“มีเรื่องอะไรหนักใจ กระเต็นบอกพี่ได้นะครับ พี่ยินดีรับฟัง และเต็มใจเป็นที่ปรึกษาให้” ภาสกรยื่นมือออกไปกุมมือบางที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาบีบเบาๆ มองหญิงสาวด้วยสายตาหวานเชื่อม
พลอยไพลินยิ้มแหยๆกับการถึงเนื้อถึงตัวเธอของเขา หญิงสาวชักมือกลับช้าๆ ไม่ให้เป็นการดูเสียมารยาท
“ขอบคุณพี่กรนะคะ แต่ไม่เป็นไร เต็นทำได้แน่นอนค่ะ” พลอยไพลินค่อยๆเลื่อนสองมือลงจากโต๊ะวางไว้บนตัก ซุกซ่อนมันจากการฉวยโอกาสของเขา
ภาสกรมองตามอย่างแสนเสียดาย เพราะแม้ว่าพลอยไพลินจะยอมรับนัดเขาบ่อยๆ หรือกระทั่งเธอเป็นคนนัดเขาเอง แต่หญิงสาวก็ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แตะเนื้อต้องตัวเลย แม้เธอจะดูเป็นปาร์ตี้เกิร์ลแต่เธอก็ไว้ตัวราวกับนางพญา
“น้องกระเต็นของพี่เก่งอยู่แล้ว พี่เชื่อว่าทุกอย่างต้องผ่านไปด้วยดีแน่นอน”
“ค่ะ” พลอยไพลินยิ้มแหยอีกครั้งกับคำว่า น้องกระเต็นของพี่ อยากจะถามเขาเหลือเกินว่า ฉันไปเป็นของคุณตั้งแต่เมื่อไรกันยะ เธอรู้สึกว่า คิดผิดเสียแล้วที่เลือกโทรหาอีตานี่ให้มาเป็นเพื่อนกินข้าวฟังเพลง
ตอนแรกๆที่ผู้ใหญ่แนะนำให้รู้จักกันก็เห็นเขาเป็นสุภาพบุรุษ ให้เกียรติ ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวเธอ เธอก็เลยไว้ใจ แต่พอมาวันนี้ชักจะไม่ใช่อย่างที่คิดแล้ว เขาไม่น่าไว้วางใจ และเธอจะไม่ให้โอกาสเขาอีกแน่นอน อารมณ์ยิ่งกำลังไม่เข้าที่เข้าทางอยู่ด้วย พอมาเจอคนฉวยโอกาสแบบนี้ เลยพลอยทำให้ไอ้ที่เครียดอยู่แล้ว ก็ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่…เธออยากกลับบ้านแล้ว
“กระเต็น” เสียงเรียกคุ้นเคยที่ได้ยินชัดเจนเต็มสองหู ทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้งน้อยๆ และร้อนวาบไปทั้งสันหลัง
พลอยไพลินรีบเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะด้วยสายตาตื่นตระหนก
“พี่โย!” หญิงสาวบอกไม่ถูกว่าจะดีใจหรือตกใจกันแน่ที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ตอนนี้ เธอกำลังอยากกลับบ้านก็จริง แต่เธอไม่อยากกลับกับเขา แต่เธอก็รู้ดีว่าเมื่อเขามายืนอยู่ตรงนี้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะได้กลับบ้านเอง หรือแม้กระทั่งได้นั่งอยู่ตรงนี้ต่อไปอีกเกินห้านาที
“พี่มารับน้องกลับบ้าน” ใบหน้าเรียบเฉย น้ำเสียงทุ้มน่าเชื่อถือ ประกอบกับรอยยิ้มมีมารยาท และท่าทางที่ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วของคนที่อ้างว่ามารับน้องกลับบ้านทำให้ภาสกรอึ้งไปชั่วครู่ ชายหนุ่มรู้ว่าผู้ชายคนนี้คือวาโย เขาเป็นเครือญาติต่างสายเลือดของพลอยไพลิน ผู้ชายคนนี้ได้รับการยอมรับ และได้รับความไว้วางใจให้เข้านอกออกในบ้านของคุณเพชรเพทายและคุณตวิษา ซึ่งเป็นบิดาและมารดาของหญิงสาว แถมเขายังได้รับเกียรติจากบิดาของหญิงสาว ด้วยการให้ลูกๆทั้งสามนับถือเขาในฐานะพี่ชายด้วย ไม่นับที่เขาเป็นพี่ชายต่างมารดาของหยาดพิรุณ ซึ่งเป็นบุตรสาวบุญธรรมที่ผู้ใหญ่ทั้งสองชุบเลี้ยงมาแต่เด็ก ก่อนที่วาโยจะตามหาน้องสาวต่างมารดาจนเจอเมื่อปีที่แล้ว ความสัมพันธ์ของวาโยกับครอบครัวของพลอยไพลินค่อนข้างแน่นแฟ้น ดังนั้นการที่เขามาเอ่ยปากบอกว่าจะพาน้องกลับบ้าน ภาสกรจึงไม่กล้าขัด
