“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด
“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน
“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้
“เก่งเกินไปแล้วนะ”
พลอยไพลินก้มหน้างุด เขินอายที่เผลอตอบสนองเขาไปอย่างร่านร้อน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกครั้งที่ถูกเขาจูบ เธอหลงลืมตัว ปล่อยกายปล่อยใจไปจนถึงจุดที่เธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ บ่อยครั้งที่หากว่าเขาไม่หยุด เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะไปจบลงตรงไหน
“เต็นอยากกลับบ้านแล้ว” เสียงหวานเอ่ยเบาแผ่ว
“ครับ” วาโยตัดใจคลายวงแขนออกจากเอวคอด ชายหนุ่มช่วยพยุงร่างนุ่มหอมกรุ่นไปนั่งเบาะเดิม แล้วโน้มตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” พลอยไพลินกล่าวขอบคุณเสียงเบาหวิว ทว่าคนที่คาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเรียบร้อยแล้ว กลับไม่มีท่าทีว่าจะขยับพาตัวเองไปนั่งดังเดิม เขายังคงโน้มตัวอยู่ใกล้เธอ แขนข้างหนึ่งพาดบนพนักพิงที่เธอนั่งอยู่ ใบหน้าอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบ ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ ใช้นิ้วเรียวในแบบผู้ชายเชยคางเล็กขึ้นมาให้เธอมองสบตากัน
“ทีหลังอย่าดื้อ” พลอยไพลินสบสายตาคู่คมดุ แล้วพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
“...พี่หวง” วาโยย้ำชัดหนักแน่น หญิงสาวพยักหน้าอีกครั้ง รับรู้กับคำว่าหวงที่เขาบอก
วาโยขยับนั่งตัวตรง ค่อยๆบังคับพวงมาลัยรถเคลื่อนตัวออกถนน มุ่งหน้าสู่บ้านที่หญิงสาวร่ำร้องอยากกลับตั้งนานแล้ว ชายหนุ่มพยายามตัดใจไม่หันไปมองคนที่เอาแต่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ เพราะกลัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวจะอดใจไม่ไหว จนต้องจอดรถข้างทาง แล้วคว้าเธอเข้ามากอดมาจูบซ้ำอีกครั้ง
พลอยไพลินลอบถอนหายใจเบาๆ เธอไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงยอมให้เขาทำกับเธอถึงขนาดนี้ สถานะระหว่างเธอกับเขานั้นคลุมเครือนัก พี่โยไม่เคยบอกอะไรกับเธอมากไปกว่าการย้ำคำว่าหวง และการแสดงออกว่าหวงของเขาก็มักจะทำให้เธอเสียเปรียบอยู่ร่ำไป กระนั้นเธอก็ไม่เคยปริปากฟ้องใครว่าเธอถูกเขารังแกหรือเอาเปรียบ หากจะถามหาเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรนั้น เธอก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย
“เมื่อคืนใครมาส่งอ่ะพี่เต็น” พลอยชมพูถามพี่สาวขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้น ซึ่งวันนี้เป็นวันหยุดพอดี สมาชิกในครอบครัวจึงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา คำถามของน้องสาวทำให้สายตาทุกคู่หันไปจับจ้องที่ลูกสาวคนรองของบ้านทันที
พลอยไพลินเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวต้มตรงหน้า หญิงสาวยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนยกเว้นแม่กระติ๊บตัวดี น้องสาววัยยี่สิบสามปีผู้เปิดประเด็นร้อนบนโต๊ะอาหาร พลอยชมพูรีบก้มหน้าหลบทันทีที่ถูกพี่สาวมองด้วยสายตาดุ
“เมื่อคืนกลับดึกอีกแล้วเหรอเต็น” เสียงเข้มของพ่อเพชรทำให้พลอยไพลินยิ้มแหย
“ไม่ดึกค่ะ เต็นถึงบ้านตอนสี่ทุ่ม”
