“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด
“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน
“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้
“เก่งเกินไปแล้วนะ”
พลอยไพลินก้มหน้างุด เขินอายที่เผลอตอบสนองเขาไปอย่างร่านร้อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้งที่ถูกเขาจูบ เธอหลงลืมตัว ปล่อยกายปล่อยใจไปจนถึงจุดที่เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บ่อยครั้งที่หากว่าเขาไม่หยุด เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะไปจบลงตรงไหน
“เต็นอยากกลับบ้านแล้ว” เสียงหวานเอ่ยเบาแผ่ว
“ครับ” วาโยตัดใจคลายวงแขนออกจากเอวคอด ชายหนุ่มช่วยพยุงร่างนุ่มหอมกรุ่นไปนั่งเบาะเดิม แล้วโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” พลอยไพลินกล่าวขอบคุณเสียงเบาหวิว ทว่าคนที่คาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อยแล้ว กลับไม่มีท่าทีว่าจะขยับพาตัวเองไปนั่งดังเดิม เขายังคงโน้มตัวอยู่ใกล้เธอ แขนข้างหนึ่งพาดบนพนักพิงที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ใช้นิ้วเรียวในแบบผู้ชายเชยคางเล็กขึ้นมาให้เธอมองสบตากัน
“ทีหลังอย่าดื้อ” พลอยไพลินสบสายตาคู่คมดุ แล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“...พี่หวง” วาโยย้ำชัดหนักแน่น หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง รับรู้กับคำว่าหวงที่เขาบอก
วาโยขยับนั่งตัวตรง ค่อยๆบังคับพวงมาลัยรถเคลื่อนตัวออกถนน มุ่งหน้าสู่บ้านที่หญิงสาวร่ำร้องอยากกลับตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มพยายามตัดใจไม่หันไปมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ เพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวจะอดใจไม่ไหว จนต้องจอดรถข้างทาง แล้วคว้าเธอเข้ามากอดมาจูบซ้ำอีกครั้ง
พลอยไพลินลอบถอนหายใจเบาๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ สถานะระหว่างเธอกับเขานั้นคลุมเครือนัก พี่โยไม่เคยบอกอะไรกับเธอมากไปกว่าการย้ำคำว่าหวง และการแสดงออกว่าหวงของเขาก็มักจะทำให้เธอเสียเปรียบอยู่ร่ำไป กระนั้นเธอก็ไม่เคยปริปากฟ้องใครว่าเธอถูกเขารังแกหรือเอาเปรียบ หากจะถามหาเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรนั้น เธอก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย
“เมื่อคืนใครมาส่งอ่ะพี่เต็น” พลอยชมพูถามพี่สาวขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดพอดี สมาชิกในครอบครัวจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คำถามของน้องสาวทำให้สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่ลูกสาวคนรองของบ้านทันที
พลอยไพลินเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มตรงหน้า หญิงสาวยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนยกเว้นแม่กระติ๊บตัวดี น้องสาววัยยี่สิบสามปีผู้เปิดประเด็นร้อนบนโต๊ะอาหาร พลอยชมพูรีบก้มหน้าหลบทันทีที่ถูกพี่สาวมองด้วยสายตาดุ
