“พี่มารับกลับบ้าน” เพลิงตะวันมองสบตาน้องสาว พูดด้วยน้ำเสียงติดดุ
“ค่ะ พี่เพลิง พี่พร้อม น้องพริ้งคะ ขึ้นไปเอากระเป๋าบนห้องกับคุณแม่เถอะ”
พรรณดารารับคำพี่ชาย แล้วหันไปเรียกลูกทั้งสองให้ขึ้นไปเอากระเป๋าด้วยกัน เมื่อสามแม่ลูกออกไปจากห้องรับประทานอาหารแล้ว กวีจึงยืนขึ้นมองสบตาอดีตพี่เมียด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมต้องมารับ กูไปส่งลูกเมียเองก็ได้”
“แต่ผมไม่อยากให้พี่ไปเหยียบที่ไร่ว่ะ” เพลิงตะวันสวนกลับทันควัน
“แล้วทีมึงมาเหยียบบ้านกูล่ะ”
“ถ้าน้องกับหลานของผมไม่ได้อยู่ที่นี่ คิดเหรอว่าผมอยากจะมาเหยียบ อ้อ...” เพลิงตะวันเว้นจังหวะการพูด เขายิ้มดูแคลนไอ้คนที่เคยทำให้น้องสาวเขาเสียใจ
“ถึงแม้ผมไม่อยากมาเหยียบบ้านนี้เท่าไร แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นมาเหยียบหน้าใครสักคน บอกตรงๆว่าผมอยากมามาก”
“ไอ้เพลิง!”
“พอๆ ตาวีนั่งลงกินข้าวได้แล้ว พ่อเพลิงทานข้าวต้มด้วยกันก่อนสิ” คุณย่ากิ่งแก้วรีบห้ามทัพหนุ่มเลือดร้อนทั้งสอง ท่านโบกไม้โบกมือเป็นเชิงห้ามปราม เมื่อสองหนุ่มหันไปทางผู้สูงวัยที่ยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ทั้งสองเห็นสายตาตำหนิของคุณปู่กัมพล กับอาการส่
“ไอ้เพลิง!” กวีอยากจะเหนี่ยวคอมันมาชกอีกสักเปรี้ยง มันพูดแค่นั้นก็จริง แต่หน้าตาท่าทางมันกวนอวัยวะเบื้องล่างยิ่งนัก มันต้องการยั่วโมโหเขา เพื่อให้เขาเริ่มก่อน เพื่อให้เขาดูไม่ดีในสายตาเมีย“พอได้แล้ว! พี่เพลิงคะ เรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” พรรณดารารู้ฤทธิ์ของคนทั้งคู่ดี หญิงสาวไม่อยากปวดหัวไปมากกว่านี้แล้ว ทางที่ดีคือพาพี่ชายออกห่างจากอดีตสามีให้เร็วที่สุดจะดีกว่าเมื่อเมียหันหลังเดินหนี กวีจึงขยับตัวจะรีบเดินไปดักหน้า ทว่าคนหวงน้องก็เข้ามาขวางไว้“ไอ้เพลิง!”“แน่จริงก็ชกผมอีกสิ หนูพรรณจะได้เกลียดพี่มากกว่านี้ หรือไม่ก็อาจจะไม่ยอมพาลูกกลับมาเหยียบบ้านพี่อีกเลยก็ได้” เพลิงตะวันยิ้มเยาะ“ไอ้เชี่ยเพลิง!” กวีเงื้อหมัดขึ้น กะว่าจะชกปากหมาๆให้แตกยับอีกสักแผล ทว่าเสียงหวานก็ตวาดแหวขึ้นเสียก่อน“พี่วี!”กวียั้งหมัดไว้ได้ทัน เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลดหมัดลงแนบลำตัวเพลิงตะวันยิ้มเยาะอย่างสะใจ“กลับก่อนนะครับ คุณอดีตน้องเขย” พูดจบร่างสูงเดินตามน้องสาวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนเมียไม่รักมองตามด้วยความโมโห“คิดเหรอว่ากูจะยอมม
