กรี๊ด! ที่ไหนก็ไม่ได้ คนหน้ามึน คนเอาแต่ใจ ตัวไม่ใช่แฟนเค้านะ จะมาจูบเค้าเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้ พลอยไพลินกรีดร้องอยู่ในใจ เธอเป็นสาวมั่น ออกจะก๋ากั่นในสายตาคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลับกลายเป็นสาวน้อยไร้ความมั่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา พี่โยทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้เธอหงอ จนพ่อแม่พี่น้องหรือใครๆต่างก็คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่เก่งทำให้เธอเชื่อฟังได้ ขนาดพี่ชายแท้ๆของเธอยังยอมให้เขาจัดการเธอได้ตามแต่เห็นสมควรเลย ทุกคนเชื่อใจเขาจนเธอหมั่นไส้ เธออยากจะเปิดโปงความจริงว่าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี เขาเป็นพี่ชายที่คิดไม่ซื่อกับน้องสาวอย่างเธอต่างหาก
“พี่โยขยับไปนั่งดีๆสิคะ จะมานั่งเบียดเต็นทำไม” แม้ในใจจะเดือดปุดๆ แต่พลอยไพลินพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พูดกับเขาดีๆ
“จุ๊บพี่ทีหนึ่งก่อน แล้วพี่จะยอมทำตามที่เต็นบอก”
“พี่โย!” พลอยไพลินถอนหายใจออกมาสุดแรง อยากจะเลื่อนมือขึ้นไปบีบคอเขานัก
วาโยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เขายิ้มกรุ้มกริ่ม รอคอยด้วยความมั่นใจว่า หญิงสาวไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเขาแน่นอน
พลอยไพลินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าใกล้ แล้วจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนเอาแต่ใจหนึ่งที คนถูกจุ๊บยิ้มน้อยๆ ดวงตาคู่คมเป็นประกายวาววามมีความสุข ริมฝีปากนุ่มๆเหมือนยาชูกำลัง ทำให้เขาหายเหนื่อยล้าจากการงานได้เป็นอย่างดี
“เด็กดีของพี่” วาโยหอมแก้มเนียนเบาๆให้รางวัลเด็กดี ก่อนเขยิบห่างออกมาเพียงเล็กน้อย เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองคนที่ถูกเขามอบรางวัลให้อย่างอารมณ์ดี
“เอาเปรียบตลอดเลย” พลอยไพลินบ่นอุบ หญิงสาวทำปากยื่น ชำเลืองตามองพ่อเสือหนุ่มรูปหล่ออย่างไม่ไว้ใจ
กว่าคนที่ต้องการกำลังใจในการรับประทานอาหารจะอิ่มหมีพีมันสมอุรา คนที่ต้องนั่งเป็นกำลังใจให้ก็ถอนหายใจทิ้งไปหลายรอบ ไหนจะต้องคอยระวังมือไม้แสนซนของเขาอีก เดี๋ยวจับมือถือแขน เดี๋ยวแตะแก้มแตะหน้าผาก หนักเข้าก็โอบเอวเธอกอดไว้หลวมๆหน้าตาเฉย
“อยากไปเที่ยวไหนต่อไหม” พ่อบุญทุ่มถามอย่างใจป้ำ ขณะที่รอพนักงานมาเก็บค่าอาหารและเครื่องดื่ม พลอยไพลินส่ายหน้าเร็วๆแทนคำตอบ
“ดึกแล้ว เต็นอยากกลับบ้านค่ะ”
“เพิ่งสามทุ่มเองนะ ปกติกลับดึกกว่านี้ไม่ใช่เหรอ” คนรู้ทันถามดักคอ เขารู้ว่าหญิงสาวชอบพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ เธอกลับบ้านดึกประจำ แม้เขาไม่ได้ตามติดเธอทุกฝีก้าว แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้เธอคลาดสายตา เขาสั่งการให้ทีมงานบอดี้การ์ดฝีมือดีในบริษัททีมหนึ่งทำหน้าที่ติดตามและดูแลเธออยู่ห่างๆมานานแล้ว