“เมื่อคืนกลับดึกอีกแล้วเหรอเต็น” เสียงเข้มของพ่อเพชรทำให้พลอยไพลินยิ้มแหย
“ไม่ดึกค่ะ เต็นถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม”
“ไม่ได้ขับรถกลับมาเองเหรอลูก” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แววตาและน้ำเสียงเป็นกังวล คนเป็นแม่คอยบอกคอยสอนอยู่เสมอว่า เป็นลูกผู้หญิงนั้นต้องระวังตัวให้มาก พลาดพลั้งมาแล้วอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนลูกสาวจะไม่ใส่ใจคำสอนเอาเสียเลย
“เต็นจอดรถไว้ที่บริษัทค่ะ ให้เพื่อนไปรับพาไปกินข้าวแล้วก็ฟังเพลงนิดหน่อย”
“เพื่อนคนไหน” พี่กระต่ายน้อยซักไซ้ทันที เพื่อนบางคนของน้องสาวไม่น่าไว้ใจสำหรับพี่ชายอย่างเขา
“พี่กรค่ะ” แม่นกกระเต็นน้อยตอบพี่ชายเสียงอ่อย เพราะพี่ชายไม่ชอบให้เธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายตอนกลางคืนเท่าไรนัก คราวนี้โดนเอ็ดหูชาแน่ๆ
“ไอ้กรมาส่งเหรอ” เพชรนิลรุกถามเสียงเข้ม พลอยไพลินยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนอีกครั้ง คุณปู่ประภาส กับคุณย่าแพรวพรรณนั่งเงียบ แต่ทั้งสองท่านมองหลานสาวด้วยสายตาตำหนิ พ่อเพชร แม่กระแตก็มองมาที่เธอ รวมทั้งยัยกระติ๊บน้องสาวตัวดีก็จ้องเธอตาแป๋ว ทุกคนรอคอยคำตอบจากปากเธอ
“พี่โยมาส่งค่ะ”
พอทุกคนรู้ว่าใครมาส่งเธอ ก็ไม่มีใครสนใจซักไซ้ไล่เลียงอะไรอีก ต่างคนต่างก้มลงจัดการอาหารมื้อเช้าตรงหน้า และเปลี่ยนไปพูดคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเธอ เป็นครั้งแรกที่พลอยไพลินรู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นคนมาส่งเธอที่บ้าน เพราะหากภาสกรเป็นคนมาส่งเธอ มีหวังเธอได้ถูกซักฟอกจนขาวสะอาดแน่ แต่นึกแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ คนบ้าอะไรมีแต่คนไว้ใจและผู้ใหญ่ก็เอ็นดู สักวันเถอะ เธอจะกระชากหน้ากากนักบุญเขาออก จะทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงว่าเขาคือเสือร้ายปลอมตัวมา
“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที“คุณแ
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
“เรียบร้อยดีไหม”“มีปัญหานิดหน่อยครับคุณโย” วัลลภตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย ด้วยเพราะทำงานกับเจ้านายหนุ่มมานาน เขาจึงรู้ดีว่า คำว่าปัญหานั้นไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนิดหน่อยหรือใหญ่โตก็ตาม แล้วยิ่งมาเกิดกับผู้หญิงของเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง“ว่ามา” วาโยหันหลังให้คนสนิท เขาเดินห่างออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ชอบใจที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแผนการที่เขาวางไว้อย่างรัดกุม ร่างสูงสมาร์ตเดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตาได้อย่างแม่นยำ มันคือนิสัยและความเคยชินของผู้ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ชั้นสูงมาอย่างหนัก“มีคนตัดหน้า เขาให้ราคาสูงกว่าครับ” วัลลภบอกด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เขาเดินตามเจ้านายไปห่างๆ และหยุดยืนในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป“แล้วไง” วาโยถามกลับเสียงราบเรียบโดยไม่หันกลับไปมองลูกน้อง“เอ่อ...”