ใบหน้าน่ารักงอหงิก ปากจิ้มลิ้มเม้มแน่น จมูกเหมือนมีไฟพ่นออกมาทุกครั้งที่หายใจออก ดวงตาคู่งามราวกับมีกองเพลิงลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ทว่าเธอก็ต้องจำยอมนั่งมาในรถยุโรปคันหรูของคนเป็นต่อ ยิ่งชำเลืองตามองฝ่าแสงสลัวภายในรถแล้วเห็นรอยยิ้มเยาะของเขา เธอก็ยิ่งโมโห อยากจะข่วนหน้าหล่อๆกวนๆสักสิบที หน้าตาแบบนี้จะเห็นเฉพาะเวลาเขาอยู่กับเธอสองต่อสองเท่านั้น คนอื่นน่ะเหรอ...คงเคยเห็นแต่ใบหน้าเคร่งขรึมน่าเชื่อถือ และรอยยิ้มอบอุ่นเป็นมิตรของเขา ไม่มีใครรู้หรอกว่า เขาเป็นเสือซ่อนเล็บ ซ่อนจนมิด จนไม่มีใครสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของเขา มีแต่เธอนี่แหละ ถูกเสือตัวโต เขี้ยวยาว เล็บคมอย่างเขาทั้งตะปบทั้งกัดขย้ำจนบอบช้ำไปแทบจะทั้งตัวแล้ว เกลียด! ...คนเจ้าเล่ห์ คนชอบสร้างภาพ
“ไปกินข้าวไปเป็นเพื่อนพี่ก่อน”
“ไม่ค่ะ เต็นจะกลับบ้าน”
“พี่แค่บอก ไม่ได้ถามว่าเต็นอยากไปไหนสักหน่อย”
น้ำเสียงราบเรียบกับรอยยิ้มบางบนใบหน้าหล่อเหลาทำให้พลอยไพลินอยากจะกรี๊ดให้ลั่นรถ หากแต่การต้องอยู่กับเขาสองต่อสองแบบนี้ ไม่เป็นการดีเลยถ้าเธอจะทำอย่างนั้น เธอเรียนรู้ว่าพี่โยเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ เขาจำเพาะเจาะจงเอาแต่ใจกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น และเขามีวิธีทำโทษที่ทำให้เธอไม่กล้าหือ ไม่กล้าขึ้นเสียงสักแอะ พลอยไพลินยังจำได้ดีถึงตอนที่เธอถูกเขาทำโทษครั้งแรก
ตอนนั้นบริษัทของเขามีหน้าที่รับผิดชอบงานรักษาความปลอดภัยงานแฟชั่นโชว์เครื่องประดับและอัญมณี ซึ่งบริษัทของครอบครัวเธอก็ได้นำเครื่องเพชรไปโชว์ในงานด้วย ในงานนั้นเธอโกหกเขาว่าพลอยชมพูหรือกระติ๊บน้องสาวของเธอโทรมาบอกว่าเครื่องเพชรของบริษัทถูกปล้น เพราะต้องการแยกเขาออกจากน้ำฝน เพื่อเปิดโอกาสให้พี่เพลิงได้ลักพาตัวน้องสาวบุญธรรมของเธอกลับไร่ภูอิงฟ้าไปปรับความเข้าใจกัน เธอโกหกเขา พาเขาเดินวกไปวนมา เขาเองก็ยอมเดินตาม ทั้งที่เขารู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีการปล้นเกิดขึ้น กระทั่งเธอพลาดที่พาเขาเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว
“ไหนล่ะกระติ๊บ” วาโยวิ่งตามพลอยไพลินเข้ามาถึงห้องส่วนตัวที่หยาดพิรุณใช้แต่งตัวก่อนเริ่มงาน
“เอ่อ...สงสัยอยู่อีกห้องหนึ่ง หรืออาจจะอยู่ที่ลานจอดรถ อืม...เต็นว่าเราไปที่ลานจอดรถกันเถอะค่ะ”
ร่างบางเดินกลับไปยังประตูที่เพิ่งเปิดเข้ามาได้ครู่เดียว แต่วาโยกลับเดินมาขวางไว้ ชายหนุ่มกอดอกส่งสายตาดุมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างประเมิน
“โกหกใช่ไหม” คิ้วเข้มเลิกสูงเป็นเชิงถาม พลอยไพลินส่ายหน้าเร็ว “โกหกอะไร เต็นไม่ได้โกหกนะคะ เรารีบออกไปดูที่ลานจอดรถกันเถอะค่ะ เผื่อโจรมันจับยัยติ๊บไปด้วย” วาโยส่ายหน้าน้อยๆ แล้วถอนหายใจ ชายหนุ่มใช้นิ้วชี้เคาะสองครั้งเบาๆที่ข้างใบหูตนเอง ขณะที่สายตาดุไม่ละไปจากใบหน้าของคนที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาตามมือ พลอยไพลินเบิกตากว้างเมื่อเห็นหูฟังแบบไร้สายที่เชื่อมต่อกับวิทยุสื่อสารติดอยู่กับใบหูเขา หญิงสาวถอยหลังไปสองก้าว มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ “เอ่อ...ลูกน้องพี่โยว่าไงบ้างคะ จะ...จับโจรได้แล้วใช่ไหมคะ” วาโยส่งเสียงหึในลำคอ ก้าวเท้าเข้าหาร่างบอบบางในชุดราตรีเกาะอกยาวกรอมเท้าสีเข้ม ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มให้ดูสวยเด่นกว่ายามปกติปกปิดความซีดเผือดของสีหน้าได้เป็นอย่างดี หากแต่แววตาหลุกหลิกของคนทำผิดกลับแสดงออกชัดเจนว่ามีเรื่องปิดบังอยู่ “พี่รู้ว่ากระเต็นโกหกตั้งแต่เดินยังไม่ถึงห้องนี้ด้วยซ้ำ ลูกน้องพี่รายงานมาแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี” วาโยบอกเสียงเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยไร้การแสดงออกซึ่งอารมณ์ใดๆของเขาทำให้พลอยไพลินหายใจไม่ทั่วท้อง “เต็นไม่ได้โกหก” “หลอกพี่