“เต็นเป็นเด็กดีแล้ว ไม่กลับดึกแล้วค่ะ” พลอยไพลินรีบแย้ง จะไม่ให้เธอเป็นเด็กดีได้อย่างไร ในเมื่อเขาชอบอ้างเอาเรื่องที่เธอกลับดึกมาเป็นข้อหาในการลงโทษเธออยู่ร่ำไป ครั้งล่าสุดที่เธอท้าทายคำสั่งเขาด้วยการออกไปย่ำราตรีจนล่วงเข้าวันใหม่ เขาก็ตามไปพาตัวเธอออกมาจากผับหรูท่ามกลางสายตาของเพื่อนฝูงหลายคน เขาพาเธอไปส่งที่บ้านก็จริง แต่กว่าเธอจะกลับถึงบ้านในคืนนั้น เธอก็ต้องโดนเขาจูบลงทัณฑ์จนแทบละลายคาอกกว้าง
“ไม่เลย เต็นยังเป็นเด็กดื้ออยู่เหมือนเดิม เต็นขัดคำสั่งพี่”
“มะ...ไม่ได้ขัดคำสั่งสักหน่อย” พลอยไพลินร้อนๆหนาวๆกับสายตาดุที่มองมา เมื่อกลางวันเธอมัวแต่งอนพี่ชายที่เขามอบหมายให้เธอทำงานที่ไม่อยากทำ จนลืมไปว่าพี่โยสั่งห้ามไม่ให้เธอไปไหนมาไหนสองต่อสองกับผู้ชายคนอื่น
“จริงเหรอ ไม่ได้ขัดคำสั่งพี่จริงเหรอครับ” วาโยถามย้ำ เขายิ้มน้อยๆ พลอยไพลินรู้ดีว่า นี่คือยิ้มร้ายของซาตาน เป็นยิ้มพึงพอใจที่จะได้ทำโทษเธออีกแล้ว
“กะ...ก็ไม่จริงค่ะ” เถียงไปก็เข้าเนื้อ พลอยไพลินจึงก้มหน้ายอมจำนน
หลังจากชำระค่าอาหารและเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้ว วาโยคว้าเอามือนุ่มมาจับไว้ไม่ยอมปล่อย เขาพาหญิงสาวเดินกลับไปยังรถ เปิดประตูให้เธอขึ้นไปนั่งเบาะผู้โดยสารข้างคนขับก่อน พลอยไพลินขืนตัวเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าหากขึ้นไปนั่งบนรถแล้วจะเกิดอะไรขึ้น หญิงสาวหันมามองสบตาเจ้าของรถด้วยสายตาเว้าวอน
“อย่าดื้อครับ” วาโยบอกเสียงนุ่มทุ้ม ขัดกับสายตาคมดุที่มองหญิงสาว
พลอยไพลินร้องไห้โฮอยู่ในใจ กระนั้นก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี เชื่อฟังเขาดีๆ โทษหนักอาจจะกลายเป็นเบาก็ได้ หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อประตูรถปิดลง รู้งี้ไม่โทรเรียกนายภาสกรอะไรนั่นให้มารับไปกินข้าวหรอก...ไม่น่าเลย
“เด็กดื้อต้องทำยังไง” วาโยเอ่ยถามเสียงราบเรียบ เมื่อเข้ามานั่งประจำที่คนขับ ปิดล็อกประตูและสตาร์ตรถเรียบร้อย
พลอยไพลินมองเขาด้วยดวงตาตื่น หญิงสาวเหลียวมองรอบกายอย่างหวาดหวั่น บริเวณลานจอดรถมีเพียงแสงสลัวประกอบกับกระจกติดฟิล์มกรองแสงเกือบทึบรอบคัน ให้ความรู้สึกเหมือนห้องพิพากษาเด็กดื้ออย่างไรอย่างนั้น
“เต็นยอมรับว่าขัดคำสั่งพี่โย เต็นสมควรได้รับการลงโทษ แต่ครั้งนี้ขอละเว้นไปก่อนได้ไหมคะ” พลอยไพลินอ้อนเสียงหวาน ทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำระรัวแรงอยู่ในอก
“ไม่ได้หรอก เต็นดื้อมาก ขืนพี่ละเว้นโทษคราวนี้ เต็นอาจจะเหลิงจนลืมว่าพี่เคยสั่งไว้ว่ายังไง”
“พี่โย!” พลอยไพลินหน้างอง้ำ หญิงสาวนั่งกระฟัดกระเฟียดไม่พอใจ อุตส่าห์ยอมอ่อนข้อให้แล้ว เขายังไม่ยอมลดราวาศอกให้ อะไรๆก็มีแต่จะจับจูบ คนบ้า!