“นายรู้ว่าต้องทำยังไง ไปทำให้สำเร็จก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่น”เป็นไปตามที่วัลล
วัลลภรับหน้าที่ขับรถของเจ้านาย นิตยานั่งเบาะด้านหน้าหน้าคู่คนขับ พลอยไพลินจำใจต้องนั่งคู่กับบอดี้การ์ดผู้อ้างว่า เขาต้องการดูแลเธออย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดในการดูแลเธอ“มีร้านไหนที่มีพลอยไซซ์นี้อีกไหมคะคุณนิด”“ไม่มีเลยค่ะคุณเต็น อย่างที่รู้กันว่าไพลินไซซ์ใหญ่ขนาดนี้แทบหาไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีที่ร้านนี้ร้านเดียวเท่านั้นค่ะ” นิตยาเบี่ยงตัวมาคุยกับเจ้านาย ผู้จัดการแผนกจัดซื้อมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะพลอยเม็ดสวยที่มั่นใจว่าจะได้กลับไปทำเครื่องประดับเพื่อส่งเข้าประกวดงานอัญมณีและเครื่องประดับประจำปี กลับเกิดมีปัญหาขึ้นมาเสียได้ อีกทั้งดีไซเนอร์ของบริษัทได้ออกแบบเครื่องประดับไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะใช้เครื่องประดับเซตนี้ส่งเข้าประกวด แต่หากไพลินเม็ดนี้หลุดลอยไป ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และอาจจะส่งเข้าประกวดไม่ทัน“แล้วเม็ดเล็กที่เราสั่งไว้ล่ะคะ เขามีปัญหาอะไรไหมคะ”“ไม่มีค่ะ เขาจัดเตรียมไว้ให้เราตามที่สั่ง พร้อมกับใบรับรองเรียบร้อยแล้วค่ะ”พลอยไพลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจไม่น้อยกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอ
พลอยไพลินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอยังไม่พร้อมจะสูญเสียความสาวในตอนนี้ พี่โยนี่ก็กระไร รุกเธอหนักเหลือเกิน เล่นเจ้าล่อเอาเถิดอยู่ได้ ทั้งที่ไม่มีอะไรชัดเจนกับเธอเลย“เต็นไม่ยอมนะ พี่โยจะมาทำกับเต็นแบบนี้ไม่ได้” น้ำเสียงสั่นๆ ตัดพ้อน้อยใจ“เต็นคิดว่าพี่จะทำอะไร” วาโยถามเสียงเข้ม ทว่าใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม“ทำ เอ่อ...”“คิดไปไกลนะเรา เดี๋ยวพี่ก็ทำตามที่เต็นคิดจริงๆซะหรอก” วาโยว่ายิ้มๆ“คิดอะไร เต็นไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย ปล่อยเต็นได้แล้วค่ะ เต็นจะไปอาบน้ำ” พลอยไพลินเปลี่ยนเรื่อง ไหนๆเธอก็ต้องจำใจอยู่กับเขาต่อ เพราะรู้ดีว่าต่อให้ยกแม่น้ำทั้งโลกมาอ้าง เขาก็ไม่มีทางพาเธอกลับแน่ๆ“ตกลงจะไม่แลก” วาโยถามเสียงทุ้ม คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกสูง สายตาคมปลาบจับจ้องดวงหน้าหวานซึ้งไม่วางตาพลอยไพลินถอนหายใจสุดแรง มองค้อนคนที่ยังคงกอดรัดเธอไว้แนบกายแกร่ง“จะนอนกี่คืนก็เรื่องของพี่โยเถอะค่ะ เต็นรู้หรอกว่า ถึงเต็นจะเอาอะไรมาแลก ถ้าพี่โยคิดจะพักที่นี่ต่อ พี่โยก็จะพัก ไม่ว่ายังไงพี่โยก็จะเอาแต่ใจ ดังนั้นจะนอนกี่คืนก็แล้วแต่เลยค่ะ นอนกันสักเดือนหนึ่งก็ได้ งา
