“โกหกใช่ไหม” คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถาม พลอยไพลินส่ายหน้าเร็ว
“โกหกอะไร เต็นไม่ได้โกหกนะคะ เรารีบออกไปดูที่ลานจอดรถกันเถอะค่ะ เผื่อโจรมันจับยัยติ๊บไปด้วย” วาโยส่ายหน้าน้อยๆ แล้วถอนหายใจ ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เคาะสองครั้งเบาๆที่ข้างใบหูตนเอง ขณะที่สายตาดุไม่ละไปจากใบหน้าของคนที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตามมือ พลอยไพลินเบิกตากว้างเมื่อเห็นหูฟังแบบไร้สายที่เชื่อมต่อกับวิทยุสื่อสารติดอยู่กับใบหูเขา หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่
“เอ่อ...ลูกน้องพี่โยว่าไงบ้างคะ จะ...จับโจรได้แล้วใช่ไหมคะ” วาโยส่งเสียงหึในลำคอ ก้าวเท้าเข้าหาร่างบอบบางในชุดราตรีเกาะอกยาวกรอมเท้าสีเข้ม ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มให้ดูสวยเด่นกว่ายามปกติปกปิดความซีดเผือดของสีหน้าได้เป็นอย่างดี หากแต่แววตาหลุกหลิกของคนทำผิดกลับแสดงออกชัดเจนว่ามีเรื่องปิดบังอยู่
“พี่รู้ว่ากระเต็นโกหกตั้งแต่เดินยังไม่ถึงห้องนี้ด้วยซ้ำ ลูกน้องพี่รายงานมาแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” วาโยบอกเสียงเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยไร้การแสดงออกซึ่งอารมณ์ใดๆของเขาทำให้พลอยไพลินหายใจไม่ทั่วท้อง
“เต็นไม่ได้โกหก”
“หลอกพี่มานี่เพื่อถ่วงเวลาช่วยให้คุณเพลิงพาน้ำฝนหนีใช่ไหม”
“มะ...ไม่ใช่สักหน่อย ถอยไปนะ เต็นจะไปหากระติ๊บ” ตาดุๆ กับอาการคุกคามของวาโยทำให้หญิงสาวนึกกลัวขึ้นมา
“พี่เพลิงของเต็นพาน้องไปไหน”
“มะ...ไม่รู้” พลอยไพลินถอยจนแผ่นหลังบอบบางชนผนังห้อง
“โกหก” เมื่อรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย พลอยไพลินจึงรวบรวมกำลังผลักอกกว้างออกไปสุดแรง แต่ดูเหมือนผู้ที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงอย่างวาโยจะไม่สะทกสะท้านกับแรงเท่ามดคันไฟอย่างเธอ ชายหนุ่มรวบจับสองมือไว้แน่น แล้วยกขึ้นไปกดตรึงกับผนัง เบียดตัวเองเข้าหาจนชิดร่างสาว
“พี่จะฟ้องคุณน้าว่ากระเต็นให้ความช่วยเหลือคุณเพลิง” พลอยไพลินเบิกตากว้าง ส่ายหน้าเร็วๆ
“อย่าบอกคุณพ่อนะ” วาโยยิ้มร้ายกาจ จ้องดวงหน้างามไม่วางตา
“เอาอะไรมาแลกเปลี่ยน”
“จะเอาเท่าไรล่ะคะ” พลอยไพลินคิดว่าเงินน่าจะช่วยได้ จึงถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ เพราะตอนนี้เธอกับเขาใกล้ชิดกันเกินไป ร่างกายด้านหน้าเบียดชิดจนจะหลอมเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ไหนจะใบหน้าของเขาที่ก้มลงมาจนจมูกจะชนแก้มเธออยู่รอมร่อแล้วอีก