“เร็วๆครับ อย่าเฉไฉ” วาโยโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาว เขาใช้นิ้วชี้แตะซ้ำๆที่ริมฝีปากตัวเอง สายตาคมวาววับในความมืดสลัว
พลอยไพลินถอนหายใจ หญิงสาวขยับตัวจงใจกระแทกกระทั้นไม่พอใจ ทว่าคนรอจูบหวานๆจากปากนุ่มๆกลับยิ้มกริ่ม
“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้“เก่งเ
“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที“คุณแ
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
“เรียบร้อยดีไหม”“มีปัญหานิดหน่อยครับคุณโย” วัลลภตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย ด้วยเพราะทำงานกับเจ้านายหนุ่มมานาน เขาจึงรู้ดีว่า คำว่าปัญหานั้นไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนิดหน่อยหรือใหญ่โตก็ตาม แล้วยิ่งมาเกิดกับผู้หญิงของเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง“ว่ามา” วาโยหันหลังให้คนสนิท เขาเดินห่างออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ชอบใจที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแผนการที่เขาวางไว้อย่างรัดกุม ร่างสูงสมาร์ตเดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตาได้อย่างแม่นยำ มันคือนิสัยและความเคยชินของผู้ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ชั้นสูงมาอย่างหนัก“มีคนตัดหน้า เขาให้ราคาสูงกว่าครับ” วัลลภบอกด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เขาเดินตามเจ้านายไปห่างๆ และหยุดยืนในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป“แล้วไง” วาโยถามกลับเสียงราบเรียบโดยไม่หันกลับไปมองลูกน้อง“เอ่อ...”“นายรู้ว่าต้องทำยังไง ไปทำให้สำเร็จก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่น”เป็นไปตามที่วัลล
วัลลภรับหน้าที่ขับรถของเจ้านาย นิตยานั่งเบาะด้านหน้าหน้าคู่คนขับ พลอยไพลินจำใจต้องนั่งคู่กับบอดี้การ์ดผู้อ้างว่า เขาต้องการดูแลเธออย่างใกล้ชิด ไม่อยากให้มีข้อผิดพลาดในการดูแลเธอ“มีร้านไหนที่มีพลอยไซซ์นี้อีกไหมคะคุณนิด”“ไม่มีเลยค่ะคุณเต็น อย่างที่รู้กันว่าไพลินไซซ์ใหญ่ขนาดนี้แทบหาไม่ได้แล้ว ตอนนี้มีที่ร้านนี้ร้านเดียวเท่านั้นค่ะ” นิตยาเบี่ยงตัวมาคุยกับเจ้านาย ผู้จัดการแผนกจัดซื้อมีสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก เพราะพลอยเม็ดสวยที่มั่นใจว่าจะได้กลับไปทำเครื่องประดับเพื่อส่งเข้าประกวดงานอัญมณีและเครื่องประดับประจำปี กลับเกิดมีปัญหาขึ้นมาเสียได้ อีกทั้งดีไซเนอร์ของบริษัทได้ออกแบบเครื่องประดับไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ประชุมก็มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะใช้เครื่องประดับเซตนี้ส่งเข้าประกวด แต่หากไพลินเม็ดนี้หลุดลอยไป ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ และอาจจะส่งเข้าประกวดไม่ทัน“แล้วเม็ดเล็กที่เราสั่งไว้ล่ะคะ เขามีปัญหาอะไรไหมคะ”“ไม่มีค่ะ เขาจัดเตรียมไว้ให้เราตามที่สั่ง พร้อมกับใบรับรองเรียบร้อยแล้วค่ะ”พลอยไพลินถอนหายใจเฮือกใหญ่ หนักใจไม่น้อยกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอ
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกระติ๊บรีบหายเร็วๆนะคะ อยู่แต่ในบ้านแบบนี้น่าเบื่อแย่เลย”“ติ๊บก็อยากหายเร็วๆค่ะ แต่แผลมันไม่เป็นใจ”“แล้วนี่คุณหมอนัดตัดไหมวันไหนคะ” ลำดวนถามขณะที่เดินกลับมา หลังจากเอาอุปกรณ์ล้างแผลไปเก็บแล้ว“ไม่ทราบค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วยิ้มแหยๆ ก็เมื่อวานเธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ไม่สนใจฟังสิ่งที่คุณหมอคุณพยาบาลบอกสักนิด“อ้าว!” ลำดวนมองหน้าคนที่นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าและแววตาของลำดวนดูงงๆ พลอยชมพูจึงรีบอธิบายต่อว่า“เอ่อ...คุณหมอเขียนใบนัดให้แล้วค่ะ ติ๊บเก็บไว้บนห้อง เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยขึ้นไปดู”“อ๋อ! ค่ะ ว่าแต่คุณกระติ๊บจะเอาอะไรอีกไหมคะ น้าจะได้ขอตัวไปพับนกกระดาษช่วยคนอื่นๆ”“ไม่ล่ะค่ะ แค่นี้ก็รบกวนน้าลำดวนมากแล้ว ว่าแต่จะพับนกกระดาษไปทำอะไรคะ”“สัปดาห์หน้าจะมีลูกค้ามาจัดงานแต่งงานที่รีสอร์ตค่ะ เขาเหมารีสอร์ตทุกหลัง เห็นว่าจัดเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้จ้างออแกไนซ์จัดงาน แล้วทีนี้ลูกค้าอยากใช้นกกระดาษตกแต่งสถานที่ คุณพบเลยจะทำให้เป็นพิเศษค่ะ”“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง งั้นติ๊บขอไปพับนกช่วยได้ไหมคะ ติ๊บอยากทำงานบ้าง นั่งอยู่เฉยๆม
“หกเดือนเหมือนเดิมก็ได้ แต่พี่ต่ายต้องบอกมาก่อนว่าคิดถึงน้องกระติ๊บคนสวยมากแค่ไหน” ยายตัวแสบของพี่ชายได้ทีรีบต่อรอง“คิดถึงที่สุดในจักรวาล พอใจหรือยัง”พลอยชมพูยิ้มกับคำตอบ ที่จริงอยากจะบอกเล่าอะไรหลายๆอย่างให้พี่ชายฟัง แต่ก็กลัวเขาจะเป็นห่วง หญิงสาวจึงทำเพียงแค่ยิ้มกับโทรศัพท์ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง เพื่อไม่ให้พี่ชายต้องกังวลใจ“ติ๊บรักพี่ต่ายนะคะ แล้วก็คิดถึงที่สุดในจักรวาลเหมือนกันค่ะ” พลอยชมพูคิดถึงพี่ชายจริงๆ ยิ่งเวลาเจ็บตัวแบบนี้ เธออยากอ้อนอยากให้พี่มาดูแล ถ้าพี่กระต่ายรู้ว่าเธอเจ็บขนาดนี้ พี่ชายของเธอคงรีบมารับกลับบ้านแน่ๆ ดังนั้น เธอจะให้พี่กระต่ายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด“ถ้าคิดถึงกันขนาดนั้น ให้ผมไปส่งที่กรุงเทพไหม” พบรักว่าขณะที่วางร่างบางลงบนโซฟาในห้องโถงของบ้าน“ไปส่งทำไมคะ เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” พลอยชมพูนิ่วหน้ามองเจ้านายด้วยความแปลกใจ“ก็ไม่รู้สิ” พบรักยักไหล่ ถ้าจะบอกว่าอาการของเขาตอนนี้เหมือนคนเหม็นความรัก เขายอมรับเลยว่าใช่“คู่รักห่างกันแค่วันสองวันก็คงตรอมใจ” เมื่อวางหญิงสาวลงเรียบร้อยแล้ว พบรักก็ผ