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกระติ๊บรีบหายเร็วๆนะคะ อยู่แต่ในบ้านแบบนี้น่าเบื่อแย่เลย”“ติ๊บก็อยากหายเร็วๆค่ะ แต่แผลมันไม่เป็นใจ”“แล้วนี่คุณหมอนัดตัดไหมวันไหนคะ” ลำดวนถามขณะที่เดินกลับมา หลังจากเอาอุปกรณ์ล้างแผลไปเก็บแล้ว“ไม่ทราบค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วยิ้มแหยๆ ก็เมื่อวานเธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ไม่สนใจฟังสิ่งที่คุณหมอคุณพยาบาลบอกสักนิด“อ้าว!” ลำดวนมองหน้าคนที่นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าและแววตาของลำดวนดูงงๆ พลอยชมพูจึงรีบอธิบายต่อว่า“เอ่อ...คุณหมอเขียนใบนัดให้แล้วค่ะ ติ๊บเก็บไว้บนห้อง เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยขึ้นไปดู”“อ๋อ! ค่ะ ว่าแต่คุณกระติ๊บจะเอาอะไรอีกไหมคะ น้าจะได้ขอตัวไปพับนกกระดาษช่วยคนอื่นๆ”“ไม่ล่ะค่ะ แค่นี้ก็รบกวนน้าลำดวนมากแล้ว ว่าแต่จะพับนกกระดาษไปทำอะไรคะ”“สัปดาห์หน้าจะมีลูกค้ามาจัดงานแต่งงานที่รีสอร์ตค่ะ เขาเหมารีสอร์ตทุกหลัง เห็นว่าจัดเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้จ้างออแกไนซ์จัดงาน แล้วทีนี้ลูกค้าอยากใช้นกกระดาษตกแต่งสถานที่ คุณพบเลยจะทำให้เป็นพิเศษค่ะ”“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง งั้นติ๊บขอไปพับนกช่วยได้ไหมคะ ติ๊บอยากทำงานบ้าง นั่งอยู่เฉยๆม
“หกเดือนเหมือนเดิมก็ได้ แต่พี่ต่ายต้องบอกมาก่อนว่าคิดถึงน้องกระติ๊บคนสวยมากแค่ไหน” ยายตัวแสบของพี่ชายได้ทีรีบต่อรอง“คิดถึงที่สุดในจักรวาล พอใจหรือยัง”พลอยชมพูยิ้มกับคำตอบ ที่จริงอยากจะบอกเล่าอะไรหลายๆอย่างให้พี่ชายฟัง แต่ก็กลัวเขาจะเป็นห่วง หญิงสาวจึงทำเพียงแค่ยิ้มกับโทรศัพท์ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง เพื่อไม่ให้พี่ชายต้องกังวลใจ“ติ๊บรักพี่ต่ายนะคะ แล้วก็คิดถึงที่สุดในจักรวาลเหมือนกันค่ะ” พลอยชมพูคิดถึงพี่ชายจริงๆ ยิ่งเวลาเจ็บตัวแบบนี้ เธออยากอ้อนอยากให้พี่มาดูแล ถ้าพี่กระต่ายรู้ว่าเธอเจ็บขนาดนี้ พี่ชายของเธอคงรีบมารับกลับบ้านแน่ๆ ดังนั้น เธอจะให้พี่กระต่ายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด“ถ้าคิดถึงกันขนาดนั้น ให้ผมไปส่งที่กรุงเทพไหม” พบรักว่าขณะที่วางร่างบางลงบนโซฟาในห้องโถงของบ้าน“ไปส่งทำไมคะ เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” พลอยชมพูนิ่วหน้ามองเจ้านายด้วยความแปลกใจ“ก็ไม่รู้สิ” พบรักยักไหล่ ถ้าจะบอกว่าอาการของเขาตอนนี้เหมือนคนเหม็นความรัก เขายอมรับเลยว่าใช่“คู่รักห่างกันแค่วันสองวันก็คงตรอมใจ” เมื่อวางหญิงสาวลงเรียบร้อยแล้ว พบรักก็ผ