“ไปนอนไกลๆพี่เพลิง พี่เพลิงช่วยตัดสินใจให้ทีสิคะว่าน้ำฝนจะไปนอนที่ไหนดี บ้านพ่อเพชร หรือบ้านพี่โยดีคะ”เพลิงตะวันส่ายหน้าเร็วๆ กอดเมียรักไว้แน่น“พี่ไปนอนบ้านโน้นก็ได้ คืนเดียวเท่านั้นนะครับ แค่คืนเดียว พี่สัญญาว่าต่อไปนี้จะไม่ไปมีเรื่องกับพี่วีอีกแล้ว น้ำฝนอย่าไปไหนนะ พี่ไม่ให้ไปทั้งบ้านลุงเพชร ทั้งบ้านพี่โยนั่นแหละ นอนที่บ้านเรานะครับ พี่จะไปนอนบ้านโน้นเอง” คนกลัวเมียหนีไปไกลรีบคายความจริงออกมา และยอมรับโทษแต่โดยดีหยาดพิรุณถอนหายใจเบาๆ คร้านจะบอกจะตักเตือนแล้ว คนแบบพี่เพลิงต้องโดนลงโทษซะบ้าง ไม่อย่างนั้นก็ไม่หลาบจำพรรณดาราหัวเราะคิกเมื่อเห็นพี่ชายสวมชุดนอนเดินเข้ามาในบ้านตอนสามทุ่ม แม่พราวและพ่อนนท์ ที่กำลังนั่งพูดคุยกันอยู่หันไปมองตามสายตาบุตรสาว แล้วก็พากันหัวเราะตาม ซึ่งการหัวเราะนั้น...แฝงความเยาะเย้ยอยู่ในที คนถูกพ่อแม่และน้องสาวหัวเราะซ้ำเติมทำหน้ายุ่ง ส่งสายตาดุมองแม่น้องสาวตัวดีคนเริ่มหัวเราะก่อนใครเพื่อน“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยหนูพรรณ เพราะเรานั่นแหละ ไม่ช่วยไปยืนยันว่าพี่หกล้มจริงๆ น้ำฝนก็เลยไม่เชื่อ”เพลิงตะวันนั
“แค่โรงแรม พี่วีก็แทบไม่มีเวลาให้หนูกับลูกแล้ว ถ้าต้องไปบริหารที่นั่นอีก วันหนึ่งเราจะเจอหน้ากันถึงชั่วโมงไหมคะ” พรรณดาราเบี่ยงตัวออกจากอ้อมกอดสามี ขยับกายหันหลังให้เขาอย่างแง่งอน ลำพังกิจการโรงแรมขนาดใหญ่และธุรกิจอีกหลายอย่างที่เขาเป็นเจ้าของ เขาก็ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาให้เธอกับลูกแล้ว นี่เขายังจะซื้อกิจการใหม่เพิ่ม แถมยังเป็นกิจการที่กำลังมีปัญหา เชื่อได้เลยว่าเวลาอันน้อยนิดที่เขาเคยมีให้เธอกับลูกต้องถูกแย่งไปแน่นอน“หนูพรรณ...” กวีถอนหายใจเบาๆ เจรจาธุรกิจว่ายากแค่ไหนเขาก็ทำเสร็จมาแล้วนักต่อนัก แต่เจรจาให้เมียยอมตามใจนี่ยากชะมัด“แล้วไหนจะยายมยุรีแม่หม้ายเนื้อหอมวัยสี่สิบกะรัตที่ถือหุ้นอยู่อีกตั้งสี่สิบเปอร์เซ็นต์นั่นอีก” พรรณดาดาราพูดเสียงขึ้นจมูก ก็ได้...เธอยอมรับก็ได้ว่า ที่เธอง้องแง้งอยู่เนี่ยไม่ใช่เพราะไม่ชอบธุรกิจกลางคืนอย่างเดียวหรอก แต่เธอไม่อยากให้สามีใกล้ชิดกับมยุรี เธอเคยเจอยายแม่หม้ายนั่นสองสามครั้งในงานเลี้ยงระดับจังหวัดที่ไปกับสามี ยายนั่นเป็นแม่หม้ายไฟแรงสูง ที่พร้อมจะช็อตผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ แล้วถ้าได้มาทำงานใกล้ชิดกับพ่อของลูกเธอก็คงมิวายอยากจะช็อ
ดวงตาคู่งามมีหยาดน้ำคลอเต็มสองหน่วย หญิงสาวมองภาพลูกน้อยทั้งสองที่กำลังนอนหลับผ่านม่านน้ำตา ร่างบางสั่นสะท้าน เมื่อพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกหนักอึ้งที่ถ่วงอยู่ในหัวใจ แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถฝืนตัวเองไว้ได้ พรรณดาราปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเนียน และเมื่อเสียงสะอื้นไห้หลุดออกมา หญิงสาวก็รีบยกสองมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้แน่น เธอไม่อยากให้ลูกตื่นมาเห็นตัวเองในสภาพนี้ แต่แม้ว่าจะปิดปากไว้แน่นเพียงใด