“ไม่ได้ขับรถกลับมาเองเหรอลูก” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แววตาและน้ำเสียงเป็นกังวล คนเป็นแม่คอยบอกคอยสอนอยู่เสมอว่า เป็นลูกผู้หญิงนั้นต้องระวังตัวให้มาก พลาดพลั้งมาแล้วอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต แต่ดูเหมือนลูกสาวจะไม่ใส่ใจคำสอนเอาเสียเลย
“เต็นจอดรถไว้ที่บริษัทค่ะ ให้เพื่อนไปรับพาไปกินข้าวแล้วก็ฟังเพลงนิดหน่อย”
“เพื่อนคนไหน” พี่กระต่ายน้อยซักไซ้ทันที เพื่อนบางคนของน้องสาวไม่น่าไว้ใจสำหรับพี่ชายอย่างเขา
“พี่กรค่ะ” แม่นกกระเต็นน้อยตอบพี่ชายเสียงอ่อย เพราะพี่ชายไม่ชอบให้เธอไปไหนมาไหนกับผู้ชายตอนกลางคืนเท่าไรนัก คราวนี้โดนเอ็ดหูชาแน่ๆ
“ไอ้กรมาส่งเหรอ” เพชรนิลรุกถามเสียงเข้ม พลอยไพลินยิ้มแจกจ่ายให้ทุกคนอีกครั้ง คุณปู่ประภาส กับคุณย่าแพรวพรรณนั่งเงียบ แต่ทั้งสองท่านมองหลานสาวด้วยสายตาตำหนิ พ่อเพชร แม่กระแตก็มองมาที่เธอ รวมทั้งยัยกระติ๊บน้องสาวตัวดีก็จ้องเธอตาแป๋ว ทุกคนรอคอยคำตอบจากปากเธอ
“พี่โยมาส่งค่ะ”
พอทุกคนรู้ว่าใครมาส่งเธอ ก็ไม่มีใครสนใจซักไซ้ไล่เลียงอะไรอีก ต่างคนต่างก้มลงจัดการอาหารมื้อเช้าตรงหน้า และเปลี่ยนไปพูดคุยเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเธอ เป็นครั้งแรกที่พลอยไพลินรู้สึกขอบคุณที่เขาเป็นคนมาส่งเธอที่บ้าน เพราะหากภาสกรเป็นคนมาส่งเธอ มีหวังเธอได้ถูกซักฟอกจนขาวสะอาดแน่ แต่นึกแล้วก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ คนบ้าอะไรมีแต่คนไว้ใจและผู้ใหญ่ก็เอ็นดู สักวันเถอะ เธอจะกระชากหน้ากากนักบุญเขาออก จะทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงว่าเขาคือเสือร้ายปลอมตัวมา
“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที“คุณแ
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
“เรียบร้อยดีไหม”“มีปัญหานิดหน่อยครับคุณโย” วัลลภตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย ด้วยเพราะทำงานกับเจ้านายหนุ่มมานาน เขาจึงรู้ดีว่า คำว่าปัญหานั้นไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนิดหน่อยหรือใหญ่โตก็ตาม แล้วยิ่งมาเกิดกับผู้หญิงของเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง“ว่ามา” วาโยหันหลังให้คนสนิท เขาเดินห่างออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ชอบใจที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแผนการที่เขาวางไว้อย่างรัดกุม ร่างสูงสมาร์ตเดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตาได้อย่างแม่นยำ มันคือนิสัยและความเคยชินของผู้ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ชั้นสูงมาอย่างหนัก“มีคนตัดหน้า เขาให้ราคาสูงกว่าครับ” วัลลภบอกด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เขาเดินตามเจ้านายไปห่างๆ และหยุดยืนในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป“แล้วไง” วาโยถามกลับเสียงราบเรียบโดยไม่หันกลับไปมองลูกน้อง“เอ่อ...”“นายรู้ว่าต้องทำยังไง ไปทำให้สำเร็จก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่น”เป็นไปตามที่วัลล