“คุณต้องไปโรงพยาบาล ต้องเย็บแผล ต้องฉีดยา ถ้าไม่เชื่อฟังกันก็กลับบ้านไปเลย ผมไม่จ้างคนขี้กลัวไร้เหตุผลทำงานด้วย”“อื้อ! ฮึกๆ” สองมือของพลอยชมพูขยุ้มเสื้อเชิ้ตช่วงอกของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงไว้แน่น หญิงสาวซุกหน้ากับอกกว้าง หลับตาปี๋ น้ำตาไหลตลอดเวลา จนเสื้อของคนที่เธออาศัยซุกหน้าอยู่เปียกปอน หญิงสาวสะดุ้งทุกครั้งที่คุณหมอลงเข็มเย็บแผลให้สดๆ เพราะเธอปฏิเสธการฉีดยาชา หญิงสาวให้เหตุผลว่า ถ้าฉีดยาชาก็เท่ากับว่าเธอต้องถูกหมอแทงเข็มเพิ่มอีกหนึ่งเข็ม“หมอเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้วนะครับ เดี๋ยวพยาบาลจะมาฉีดยาบาดทะยักให้ คุณจำไม่ได้ว่าเคยฉีดวัคซีนบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไร ดังนั้นจะต้องฉีดยาสามเข็มนะครับ เข็มแรกวันนี้ แล้วอีกหนึ่งเดือนให้มาฉีดเข็มที่สอง ส่วนเข็มที่สามให้มาฉีดหลังจากฉีดเข็มที่สองไปแล้วหกเดือนนะครับ หมอจะเขียนใบนัดให้นะครับ”คนกลัวเข็มช็อกซีนีม่าไปตั้งแต่ที่หมอบอกว่าต้องฉีดยาตั้งสามเข็มแล้ว พลอยชมพูไม่มีกะจิตกะใจฟังหรอกว่าคุณหมอพูดอะไรบ้าง หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกกว้าง ส่ายหน้าไปมาเร็วๆ ที่จริงอยากกรีดร้องโหยหวนออกมาให้สาแก่ใจด้วยซ้ำ ถ้าไ
“ค่ะ น้าจบบอกว่าจะแวะมารับค่ะ” พลอยชมพูบอกแล้วนั่งลงบนเสื่อ“ไปกับผมก็ได้ จะพาไปแนะนำให้พนักงานในห้องครัวรู้จักด้วย”“ได้ค่ะ คุณพบรอแป๊บนะคะ ติ๊บขอไปใส่รองเท้าก่อน” ร่างสมส่วนรีบลุกขึ้นเดินเท้าเปล่ากระย่องกระแย่งเพื่อไปสวมรองเท้าที่ถอดอยู่ไกลๆ พบรักมองตามแล้วส่ายหน้า กะเปิ๊บกะป๊าบแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หกล้มเหมือนตอนนั้นอีกหรอก“โอ๊ย!” เสียงอุทานของหญิงสาวกับการทรุดตัวลงนั่งทันทีทำให้พบรักที่มองตามหญิงสาวทุกฝีก้าวรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ“เป็นอะไร” ชายหนุ่มนั่งลงใกล้ๆแล้วถามน้ำเสียงติดดุ เพราะเขาคิดว่าเธอเดินไม่ระวัง“เหยียบอะไรก็ไม่รู้ค่ะ” พลอยชมพูนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นดินร้อนระอุ หญิงสาวหงายฝ่าเท้าขึ้นมาดู เลือดสีแดงสดเลอะเต็มฝ่าเท้าขาวๆ ทั้งมีเศษดิน เศษใบไม้ และมีเศษขี้วัวติดอยู่ด้วยพบรักกวาดสายตามองบริเวณที่หญิงสาวนั่งอยู่ แล้วเขาก็พบเศษแก้วชิ้นใหญ่อยู่ใกล้ๆ แถมยังมีรอยเลือดติดอยู่เล็กน้อยด้วย“เหยียบเศษแก้ว แผลน่าจะลึกพอสมควร” ชายหนุ่มคาดคะเนเอาจากเลือดที่ไหลออกมาค่อนข้างเยอะ พอเขาเงยขึ้นมองหน้าคนเหยียบเศษแก้วก็เห็นเธอทำหน้าตาบิดเบ้ น้ำตาร
สายลมเย็นพัดโชยมาเอื่อยๆ จากที่คิดว่าจะนอนเล่นๆ พอได้เหยียดตัวนิดหน่อย ดวงตาคู่สุกใสก็เริ่มหรี่ปรือลงจนเกือบปิด แต่แล้วก็ต้องเบิกกว้างขึ้นทันทีเพราะเสียงห้าวที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ“นี่มาทำงานหรือว่ามาพักผ่อนกันแน่”พลอยชมพูดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ด้วยสายตาไม่พอใจเท่านัก เขาจะพูดดีๆไม่ได้หรือยังไงนะ ทำไมต้องตะคอกเสียงดังด้วย นี่ถ้าเกิดเธอเป็นโรคหัวใจอยู่นะ ป่านนี้คงหัวใจวายตายไปแล้ว“มาทำงานค่ะ งานเสร็จแล้วเลยมานั่งพัก”“ที่เห็นเมื่อกี้เรียกนั่ง?”