ตอนที่1
การเดินทางตามเส้นทางของความฝัน
“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกคนที่นั่นจะดูแล อลิสเป็นอย่างดีค่ะ”
วันนี้เป็นวันที่อลิสลูกสาวสุดที่รักของอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนวิทยากับแพทย์หญิงมุกดาต้องเดินทางไปรายงานตัวและเข้ารับการบรรจุทันที ที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายที่อยู่ติดกับตะเข็บชายแดนไทยพม่า
“พ่อกับแม่ส่งหนูแค่นี้นะลูก ดูแลตัวเองดีๆ ทำงานที่ลูกรักให้มีความสุข”
วิทยากับมุกดาส่งลูกสาวแค่เพียงตัวจังหวัด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน ทำหน้าที่มารับอลิสไปส่งยังหมู่บ้านอีกที
“ ผมร้อยตำรวจเอกธนาตุล ได้รับมอบหมายให้มาทำหน้าที่ดูแลการเดินทางของคุณครูอาริสา “
ชายหนุ่มในชุดตำรวจแนะนำตัวให้พ่อและแม่ ของอลิสรู้ว่าเขาคือใครและมาทำหน้าที่อะไรในเวลานี้
“ฝากด้วยนะคะ”
มุกดาทำท่าจะยกมือไหว้แต่ธนาตุลจับมือเธอไว้ก่อน เพราะเขาอายุน้อยกว่าเธอหลายปี
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ทางกองร้อยของเราจะมีตำรวจผลัดเปลี่ยนกันไปดูแลคุ้มครองชาวบ้านตลอดทั้งปีครับ”
เมื่อนายตำรวจพูดถึงการดูแล มุกดาและวิทยาก็พอสบายใจขึ้นมาบ้าง
ทั้งสองคนไม่เต็มใจนักที่ลูกสาวจะเดินทางไปบรรจุในถิ่นทุรกันดาร แต่ด้วยมันเป็นความฝันของเธอ ทั้งคู่จึงจำใจต้องให้เธอไป
“ผมชื่อธนาตุลนะ เรียกผมผู้กองตุลก็ได้”
ชายหนุ่มแนะนำตัว เมื่อขึ้นไปประจำการในตำแหน่งคนขับ และมีคุณครูคนใหม่นั่งอยู่เบาะข้างๆ ส่วนตำรวจอีกสองนายนั่งอยู่ที่กะบะหลัง
“ฉันชื่ออาริสา แต่เรียกอลิสเฉยๆก็ได้ค่ะ” หญิงสาวแนะนำตัว
“ดูแล้วผมน่าจะอายุมากกว่าคุณนะ ตอนนี้ผม30แล้ว” ชายหนุ่มหลอกถามอายุ
“ถ้าอย่างนั้นเป็นพี่แน่นอนค่ะ”
รอยยิ้มของคุณครูคนใหม่ ที่กำลังจะได้ไปเริ่มทำงานที่ตัวเองรัก อดทำให้ธนาตุลคิดถึงเมื่อครั้งที่เขาเลือกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ตอนนั้นเขาก็มีรอยยิ้มแบบนี้ เพราะมีความสุขและตื่นเต้นที่จะได้ทำตามความฝัน
“ผู้กองอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้วคะ”
หญิงสาวชวนคุย เพราะอยากจะรู้ข้อมูลหมู่บ้านที่เธอจะไปอยู่ก่อนที่จะไปถึง
“เข้าปีที่สามแล้วครับ อยู่จนไม่อยากย้ายไปไหนแล้ว ทุกคนที่นั่นมีแต่ความเรียบง่ายไม่วุ่นวายเหมือนในกรุงเทพ รับรองถ้าคุณครูไม่เบื่อความลำบากเสียก่อน จะรักและอยากอยู่ที่นั่นเหมือนผม”
อลิสมองสีหน้าคนเล่า เขาคงรักที่นั่นจริงๆถึงได้อยู่ถึงสามปี แล้วไม่คิดย้ายไปไหน
ระหว่างทางหญิงสาวนั่งมองข้างทางตลอด เธออยากจำเส้นทางเองให้ได้ เพราะต่อไปคงไม่มีใครมาคอยรับส่งเธอแบบนี้ทุกครั้ง