กรี๊ด! ที่ไหนก็ไม่ได้ คนหน้ามึน คนเอาแต่ใจ ตัวไม่ใช่แฟนเค้านะ จะมาจูบเค้าเอาแต่ใจแบบนี้ไม่ได้ พลอยไพลินกรีดร้องอยู่ในใจ เธอเป็นสาวมั่น ออกจะก๋ากั่นในสายตาคนอื่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงกลับกลายเป็นสาวน้อยไร้ความมั่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา พี่โยทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง เขาทำให้เธอหงอ จนพ่อแม่พี่น้องหรือใครๆต่างก็คิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่เก่งทำให้เธอเชื่อฟังได้ ขนาดพี่ชายแท้ๆของเธอยังยอมให้เขาจัดการเธอได้ตามแต่เห็นสมควรเลย ทุกคนเชื่อใจเขาจนเธอหมั่นไส้ เธออยากจะเปิดโปงความจริงว่าเขาไม่ใช่พี่ชายที่แสนดี เขาเป็นพี่ชายที่คิดไม่ซื่อกับน้องสาวอย่างเธอต่างหาก“พี่โยขยับไปนั่งดีๆสิคะ จะมานั่งเบียดเต็นทำไม” แม้ในใจจะเดือดปุดๆ แต่พลอยไพลินพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ พูดกับเขาดีๆ“จุ๊บพี่ทีหนึ่งก่อน แล้วพี่จะยอมทำตามที่เต็นบอก”“พี่โย!” พลอยไพลินถอนหายใจออกมาสุดแรง อยากจะเลื่อนมือขึ้นไปบีบคอเขานักวาโยเลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้าง เขายิ้มกรุ้มกริ่ม รอคอยด้วยความมั่นใจว่า หญิงสาวไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอของเขาแน่นอนพลอยไพลินถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าใกล้ แล้วจุ๊บเบาๆที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของคนเอาแต่ใจห
“หลับตาสิคะ” พลอยไพลินบอกเสียงสั่นน้อยๆ คนรอจูบหลับตาลงอย่างว่าง่าย วาโยยิ้มเต็มใบหน้า เมื่อร่างอรชรขยับเข้าแนบชิด สองแขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาไว้ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าดื่มด่ำกำซาบกับกลิ่นหอมจากกายสาวจนชุ่มปอด และเมื่อริมฝีปากนุ่มๆอุ่นๆแนบประกบ เขาก็เผยอปากรับอย่างเต็มใจเป็นที่สุด“อื้อ!” พลอยไพลินประท้วงในลำคอ เพราะเพียงแค่เธอแตะแต้มริมฝีปากลงบนปากหยักได้รูป ก็ถูกเขาใช้มือแข็งแรงตรึงท้ายทอยไว้แน่น วงแขนอีกข้างเกี่ยวกระหวัดรวบเอวคอดเกี่ยวกอดเธอจนเกยขึ้นไปนั่งบนตักแกร่ง จูบของพี่โยเร่าร้อนราวจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ลงตรงนี้ จูบของเขาเรียกร้องเอาแต่ใจ หวามหวานซาบซ่านราวกับจะหลอมเธอให้ละลายคาอก กระนั้นคนที่ถูกทำโทษด้วยการจูบมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังจูบตอบอย่างเท่าเทียม เสียงครางระงมในลำคออีกฝ่ายทำให้หญิงสาวฮึกเหิม เขาไม่ได้ทำให้เธอหัวหมุนอยู่ฝ่ายเดียว เธอก็ทำให้เขาหัวหมุนได้เหมือนกัน“กระเต็น!” วาโยถอนจูบออกอย่างแสนเสียดาย เขาดันบ่าบอบบางออก จ้องตาเธอในระยะใกล้ ชายหนุ่มหอบหายใจหนักหน่วง เขารู้ตัวเองดีว่าถ้าไม่หยุดตอนนี้ ทุกอย่างอาจเลยเถิดไปไกลสุดกู่ เขายังไม่อยากล่วงเกินน้องมากไปกว่านี้“เก่งเ