“จะเอาทั้งตัว” คนหน้านิ่งตาดุกระซิบบอกเสียงเบาแต่หนักแน่น พลอยไพลินอ้าปากเหวอ ตกใจกับคำพูดของเขา
“อื้อ!” หญิงสาวไม่ทันได้พูดอะไร ริมฝีปากร้อนผ่าวก็แนบประกบ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจูบแรกที่คิดว่าจะเก็บไว้ให้คนที่เธอรักถูกเขาฉกชิงไปอย่างหน้าด้านๆ
วาโยจ้วงลิ้นร้อนสากรุกล้ำเข้าสู่โพรงปากนุ่ม เจ้าของปากอิ่มนุ่มพยายามสะบัดหน้าหนี แต่กลับถูกรุกเร้ายิ่งกว่าเดิม ริมฝีปากอุ่นร้อนบดเบียดแนบแน่น ขณะที่ลิ้นสากไล่ต้อนเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่ม ทั้งดูดดึงอย่างเอาเป็นเอาตาย ราวกับอดอยากหิวโซมาจากไหน คนไม่เคยถูกจูบรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก แข้งขาพานอ่อนแรง ร่างกายอ่อนระทวยไปหมด ได้แต่ยืนนิ่งให้เขาแนบร่างกดทับจนแทบจะจมหายไปบนผนังห้อง
วาโยถอนจูบออกมาในตอนที่หญิงสาวทำท่าเหมือนจะขาดอากาศหายใจ ดวงตาคู่คมหลุบมองริมฝีปากอิ่มบวมเจ่ออย่างพึงพอใจ พลอยไพลินหอบหายใจจนเต้าทรวงสะท้อนขึ้นลง ดวงตาแดงก่ำจ้องมองคนที่ขโมยจูบแรกเธอไปอย่างโกรธขึ้ง
“ปล่อย!” เสียงพูดสั่นพร่าคล้ายจะร้องไห้อยู่ในที
“ห้ามใครซ้ำรอยพี่”
ประโยคสุดท้ายในคืนนั้นดั่งคำสั่งประกาศิต ห้ามใครซ้ำรอยพี่ มันดังก้องอยู่ในหูเธอทุกครั้งที่เธอเจอหน้าเขา ไม่เคยมีใครซ้ำรอยเขา มีแต่เขานั่นแหละซ้ำรอยตัวเองไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโมโห เธอไม่เคยขัดขืนเขาได้สักครั้ง เขามักหาโอกาสเอาเปรียบเธอได้อยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ผู้คนอยู่ด้วยมากมายเพียงใด เสือร้ายในคราบพี่ชายใจดีแสนอบอุ่นก็ลากเธอไปหามุมเอาเปรียบจนได้ ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่รู้จักกันในฐานะเครือญาติต่างสายเลือด เธอถูกเขาจูบไปแล้วกี่ครั้งก็ไม่รู้ มันน่าเจ็บใจนัก
วาโยพาหญิงสาวสวยทว่าหน้าบึ้งไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เขาเลือกนั่งมุมที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และบังคับให้คนที่มาด้วยนั่งโซฟาตัวเดียวกัน พนักโซฟาสูงกับแสงไฟที่ไม่สว่างมากนักภายในร้าน ทำให้คนที่จำใจต้องนั่งลงข้างเขารู้สึกไม่ปลอดภัย
“เต็นอยากกินอะไรครับ”
“เต็นอิ่มแล้วค่ะ”
คนถามถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอยากเอาใจ แต่คนตอบกลับสะบัดหน้าหนีมองผนังร้าน ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หน้าที่บึ้งตึงอยู่แล้ว กลับบึ้งตึงมากกว่าเดิมได้อีก
“งั้นก็นั่งเป็นกำลังใจให้พี่หน่อยแล้วกัน” วาโยบอกเสียงขัน ก่อนหันไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มกับพนักงาน เสร็จแล้วจึงหันมาจัดการแม่ตัวดีที่เอาแต่นั่งหน้าหงิกอยู่ติดผนังร้าน ดูเธอจะจงใจเขยิบออกห่าง เพื่อเว้นช่องว่างระหว่างเขาและเธอให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เสียจริง
“เพลงออกจะเพราะ ทำไมคุณลูกค้าหน้าหงิกจังครับ” เสียงทุ้มนุ่มดังอยู่ชิดใบหูทำให้พลอยไพลินสะดุ้ง หญิงสาวหันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียง แล้วเธอก็ต้องผงะหนี เมื่อใบหน้าของเขาอยู่ชิดเกินไป ทว่าการที่เธอนั่งจนแทบจะสิงเข้าไปในกำแพงอยู่รอมร่อ ทำให้ไม่เหลือพื้นที่จะหนีเขาได้อีกต่อไป เธอจึงรีบยกมือขึ้นดันอกกว้าง ก้มหน้าเอ่ยปากห้ามเขาเสียงเบาไม่มั่นใจสักนิด
“พี่โย! อย่าทำอะไรรุ่มร่ามนะคะ นี่ในร้านอาหารนะ” เห็นเขาหลุบมองริมฝีปากของตัวเองแล้ว พลอยไพลินชักใจสั่น กลัวว่าเขาจะจูบขึ้นมาจริงๆ
“แสดงว่าถ้าออกจากร้านแล้วทำได้ใช่ไหมครับ”
กรี๊ด! ที่ไหนก็ไม่ได้ คนหน้ามึน คนเอาแต่ใจ ตัวไม่ใช่แฟนเค้านะ จะมาจูบเค้าเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้ พลอยไพลินกรีดร้องอยู่ในใจ เธอเป็นสาวมั่น ออกจะก๋ากั่นในสายตาคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลับกลายเป็นสาวน้อยไร้ความมั่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา พี่โยทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้เธอหงอ จนพ่อแม่พี่น้องหรือใครๆต่างก็คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่เก่งทำให้เธอเชื่อฟังได้ ขนาดพี่ชายแท้ๆของเธอยังยอมให้เขาจัดการเธอได้ตามแต่เห็นสมควรเลย ทุกคนเชื่อใจเขาจนเธอหมั่นไส้ เธออยากจะเปิดโปงความจริงว่าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี เขาเป็นพี่ชายที่คิดไม่ซื่อกับน้องสาวอย่างเธอต่างหาก“พี่โยขยับไปนั่งดีๆสิคะ จะมานั่งเบียดเต็นทำไม” แม้ในใจจะเดือดปุดๆ แต่พลอยไพลินพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พูดกับเขาดีๆ“จุ๊บพี่ทีหนึ่งก่อน แล้วพี่จะยอมทำตามที่เต็นบอก”“พี่โย!” พลอยไพลินถอนหายใจออกมาสุดแรง อยากจะเลื่อนมือขึ้นไปบีบคอเขานักวาโยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เขายิ้มกรุ้มกริ่ม รอคอยด้วยความมั่นใจว่า หญิงสาวไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเขาแน่นอนพลอยไพลินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าใกล้ แล้วจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนเอาแต่ใจห