“อีกไกลไหมคะ กว่าจะถึงหมู่บ้าน”
หญิงสาวเริ่มคิดว่าใกล้เวลาอาหารกลางวันแล้ว และรอบตัวก็มีแต่ป่า ภูเขา นานๆทีจะมีบ้านคนสักหลัง
“กว่าจะถึงก็คงค่ำเลย มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ตุลถามเพราะเห็นคนมาใหม่ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่ไม่กล้า
“คือ...ฉันเริ่มหิวข้าวแล้วค่ะ” คนพูดเอามือทั้งสองข้างกุมท้อง ที่กำลังส่งเสียงร้องอยู่ข้างใน
“โถ่...ผมก็นึกว่าอะไร เดี๋ยวข้างหน้าจะมีร้านก๋วยเตี๋ยวของชาวบ้าน อร่อยสุดๆ คุณครูทนรออีกนิดนะครับ”
ทุกครั้งที่เข้าตัวจังหวัด ธนาตุลและลุกน้องจะมาแวะกินที่ร้านนี้ตลอด รสชาติถูกใจ ผักที่ใช้ก็ปลูกเอง แถมราคาก็แสนจะถูกมาก
“เห็นวัดที่อยู่ข้างหน้าไหมครับ ตรงนั้นแหละที่มีร้านของกิน ไว้วันหลังถ้าคุณครูต้องเดินทางเข้าเมืองจะได้มาแวะกินได้ สังเกตจากวัดจะช่วยให้จำง่ายขึ้น”
อลิสดีใจที่ใกล้จะถึงร้านแล้ว เธอรู้สึกหิวมากเพราะเมื่อเช้าด้วยความตื่นเต้นเลยกินอาหารที่โรงแรมมาเพียงไม่กี่คำ
“จ่าสั่งกันเลยนะ สั่งกลับไปกินที่หมู่บ้านด้วย”
ชายหนุ่มตะโกนบอกลูกน้องที่นั่งกันอยู่หลังรถ ให้ลงมากินอาหารมือกลางวัน
“เหมือนเดิมครับป้า” ธนาตุลตะโกนบอก
“ฉันเอาเหมือนคุณ ”
หญิงสาวคิดไม่ออกว่าจะกินอะไรดี เลยขอลอกเมนูจากผู้กอง เพราะเขาน่าจะมากินบ่อยจนรู้ว่าอะไรอร่อย
“ป้าครับของผมขอสามเลยนะ” ชายหนุ่มตะโกนสั่งอีกครั้ง
“ทำไมสั่งสามล่ะคะ” หญิงสาวสงสัยเพราะมันควรจะเป็นแค่สอง
“ตุนไว้ก่อน อีกนานกว่าจะถึง คุณครูก็ควรกินไว้เยอะ ๆ นะครับ” ชายหนุ่มแนะนำ
“เอาเพิ่มเป็นสี่เลยค่ะ” อลิสลองตะโกนสั่งบ้าง
สองคนมองหน้ากันและหัวเราะ ที่หญิงสาวคอยทำตามเขาทุกอย่าง อลิสเองก็ขำตัวเองที่เลียนแบบผู้กองไปเสียทุกเรื่อง
เมนูประจำของชายหนุ่มคือเส้นเล็กหมูสับต้มยำผักหวาน ที่ใส่ผักจนแทบจะล้นจาน
“อันนี้คือผักอะไรคะ” อลิสไม่รู้จัก
“ผักหวานค่ะ ลองกินดูนะ อร่อยมากจ้า” ป้าแม่ค้าตอบด้วยสีหน้าเหมือนอยากรู้จักคนถาม
“ผมมัวแต่กินลืมแนะนำเลย นี่คุณครูอลิส เธอจะมาสอนที่โรงเรียนบ้านน้ำฝาย”
ตุลแนะนำหญิงสาวทั้งที่ปากยังเคี้ยวผักหวานของโปรดอย่างอร่อย
“ดีจังเลย บ้านน้ำฝาย มันเป็นหมู่บ้านใหญ่ที่สุดของแถวนี้ มีครูมาใหม่เด็กๆจะได้ไปเรียนหนังสือกัน”
ป้าแม่ค้าเธอดีใจ เพราะที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายมีครูเพียงคนเดียวคือคุณครูชะลอ อายุท่านก็มาก จึงสอนได้ไม่เต็มที่ เด็กๆในหมู่บ้านอื่นเลยไม่ได้ไปเรียน เพราะแค่เด็กบ้านน้ำฝายก็หลายคนแล้ว
“ป้าเขาหมายความว่าอะไรคะ”
อลิสกระซิบถามผู้กอง เพราะกลัวป้าคนขายจะได้ยิน เธอไม่เข้าใจในสิ่งป้าเขาต้องการสื่อสาร