กระนั้นก็ยังมีเสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาเบาๆ“พี่เพลิงกลับบ้านไปแล้วหรือคะคุณแม่” พรรณดาราเอ่ยถามมารดา หลังจากดูแลความเรียบร้อยบนโต๊ะอาหารให้ลูกน้อยทั้งสองเรียบร้อย ก่อนปล่อยให้พวกเขารับประทานอาหารเช้ากันเอง“เปิดตูดไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสางแล้วจ้ะ” แม่พราวตอบแล้วส่ายหน้าให้กับอาการติดลูกเมียของลูกชาย อยู่ใกล้กันแค่นี้ แค่นอนคนละบ้านยังจะเป็นจะตาย ถ้าขืนน้ำฝนแอบหนีกลับกรุงเทพขึ้นมาจริงๆ เจ้าลูกชายตัวดีคงขาดใจตายพรรณดาราหัวเราะเบาๆกับคำตอบที่ได้จากมารดา หญิงสาวนั่งลงข้างน้องพริ้ง เริ่มรับประทานอาหารเช้าพร้อมลูกๆ“เย็นนี้มีธุระไปไหนหรือเปล่าหนูพรร
ร่างงดงามเย้ายวนในชุดเซ็กซี่ทำให้อารมณ์หวงของเขาพุ่งสูงปรี๊ด ชุดราตรีของเธอยาวกรอมเท้าก็จริง แต่มันเป็นแบบสายเดี่ยวผูกคอ เปิดไหล่เปิดหลัง และกระโปรงด้านหน้าก็แหวกไปถึงไหนต่อไหน ยามเธอเยื้องย่างแต่ละก้าว ก็ต้องโชว์ขาขาวเนียนสวยให้คนอื่นได้เห็น เขาจำชุดนี้ได้ เธอสั่งตัดมาเพื่อจะใส่ไปงานเลี้ยงประจำปีของสมาคมเจ้าของกิจการโรงแรมของจังหวัดคู่กับเขา แต่เขาเห็นเข้าเสียก่อนจึงสั่งห้ามไม่ให้ใส่เด็ดขาด แล้วนี่เธอกล้าดียังไงถึงหยิบมันมาใส่ มาอวดเนื้อหนังมังสาให้คนอื่นได้มองกัน ไหนจะอกอวบอัดที่แทบล้นทะลักออกมานั่นอีก มันเป็นของเขาคนเดียว เธอจะมาอวดให้คนอื่นเห็นแบบนี้ไม่ได้ ถึงจะเห็นเพียงวับๆแวมๆก็ตามเถอะ เขาไม่ชอบพรรณดารารู้สึกเหมือนมีคนจับจ้องอยู่ จึงหันมองรอบๆกาย หญิงสาวเบิกตากว้างเล็กน้อยเมื่อพบว่าสายตาคู่คมที่จ้องมองอยู่ไม่ไกลคืออดีตสามี เธอทำใจมาก่อนหน้านี้แล้วว่าอาจจะต้องเจอเขาในงาน แต่ถึงอย่างนั้นหัวใจก็ยังเต้นไม่เป็นส่ำ ปกติการพบเจอระหว่างเธอกับเขามักจะมีลูกๆอยู่ด้วย แต่ครั้งนี้เธอเจอกับเขาตัวต่อตัว และที่นี่ไม่ใช่บ้านเขา ไม่ใช่บ้านเธอ ไม่มีผู้ใหญ่ฝ่ายเธอและเขาอยู่ด้วย คนบ้าระห่ำ
พสุออกจะแปลกใจกับข้อมูลที่เพิ่งทราบ แสดงว่าที่ใครๆรับรู้ว่าสองคนนี้เลิกกันแล้วไม่เป็นความจริงหรือ แต่ถ้ายังเป็นคู่สามีภรรยากันจริงๆ ทำไมอีกคนถึงทำท่าทีห่างเหิน ไม่สนใจไยดีสามีตัวเองเลยล่ะ“ไม่ต้องทำหน้าสงสัยอะไรทั้งนั้น รู้แค่ว่าผมกับหนูพรรณยังเป็นผัวเมียกันอยู่ และคุณก็ไม่ควรมาหยอดคำหวานเลี่ยนๆใส่เมียคนอื่นอีก มันน่าเกลียด” กวีรู้นะว่ามันสงสัย ก็เมียรักของเขาทำเหินห่างหมางเมิน ไม่ยอมมองหน้าผัวแบบนั้น ใครจะไม่สงสัยกันเล่า เดี๋ยวเถอะ...เขาจะจับคนเมินผัวมาลงโทษเสียให้หนำใจพสุมองตามร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลเดินไปทางเดียวกับที่พรรณดาราเพิ่งเดินไป ชายหนุ่มหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ ถึงแม้จะยังไม่ได้เลิกกัน แต่ดูจากท่าทางของคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมียของกวีแล้ว คงไม่อยากจะญาติดีกับสามีสักเท่าไร แสดงว่าแม้จะยังไม่หย่าร้างกัน แต่ทั้งสองก็คงมีเรื่องบาดหมางใจกันอยู่ ไม่อย่างนั้นพรรณดาราก็คงไม่หนีกลับไปอยู่ไร่ภูอิงฟ้าหรอก...