กรามเล็กขบกันดังกึก อยากเถียงใจจะขาด แต่ก็ได้แต่ท่องเอาไว้ในใจว่าเขาคือเจ้านาย คือคนที่เธอมาขอทำงานด้วย เขาเป็นคนจ่ายค่าแรงตลอดหกเดือนที่เธอจะไม่ได้รับเงินเดือนจากพี่ชาย เพราะพี่กระต่ายอ้างว่าหากไม่อยู่ทำงานที่บริษัทด้วย ก็จะไม่จ่ายเงินเดือนให้ เงินเก็บส่วนอื่นก็ห้ามเบิกมาใช้ และห้ามขอเงินคุณพ่อคุณแม่เด็ดขาด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และสมุดบัญชีเงินฝากทุกประเภทในนามเธอ ถูกพี่กระต่ายยึดไว้หมดเลย แต่พี่ชายแสนดีของเธอก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง ด้วยการให้เงินสดติดตัวมาหนึ่งหมื
น้ำเสียงสดใสกังวานทว่าสุภาพอย่างที่ผู้มีอายุน้อยกว่าพึงใช้กับผู้ใหญ่ ทั้งยิ้มหวานและแววตาจริงใจ กอปรกับใบหน้าอ่อนใสน่ารักของหญิงสาว ทำให้ลำดวนนึกเอ็นดูลูกจ้างคนใหม่ของเจ้านายจนหมดใจ“ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ เสร็จแล้วพี่จบจะมารับไปทำงานนะคะ”“ค่ะ” พลอยชมพูรับคำกระตือรือร้น เธอจะได้เริ่มทำงานจริงจังแล้ว งานที่ออกจากกรอบเดิมๆที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก แค่คิดก็สนุกแล้ว“เอ่อ...ทำปุ๋ยคอกหมักหรือคะ” พลอยชมพูถามคนที่ขับรถกระบะพาเธอมาถึงโรงเรือนเพาะชำกล้าไม้ของรีสอร์ต ซึ่งอยู่เกือบสุดเขตพื้นที่รีสอร์ตห้าสิบกว่าไร่“ใช่ครับ วันนี้คุณพบบอกว่าให้คุณกะติ๊บเริ่มทำงานในสวนเป็นลำดับแรกครับ” ประจบบอกขณะที่เดินนำลูกจ้างคนใหม่ไปยังบริเวณที่เตรียมวัสดุอุปกรณ์ทำปุ๋ยคอกหมักไว้แล้ว“แล้วทำไมเราต้องหมักด้วยล่ะคะ ปุ๋ยคอกพอได้มาแล้วก็เอาไปใส่แปลงผักหรือต้นไม้เลยไม่ได้หรือคะ” “ปุ๋ยคอกสดๆยังเอาไปใช้ไม่ได้ครับ เพราะมันยังไม่ผ่านกระบวนการย่อยสลาย เวลาเราเอาปุ๋ยคอกสดๆไปใส่ต้นไม้เลย จุลินทรีย์ในดินจะดึงไนโตรเจนจากต้นไม้มาช่วยในการย่อยสลายปุ๋ยคอก แท
“เดี๋ยวลำดวนไปเอายาดมมาให้นะคะ เผื่อจะดีขึ้น คุณรอสักครู่นะคะ”ลำดวนลุกไปแล้ว จึงเหลือเพียงสองหนุ่มสาว พบรักถอนใจแรง มองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาดูแคลนพลอยชมพูนึกโมโหร่างกายตัวเอง น่าขายหน้าชะมัด กะอีแค่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงกับต้องเมารถ ยิ่งพอเหลือบตาขึ้นสบสายตาคนตัวโตที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว หญิงสาวก็ชักฉุน เขาต้องกำลังเยาะเย้ยเธออยู่ในใจแน่ๆ คนอย่างพลอยชมพูเสียอะไรไม่ว่า แต่จะเสียหน้าไม่ได้นะ“จะไปไหน” เมื่อเห็นคนตัวเล็กขยับทำท่าจะลุกขึ้น พบรักจึงเอ่ยถามเสียงเข้ม ก็เห็นบอกว่าเวียนหัว ยังจะลุกขึ้นอีก ไม่รู้จักเจียมสังขารตัวเองบ้างเลย“จะไปห้องพักค่ะ อยู่ทางไหนคะ” พลอยชมพูฝืนลุกขึ้นยืนทั้งที่เวียนหัว ตาพร่ามัว มองเห็นภาพเบลอทับซ้อนไปหมด แต่ถ้าให้เธอเลือกระหว่างฝืนเดินไปพักผ่อนที่ห้องพัก กับนั่งอยู่ตรงนี้ให้เขามองด้วยสายตาสมเพชเวทนา เธอขอเลือกอย่างแรกดีกว่า“อยู่ชั้นบน เดินไหวหรือ” น้ำเสียงเยาะเย้ยอยู่ในทีทำให้คนเมารถมีแรงฮึดพลอยชมพูไม่ตอบ หญิงสาวมองไปยังบันไดที่อยู่ไม่ไกล เธอเดินช้าๆตรงไปยังจุดหมาย