ผู้กองหนุ่มจึงเริ่มเล่าถึงการเสียโอกาสทางการศึกษาของเด็กที่นี่ เพราะไม่ได้อยู่รวมกันเป็นหมู่บ้านเหมือนบ้านน้ำฝาย จึงไม่มีโรงเรียนเป็นของตัวเอง ครูชะลอแกเกษียณแล้วแต่แค่มาช่วยสอนต่อ ทุกคนรอคุณครูคนใหม่มานาน ก็เพิ่งจะได้คุณมานี่แหละ เพราะไม่มีใครยอมเลือก
หญิงสาวฟังแล้วรู้สึกหดหู่ใจ เธอไม่คิดว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ
“ฉันดีใจค่ะ ที่ทุกคนรอการมาของครูคนใหม่ ”
สองคนในฐานะข้าราชการไทยมองหน้ากันอย่างเข้าใจ แต่ในใจของธนาตุลยังไม่เชื่อมั่นว่า อลิสจะสามารถทนความลำบากและอยู่ที่นี่ไปได้ตลอด
ทุกคนอิ่มท้องเต็มที่ และยังพกใส่ถุงกลับไปอีกหลายถุง เพื่อไว้กินเมื่อถึงหมู่บ้าน รถก็ออกเดินทางต่อ
จากถนนลาดยางค่อยๆกลายเป็นถนนดิน และในที่สุดมันก็แทบจะดูไม่ออกว่าเส้นทางที่ผู้กองกำลังขับรถอยู่มันคือถนน
“ผู้กองขับรถเก่งมากเลยค่ะ” อลิสหันไปมองคนขับอย่างชื่นชมและทึ่งในความสามารถ
“คุณอลิสขับรถเป็นไหม”
“เป็นค่ะ แต่หมายถึงขับบนถนนธรรมดานะคะ ไม่ใช่ข้ามเขา ข้ามห้วยแบบนี้”
ชายหนุ่มตั้งใจว่า ถ้าเขามีเวลาจะพาคุณครูคนใหม่มาหัดขับรถข้ามลำธารเสียหน่อย เวลามีเหตุฉุกเฉินจะได้เอาตัวรอดได้
เมื่อข้ามลำธารได้ อลิสก็มองเห็นแสงไฟที่ส่องสว่างอยู่ไม่ไกลจากที่เธอกำลังอยู่
“แสงสว่างตรงนั้นใช่บ้านน้ำฝายไหมคะ”
“ใช่ครับ ที่นั่นคือบ้านของคุณ”
หญิงสาวหันมามองคนตอบ เขาใช้คำพูดได้ดูอบอุ่นมาก เขาคงรักที่นี่จริงๆ
ตอนที่2คุณครูคนใหม่ ถึงแม้ว่ากว่าจะมาถึงก็มืดมากแล้ว แต่ชาวบ้านหลายคนยังคงรอต้อนรับครูใหม่ อยู่ที่หน้าโรงเรียน “พวกเราชาวบ้านน้ำฝาย ยินดีต้อนรับคุณครูคนใหม่ครับ” สิ้นสุดคำทักทายของผู้ใหญ่บ้านก็ตามมาด้วยเสียงปรบมือของทุกคนที่มายืนรอ ผู้ใหญ่บ้านและภรรยาเดินนำคุณครูคนใหม่ โดยมีบรรดาตำรวจและชาวบ้านช่วยกันขนของเดินตามมาที่บ้านพักครู ซึ่งอยู่ติดกับอาคารเรียน “พวกเราทำความสะอาดไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะครับ” “แล้วหนูต้องนอนที่นี่คนเดียวเหรอคะ” อลิสถามผู้ใหญ่บ้าน เพราะบ้านพักครูอยู่ห่างจากบ้านของชาวบ้านอยู่พอสมควร แต่ก็ไม่เกินร้อยเมตร “ห้องข้างล่างผมอยู่” ธนาตุลตอบแทนผู้ใหญ่ “แต่ถ้าเปลี่ยนเวร ตำรวจที่มาแทนผมเขาจะนอนที่เรือนหลังเล็กที่อยู่ด้านหน้าโรงเรียน” ผู้กองอธิบายแต่มันก็ไม่ทำให้สีหน้าของครูคนใหม่ดีขึ้นเลย เพราะถ้าธนาตุลไม่อยู่เธอก็ต้องนอนคนเดียวอยู่ดี “คุณครูไม่ต้องกลัวไปหรอกจ้า เดี๋ยวพวกเด็กๆมันก็แย่งกันมาขอนอนด้วยทุกคืน” ภรรยาของผู้ใหญ่บ้านพูดให้คนตัวเล็กสบายใจมากขึ้น “แล้