เขายังมีหวัง“หนูพรรณ” กวีเรียกคนที่ก้าวฉับๆเดินออกจากงานไปอย่างรวดเร็ว ทว่าเจ้าของชื่อกลับไม่หันมามองเขา เธอใช้สองมือจับยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้
“พี่ว่า คืนนี้เราสองคนมีเรื่องต้องคุยกันยาว”“พี่วี!” พรรณดาราร้องเรียกเขาเสียงหลง เมื่อถูกรวบตัวขึ้นพาดบ่า หญิงสาวทุบตีแผ่นหลังกว้างสุดแรง แต่ก็ถูกเขาเอาคืนด้วยการตีก้นแรงๆสองที“พี่วี! หนูเจ็บนะ” หญิงสาวโวยลั่น“เจ็บสิดี จะได้จำว่าไม่ควรทำแบบนี้อีก”“คนบ้า!” กวีไม่สนว่าเธอจะโวยวายหรือดิ้นรนแค่ไหน ชายหนุ่มแบกเธอกลับเข้าไปทางประตูเดิม แล้วลัดเลาะพาตรงไปยังลิฟต์ส่วนตัวด้านหลัง กดลิฟต์ชั้นสูงสุดซึ่งเป็นชั้นวีไอพีที่มีเพียงห้องพักของเขา และของบิดามารดาเท่านั้นกวีโยนร่างคนที่กล้าดีโนบรามางานเลี้ยงลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์ พรรณดารากระเด้งกระดอนไปบนเตียงกว้าง เมื่อตั้งตัวได้ หญิงสาวก็รีบลุกขึ้นนั่ง มองคนที่โยนเธอราวกับเป็นผักเป็นปลาด้วยสายตาขึ้งโกรธ“คนป่าเถื่อน โยนลงมาได้ยังไง หนูเจ็บนะ” หญิงสาวกำหมัดแน่น อยากจะชกเขาสักเปรี้ยง“นี่ยังน้อยไป หนูพรรณก็รู้ว่าพี่หวง ทำไมถึงทำตัวแบบนี้”“เอาสิทธิ์อะไรมาหวง เราเลิกกันแล้ว”กวีตรึงสายตาดุไว้ที่แม่ดาวยั่ว ทั้งยั่วโมโหและสภาพตอนนี้ก็ยั่วยวนชวนให้คลุกวงใน ชายหนุ่มรูดเนกไทออกโยนไปข้างหลัง ถ
พรรณดาราเชิดใบหน้าขึ้นสูง หลับตาแน่น กรีดร้องออกมาสุดเสียง และแอ่นแผ่นหลังโค้งเหนือที่นอน น้ำสวาทสาวกระเซ็นซ่านหลั่งรินล้นทะลัก สุขสมหวานหวาม อิ่มเอมในรสรัก กระทั่งผ่อนคลาย หญิงสาวจึงทิ้งตัวลงแนบที่นอน หอบหายใจระทวยอย่างเหนื่อยล้า“เปลี่ยนท่านะครับ” กวีกระซิบบอกชิดใบหูขาว เขายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่นัยน์คู่สวยที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ“พี่วี! หนูไม่ไหวแล้ว” พรรณดาราบอกเขาด้วยเสียงแหบแห้ง ท่าทางอ่อนระโหยน่าสงสาร“พี่รู้ว่าหนูได้แค่ไหน” กวียิ้มให้กำลังใจ ก่อนจับร่างสาวพลิกคว่ำ ดึงรั้งสะโพกสวยยกสูง แยกหัวเข่าขาวออกกว้าง เปิดแย้มกลีบอวบฉ่ำน้ำต่อสายตาคม“อ๊ะ! พี่วี...” พรรณดาราเรียกเขาเสียงสั่นพร่า สะโพกอวบสั่นระริก เมื่อถูกปลายลิ้นสากลากไล้บางเบากวียิ้มพอใจกับเสียงหวานๆที่ออกจากปากเธอ เขาจับลอนสะโพกสองข้างบิแยก ลากลิ้นปาดเลียน้ำสวาทสาวด้วยจังหวะช้าเนิบนาบ ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงการสั่นสะท้านของร่างสาวเป็นระยะ“อา...พี่วี...” หลังจากถูกเขาปลุกเร้าด้วยปลายลิ้นอยู่ครู่เดียว คนที่อ้างว่าไม่ไหวแล้วก็กระดกสะโพกโยกเข้าหาใบหน้าที่ซุกซบอยู่กับแอ่งเนื้ออุ่นอ้าวของตน