“ต่ายให้ใครไปดูพลอยที่เมืองกาญจน์เหรอลูก” แม้จะวางมือจากการงาน ส่งมอบอำนาจและหน้าที่ให้ลูกชายคนโตดูแลทั้งหมดแล้ว แต่เพชรเพทายก็ยังติดตาม ให้คำปรึกษา และคอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงอยู่เสมอ“เต็นเองค่ะคุณพ่อ” พลอยไพลินชิงตอบก่อน หญิงสาวกำลังจะอ้อนขอไม่ไปแต่ทว่า“ดีแล้ว จะได้รู้จักทำการทำงาน เรียนรู้ให้รอบด้าน” แทนที่พ่อเพชรของเธอจะเป็นห่วงเป็นใยลูกสาวที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ท่านกลับสนับสนุนแนวความคิดพี่กระต่ายน้อย เห็นดีเห็นงามไปด้วยเสียนี่ ทำให้คนที่คิดจะหาพวกต่อต้านคำสั่งพี่ชายหน้าตูมทันที“ให้น้องไปคนเดียวหรือกระต่าย” แม่กระแตถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาว“ผมมีทีมบอดี้การ์ดไปคอยคุ้มกันน้องด้วยครับคุณแม่” เพชรนิลบอกให้มารดาคลายกังวล“แต่น้องเป็นผู้หญิง” แม่กระแตยังไม่วายแย้ง“ผมให้คุณนิตยาผู้จัดการแผนกจัดซื้อไปเป็นเพื่อนน้องครับ น้องโตแล้วนะครับคุณแม่ น้องต้องเรียนรู้งานให้รอบด้านเหมือนกับที่คุณพ่อบอกนะครับ” เพชรนิลบอกเหตุผลแก่มารดา เขาเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงลูกสาว แต่สมควรแก่เวลาแล้วที่น้องสาวของเขาต้องเรียนรู้งานอย่างจริงจังเสียที“คุณแ
พลอยไพลินกำลังสับสนว่า เธอต้องการให้เขารับผิดชอบรอยจูบบนปากเธอก็จริง แต่เธอไม่ทันได้คิดว่าจะให้เขารับผิดชอบยังไง“กระเต็น...” วาโยเรียกปลายสายเสียงนุ่มทุ้ม“เอ่อ...กะ...ก็......”“พี่รอฟังอยู่” เมื่ออีกฝ่ายอึกอัก และเงียบไปดื้อๆ วาโยจึงเอ่ยปากเร่งเร้า เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องอยากให้เขารับผิดชอบอย่างไร“เอ่อ...ครั้งต่อไป พี่โยต้องจูบเบาๆ แล้วก็ห้ามทำให้เป็นรอยอีก” วาโยเงยหน้าขึ้น ยิ้มกว้างกว่าเดิม ชายหนุ่มส่ายหน้า ก่อนจะตอบรับข้อเรียกร้องของแม่นกกระเต็นน้อย“ครับ...พี่สัญญาว่า ครั้งต่อไปจะจูบเต็นเบาๆ จะไม่ดูดให้ช้ำ จะไม่เม้มให้เจ็บ จะไม่กัดให้เป็นรอย”“พี่โย!” พลอยไพลินแหวเสียงสูง ใบหน้าสาวร้อนผ่าว เธอคิดผิดแล้วที่โทรมาเรียกร้องความรับผิดชอบจากเขา และเธอพลาดที่พูดถึงการจูบครั้งต่อไป นั่นหมายถึงเธอยอมรับว่ามันจะต้องมีครั้งต่อไปอีกแน่ๆ ตอนนี้เขาคงกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มกับสิ่งที่เธอพูดไป อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดนัก ไปพูดถึงจูบครั้งต่อไปได้ยังไงกัน“เสียงสูงเชียว ไม่ชอบจูบแบบที่พี่บอกเหรอครับ งั้นก็...จูบครั้งต่อไปของเรา ก็คงดุดันเหมือนเ
“ถ้างานนี้สำเร็จ เต็นขอโบนัสหนักๆสักก้อนนะคะ”“ยัยเต็นขี้งก!” เพชรนิลว่าเสียงดัง ยังไม่ทันออกจากบ้านไปทำงาน ยัยนกกระเต็นก็ร้องขอโบนัสซะแล้ว“งกอะไรกัน โบนัสเป็นสิ่งที่ควรได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานนะคะ”“เหรอ” เพชรนิลส่ายหน้ากับการแถของน้องสาว สองพี่น้องคงจะลับฝีปากกันต่ออีกหลายประโยคเป็นแน่ หากรถแลนด์โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่สีขาวรุ่นใหม่ล่าสุดไม่แล่นผ่านประตูรั้วเข้ามาเสียก่อน“รถมารับแล้ว” เพชรนิลบอกยิ้มๆ“แล้วเต็นต้องบอกให้เขาไปรับคุณนิดที่ไหนคะ”“คุณนิดไปรอที่รีสอร์ตตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” พลอยไพลินพยักหน้ารับทราบ หญิงสาวยืนมองรถคันงามแล่นเข้ามาใกล้ด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อรถยนต์แล่นมาจอดเทียบประตูหน้าบ้าน เพชรนิลสั่งให้คนรับใช้ยกกระเป๋าของน้องสาวขึ้นรถ เขาเดินไปเปิดประตูข้างคนขับให้ ส่งน้องสาวขึ้นไปนั่ง แล้วกำชับคนขับรถด้วยน้ำเสียงสุภาพ“ฝากดูแลน้องสาวผมด้วยนะครับ”พลอยไพลินโบกมือให้พี่ชาย ก่อนเขาจะปิดประตูรถให้เธอ หญิงสาวขยับตัวนั่งตรง และกำลังจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพื่อความปลอดภัย แต่คนขับรถกลับไวกว่า เขาโน้มต