ตอนที่3เช้านี้ที่หมู่บ้านกลางหุบเขา “หนาวไหม” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นว่า หญิงสาวนอนห่มผ้าห่มผืนบาง และกอดไว้แน่น “หนาวสิถามได้ ตอนแรกก็สงสัยว่าที่นี่ไม่มีไฟใช้แล้วเขาไม่ร้อนกันเหรอ ที่แท้กลางคืนอากาศอย่างกับอยู่เมืองนอกเลย” ชายหนุ่มถามเพียงสั้นๆ แต่คนตอบ ตอบเสียยืดยาวเพราะ อลิสรู้สึกเริ่มคุ้นเคย สนิทสนมกันแล้ว “ถ้าอย่านั้นเอาผ้าห่มคุณมาแลกกับของผม” “แล้วคุณก็หนาว ทำเป็นพระเอกอีกแล้ว ” อลิสพูดจบก็ลากที่นอนมาติดกับของชายหนุ่ม และคว้าผ้าห่มผืนหนาของผู้กองมาห่มตัวเธออีกชั้นหนึ่ง “ห่มด้วยกันก็หมดเรื่อง ราตรีสวัสดิ์นะคะ” ธนาตุลได้แต่นอนมองหญิงสาวที่อยู่ดีๆก็ลุกมานอนข้างเขา แถมห่มผ้าห่มผืนเดียวกันอีก เพิ่มความรู้สึกที่ปั่นป่วนท้อง หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก สิ้นเสียงอลิสก็หลับสนิท แถมมีเสียงกรนเบาๆยืนยันว่าเธอหลับจริงดังออกมาด้วย ธนาตุลพยายามสวดมนต์ก็แล้ว นับหนึ่งถึงร้อยก็แล้ว แต่มันกลับนอนไม่หลับ เขาจึงหันมามองใบหน้าคุณครูคนใหม่ที่กำลังหลับใหลให้ชัด เพราะเมื่อกลางวันยังมองไม่ถนัดเลย
ตอนที่4ขอนอนด้วยนะคะ เมื่อได้ที่นอนแล้ว อลิสก็ยังขอนอนกับผู้กองอีกหนึ่งคืน เพราะห้องยังไม่มีข้าวของมันทำให้ดูโล่งน่ากลัว ชายหนุ่มก็ทำได้แค่ต้องยอมทำตาม อาหารเย็นวันนี้ผู้ใหญ่บ้าน จัดงานเลี้ยงต้อนรับครูใหม่ เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่แสนน่ารัก หญิงสาวได้รู้จักเด็กๆในหมู่บ้านหลายคน โดยเฉพาะฟองจันทร์ลูกสาวผู้ใหญ่ดูจะชอบคุณครูคนใหม่เป็นพิเศษ “พวกเราขอต้อนรับคุณครูคนใหม่ของเราอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เธอชื่อคุณครูอลิส ขอให้พวกเราทุกคนช่วยกันดูแล และช่วยเหลือ เพื่อคุณครูจะได้อยู่ที่นี่กับเราไปนานๆ” ผู้ใหญ่บ้านแนะนำหญิงสาวอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทางผู้ใหญ่ขอนัดชาวบ้านที่ว่าง พรุ่งนี้ให้มใช่วยกันทำความสะอาดดรงเรียน เพื่อเด็กๆจะได้เรียนหนังสือกันเสียที “พวกผมจะอยู่ที่นี่อีก13วัน และจะมีตำรวจชุดใหม่มาสับเปลี่ยนเช่นเคย นำทีมโดนผู้กองสุชาติ เรื่องที่ผมติดค้างไว้ เกี่ยวกับการหาวิธีการเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้พวกเรามีไฟใช้มากขึ้น ตอนนี้มีห้างร้านต่างๆบริจาคเงินมาจำนวนหนึ่ง ผลัดต่อไป ผมและลูกน้องจะมาลงมือจัดการทันที แต่ครั้งนี้เรายังหาซื้ออุปรณ์ได้ไม่พร้อ