วัลลภรับหน้าที่ขับรถของเจ้านาย นิตยานั่งเบาะด้านหน้าหน้าคู่คนขับ พลอยไพลินจำใจต้องนั่งคู่กับบอดี้การ์ดผู้อ้างว่า เขาต้องการดูแลเธออย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดในการดูแลเธอ“มีร้านไหนที่มีพลอยไซซ์นี้อีกไหมคะคุณนิด”“ไม่มีเลยค่ะคุณเต็น อย่างที่รู้กันว่าไพลินไซซ์ใหญ่ขนาดนี้แทบหาไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีที่ร้านนี้ร้านเดียวเท่านั้นค่ะ” นิตยาเบี่ยงตัวมาคุยกับเจ้านาย ผู้จัดการแผนกจัดซื้อมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะพลอยเม็ดสวยที่มั่นใจว่าจะได้กลับไปทำเครื่องประดับเพื่อส่งเข้าประกวดงานอัญมณีและเครื่องประดับประจำปี กลับเกิดมีปัญหาขึ้นมาเสียได้ อีกทั้งดีไซเนอร์ของบริษัทได้ออกแบบเครื่องประดับไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะใช้เครื่องประดับเซตนี้ส่งเข้าประกวด แต่หากไพลินเม็ดนี้หลุดลอยไป ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และอาจจะส่งเข้าประกวดไม่ทัน“แล้วเม็ดเล็กที่เราสั่งไว้ล่ะคะ เขามีปัญหาอะไรไหมคะ”“ไม่มีค่ะ เขาจัดเตรียมไว้ให้เราตามที่สั่ง พร้อมกับใบรับรองเรียบร้อยแล้วค่ะ”พลอยไพลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจไม่น้อยกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอ
“ทำไมต้องเป็นเต็นด้วยล่ะพี่ต่าย ให้คนอื่นไปไม่ได้เหรอ” “ไม่ได้!” เสียงเข้มดุของพี่ชายที่เกิดก่อนเกือบสี่ปีทำให้พลอยไพลินหน้าหงิกงอลงทันที หญิงสาวลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวใหญ่ไปหยุดยืนข้างพี่ชาย ผู้ซึ่งเอาแต่ก้มหน้าสนใจงานในมือ ไม่สนใจว่าน้องสาวจะพอใจหรือไม่พอใจกับงานที่เขามอบหมายให้ พลอยไพลินนั่งคุกเข่าลงบนพื้น สองมือเกาะพนักเก้าอี้ตัวใหญ่ไว้แน่น หญิงสาวเงยหน้ากะพริบตาปริบๆมองพี่ชาย ดวงตาเป็นประกายวิ้งๆ ริมฝีปากจิ้มลิ้มยื่นน้อยๆ และปั้นหน้าเศร้าให้ดูน่าสงสาร “พี่กระต่ายขา...” เสียงอ้อนหวานเจี๊ยบจนน่าขนลุกทำให้เพชรนิลมองน้องสาวอย่างไม่ไว้วางใจ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายกมือขึ้นกอดอก แล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้หลุบตามองคนลงทุนคุกเข่าอ้อนด้วยสายตาไม่เชื่อถือ “อย่ามาอ้อนเสียให้ยาก พี่ไม่ใจอ่อนหรอก” เพชรนิลบอกเสียงเข้ม แล้วขยับนั่งตัวตรงตามเดิม สายตาคมจ้องมองงานบนหน้าจอโน้ตบุ๊กตรงหน้า ไม่ชำเลืองแม้หางตาดูน้องสาวที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน “พี่กระต่ายขา...” พลอยไพลินยังคงเกาะพนักเก้าอี้ไว้ไม่ยอมปล่อย ห
วัลลภรับหน้าที่ขับรถของเจ้านาย นิตยานั่งเบาะด้านหน้าหน้าคู่คนขับ พลอยไพลินจำใจต้องนั่งคู่กับบอดี้การ์ดผู้อ้างว่า เขาต้องการดูแลเธออย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดในการดูแลเธอ“มีร้านไหนที่มีพลอยไซซ์นี้อีกไหมคะคุณนิด”“ไม่มีเลยค่ะคุณเต็น อย่างที่รู้กันว่าไพลินไซซ์ใหญ่ขนาดนี้แทบหาไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีที่ร้านนี้ร้านเดียวเท่านั้นค่ะ” นิตยาเบี่ยงตัวมาคุยกับเจ้านาย ผู้จัดการแผนกจัดซื้อมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะพลอยเม็ดสวยที่มั่นใจว่าจะได้กลับไปทำเครื่องประดับเพื่อส่งเข้าประกวดงานอัญมณีและเครื่องประดับประจำปี กลับเกิดมีปัญหาขึ้นมาเสียได้ อีกทั้งดีไซเนอร์ของบริษัทได้ออกแบบเครื่องประดับไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะใช้เครื่องประดับเซตนี้ส่งเข้าประกวด แต่หากไพลินเม็ดนี้หลุดลอยไป ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และอาจจะส่งเข้าประกวดไม่ทัน“แล้วเม็ดเล็กที่เราสั่งไว้ล่ะคะ เขามีปัญหาอะไรไหมคะ”“ไม่มีค่ะ เขาจัดเตรียมไว้ให้เราตามที่สั่ง พร้อมกับใบรับรองเรียบร้อยแล้วค่ะ”พลอยไพลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจไม่น้อยกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอ
“เรียบร้อยดีไหม”“มีปัญหานิดหน่อยครับคุณโย” วัลลภตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย ด้วยเพราะทำงานกับเจ้านายหนุ่มมานาน เขาจึงรู้ดีว่า คำว่าปัญหานั้นไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนิดหน่อยหรือใหญ่โตก็ตาม แล้วยิ่งมาเกิดกับผู้หญิงของเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง“ว่ามา” วาโยหันหลังให้คนสนิท เขาเดินห่างออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ชอบใจที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแผนการที่เขาวางไว้อย่างรัดกุม ร่างสูงสมาร์ตเดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตาได้อย่างแม่นยำ มันคือนิสัยและความเคยชินของผู้ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ชั้นสูงมาอย่างหนัก“มีคนตัดหน้า เขาให้ราคาสูงกว่าครับ” วัลลภบอกด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เขาเดินตามเจ้านายไปห่างๆ และหยุดยืนในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป“แล้วไง” วาโยถามกลับเสียงราบเรียบโดยไม่หันกลับไปมองลูกน้อง“เอ่อ...”“นายรู้ว่าต้องทำยังไง ไปทำให้สำเร็จก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่น”เป็นไปตามที่วัลล
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที“คุณแ
“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้“เก่งเ
กรี๊ด! ที่ไหนก็ไม่ได้ คนหน้ามึน คนเอาแต่ใจ ตัวไม่ใช่แฟนเค้านะ จะมาจูบเค้าเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้ พลอยไพลินกรีดร้องอยู่ในใจ เธอเป็นสาวมั่น ออกจะก๋ากั่นในสายตาคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลับกลายเป็นสาวน้อยไร้ความมั่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา พี่โยทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้เธอหงอ จนพ่อแม่พี่น้องหรือใครๆต่างก็คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่เก่งทำให้เธอเชื่อฟังได้ ขนาดพี่ชายแท้ๆของเธอยังยอมให้เขาจัดการเธอได้ตามแต่เห็นสมควรเลย ทุกคนเชื่อใจเขาจนเธอหมั่นไส้ เธออยากจะเปิดโปงความจริงว่าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี เขาเป็นพี่ชายที่คิดไม่ซื่อกับน้องสาวอย่างเธอต่างหาก“พี่โยขยับไปนั่งดีๆสิคะ จะมานั่งเบียดเต็นทำไม” แม้ในใจจะเดือดปุดๆ แต่พลอยไพลินพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พูดกับเขาดีๆ“จุ๊บพี่ทีหนึ่งก่อน แล้วพี่จะยอมทำตามที่เต็นบอก”“พี่โย!” พลอยไพลินถอนหายใจออกมาสุดแรง อยากจะเลื่อนมือขึ้นไปบีบคอเขานักวาโยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เขายิ้มกรุ้มกริ่ม รอคอยด้วยความมั่นใจว่า หญิงสาวไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเขาแน่นอนพลอยไพลินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าใกล้ แล้วจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนเอาแต่ใจห