“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้“เก่งเ
“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที“คุณแ
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
“เรียบร้อยดีไหม”“มีปัญหานิดหน่อยครับคุณโย” วัลลภตอบไม่เต็มเสียง ก้มหน้าหลบสายตาเจ้านาย ด้วยเพราะทำงานกับเจ้านายหนุ่มมานาน เขาจึงรู้ดีว่า คำว่าปัญหานั้นไม่ควรเกิดขึ้น ไม่ว่าจะนิดหน่อยหรือใหญ่โตก็ตาม แล้วยิ่งมาเกิดกับผู้หญิงของเจ้านายด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่ง“ว่ามา” วาโยหันหลังให้คนสนิท เขาเดินห่างออกไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ชายหนุ่มไม่ชอบใจที่มีปัญหาเกิดขึ้นกับแผนการที่เขาวางไว้อย่างรัดกุม ร่างสูงสมาร์ตเดินไปหยุดอยู่ริมแม่น้ำ ล้วงมือสองข้างลงในกระเป๋ากางเกง สายตาคมคมกริบกวาดมองไปทั่วบริเวณ เขาจดจำรายละเอียดทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในครรลองสายตาได้อย่างแม่นยำ มันคือนิสัยและความเคยชินของผู้ที่ผ่านการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ชั้นสูงมาอย่างหนัก“มีคนตัดหน้า เขาให้ราคาสูงกว่าครับ” วัลลภบอกด้วยน้ำเสียงกริ่งเกรง เขาเดินตามเจ้านายไปห่างๆ และหยุดยืนในระยะที่ไม่ใกล้และไม่ไกลจนเกินไป“แล้วไง” วาโยถามกลับเสียงราบเรียบโดยไม่หันกลับไปมองลูกน้อง“เอ่อ...”“นายรู้ว่าต้องทำยังไง ไปทำให้สำเร็จก่อนที่ฉันจะไปถึงที่นั่น”เป็นไปตามที่วัลล
“หยุดอยู่ตรงนั้น! อย่าเข้ามานะ!” เสียงตวาดเบาๆ แต่หน้าตาบูดบึ้งแสดงถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ทั้งสายตาเคืองขุ่นที่มองมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ และนิ้วเรียวที่ชี้ตรงมาที่เขา ทำให้กวียิ้มมุมปาก“จะเข้า ใครจะทำไม จะเข้าให้ลึกสุดตัวเลยด้วย”คำพูดสองแง่สองง่าม น้ำเสียงยียวน และท่าทางกวนประสาท อีกทั้งสายตาวิบวับไม่น่าไว้ใจของคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งของเตียงทำให้พรรณดาราอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆ“คนบ้า! คนลามก!” หากแต่หญิงสาวก็ทำได้เพียงบริภาษออกมาเบาๆ และสาดสายตาดุใส่เขาเท่านั้น