เมื่อมองไปทางไหนก็เห็นแต่ทางจะเสียเปรียบ พลอยไพลินจึงชักมือออกมาจากกระเป๋าถือของตน หญิงสาวเม้มปากแน่น สะบัดหน้าหนีสายตาคมดุวาโยยิ้มพอใจกับท่าทางอ่อนข้อของหญิงสาว เขาดับเครื่องยนต์ เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูให้คนที่นั่งหน้าบึ้งตึงไม่ยอมขยับตัวอีกด้าน“ลงมาได้แล้วครับ ช่วงบ่ายเราต้องไปที่เหมืองพลอย”“เต็นจะนั่งรออยู่บนรถ ว้าย!” พูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างอรชรก็ถูกช้อนอุ้มแนบอกแกร่ง พลอยไพลินดิ้นยุกยิก แต่ไม่กล้าทุบตีคนหน้ามึน เธอกลัวเขาทำโทษ“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ”“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ตกลงไปหรอก” วาโยเอ็ดเสียงเข้ม แล้วหันไปสั่งให้พนักงานรีสอร์ตจัดการกระเป๋าของเขาและเธอคนถูกเอ็ดยอมให้เขาอุ้มดีๆ เธอสงบปากสงบคำ กระทั่งเขาอุ้มเธอเดินตามพนักงานจนมาถึงทางเดินไปยังวิลล่าลอยน้ำในลำน้ำแควน้อย“ไม่นอนห้องเดียวกันนะคะ” พลอยไพลินบอกน้ำเสียงจริงจัง“พี่โย! เต็นไม่นอนห้องเดียวกับพี่โยนะ” เมื่อคนอุ้มไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด เขายังคงก้าวเดินไปเรื่อยๆ กระทั่งมาหยุดอยู่วิลล่าหลังริมสุด พลอยไพลินจึงย้ำอีกครั้ง คราวนี้เธอทำร้ายร่างกายเขาด้วยการทุบแผ่
วาโยเอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟาเบด สองมือประสานวางไว้บนหน้าอก เขาชันหัวเข่าด้านที่ติดพนักพิงขึ้น ขาอีกข้างเหยียดตรงตามความยาวของโซฟา ชายหนุ่มหลับตา ทว่าใบหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มน่าหมั่นไส้ พลอยไพลินเดินมาเข้ามาหยุดยืนเท้าสะเอวอยู่ข้างๆ เวลาโกรธ เธอมองเห็นเสือตัวเท่ามด ความระวังตัว และความหวาดหวั่นก่อนหน้านี้หายไปไหนหมดก็ไม่รู้ ตอนนี้เธออยากจะฉะกับคนที่นอนอยู่ตรงหน้ามากกว่า“พี่โย! ไม่ต้องทำเป็นหลับตาเลยนะคะ เพิ่งเดินเข้ามาเมื่อกี้เอง หลับไวขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาเคลียร์เลยนะ” พลอยไพลินคว้าข้อมือข้างหนึ่งของคนแกล้งหลับดึงขึ้นมา ทว่าร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อน ยิ่งเขานอนนิ่งเธอก็ยิ่งโมโห จึงออกแรงดึงสุดกำลัง“อุ๊ย!” ไม่เพียงแต่เขาไม่ลุกขึ้นดั่งใจเธอต้องการ แต่เขายังใช้มืออีกข้างคว้าหมับที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงเพียงนิด ทำให้ร่างนุ่มนิ่มปลิวติดมือเขา ล้มฟุบลงไปเกยอยู่บนอกกว้าง แถมยังถูกวงแขนแข็งแรงรวบกอดไว้แน่นหนา“พี่โย! ปล่อยเต็นนะ” พลอยไพลินใช้สองมือยันอกแกร่งไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนที่เอาแต่หลับตานิ่ง แต่วงแขนกลับรัดเธอไว้เสียแน่น“พี่อยากให้เต็
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกระติ๊บรีบหายเร็วๆนะคะ อยู่แต่ในบ้านแบบนี้น่าเบื่อแย่เลย”“ติ๊บก็อยากหายเร็วๆค่ะ แต่แผลมันไม่เป็นใจ”“แล้วนี่คุณหมอนัดตัดไหมวันไหนคะ” ลำดวนถามขณะที่เดินกลับมา หลังจากเอาอุปกรณ์ล้างแผลไปเก็บแล้ว“ไม่ทราบค่ะ” พลอยชมพูตอบแล้วยิ้มแหยๆ ก็เมื่อวานเธอเอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ไม่สนใจฟังสิ่งที่คุณหมอคุณพยาบาลบอกสักนิด“อ้าว!” ลำดวนมองหน้าคนที่นั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าและแววตาของลำดวนดูงงๆ พลอยชมพูจึงรีบอธิบายต่อว่า“เอ่อ...