“คุณต้องไปโรงพยาบาล ต้องเย็บแผล ต้องฉีดยา ถ้าไม่เชื่อฟังกันก็กลับบ้านไปเลย ผมไม่จ้างคนขี้กลัวไร้เหตุผลทำงานด้วย”“อื้อ! ฮึกๆ” สองมือของพลอยชมพูขยุ้มเสื้อเชิ้ตช่วงอกของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงไว้แน่น หญิงสาวซุกหน้ากับอกกว้าง หลับตาปี๋ น้ำตาไหลตลอดเวลา จนเสื้อของคนที่เธออาศัยซุกหน้าอยู่เปียกปอน หญิงสาวสะดุ้งทุกครั้งที่คุณหมอลงเข็มเย็บแผลให้สดๆ เพราะเธอปฏิเสธการฉีดยาชา หญิงสาวให้เหตุผลว่า ถ้าฉีดยาชาก็เท่ากับว่าเธอต้องถูกหมอแทงเข็มเพิ่มอีกหนึ่งเข็ม“หมอเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้วนะครับ เดี๋ยวพยาบาลจะมาฉีดยาบาดทะยักให้ คุณจำไม่ได้ว่าเคยฉีดวัคซีนบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไร ดังนั้นจะต้องฉีดยาสามเข็มนะครับ เข็มแรกวันนี้ แล้วอีกหนึ่งเดือนให้มาฉีดเข็มที่สอง ส่วนเข็มที่สามให้มาฉีดหลังจากฉีดเข็มที่สองไปแล้วหกเดือนนะครับ หมอจะเขียนใบนัดให้นะครับ”คนกลัวเข็มช็อกซีนีม่าไปตั้งแต่ที่หมอบอกว่าต้องฉีดยาตั้งสามเข็มแล้ว พลอยชมพูไม่มีกะจิตกะใจฟังหรอกว่าคุณหมอพูดอะไรบ้าง หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกกว้าง ส่ายหน้าไปมาเร็วๆ ที่จริงอยากกรีดร้องโหยหวนออกมาให้สาแก่ใจด้วยซ้ำ ถ้าไ
“ค่ะ น้าจบบอกว่าจะแวะมารับค่ะ” พลอยชมพูบอกแล้วนั่งลงบนเสื่อ“ไปกับผมก็ได้ จะพาไปแนะนำให้พนักงานในห้องครัวรู้จักด้วย”“ได้ค่ะ คุณพบรอแป๊บนะคะ ติ๊บขอไปใส่รองเท้าก่อน” ร่างสมส่วนรีบลุกขึ้นเดินเท้าเปล่ากระย่องกระแย่งเพื่อไปสวมรองเท้าที่ถอดอยู่ไกลๆ พบรักมองตามแล้วส่ายหน้า กะเปิ๊บกะป๊าบแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หกล้มเหมือนตอนนั้นอีกหรอก“โอ๊ย!” เสียงอุทานของหญิงสาวกับการทรุดตัวลงนั่งทันทีทำให้พบรักที่มองตามหญิงสาวทุกฝีก้าวรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ“เป็นอะไร” ชายหนุ่มนั่งลงใกล้ๆแล้วถามน้ำเสียงติดดุ เพราะเขาคิดว่าเธอเดินไม่ระวัง“เหยียบอะไรก็ไม่รู้ค่ะ” พลอยชมพูนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นดินร้อนระอุ หญิงสาวหงายฝ่าเท้าขึ้นมาดู เลือดสีแดงสดเลอะเต็มฝ่าเท้าขาวๆ ทั้งมีเศษดิน เศษใบไม้ และมีเศษขี้วัวติดอยู่ด้วยพบรักกวาดสายตามองบริเวณที่หญิงสาวนั่งอยู่ แล้วเขาก็พบเศษแก้วชิ้นใหญ่อยู่ใกล้ๆ แถมยังมีรอยเลือดติดอยู่เล็กน้อยด้วย“เหยียบเศษแก้ว แผลน่าจะลึกพอสมควร” ชายหนุ่มคาดคะเนเอาจากเลือดที่ไหลออกมาค่อนข้างเยอะ พอเขาเงยขึ้นมองหน้าคนเหยียบเศษแก้วก็เห็นเธอทำหน้าตาบิดเบ้ น้ำตาร
สายลมเย็นพัดโชยมาเอื่อยๆ จากที่คิดว่าจะนอนเล่นๆ พอได้เหยียดตัวนิดหน่อย ดวงตาคู่สุกใสก็เริ่มหรี่ปรือลงจนเกือบปิด แต่แล้วก็ต้องเบิกกว้างขึ้นทันทีเพราะเสียงห้าวที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ“นี่มาทำงานหรือว่ามาพักผ่อนกันแน่”พลอยชมพูดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ด้วยสายตาไม่พอใจเท่านัก เขาจะพูดดีๆไม่ได้หรือยังไงนะ ทำไมต้องตะคอกเสียงดังด้วย นี่ถ้าเกิดเธอเป็นโรคหัวใจอยู่นะ ป่านนี้คงหัวใจวายตายไปแล้ว“มาทำงานค่ะ งานเสร็จแล้วเลยมานั่งพัก”“ที่เห็นเมื่อกี้เรียกนั่ง?”