เพราะเธอกลัวลูกน้อยทั้งสองที่นอนหลับอยู่บนเตียงจะตื่น“ลามกน่ะใช่ แต่ไม่ได้บ้า” กวีกดเสียงต่ำขู่แม่ของลูกๆ ขายาวก้าวมั่นคงอ้อมไปทางปลายเตียง ขณะที่สายตาหมายมาดจับจ้องร่างอวบอิ่มน่าฟัดของคุณแม่ลูกสองไม่วางตา“คุณวี! ถ้าคุณเข้ามาใกล้ฉันอีกนิดเดียว ฉันจะกรี๊ดให้ลั่นบ้านเลย” พรรณดาราขู่คนที่เดินไม่กี่ก้าวก็มายืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ระยะห่างเพียงแค่หนึ่งช่วงแขนแบบนี้ ไม่ปลอดภัยสำหรับเธอ หญิงสาวก้าวถอยหลังอย่างระวังตัว ทั้งหันซ้ายหันขวา หาทางหนีทีไล่&nb
ปักลึกในซอกสาว วงแขนแกร่งกอดเกี่ยวร่างบางไว้แน่น ปลดปล่อยหยาดรักถ่ายเทเข้าสู่ร่างสาวจนหมดสิ้น “เต็นจ๋า เมื่อไรเจ้าตัวน้อยจะมาสักที” วาโยรำพึงเบาๆคลอเคลียแก้มเนียน เขาแช่ลำรักร้อนผ่าวในร่องสาว ให้เธอตอดรัดเขาอย่างแสนสุข ร่างเปลือยเปล่าแข็งแกร่ง และร่างเกือบเปลือยแสนเย้ายวนนอนกอดก่ายกันอยู่บนเบาะแคบ พลอยไพลินนอนหนุนอกสามี หญิงสาวก่ายเกยอยู่บนร่างเขา แนบแก้มกับอกกว้าง ฟังเสียงหัวใจแกร่งเต้นเป็นจังหวะหนักแน่น มือบางลูบไล้ผิวเนื้อเรียบตึงอย่างเพลินมือ ใบหน้าสาวอมยิ้ม ทอดถอนใจอย่างมีความสุข วาโยนอนหนุนแขนตัวเองข้างหนึ่ง วงแขนอีกข้างกอดน้องไว้แนบอก และป่ายมือลงไปวางบนสะโพกหนั่นแน่น เคล้นคลึงเบาๆ “พี่โยขา” “ครับ” “เต็นมีอะไรจะบอกค่ะ” พลอยไพลินขยับตัวขึ้นไปนอนคว่ำอยู่บนตัวสามี ดวงตาคู่งามเป็นกระกายวิบวับ หญิงสาวยิ้มน้อยๆให้เขา คิ้วเข้มขมวดมุ่น มองหน้าน้องอย่างจับผิด ท่าทางแบบนี้ต้องมีเรื่องอะไรที่ปิดบังเขาอยู่แน่ๆ “เต็
วาโยใช้นิ้วกดกลางรอยแยกหว่างขา เขาสูดลมหายใจเข้าปอดยาวๆ หัวใจแกร่งเต้นแรง เขาต้องข่มกลั้นอารมณ์เต็มที่เมื่อพบว่ามันเปียกชุ่ม น้ำสวาทสาวซึมผ่านเนื้อผ้าออกมาชายหนุ่มกดปลายลิ้นลงบนเนื้อผ้าเปียกชุ่ม ตวัดช้าๆเน้นหนัก นิ้วโป้งข้างขวาบดขยี้ตำแหน่งปุ่มเนื้อระรัว“อ๊ะ พี่โย อ๊า...” พลอยไพลินเด้งสะโพกสูงส่ายร่อนร้อนร่าน หญิงสาวควานมือลงมาขยุ้มเส้นผมสามีไว้แน่น การสัมผัสผ่านเนื้อผ้าให้อารมณ์เร้าใจแปลกใหม่ เสียดเสียวทรมาน“เต็นจ๋า...เมียพี่หอมเหลือเกิน” วาโยพร่ำเพ้ออยู่กับซอกขาสาว เขากัดขย้ำ ขบเม้ม และลงลิ้นแทงเร็วๆสลับกันไป มือหนาบีบนวดโคนขาหนีบ เร่งเร้าอารมณ์สาวคนถูกสามีกัดกินโดยไม่ปอกเปลือกเสียวกระสันจนมิอาจกลั้นเสียงครวญครางไว้ได้ แรงซุกไซ้จากคนหลงเนื้อนวลเมียส่งผลให้ร่างสาวเขยื้อนกระเพื่อมไหว ยิ่งเขาเพิ่มความรุนแรงในการจ้วงลิ้นแทงมากเท่าไร พลอยไพลินก็เสียดเสียวมากขึ้น เธอกำลังจะระเบิดพร่างทั้งที่เขาไม่ได้แตะต้องโดยตรง“พี่โย พี่โย อ๊ะ! อ๊าย...” พลอยไพลินดีดเด้งสะโพกขึ้นสูง ความเสียดเสียวทิ่มแทงบาดลึกในความรู้สึก จนหญิงสาวหลงลืมตัวตน ยกขาเรียวขึ้นตวัดรัด