คุณหมอเขียนใบนัดให้แล้วค่ะ ติ๊บเก็บไว้บนห้อง เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยขึ้นไปดู”“อ๋อ! ค่ะ ว่าแต่คุณกระติ๊บจะเอาอะไรอีกไหมคะ น้าจะได้ขอตัวไปพับนกกระดาษช่วยคนอื่นๆ”“ไม่ล่ะค่ะ แค่นี้ก็รบกวนน้าลำดวนมากแล้ว ว่าแต่จะพับนกกระดาษไปทำอะไรคะ”“สัปดาห์หน้าจะมีลูกค้ามาจัดงานแต่งงานที่รีสอร์ตค่ะ เขาเหมารีสอร์ตทุกหลัง เห็นว่าจัดเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้จ้างออแกไนซ์จัดงาน แล้วทีนี้ลูกค้าอยากใช้นกกระดาษตกแต่งสถานที่ คุณพบเลยจะทำให้เป็นพิเศษค่ะ”“อ๋อ...แบบนี้นี่เอง งั้นติ๊บขอไปพับนกช่วยได้ไหมคะ ติ๊บอยากทำงานบ้าง นั่งอยู่เฉยๆม
“หกเดือนเหมือนเดิมก็ได้ แต่พี่ต่ายต้องบอกมาก่อนว่าคิดถึงน้องกระติ๊บคนสวยมากแค่ไหน” ยายตัวแสบของพี่ชายได้ทีรีบต่อรอง“คิดถึงที่สุดในจักรวาล พอใจหรือยัง”พลอยชมพูยิ้มกับคำตอบ ที่จริงอยากจะบอกเล่าอะไรหลายๆอย่างให้พี่ชายฟัง แต่ก็กลัวเขาจะเป็นห่วง หญิงสาวจึงทำเพียงแค่ยิ้มกับโทรศัพท์ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง เพื่อไม่ให้พี่ชายต้องกังวลใจ“ติ๊บรักพี่ต่ายนะคะ แล้วก็คิดถึงที่สุดในจักรวาลเหมือนกันค่ะ” พลอยชมพูคิดถึงพี่ชายจริงๆ ยิ่งเวลาเจ็บตัวแบบนี้ เธออยากอ้อนอยากให้พี่มาดูแล ถ้าพี่กระต่ายรู้ว่าเธอเจ็บขนาดนี้ พี่ชายของเธอคงรีบมารับกลับบ้านแน่ๆ ดังนั้น เธอจะให้พี่กระต่ายรู้เรื่องนี้ไม่ได้เด็ดขาด“ถ้าคิดถึงกันขนาดนั้น ให้ผมไปส่งที่กรุงเทพไหม” พบรักว่าขณะที่วางร่างบางลงบนโซฟาในห้องโถงของบ้าน“ไปส่งทำไมคะ เราคุยกันรู้เรื่องแล้ว” พลอยชมพูนิ่วหน้ามองเจ้านายด้วยความแปลกใจ“ก็ไม่รู้สิ” พบรักยักไหล่ ถ้าจะบอกว่าอาการของเขาตอนนี้เหมือนคนเหม็นความรัก เขายอมรับเลยว่าใช่“คู่รักห่างกันแค่วันสองวันก็คงตรอมใจ” เมื่อวางหญิงสาวลงเรียบร้อยแล้ว พบรักก็ผ
“คุณต้องไปโรงพยาบาล ต้องเย็บแผล ต้องฉีดยา ถ้าไม่เชื่อฟังกันก็กลับบ้านไปเลย ผมไม่จ้างคนขี้กลัวไร้เหตุผลทำงานด้วย”“อื้อ! ฮึกๆ” สองมือของพลอยชมพูขยุ้มเสื้อเชิ้ตช่วงอกของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงไว้แน่น หญิงสาวซุกหน้ากับอกกว้าง หลับตาปี๋ น้ำตาไหลตลอดเวลา จนเสื้อของคนที่เธออาศัยซุกหน้าอยู่เปียกปอน หญิงสาวสะดุ้งทุกครั้งที่คุณหมอลงเข็มเย็บแผลให้สดๆ เพราะเธอปฏิเสธการฉีดยาชา หญิงสาวให้เหตุผลว่า ถ้าฉีดยาชาก็เท่ากับว่าเธอต้องถูกหมอแทงเข็มเพิ่มอีกหนึ่งเข็ม“หมอเย็บแผลให้เรียบร้อยแล้วนะครับ เดี๋ยวพยาบาลจะมาฉีดยาบาดทะยักให้ คุณจำไม่ได้ว่าเคยฉีดวัคซีนบาดทะยักครั้งล่าสุดเมื่อไร ดังนั้นจะต้องฉีดยาสามเข็มนะครับ เข็มแรกวันนี้ แล้วอีกหนึ่งเดือนให้มาฉีดเข็มที่สอง ส่วนเข็มที่สามให้มาฉีดหลังจากฉีดเข็มที่สองไปแล้วหกเดือนนะครับ หมอจะเขียนใบนัดให้นะครับ”คนกลัวเข็มช็อกซีนีม่าไปตั้งแต่ที่หมอบอกว่าต้องฉีดยาตั้งสามเข็มแล้ว พลอยชมพูไม่มีกะจิตกะใจฟังหรอกว่าคุณหมอพูดอะไรบ้าง หญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกกว้าง ส่ายหน้าไปมาเร็วๆ ที่จริงอยากกรีดร้องโหยหวนออกมาให้สาแก่ใจด้วยซ้ำ ถ้าไ
