“อะไรนะคะ แต่ประกันชีวิตที่คุณแม่ทำไว้ วงเงินอาจจะไม่พอ”“เท่าที่ดูแล้วน่าจะเพียงพอในการผ่าตัดครั้งแรกค่ะ แต่เรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาจจะมีเพิ่มเติม นี่เป็นยอดค่าใช้จ่ายที่คุณหมอลองคำนวณมาให้ คุณลองพิจารณาดูอีกทีนะคะ”พยาบาลยื่นเอกสารการรักษาทั้งหมดของคุณ “ชมจันทร์” มาให้ แม่ของเธอเป็นเจ้าของสวนมะม่วงและมะพร้าว แต่เพราะโหมงานหนักกับออเดอร์ที่รับมา เธอจึงได้เกิดอาการหน้ามืดเป็นลม โชคดีที่คนงานในสวนเห็นและนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เมื่อตรวจโดยละเอียดกลับพ
Comments