“อ้าว! กลับไปแล้วเหรอ กูนึกว่ามึงจะอยู่ต่ออีกนาน เลยไปเดินเล่นรอ ถูกพี่เมียไล่ตะเพิดอีกล่ะสิ อือๆ งั้นกูกลับเลยแล้วกัน”พบรักเดินหนีไปทันทีที่วางสาย เขาตรงไปยังรถกระบะสี่ประตูของตนที่จอดอยู่ไม่ไกล เขามางานนี้เพราะกวีซึ่งเป็นอดีตสามีของพรรณดาราชวนมาเป็นเพื่อนเผื่อกูถูกไอ้เพลิงยิงตาย มึงจะได้ช่วยเก็บศพกูกลับไปให้พ่อแม่กูทำพิธีนั่นเป็นเหตุผลที่มันบอกกับเขา ตอนที่โทรไปขอร้องให้เขามาเป็นเพื่อนพลอยชมพูมองตามร่างสูงใหญ่เดินห่างออกไป จะตะโกนเรียกก็ไม่รู้จักชื่อ กระทั่งเขาขึ้นรถคันใหญ่ขับออกไปแล้ว หญิงสาวก็ยังมองตามด้วยความหงุดหงิด เธอรู้สึกติดค้างหนี้บุญคุณเขา“ต้องตามไปชดใช้ในชาติหน้าไหมเนี่ย”วาโยยิ้มบางเมื่อเปิดประตูห้องฟิตเนสส่วนตัวเข้ามา แล้วพบว่าภรรยาของตนกำลังเล่นโยคะอยู่บนเบาะรองที่กลางห้อง เธออยู่ในท่วงท่าคลาน เข่าสองข้างห่างกันเล็กน้อย กดเอวลงจนสะโพกยกสูง สองแขนยืดตึง และเงยหน้าเชิดขึ้น ชายหนุ่มรออยู่เงียบๆ กระทั่งเธอเปลี่ยนท่าและมองเห็นเขาเอง“พี่โย มานานแล้วเหรอคะ” หญิงสาวถาม พร้อมกับเปลี่ยนท่วงท่าไปตา
“คงต้องสระผมด้วย” วาโยบ่นงึมงำขณะแกะมวยผมออกให้น้องอย่างเบามือ“อาบน้ำอย่างเดียวจริงๆเหรอคะ” คนที่เคยร่วมอาบน้ำพร้อมกับเขาถามอย่างไม่ไว้ใจวาโยมองสบตาน้อง เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ย่อตัวลงอุ้มน้องขึ้นแนบอก แล้วกระซิบตอบเสียงแหบพร่า“ไม่น่าจะจริงครับ”“ฮือ...หายไปไหนนะเงินหนึ่งล้านของฉัน”หลังจากส่งตัวบ่าวสาวเข้าห้องหอเรียบร้อย แขกเหรื่อก็ร่วมรับประทานอาหารกันและเริ่มทยอยกลับจนเกือบหมดแล้ว บรรดาญาติสนิทที่จะพักค้างคืนที่นี่ก็พาไปรวมตัวกันที่บ้านหลังใหญ่ ปล่อยให้บ่าวสาวอยู่ในห้องหอภายในบ้านไม้เพียงลำพัง แต่คนที่ทำเช็คมูลค่าหนึ่งล้านบาทหายกลับต้องกลับมาที่บ้านไม้อีกครั้ง เพื่อตามหามัน“เช็คจ๋า ออกมาหาติ๊บเถอะ”พลอยชมพูก้มหน้าเดินหาไปรอบๆบ้าน เธอมั่นใจว่ามันต้องตกอยู่ข้างล่าง เพราะก่อนก้าวลงจากบันได เธอเอามือจับดูก็พบว่ามันยังอยู่ตรงชายพก ตอนนั้นเธอลงมาแล้ววิ่งไล่จับพี่พร้อมน้องพริ้งช่วยพี่หนูพรรณ เช็คอาจจะหล่นตอนนั้นก็ได้หญิงสาวในชุดไทยประยุกต์ที่กำลังถลกผ้าถุงเดินไปมา แล้วเอาแต่ก้มหน้าเหมือนกำลังหาอะไรสักอย่างทำให้คนที