“ค่ะ น้าจบบอกว่าจะแวะมารับค่ะ” พลอยชมพูบอกแล้วนั่งลงบนเสื่อ“ไปกับผมก็ได้ จะพาไปแนะนำให้พนักงานในห้องครัวรู้จักด้วย”“ได้ค่ะ คุณพบรอแป๊บนะคะ ติ๊บขอไปใส่รองเท้าก่อน” ร่างสมส่วนรีบลุกขึ้นเดินเท้าเปล่ากระย่องกระแย่งเพื่อไปสวมรองเท้าที่ถอดอยู่ไกลๆ พบรักมองตามแล้วส่ายหน้า กะเปิ๊บกะป๊าบแบบนี้เดี๋ยวก็ได้หกล้มเหมือนตอนนั้นอีกหรอก“โอ๊ย!” เสียงอุทานของหญิงสาวกับการทรุดตัวลงนั่งทันทีทำให้พบรักที่มองตามหญิงสาวทุกฝีก้าวรีบวิ่งเข้าไปหาเธอ“เป็นอะไร” ชายหนุ่มนั่งลงใกล้ๆแล้วถามน้ำเสียงติดดุ เพราะเขาคิดว่าเธอเดินไม่ระวัง“เหยียบอะไรก็ไม่รู้ค่ะ” พลอยชมพูนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นดินร้อนระอุ หญิงสาวหงายฝ่าเท้าขึ้นมาดู เลือดสีแดงสดเลอะเต็มฝ่าเท้าขาวๆ ทั้งมีเศษดิน เศษใบไม้ และมีเศษขี้วัวติดอยู่ด้วยพบรักกวาดสายตามองบริเวณที่หญิงสาวนั่งอยู่ แล้วเขาก็พบเศษแก้วชิ้นใหญ่อยู่ใกล้ๆ แถมยังมีรอยเลือดติดอยู่เล็กน้อยด้วย“เหยียบเศษแก้ว แผลน่าจะลึกพอสมควร” ชายหนุ่มคาดคะเนเอาจากเลือดที่ไหลออกมาค่อนข้างเยอะ พอเขาเงยขึ้นมองหน้าคนเหยียบเศษแก้วก็เห็นเธอทำหน้าตาบิดเบ้ น้ำตาร
สายลมเย็นพัดโชยมาเอื่อยๆ จากที่คิดว่าจะนอนเล่นๆ พอได้เหยียดตัวนิดหน่อย ดวงตาคู่สุกใสก็เริ่มหรี่ปรือลงจนเกือบปิด แต่แล้วก็ต้องเบิกกว้างขึ้นทันทีเพราะเสียงห้าวที่ดังขึ้นเหนือศีรษะ“นี่มาทำงานหรือว่ามาพักผ่อนกันแน่”พลอยชมพูดีดตัวลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเงยหน้ามองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ด้วยสายตาไม่พอใจเท่านัก เขาจะพูดดีๆไม่ได้หรือยังไงนะ ทำไมต้องตะคอกเสียงดังด้วย นี่ถ้าเกิดเธอเป็นโรคหัวใจอยู่นะ ป่านนี้คงหัวใจวายตายไปแล้ว“มาทำงานค่ะ งานเสร็จแล้วเลยมานั่งพัก”“ที่เห็นเมื่อกี้เรียกนั่ง?”กรามเล็กขบกันดังกึก อยากเถียงใจจะขาด แต่ก็ได้แต่ท่องเอาไว้ในใจว่าเขาคือเจ้านาย คือคนที่เธอมาขอทำงานด้วย เขาเป็นคนจ่ายค่าแรงตลอดหกเดือนที่เธอจะไม่ได้รับเงินเดือนจากพี่ชาย เพราะพี่กระต่ายอ้างว่าหากไม่อยู่ทำงานที่บริษัทด้วย ก็จะไม่จ่ายเงินเดือนให้ เงินเก็บส่วนอื่นก็ห้ามเบิกมาใช้ และห้ามขอเงินคุณพ่อคุณแม่เด็ดขาด บัตรเอทีเอ็ม บัตรเครดิต และสมุดบัญชีเงินฝากทุกประเภทในนามเธอ ถูกพี่กระต่ายยึดไว้หมดเลย แต่พี่ชายแสนดีของเธอก็ยังพอมีน้ำใจอยู่บ้าง ด้วยการให้เงินสดติดตัวมาหนึ่งหมื
น้ำเสียงสดใสกังวานทว่าสุภาพอย่างที่ผู้มีอายุน้อยกว่าพึงใช้กับผู้ใหญ่ ทั้งยิ้มหวานและแววตาจริงใจ กอปรกับใบหน้าอ่อนใสน่ารักของหญิงสาว ทำให้ลำดวนนึกเอ็นดูลูกจ้างคนใหม่ของเจ้านายจนหมดใจ“ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ เสร็จแล้วพี่จบจะมารับไปทำงานนะคะ”“ค่ะ” พลอยชมพูรับคำกระตือรือร้น เธอจะได้เริ่มทำงานจริงจังแล้ว งานที่ออกจากกรอบเดิมๆที่เห็นมาตั้งแต่เด็ก แค่คิดก็สนุกแล้ว“เอ่อ...ทำปุ๋ยคอกหมักหรือคะ” พลอยชมพูถามคนที่ขับรถกระบะพาเธอมาถึงโรงเรือนเพาะชำกล้าไม้ของรีสอร์ต ซึ่งอยู่เกือบสุดเขตพื้นที่รีสอร์ตห้าสิบกว่าไร่“ใช่ครับ วันนี้คุณพบบอกว่าให้คุณกะติ๊บเริ่มทำงานในสวนเป็นลำดับแรกครับ” ประจบบอกขณะที่เดินนำลูกจ้างคนใหม่ไปยังบริเวณที่เตรียมวัสดุอุปกรณ์ทำปุ๋ยคอกหมักไว้แล้ว“แล้วทำไมเราต้องหมักด้วยล่ะคะ ปุ๋ยคอกพอได้มาแล้วก็เอาไปใส่แปลงผักหรือต้นไม้เลยไม่ได้หรือคะ” “ปุ๋ยคอกสดๆยังเอาไปใช้ไม่ได้ครับ เพราะมันยังไม่ผ่านกระบวนการย่อยสลาย เวลาเราเอาปุ๋ยคอกสดๆไปใส่ต้นไม้เลย จุลินทรีย์ในดินจะดึงไนโตรเจนจากต้นไม้มาช่วยในการย่อยสลายปุ๋ยคอก แท