“กระติ๊บ” พบรักเรียกคนที่ยังเมาไม่รู้เรื่อง หวังให้เธอได้สติสักน้อยนิดก็ยังดี เขาจะได้บอกให้เธอจัดการอาบน้ำทำความสะอาดตัวสักหน่อย ขืนปล่อยไว้อย่างนี้ไม่ดีแน่“ขา...” พลอยชมพูเงยหน้าขึ้น ขานรับเสียงยานคางหวานจ๋อย ทว่าดวงตาคู่งามยังหลับพริ้ม ริมฝีปากอิ่มสวยคลี่ยิ้มหวานเย้ายวน“คุณควรอาบน้ำ” พบรักถอนหายใจ แล้วบอกคนที่ยืนอิงแนบอกตัวเองอยู่ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่ควรอาบน้ำหรอก เขาก็ด้วย เพราะเปื้อนไปทั้งตัว ทั้งกลิ่นก็ชวนให้คลื่นเหียนอาเจียนออกมาสมทบกับเธอเหลือเกิน“ไม่อาบ จะนอนค่ะ” พลอยชมพูบอกแล้วซบหน้ากับอกกว้าง“ไม่อาบไม่ได้” พบรักบอกเสียงเข้ม จับบ่าของคนยืนโงนเงนดันตัวเธอออกห่าง“ไม่หวายยย...ง่วงค่ะ มึนหัวด้วย” พลอยชมพูส่ายหน้า โบกไม้โบกมือว่าไม่ไหวจริงๆพบรักถอนหายใจแรง ชักรำคาญยายเมรีขี้เมา ถ้ายังต่อล้อต่อเถียงกับเธออยู่นี่ เขาก็คงไม่ได้พักผ่อนสักที ชายหนุ่มจึงตัดสินใจดันร่างสาวไปยืนใต้ฝักบัว แล้วเปิดน้ำชำระล้างร่างกายเธอ ทว่าเมื่อคนเมาถูกสายน้ำรินรดตัวก็สะดุ้ง กระโดดเข้ามากอดเขาไว้แน่น“กระติ๊บ! ทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย” พบรักอยากจะจับแม่ตั
“ถ้าบอกว่าไม่พอใช้ คุณพบจะเพิ่มเงินเดือนให้ติ๊บเหรอคะ” พลอยชมพูถามแล้วยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย“เปล่า จะบอกว่าไม่พอก็ต้องพอ”“โธ่! ก็นึกว่าจะใจดีให้เงินเดือนเพิ่ม” ใบหน้ายิ้มร่าเมื่อครู่หุบลงทันควัน“คนอื่นเขายังพอใช้เลย อยู่ที่นี่บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ผมไม่เห็นว่ากระติ๊บมีความจำเป็นต้องใช้เงินเลยนะ”“ผู้ชายก็งี้แหละ ไม่เข้าใจผู้หญิงเอาเสียเลย คุณพบรู้ไหมว่าผู้หญิงน่ะ เขามีของที่ต้องซื้อใช้ประจำเดือนเยอะแยะ”“ของใช้ประจำเดือน...หมายถึงผ้าอนามัยเหรอ มันก็ไม่น่าจะแพงอะไรขนาดนั้นนะ”พลอยชมพูถอนหายใจแรง ตาคู่งามเหลือบมองบน“ติ๊บไม่คุยกับคุณพบแล้ว ผู้ชายอะไรไม่เข้าใจความเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย ติ๊บขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”ลูกจ้างสาวสวยของพบรักสะบัดค้อนเดินออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มมองตามจนกระทั่งประตูห้องปิดลง พบรักเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ถอนหายใจบางเบา ระบายยิ้มเต็มใบหน้าคมเข้ม เธอน่ารักสดใส เวลาได้พูดคุย ได้อยู่ใกล้ๆ เขายอมรับว่าหัวใจเต้นในจังหวะที่แปลกไปจากเดิม“เอ้า! ไชโย!” เสียงเ