“จะไปรู้เหรอ ก็เห็นทั้งร้ายทั้งใจร้อนแบบนี้ นึกว่าจะไม่มีความยับยั้งชั่งใจ”“มึงจะพูดมากทำไม ลงไปแดกเหล้าดีกว่า เขาเข้าหอกันแล้ว จะนั่งอยู่ทำซากอะไร” เพลิงตะวันตัดบท ขืนให้มันพูดต่อไปเขาคงถูกมันลากไส้ออกมาจนหมดพุงแน่ ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปทางบันไดก่อน แต่ก็ยังได้ยินเสียงกวนตีนแว่วตามหลังมาอีก“รักน้องจะตายห่า รักมาตั้งแต่น้องยังเด็ก ยังกล้าทำให้น้องเสียใจนะพี่น่ะ”เพลิงตะวันหันกลับไปขึงตาใส่ไอ้คนปากมาก ไอ้คนได้ทีขี่แพะไล่ มันจะรื้อฟื้นความหลังความเก่าหาพระแสงอะไร แต่เพราะแขกเหรื่ออยู่เต็มบ้าน เขาจึงไม่โต้ตอบ แต่...ฝากไว้ก่อนเถอะมึงภายในห้องหอชั่วคราว ผู้หลักผู้ใหญ่นั่งอยู่บนเก้าอี้บุผ้าลายวิจิตรที่จัดเตรียมไว้กำลังให้พรให้โอวาทในการครองเรือน คู่บ่าวสาวนั่งพับเพียบประนมมืออยู่บนพื้นห้อง“พ่อดีใจที่ได้เต็นมาเป็นลูกสะใภ้ หนักนิดเบาหน่อยก็อภัยให้กันนะลูก ถ้าพี่เขาทำอะไรให้เจ็บช้ำน้ำใจฟ้องพ่อได้นะ พ่อจะจัดการให้” คุณวาทิตเข้าข้างลูกสะใภ้เต็มที่“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ” พลอยไพลินรับคำยิ้มๆ หญิงสาวชำเลืองตามองคนที่นั่งข้างๆ เขายิ้มตอบเธอแล้วกระซิบบอกเบาๆ
“คนละล้าน! เรารวยแล้วน้ำฝน” พลอยชมพูจูบเช็คเบาๆ โบกพัดไปมาอย่างมีความสุข หยาดพิรุณอมยิ้มไปกับท่าทางดีใจเกินเหตุของพี่สาว“พี่ติ๊บต้องขึ้นไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะคะ รีบขึ้นไปบนบ้านเถอะค่ะ“จริงสิ พี่ไปก่อนนะ”พลอยไพลินรีบเหน็บเช็คไว้ที่ชายพก แล้ววิ่งขึ้นบันไดไป หยาดพิรุณหัวเราะเบาๆกับท่าทางที่ขัดกันกับชุดไทยประยุกต์งดงามที่พี่สาวสวมอยู่ ก่อนเดินตามพี่สาวขึ้นบันไดไปร่วมพิธีมงคลหลังจากฝ่าด่านประตูเงินประตูทองขึ้นมาได้ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็เจรจาสู่ขอตามประเพณี ตรวจนับสินสอดมูลค่าหลายสิบล้านบาท เมื่อเรียบร้อยแล้ว จึงอนุญาตให้เจ้าบ่าวไปรับตัวเจ้าสาวออกมาจากห้องเพื่อทำพิธีมงคลเสียงเปิดประตูห้องทำให้คนที่นั่งรออยู่อย่างใจจดจ่อเงยหน้าขึ้น คนที่เปิดประตูเข้ามาคือเจ้าบ่าวของเธอ เขาสวมชุดราชปะแตนคุมโทนสีเดียวกับชุดที่เธอสวมอยู่ ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มประดับอยู่ หญิงสาวระบายยิ้มหวานเต็มดวงหน้า มองสบสายตาเขาตลอดเวลาที่เขาก้าวใกล้เข้ามา“พี่โย” พลอยไพลินลุกขึ้นจากเก้าอี้ ยืนรอด้วยหัวใจเต้นระทึกวาโยก้าวมั่นคงไปยังร่างงดงามราวกับนางฟ้า เจ้าสาวของเขาสวยจนเข