“จับดีๆ ระวังตก” พบรักคร้านจะเถียงกับคนปากดีแล้ว เพราะตั้งแต่ค่ำมานี่เขาวุ่นวายแต่กับเธอคนเดียวจนไม่เป็นอันต้องทำอะไร“ว้าย!” พลอยชมพูรีบโน้มตัวไปกอดคนขับแทบไม่ทัน เมื่อคนที่เพิ่งบอกเธอว่าให้จับดีๆขับรถออกตัวอย่างรวดเร็วจนเธอแทบหงายหลัง หญิงสาวเกร็งไปทั้งตัว เธอกลัวตก กลัวเขาจะพารถล้ม เรียวขาเสลาหนีบแนบอยู่กับต้นขาแกร่งทั้งสองข้าง เธอรับรู้ถึงการขยับของกล้ามเนื้อต้นขาในตอนที่เขาเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้ง ยิ่งเขาเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็กอดกระชับเขาแน่นยิ่งขึ้นเช่นกัน สองร่างแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของกันและกัน ทว่าพลอยชมพูไม่คิดใส่ใจ หญิงสาวแนบแก้มกับแผ่นหลังกว้าง หลับตาปี๋ไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้น ในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้กลับถึงรีสอร์ตอย่างปลอดภัยใช้เวลาสิบห้านาทีพบรักก็พาคนงานใหม่กลับมาถึงรีสอร์ต ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อกออก แล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนเบี่ยงหน้าไปบอกคนที่ยังคงนั่งกอดเอวเขาไว้แน่น แม้ว่าเขาจะจอดรถและดับเครื่องแล้วก็ตาม“ลงไปได้แล้ว”เสียงห้วนติดดุทำให้พลอยชมพูลืมตาขึ้นทีละข้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อเห็นภาพวิวทิวทัศน์ชัดเจน ไม่ได้เป็นภา
พลอยชมพูนั่งรอจนถึงสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีรถมารับ หญิงสาวเริ่มกระวนกระวาย มองซ้ายขวาด้วยความระแวง แสงไฟนีออนหลอดเดียวภายในเพิงพักที่ติดๆดับๆยิ่งทำให้เธอขวัญผวา ผู้คนเริ่มบางตาจนแทบไม่เหลือใคร แม่ค้าแม่ขายเข็นรถกลับบ้านไปจนหมดแล้ว ตึกแถวขนาดสี่คูหาที่มีร้านขายของชำเล็กๆเพียงร้านเดียวก็เลื่อนประตูเหล็กปิดหนีเธอไปแล้วด้วย มือเรียวสวยล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือ พลอยชมพูตัดสินใจโทรหาพบรักอีกครั้ง เธอไม่ได้คิดจะเร่งเขา แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ลืมที่รับปากเธอไว้ว่าจะส่งคนมารับเธอที่นี่ หญิงสาวโทรหาเขาถึงสามครั้ง ทว่าคนที่เธอโทรหากลับไม่ยอมรับสาย ใบหน้าน่ารักเริ่มฉายแววกังวลชัดเจนขึ้น ขณะที่หญิงสาวนั่งรอนายจ้างส่งคนมารับอยู่ด้วยความเป็นกังวลอยู่นั้น ก็มีจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงแต่งท่อให้มีเสียงดังเกินที่กฎหมายกำหนดแล่นผ่านเพิงพักผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว แต่เพียงครู่เดียวมันก็วกกลับมาจอดตรงหน้าเธอ สัญชาตญาณระวังภัยทำให้พลอยชมพูกอดกระเป๋าเป้ใบใหญ่แนบอกแล้วรีบลุกขึ้นยืนท