ตอนที่5 วันแรก โรงเรียนพร้อมแล้ว นักเรียนจากหมู่บ้านบ้านน้ำฝายและหมู่บ้านใกล้เคียงที่เดินทางไม่ไกลมากนัก พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็พาลูกหลานมาส่งที่โรงเรียนเพราะได้ยินข้าวจากผู้ใหญ่บ้าน ว่าโรงเรียนพร้อมจะเปิดเรียนแล้ว “พร้อมหรือยังครับคุณครู”ชายหนุ่มในชุดตำรวจถามหญิงสาวที่กำลังยืนรอนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง“พร้อมค่ะคุณตำรวจ แต่วันนี้คุณต้องช่วยอลิสสอนวิชาคณิตศาสตร์ก่อนนะคะ ”เมื่อคืนอลิสได้ขอให้ธนาตุลและลูกน้องช่วยเธอสอนก่อนในช่วงเปิดเรียนแรกๆเพราะเธอยังต้องการจะทดสอบแยกนักเรียนแต่ละชั้นออกจากกัน “ได้ครับคุณครู ลูกน้องผมของจองเด็กเล็กๆสอนฝึกคัดลายมือ ส่วนผมขอคณิตศาสตร์ นอกนั้นคุณครูจัดการเองนะครับ” ธนาตุลทำท่าทางล้อเลียนเหมือนคนที่กำลังทำตามคำสั่งคุณครูจนหญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ นักเรียนมาพร้อมแล้ว อลิสแบ่งเป็นแถว แถวละห้าคน มีทั้งหมดหกแถว มีฟองจันทร์ทำหน้าที่นำร้องเพลงชาติและสวดมนต์ ช่วงเช้าคุณครูคนใหม่เรียกนักเรียนเข้ามาทดสอบความรู้ทางการอ่านและการเขียนภาษาไทย ก่อนจะส่งไปให้ ธนาตุลช่วยทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ให้ ก่อนที่คืนนี้จะเอ
ตอนที่6ความใกล้ชิดที่พิเศษ คืนแรกกับการขึ้นไปนอนที่ชั้นสองของบ้าน คุณครูสาวยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ กว่าจะหลับได้สนิทก็เกือบเช้ามืดแล้ว “ตื่นสายกว่าคุณอีกแล้ว เมื่อคืนกว่าจะหลับได้” อลิสลงมาข้างล่าง ตามกลิ่นของกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมขึ้นไปถึงบนชั้นสอง เข้าไปในห้องนอนของเธอ “คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ผมว่าพอคุณเหนื่อยมากๆสุดท้ายเดี๋ยวก็หลับง่ายไปเอง” ผู้กองหนุ่มยื่นแก้วกาแฟให้หญิงสาวที่ยังอยู่ในชุดนอนและกำลังยืนบิดตัวไล่ความขี้เกลียดให้ออกจากตัวเอง “หอมมากเลยนะคะ ไว้กลับไปบ้านอลิสว่าจะซื้อไปฝากพ่อ ท่านชอบกินกาแฟสดมากค่ะ” “ดีเลยครับ อุดหนุนชาวบ้าน ผมยังเคยเอาลงไปขายเลยนะ ลูกค้าที่ซื้อไปต่างก็ชอบ อีกทั้งไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง ราคาก็ไม่แพง” ครอบครัวของธนาตุลด้วยความที่เป็นคนหัวการค้า เขาจึงเอากาแฟจากบ้านน้ำฝายและหมู่บ้านใกล้เคียงไปติดแบรนด์ของตัวเอง และขายให้กับลูกค้าที่มาซื้อทอง ร้านทองครอบครัวธนาตุลมีหลายสาขา ชายหนุ่มเอากาแฟกลับไปเท่าไหร่ก็ขายหมดแค่เพียงไม่นาน และกำไรที่ขายได้ พ่อของเขาก็ยกให้ลูกชาย ผู้กอง
ตอนที่7ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำใจ เวลาผ่านไปรวดเร็วเมื่ออลิสคิดถึงวันที่ตำรวจชุดนี้ต้องถูกสับเปลี่ยน “เมื่อคืนฝนตกคุณรู้ไหม” ธนาตุลถามหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนและเดินลงมาด้านล่างของบ้าน “หลับสนิทไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” อลิสเริ่มชินกับที่นี่และเธอก็เหนื่อยกับการสอนนักเรียนจนหลับแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย “เมื่อคืนฝนตกแต่ไม่หนักเท่าไหร่ เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ที่นี่เวลาฝนตกจะตกแทบทั้งวัน คุณไม่ต้องแปลกใจถ้าวันไหนฝนตกตอนกลางคืน อาจจะไม่มีนักเรียนมาโรงเรียน” “ทำไมเหรอคะ” อลิสไม่เข้าใจ เพราะฝนตกช่วงกลางคืนเกี่ยวอะไรกับตอนเช้าที่เด็ก ๆต้องมาโรงเรียนด้วย “ถนนลาดยางที่คุณเห็นมันไม่ได้ตลอดนะ ถนนในหมู่บ้านเป็นดิน ถ้าฝนตกหนักมันก็จะเละไปหมด แล้วใครเขาจะเดินผ่านดินเละ ๆ มาเรียนกัน” ธนาตุลอธิบายแต่น้ำเสียงก็ดุดันนิดหน่อย เพราะชายหนุ่มอยากให้อลิสเป็นคนที่ช่างสังเกตมากกว่านี้ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติต้องอาศัยการสังเกตจะได้รู้และเตรียมตัวรับกับภัยธรรมชาติต่าง ๆได้ทัน “ทำเสียงดุเชียวนะคะ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ย
ตอนที่8คิดถึง วันที่อลิสไม่อยากให้มาถึง แต่มันก็ต้องยอมทำใจเมื่อชุดตำรวจตระเวนชายแดนอีกชุดเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ชุดของผู้กองธนาตุลก็ได้พัก ตำรวจหลายคนก็คิดถึงภรรยาและลูกๆกันจะแย่อยู่แล้ว “ดูแลตัวเองให้ดีนะคุณครู แล้วผมจะซื้อของมาฝาก ไม่งอแงนะคนเก่ง” เมื่อรถของชายหนุ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน อลิสก็หันหลังให้ทันที เพราะเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “ร้องไห้ตามผู้กองธนาตุลหรือครับคุณครู” เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง แต่เป็นเสียงที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าบิดาของอลิสไปกี่ปี “สวัสดีค่ะ หนูชื่อลิสนะคะ คุณคงเป็นผู้กองสุชาติใช่ไหมคะ” “ใช่ ผมผู้กองสุชาติ ดูแล้วครูน่าจะอายุเท่าๆกับลูกสาวผม ยังเป็นเด็กสาวต้องมาอยู่ไกลพ่อไกลแม่แบบนี้ ลำบากหน่อยนะ” น้ำเสียงและท่าทางของผู้กองสุชาติ แสดงถึงความเข้มแข็งและมากด้วยประสบการณ์ ถึงแม้เขาจะส่งยิ้มให้หญิงสาว แต่เธอกลับรู้สึกทั้งเคารพและก็เกรงใจ ไม่กล้าจะตีสนิทด้วย “ขอบคุณหนูนะที่เสียสละทิ้งความสบายมาเลือกลงโรงเรียนที่นี่ หลายปีแล้วที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายต้องให้ครูชะลอมาคอยสอน
ตอนที่9แล้วเขาก็กลับมา วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว “วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย” เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว “วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน” เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ ผู้กองธนาตุล “เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน” หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย “คร