“คุณกระติ๊บ” ลำดวนกวักมือเรียกเมื่อเห็นคนที่ตามหามาตั้งแต่เช้าเดินเข้ามาใกล้“กินอะไรมาหรือยังคะคุณกระติ๊บ”“กินแล้วค่ะ อิ่มตื้อเลย” ก็จะไม่ให้อิ่มได้อย่างไร เธอกินขนมมาตลอดทาง และกินหมดคนเดียวไม่แบ่งคนขับรถด้วย“แล้วนี่ไปไหนมาคะ รู้หรือเปล่าว่าวันนี้เป็นวันเงินเดือนออก”“วันนี้เงินเดือนออกหรือคะ แล้วติ๊บต้องไปรับเงินเดือนที่ไหนคะ” พลอยชมพูถามกลับด้วยความตื่นเต้น“ของน้าและของคนอื่นที่เป็นพนักงานประจำก็โอนเข้าบัญชีค่ะ แต่ถ้าเป็นพวกจ้างรายวันมาทำงานบางอย่างก็ให้ไปรับกับการเงินที่ออฟฟิศ”“งั้นติ๊บคงต้องไปรับที่ออฟฟิศ เพราะติ๊บไม่ได้ให้เลขที่บัญชีธนาคารไว้ ติ๊บไปรับตอนนี้เลยได้ไหมคะ” เพราะเป็นเงินเดือนจากน้ำพักน้ำแรงเดือนแรก หลังจากที่ออกจากบ้านมาทำงานที่นี่ พลอยชมพูจึงตื่นเต้นเป็นพิเศษ“ตอนนี้ติดพักเที่ยงค่ะ ไปรับหลังบ่ายโมงดีกว่าค่ะ” พลอยชมพูพยักหน้ารับ ยิ้มหวานวาดฝันถึงเงินเดือนก้อนเล็กๆของเธอ“เอ่อ...คุณพบบอกว่าจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้คุณกระติ๊บเองค่ะ”พลอยชมพูโกรธจนควันออกหู เมื่อเธออุตส่าห์เดินไปถึงออ
พยาบาลเงยหน้ามองสบตาญาติผู้ป่วยยิ้มๆ พบรักค้อมศีรษะให้ และเอ่ยคำขอบคุณ เขารอกระทั่งคุณพยาบาลเดินออกไปจากห้องแล้ว จึงก้มลงมองคนที่ยังคงกอดเขาไว้แน่น“ไหนใครบอกจะไม่ร้องไห้นะ”พลอยชมพูผละหน้าที่เปียกปอนน้ำตาออกมาจากอกกว้าง ใช้หลังมือปาดน้ำตา เงยหน้ามองคนล้อเลียนด้วยสายตางอนๆ“ก็ตอนแรกว่าจะไม่ร้องแล้ว ฮึกๆ แต่มันทนไม่ไหว มันเจ็บ ฮึกๆ คุณพบไม่ได้เป็นคนถูกฉีดยานี่ คุณพบไม่เข้าใจหรอก”“เจ็บเท่ามดกัด แค่นี้ทำมาร้อง”“มดกัดไม่เจ็บขนาดนี้หรอก ติ๊บเคยถูกมดกัดนะ ทำไมจะไม่รู้ว่ามันเจ็บแค่ไหน คุณพบน่ะเป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า มาโกหกเด็กทำไม”คนถูกกล่าวหาว่าโกหกเด็กยิ้มในหน้า“เด็กโข่งน่ะสิ”พลอยชมพูสะอึกเมื่อถูกเขาว่า หญิงสาวยืดอก เชิดหน้าขึ้น มองเมินไปทางอื่น ปาดน้ำตาอีกสองที บอกเขาด้วยน้ำเสียงงอนๆ“คุณพบไม่เป็นติ๊บคุณพบไม่มีวันเข้าใจหรอก คนเรามีเรื่องที่ทำให้เจ็บแล้วจำฝังใจทั้งนั้นแหละ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ ฉีดเข็มสุดท้ายติ๊บคงไปฉีดที่กรุงเทพ เพราะถึงวันนั้นติ๊บคงกลับบ้านแล้ว คงไม่ได้รบกวนคุณพบอีกแล้วค่ะ”หลังขับรถออกมาจากโรงพยา
“มีคนทำแล้วค่ะ บ้านพักตั้งยี่สิบหลัง ต้องช่วยกันหลายคนหน่อยค่ะ ไม่งั้นเสร็จไม่ทันลูกค้าที่จะเข้าเช็กอินช่วงบ่ายแน่”“อ๋อ! ค่ะ...แล้วทำห้องนี้เสร็จแล้ว เราไปกินข้าวกันได้เลยใช่ไหมคะน้าลำดวน” พลอยชมพูถาม ขณะที่เดินตามลำดวนเข้าไปในห้อง เริ่มลงมือจัดเก็บตามขั้นตอนที่ลำดวนแนะนำและทำให้ดูมาหลายห้องแล้ว“หิวแล้วเหรอคะ” ลำดวนถามยิ้มๆ มือก็จัดการดึงผ้าปูที่นอนขึ้นจากเตียง“นิดหน่อยค่ะ” ก็จะไม่ให้เธอหิวได้อย่างไร เมื่อเช้าหลังจากที่พบรักบอกเธอว่าสัปดาห์หน้าต้องไปฉีดยาเข็มที่สอง เธอก็ตื้อไปหมด กินอะไรไม่ลง การกินข้าวมื้อเช้าน้อยเกินไป เลยส่งผลให้หิวเร็วกว่าปกติ“งั้นก็เร่งมือช่วยกันนะคะ เสร็จแล้วเราไปกินข้าวที่ห้องครัวกัน”“ค่ะ เอ่อ...