“ลูกแม่เป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด” แม่กระแตแตะแก้มลูกสาวเบาๆ ท่านยิ้มอย่างปลื้มใจ เห็นลูกสาวมีความสุข คนเป็นแม่ก็พลอยมีความสุขไปด้วยพลอยไพลินยิ้มตอบมารดา หญิงสาวย่อตัวลงเล็กน้อย ซบหน้ากับอกอบอุ่นและโอบกอดท่านไว้เต็มวงแขน“คุณแม่ก็เป็นแม่เจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลกค่ะ”แม่กระแตทอดถอนใจเบาๆ มือบางลูบหัวลูบหลังลูกอย่างอ่อนโยน แม้ในใจลึกๆจะยังห่วงและอยากดึงรั้งลูกไว้กับอกนานกว่านี้ ทว่าเมื่อลูกได้เลือกแล้วว่าจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายคนนี้ คนที่พ่อและแม่ก็รู้ดีว่าเขาสามารถปกป้องดูแลลูกสาวให้มีความสุขได้ตลอดไป และที่สำคัญเขารักลูกสาวของท่านจนหมดหัวใจ ท่านจึงไร้ซึ่งคำทัดทาน“คุณแม่ขา ถ้าพี่เต็นเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุด แล้วติ๊บจะเป็นเจ้าสาวที่สวยกว่าพี่เต็นได้ยังไง” พลอยชมพูกางแขนกอดมารดาอีกข้าง หญิงสาวซบหน้ากับบ่าบอบบางออดอ้อน“หาเจ้าบ่าวให้ได้ก่อนเถอะน่า” พี่สาวว่ายิ้มๆ ทำให้ใบหน้าระรื่นของคนเป็นน้องบูดบึ้ง แก้มชมพูใสป่องน้อยๆอย่างคนงอน พลอยชมพูมองค้อนพี่สาว ก่อนเงยหน้าขึ้นฟ้องมารดา“คุณแม่ขาพี่เต็นว่าติ๊บ”“อย่าว่าน้องสิเต็น” พลอยชมพูยิ้มเยาะอย่างผ
“อื๊อ!” พลอยไพลินหลับตาแน่นอยู่กับซอกคอแกร่ง“ท่าอื่นบ้างนะทูนหัว พี่จะสอนให้” วาโยกระซิบบอกน้อง แล้วปลดแขนน้องออกจากลำคอแกร่ง ปลดสองขาเรียวออกจากเอวสอบ พลอยไพลินยอมอย่างง่ายดาย ร่างกายไร้แรงต่อต้าน หญิงสาวหลับตาลงหนีอายวาโยนั่งคุกเข่ากลางกายสาว สอดลำเนื้อร้อนผ่าวเข้าสู่โพรงรักอุ่นลื่นอีกครั้ง พลอยไพลินหวีดร้องเบาๆ เธอรู้สึกคับแน่นอึดอัด และหลงเหลือความเจ็บอยู่เล็กน้อย หญิงสาวขยุ้มผ้าปูที่นอนไว้แน่น ลมหายใจเริ่มหอบหนักวาโยจับข้อพับขาทั้งสองข้างของน้องแยกถ่างแล้วยกขึ้นสูงจนสะโพกสาวลอยเหนือที่นอน เขาค่อยๆโยกควานลำกายในร่องรักคับแน่น บดขยี้โหนกเนื้อชายกับติ่งกระสันสาว การเคลื่อนไหวเนิบนาบ ทว่าหนักหน่วงจนคนใต้ร่างเริ่มครางประท้วงเพราะความเสียวซ่าน“พี่โย...อา...” พลอยไพลินครางหวิว แอ่นสะโพกแผ่นวลเนื้อให้เขากระหน่ำเข้าหาด้วยความเต็มใจวาโยสูดหายใจยาว หัวใจแกร่งเต้นระรัว ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นไปจับข้อเท้าบางสองข้างแล้วกางออกจนสุด หัวเข่าแกร่งกดลงบนที่นอนข้างสะโพกอวบ ก่อนจะโหมกระหน่ำเสือกไสลำเนื้อเข้าออกอย่างรุนแรงดุดัน บังเกิดเสียงเนื้อปะทะเนื้อประสานเส