กรามเล็กขบกันดังกึก อยากเถียงใจจะขาด แต่ก็ได้แต่ท่องเอาไว้ในใจว่าเขาคือเจ้านาย คือคนที่เธอมาขอทำงานด้วย เขาเป็นคนจ่ายค่าแรงตลอดหกเดือนที่เธอจะไม่ได้รับเงินเดือนจากพี่ชาย เพราะพี่กระต่ายอ้างว่าหากไม่อยู่ทำงานที่บริษัทด้วย ก็จะไม่จ่ายเงินเดือนให้ เงินเก็บส่วนอื่นก็ห้ามเบิกมาใช้ และห้ามขอเงินคุณพ่อคุณแม่เด็ดขาด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และสมุดบัญชีเงินฝากทุกประเภทในนามเธอ ถูกพี่กระต่ายยึดไว้หมดเลย แต่พี่ชายแสนดีของเธอก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง ด้วยการให้เงินสดติดตัวมาหนึ่งหมื
น้ำเสียงสดใสกังวานทว่าสุภาพอย่างที่ผู้มีอายุน้อยกว่าพึงใช้กับผู้ใหญ่ ทั้งยิ้มหวานและแววตาจริงใจ กอปรกับใบหน้าอ่อนใสน่ารักของหญิงสาว ทำให้ลำดวนนึกเอ็นดูลูกจ้างคนใหม่ของเจ้านายจนหมดใจ“ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ เสร็จแล้วพี่จบจะมารับไปทำงานนะคะ”“ค่ะ” พลอยชมพูรับคำกระตือรือร้น เธอจะได้เริ่มทำงานจริงจังแล้ว งานที่ออกจากกรอบเดิมๆที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก แค่คิดก็สนุกแล้ว“เอ่อ...ทำปุ๋ยคอกหมักหรือคะ” พลอยชมพูถามคนที่ขับรถกระบะพาเธอมาถึงโรงเรือนเพาะชำกล้าไม้ของรีสอร์ต ซึ่งอยู่เกือบสุดเขตพื้นที่รีสอร์ตห้าสิบกว่าไร่“ใช่ครับ วันนี้คุณพบบอกว่าให้คุณกะติ๊บเริ่มทำงานในสวนเป็นลำดับแรกครับ” ประจบบอกขณะที่เดินนำลูกจ้างคนใหม่ไปยังบริเวณที่เตรียมวัสดุอุปกรณ์ทำปุ๋ยคอกหมักไว้แล้ว“แล้วทำไมเราต้องหมักด้วยล่ะคะ ปุ๋ยคอกพอได้มาแล้วก็เอาไปใส่แปลงผักหรือต้นไม้เลยไม่ได้หรือคะ” “ปุ๋ยคอกสดๆยังเอาไปใช้ไม่ได้ครับ เพราะมันยังไม่ผ่านกระบวนการย่อยสลาย เวลาเราเอาปุ๋ยคอกสดๆไปใส่ต้นไม้เลย จุลินทรีย์ในดินจะดึงไนโตรเจนจากต้นไม้มาช่วยในการย่อยสลายปุ๋ยคอก แท
“เดี๋ยวลำดวนไปเอายาดมมาให้นะคะ เผื่อจะดีขึ้น คุณรอสักครู่นะคะ”ลำดวนลุกไปแล้ว จึงเหลือเพียงสองหนุ่มสาว พบรักถอนใจแรง มองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาดูแคลนพลอยชมพูนึกโมโหร่างกายตัวเอง น่าขายหน้าชะมัด กะอีแค่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงกับต้องเมารถ ยิ่งพอเหลือบตาขึ้นสบสายตาคนตัวโตที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว หญิงสาวก็ชักฉุน เขาต้องกำลังเยาะเย้ยเธออยู่ในใจแน่ๆ คนอย่างพลอยชมพูเสียอะไรไม่ว่า แต่จะเสียหน้าไม่ได้นะ“จะไปไหน” เมื่อเห็นคนตัวเล็กขยับทำท่าจะลุกขึ้น พบรักจึงเอ่ยถามเสียงเข้ม ก็เห็นบอกว่าเวียนหัว ยังจะลุกขึ้นอีก ไม่รู้จักเจียมสังขารตัวเองบ้างเลย“จะไปห้องพักค่ะ อยู่ทางไหนคะ” พลอยชมพูฝืนลุกขึ้นยืนทั้งที่เวียนหัว ตาพร่ามัว มองเห็นภาพเบลอทับซ้อนไปหมด แต่ถ้าให้เธอเลือกระหว่างฝืนเดินไปพักผ่อนที่ห้องพัก กับนั่งอยู่ตรงนี้ให้เขามองด้วยสายตาสมเพชเวทนา เธอขอเลือกอย่างแรกดีกว่า“อยู่ชั้นบน เดินไหวหรือ” น้ำเสียงเยาะเย้ยอยู่ในทีทำให้คนเมารถมีแรงฮึดพลอยชมพูไม่ตอบ หญิงสาวมองไปยังบันไดที่อยู่ไม่ไกล เธอเดินช้าๆตรงไปยังจุดหมาย