น้าลำดวนคะ ติ๊บสงสัยอย่างหนึ่งค่ะ”“อะไรหรือคะ”“ที่นี่ไม่มีผู้จัดการรีสอร์ตหรือคะ คือตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ติ๊บเห็นคุณพบทำโน่นนี่เองทุกอย่างเลย”“ก็คุณพบไงล่ะคะ คุณพบน่ะเป็นทั้งเจ้าของทั้งผู้จัดการ เธอทำเองทุกอย่าง ทำจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เพราะไม่อยากมีเวลาว่างให้จิตใจต้องคิดเรื่องอื่นฟุ้งซ่าน” ลำดวนพูดไปด้ว
พลอยชมพูตัดสินใจออกแรงดันอกกว้าง พยายามพาตัวออกจากพันธนาการแสนหวาดเสียว ทว่าตัวเล็กๆแรงน้อยๆอย่างเธอไม่สามารถพาตัวเองขยับไปไหนได้เลย หญิงสาวถอนหายใจออกมาสุดแรง ตัดสินใจแล้วว่า การปลุกเขาให้ตื่นดูจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเธอคงโดนเขากอดจนขาดอากาศหายใจตายแน่ๆพลอยชมพูสูดหายใจลึก รวบรวมพลังกายพลังใจ บอกตัวเองว่าต้องตั้งมั่นอยู่บนความหาญกล้า ก่อนจะเอ่ยเรียกเขาออกไปด้วยเสียงสั่นน้อยๆ“คุณพบคะ”แต่ดูเหมือนว่างูเหลือมตัวโตที่รัดเธอไว้แน่นจะไม่ได้ยิน เขาไม่รู้สึกตัว ไม่ลืมตา และที่สำคัญไม่ยอมคลายอ้อมแขนออกจากตัวเธอด้วย มิหนำซ้ำยังรัดแน่นขึ้นอีกต่างหาก นี่เขาคิดจะรัดเธอจนกระดูกหัก แล้วหลังจากนั้นก็จะเขมือบเธอลงท้องหรือเปล่า“คุณพบคะ! คุณพบๆๆๆๆๆ” พลอยชมพูเรียกเขาเสียงดังขึ้น และเรียกติดๆกันหลายครั้ง ทั้งออกแรงดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในอ้อมกอดของเขาด้วย และครั้งนี้มันได้ผล เขาค่อยๆลืมตาขึ้น เธอยิ้มดีใจที่เขารู้สึกตัว เขามองสบตาเธอ แต่ครู่เดียวเขาก็หลับตาลงดังเดิม“อ้าว! คุณพบ! ตื่นสิคะ” พลอยชมพูโวยวาย เมื่อกี้ก็ตื่นแล้วนี่ แล้วก็เห็นอยู่ว่าเธอนอนอยู่ตรงนี้
พบรักยกมือขึ้นกอดอก มองตามร่างบางเดินหนีไปด้วยสายตาอ่อนโยน ก่อนหันไปมองบริเวณที่งานแต่งกำลังดำเนินอยู่ แล้วระบายยิ้มบางเบาโดยไม่รู้ตัวหลังพิธีแต่งงานของลูกค้าเสร็จสิ้นลงแล้ว ช่วงค่ำมีงานเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงาน พนักงานรีสอร์ตต้องมาคอยทำหน้าที่บริการอาหารและเครื่องดื่ม พลอยชมพู น้ำหวาน และพนักงานชายอีกคนรับหน้าที่ผสมเครื่องดื่ม“สีสวยจังเลย” แม้จะอยู่ประจำจุดผสมเครื่องดื่ม แต่ดูเหมือนว่าพลอยชมพูก็ทำได้แค่เพียงยืนให้กำลังใจเพื่อนพนักงาน และชื่นชมเมื่อพนักงานชายผสมเครื่องดื่มและจัดวางท็อปปิ้งบนแก้วออกมาได้อย่างสวยงาม“อร่อยด้วยนะคะคุณกระติ๊บ” น้ำหวานกระซิบบอก“อร่อยแต่เมาแหงๆ” พลอยชมพูทำหน้าเหยเก“ไม่เมาหรอกค่ะ ผสมเหล้านิดเดียวเอง ลองชิมดูหน่อยไหมคะ” น้ำหวานยื่นแก้วน้ำสีสวยให้พลอยชมพู“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวเมา เดี๋ยวถูกคุณพบว่า” พลอยชมพูส่ายหน้าปฏิเสธ“ลองชิมดูนิดเดียวเองค่ะ คุณพบไม่เห็นหรอก อย่างน้อยก็จะได้รู้รสชาติ เผื่อวันหลังจะได้มาหัดชงไงคะ” น้ำหวานยื่นแก้วไปแตะมือพลอยชมพู คนถูกคะยั้นคะยอรับมาถือไว้สีหน้าไม่สู้ดีเท่าไร“แก้วเดียวไม่