“เดี๋ยวลำดวนไปเอายาดมมาให้นะคะ เผื่อจะดีขึ้น คุณรอสักครู่นะคะ”ลำดวนลุกไปแล้ว จึงเหลือเพียงสองหนุ่มสาว พบรักถอนใจแรง มองคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาดูแคลนพลอยชมพูนึกโมโหร่างกายตัวเอง น่าขายหน้าชะมัด กะอีแค่นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คันใหญ่มาแค่ไม่กี่นาทีก็ถึงกับต้องเมารถ ยิ่งพอเหลือบตาขึ้นสบสายตาคนตัวโตที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าด้วยแล้ว หญิงสาวก็ชักฉุน เขาต้องกำลังเยาะเย้ยเธออยู่ในใจแน่ๆ คนอย่างพลอยชมพูเสียอะไรไม่ว่า แต่จะเสียหน้าไม่ได้นะ“จะไปไหน” เมื่อเห็นคนตัวเล็กขยับทำท่าจะลุกขึ้น พบรักจึงเอ่ยถามเสียงเข้ม ก็เห็นบอกว่าเวียนหัว ยังจะลุกขึ้นอีก ไม่รู้จักเจียมสังขารตัวเองบ้างเลย“จะไปห้องพักค่ะ อยู่ทางไหนคะ” พลอยชมพูฝืนลุกขึ้นยืนทั้งที่เวียนหัว ตาพร่ามัว มองเห็นภาพเบลอทับซ้อนไปหมด แต่ถ้าให้เธอเลือกระหว่างฝืนเดินไปพักผ่อนที่ห้องพัก กับนั่งอยู่ตรงนี้ให้เขามองด้วยสายตาสมเพชเวทนา เธอขอเลือกอย่างแรกดีกว่า“อยู่ชั้นบน เดินไหวหรือ” น้ำเสียงเยาะเย้ยอยู่ในทีทำให้คนเมารถมีแรงฮึดพลอยชมพูไม่ตอบ หญิงสาวมองไปยังบันไดที่อยู่ไม่ไกล เธอเดินช้าๆตรงไปยังจุดหมาย
“จับดีๆ ระวังตก” พบรักคร้านจะเถียงกับคนปากดีแล้ว เพราะตั้งแต่ค่ำมานี่เขาวุ่นวายแต่กับเธอคนเดียวจนไม่เป็นอันต้องทำอะไร“ว้าย!” พลอยชมพูรีบโน้มตัวไปกอดคนขับแทบไม่ทัน เมื่อคนที่เพิ่งบอกเธอว่าให้จับดีๆขับรถออกตัวอย่างรวดเร็วจนเธอแทบหงายหลัง หญิงสาวเกร็งไปทั้งตัว เธอกลัวตก กลัวเขาจะพารถล้ม เรียวขาเสลาหนีบแนบอยู่กับต้นขาแกร่งทั้งสองข้าง เธอรับรู้ถึงการขยับของกล้ามเนื้อต้นขาในตอนที่เขาเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้ง ยิ่งเขาเพิ่มความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็กอดกระชับเขาแน่นยิ่งขึ้นเช่นกัน สองร่างแนบชิดจนรู้สึกได้ถึงไออุ่นของกันและกัน ทว่าพลอยชมพูไม่คิดใส่ใจ หญิงสาวแนบแก้มกับแผ่นหลังกว้าง หลับตาปี๋ไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้น ในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้กลับถึงรีสอร์ตอย่างปลอดภัยใช้เวลาสิบห้านาทีพบรักก็พาคนงานใหม่กลับมาถึงรีสอร์ต ชายหนุ่มถอดหมวกกันน็อกออก แล้วถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนเบี่ยงหน้าไปบอกคนที่ยังคงนั่งกอดเอวเขาไว้แน่น แม้ว่าเขาจะจอดรถและดับเครื่องแล้วก็ตาม“ลงไปได้แล้ว”เสียงห้วนติดดุทำให้พลอยชมพูลืมตาขึ้นทีละข้าง คิ้วเรียวขมวดมุ่น เมื่อเห็นภาพวิวทิวทัศน์ชัดเจน ไม่ได้เป็นภา
พลอยชมพูนั่งรอจนถึงสองทุ่มก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีรถมารับ หญิงสาวเริ่มกระวนกระวาย มองซ้ายขวาด้วยความระแวง แสงไฟนีออนหลอดเดียวภายในเพิงพักที่ติดๆดับๆยิ่งทำให้เธอขวัญผวา ผู้คนเริ่มบางตาจนแทบไม่เหลือใคร แม่ค้าแม่ขายเข็นรถกลับบ้านไปจนหมดแล้ว ตึกแถวขนาดสี่คูหาที่มีร้านขายของชำเล็กๆเพียงร้านเดียวก็เลื่อนประตูเหล็กปิดหนีเธอไปแล้วด้วย มือเรียวสวยล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าถือ พลอยชมพูตัดสินใจโทรหาพบรักอีกครั้ง เธอไม่ได้คิดจะเร่งเขา แต่อย่างน้อยก็ขอให้ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ลืมที่รับปากเธอไว้ว่าจะส่งคนมารับเธอที่นี่ หญิงสาวโทรหาเขาถึงสามครั้ง ทว่าคนที่เธอโทรหากลับไม่ยอมรับสาย ใบหน้าน่ารักเริ่มฉายแววกังวลชัดเจนขึ้น ขณะที่หญิงสาวนั่งรอนายจ้างส่งคนมารับอยู่ด้วยความเป็นกังวลอยู่นั้น ก็มีจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงแต่งท่อให้มีเสียงดังเกินที่กฎหมายกำหนดแล่นผ่านเพิงพักผู้โดยสารไปอย่างรวดเร็ว แต่เพียงครู่เดียวมันก็วกกลับมาจอดตรงหน้าเธอ สัญชาตญาณระวังภัยทำให้พลอยชมพูกอดกระเป๋าเป้ใบใหญ่แนบอกแล้วรีบลุกขึ้นยืนท