“จับดีๆ ระวังตก” พบรักคร้านจะเถียงกับคนปากดีแล้ว เพราะตั้งแต่ค่ำมานี่เขาวุ่นวายแต่กับเธอคนเดียวจนไม่เป็นอันต้องทำอะไร“ว้าย!” พลอยชมพูรีบโน้มตัวไปกอดคนขับแทบไม่ทัน เมื่อคนที่เพิ่งบอกเธอว่าให้จับดีๆขับรถออกตัวอย่างรวดเร็วจนเธอแทบหงายหลัง หญิงสาวเกร็งไปทั้งตัว เธอกลัวตก กลัวเขาจะพารถล้ม เรียวขาเสลาหนีบแนบอยู่กับต้นขาแกร่งทั้งสองข้าง เธอรับรู้ถึงการขยับของกล้ามเนื้อต้นขาในตอนที่เขาเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้ง ยิ่งเขาเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็กอดกระชับเขาแน่นยิ่งขึ้นเช่นกัน สองร่างแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของกันและกัน ทว่าพลอยชมพูไม่คิดใส่ใจ หญิงสาวแนบแก้มกับแผ่นหลังกว้าง หลับตาปี๋ไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้น ในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้กลับถึงรีสอร์ตอย่างปลอดภัยใช้เวลาสิบห้านาทีพบรักก็พาคนงานใหม่กลับมาถึงรีสอร์ต ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อกออก แล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนเบี่ยงหน้าไปบอกคนที่ยังคงนั่งกอดเอวเขาไว้แน่น แม้ว่าเขาจะจอดรถและดับเครื่องแล้วก็ตาม“ลงไปได้แล้ว”เสียงห้วนติดดุทำให้พลอยชมพูลืมตาขึ้นทีละข้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อเห็นภาพวิวทิวทัศน์ชัดเจน ไม่ได้เป็นภา
พลอยชมพูนั่งรอจนถึงสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีรถมารับ หญิงสาวเริ่มกระวนกระวาย มองซ้ายขวาด้วยความระแวง แสงไฟนีออนหลอดเดียวภายในเพิงพักที่ติดๆดับๆยิ่งทำให้เธอขวัญผวา ผู้คนเริ่มบางตาจนแทบไม่เหลือใคร แม่ค้าแม่ขายเข็นรถกลับบ้านไปจนหมดแล้ว ตึกแถวขนาดสี่คูหาที่มีร้านขายของชำเล็กๆเพียงร้านเดียวก็เลื่อนประตูเหล็กปิดหนีเธอไปแล้วด้วย มือเรียวสวยล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือ พลอยชมพูตัดสินใจโทรหาพบรักอีกครั้ง เธอไม่ได้คิดจะเร่งเขา แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ลืมที่รับปากเธอไว้ว่าจะส่งคนมารับเธอที่นี่ หญิงสาวโทรหาเขาถึงสามครั้ง ทว่าคนที่เธอโทรหากลับไม่ยอมรับสาย ใบหน้าน่ารักเริ่มฉายแววกังวลชัดเจนขึ้น ขณะที่หญิงสาวนั่งรอนายจ้างส่งคนมารับอยู่ด้วยความเป็นกังวลอยู่นั้น ก็มีจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงแต่งท่อให้มีเสียงดังเกินที่กฎหมายกำหนดแล่นผ่านเพิงพักผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว แต่เพียงครู่เดียวมันก็วกกลับมาจอดตรงหน้าเธอ สัญชาตญาณระวังภัยทำให้พลอยชมพูกอดกระเป๋าเป้ใบใหญ่แนบอกแล้วรีบลุกขึ้นยืนท