“เอามันม่วงด้วยนะคะคุณพบ” พลอยชมพูเกาะแขนคนข้างๆ เขย่าอย่างตื่นเต้น ตากลมสุกใสมองมันทิพย์ลูกขนาดพอดีคำทั้งสีขาวสีม่วงที่ถูกปิ้งอยู่บนตะแกรงด้วยความตื่นตาตื่นใจพบรักหลุบตามองมือนุ่มที่เกาะแขนตนอยู่แวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปสั่งแม่ค้าให้ พอแม่ค้ายื่นถุงให้ พลอยชมพูก็รับมาถือไว้เอง“ของติ๊บ ติ๊บถือเองค่ะ” เจ้าของมันทิพย์ยิ้มอย่างดีใจ“จะเอาอะไรอีกไหม” พบรักเอ่ยถามคนที่ยังเกาะแขนเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกมือถือถุงขนมไว้พลอยชมพูมองซ้ายขวา ชะเง้อคอมองร้านค้าที่เรียงรายกันอยู่“แค่นี้ก็พอแล้วค่ะ เรารีบกลับรีสอร์ตกันเถอะ”“แล้วไหนบอกว่าจะซื้ออย่างอื่นด้วย”“ก็ตอนนี้ไม่อยากได้แล้ว ไปเถอะค่ะ” พลอยชมพูดึงแขนที่เธอเกาะอยู่ให้เดินกลับไปที่รถด้วยกัน พบรักยอมเดินตามแต่โดยดี เขายิ้มในหน้า ตาคมอ่อนแสงลงเมื่อหลุบมองมือที่จับอยู่บนแขนของตน“คุณพบรีบๆหน่อยสิคะ” พลอยชมพูเร่ง เมื่อคนขับขับรถด้วยความเร็วที่ไม่ค่อยทันใจเธอเอาเสียเลย“รู้ไหมว่าการขับรถเร็วอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้”“รู้ค่ะ แต่ติ๊บอยากกลับถึงรีสอร์ตก่อนบ
พบรักขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อได้ยินคำถาม เขาไม่เข้าใจเธอ พลอยชมพูเห็นหน้าตาเขาแล้วก็หัวเราะคิก หญิงสาวรีบอธิบายเพิ่มถึงคำว่าอะไรเด็ดๆที่เธอถามเขา“ติ๊บหมายถึงของกินน่ะค่ะ แถวนี้มีอะไรขึ้นชื่อบ้างคะ มาถึงถิ่นแล้วก็ต้องได้ชิมให้เป็นบุญปาก คุณพบรู้ไหมว่าติ๊บน่ะได้ฉายาจากเพื่อนๆว่ายังไง”“ผมจำเป็นต้องรู้?”พลอยชมพูถอนหายใจแรง มองค้อนคนไม่รู้จักรับมุกการสนทนาของคนอื่น หญิงสาวเบี่ยงหน้าไปทางหน้าต่างรถ แล้วทำปากบ่นขมุบขมิบ“สงสัยตอนเป็นวัยรุ่นเพื่อนไม่คบ เลยไม่รู้จักรับมุกคนอื่น”“คุณว่าไงนะ” พบรักได้ยินสิ่งที่หญิงสาวบ่นเต็มสองหู เขาปรายตามองเธอด้วยสายตาดุ“เปล่าซะหน่อย” คนถูกจับได้ว่าต่อว่าเจ้านายปฏิเสธหน้าตาย หมดอารมณ์จะคุยกับคนไม่รู้จักรับมุกแล้ว เธอจึงนั่งเงียบมองไปข้างหน้า สำรวจสองข้างทางไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดจาเสียงใสๆเจื้อยแจ้วที่เงียบลงหลายอึดใจ ทำให้คนขับรถชำเลืองตามองอยู่หลายครั้ง พบรักรู้สึกว่าบนรถเงียบเกินไป เหมือนอยู่ในสุญญากาศ อึดอัด และอึมครึม คนนั่งข้างๆก็เอาแต่ทำหน้านิ่ง ไม่ยิ้มแย้มเอาเสียเลย เขาไม่คุ้นกับพลอยชมพูในเวอร์ชันนี้ ช