ตอนที่4
ขอนอนด้วยนะคะ
เมื่อได้ที่นอนแล้ว อลิสก็ยังขอนอนกับผู้กองอีกหนึ่งคืน เพราะห้องยังไม่มีข้าวของมันทำให้ดูโล่งน่ากลัว ชายหนุ่มก็ทำได้แค่ต้องยอมทำตาม
อาหารเย็นวันนี้ผู้ใหญ่บ้าน จัดงานเลี้ยงต้อนรับครูใหม่ เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่แสนน่ารัก หญิงสาวได้รู้จักเด็กๆในหมู่บ้านหลายคน โดยเฉพาะฟองจันทร์ลูกสาวผู้ใหญ่ดูจะชอบคุณครูคนใหม่เป็นพิเศษ
“พวกเราขอต้อนรับคุณครูคนใหม่ของเราอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เธอชื่อคุณครูอลิส ขอให้พวกเราทุกคนช่วยกันดูแล และช่วยเหลือ เพื่อคุณครูจะได้อยู่ที่นี่กับเราไปนานๆ”
ผู้ใหญ่บ้านแนะนำหญิงสาวอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทางผู้ใหญ่ขอนัดชาวบ้านที่ว่าง พรุ่งนี้ให้มใช่วยกันทำความสะอาดดรงเรียน เพื่อเด็กๆจะได้เรียนหนังสือกันเสียที
“พวกผมจะอยู่ที่นี่อีก13วัน และจะมีตำรวจชุดใหม่มาสับเปลี่ยนเช่นเคย นำทีมโดนผู้กองสุชาติ เรื่องที่ผมติดค้างไว้ เกี่ยวกับการหาวิธีการเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้พวกเรามีไฟใช้มากขึ้น ตอนนี้มีห้างร้านต่างๆบริจาคเงินมาจำนวนหนึ่ง ผลัดต่อไป ผมและลูกน้องจะมาลงมือจัดการทันที แต่ครั้งนี้เรายังหาซื้ออุปรณ์ได้ไม่พร้อม”
หญิงสาวนั่งฟังผู้กองหนุ่มพูดกับชาวบ้านอย่างชื่นชม หน้าตา รูปร่าง เขาดูเป็นคนหน้าตาดี ดูดีคนหนึ่ง แต่กลับเลือกมาทำงาน ในถิ่นทุรกันดารแบบนี้ อลิสยิ่งเห็นยิ่งมีกำลังใจ ที่เธอจะเดินตามความฝันให้สำเร็จ
ความฝันของการเป็นครูบนดอย และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เลย คือความฝันที่หญิงสาวหวังมาตลอด และวันนี้เธอก็ได้มาบรรจุที่นี่จริงๆ
“คุณครูกินคอหมูย่างไหม แม่หนูย่างอร่อยมากเลยนะ”
ปอเด็กน้อยที่ดูจากรูปร่างอายุไม่น่าเกินแปดขวบเดินถือจานคอหมูย่างพร้อมกับน้ำจิ้มนำมายื่นให้อลิสที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างๆผู้กองตุล
“อร่อยจริงๆด้วย ถ้าคุณครูกินหมด จะขอเติมอีกได้ไหมจ๊ะ”
หญิงสาวไม่ได้แกล้งชม แต่คอหมูย่างของที่นี่หมักเครื่องเทศเข้าเนื้อส่งกลิ่นหอมแถมรสชาติก็หวานอร่อย
“มีอีกเยอะเลย เดี๋ยวหนูไปบอกให้แม่ย่างเยอะๆเลยนะ”
เด็กน้อยดีใจ ที่คุณครูชอบหมูย่างของแม่เธอ ที่บ้านของปอทำเนื้อหมูขายแต่ไม่ได้เลี้ยงหรือฆ่าเอง แต่รับมาจากชาวพม่าที่มามีเมียเป็นคนไทยอีกที
“อร่อยหรือหิว”
ธนาตุลหันมาแซวเพราะเห็นหญิงสาวเอาแต่นั่งกินไม่หันมาชวนเขาสักคำ
“แฮ่...หิวด้วย อร่อยด้วย อ่ะ..อ้าปากอลิสแบ่งให้หนึ่งชิ้น”
หญิงสาวทำท่าจะป้อนแต่ผู้กองหนุ่มอายเกินกว่าที่จะอ้าปากรับ จึงใช้นิ้วหยิบชิ้นคอหมูย่างจากมือบางเพื่อกินเอง
ชาวบ้านที่นี่มีมากกว่าที่หญิงสาวคิด เด็กๆก็ไม่ใช่น้อย ครูชะลอคงเหนื่อยมากที่ต้องสอนอยู่คนเดียว และอายุก็มากแล้ว
หลังจากคืนนี้อลิสตั้งใจว่า จะวางแผนการสอนนักเรียนที่มีหลายระดับในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ทุกคนได้ความรู้ได้เหมาะสมกับช่วงวัย
“ที่โรงเรียนมีกี่ห้องนะ”
อลิสหันไปถามผู้กอง เพราะเธอไม่ทันได้นับเมื่อตอนไปทำความสะอาดห้องพักครู
“มี6ห้อง ถามทำไมเหรอ” ตุลสงสัย
“ฉันกำลังคิดว่า จะจัดนักเรียนแยกห้อง เพราะดูแล้ว เด็กๆที่นี่มีอายุหลากหลาย ไหนจะมาจากหมู่บ้านอื่นอีก ผู้กองว่าดีไหม”
หญิงสาวหันไปรอฟังคำตอบ เพราะเธอเชื่อว่าธนาตุลรู้จักเด็กๆที่นี่กว่าเธอ คงช่วยคิดและตัดสินในได้
“ผมว่าก็ดีนะ แต่คุณจะใช้อะไรในการคัดสินใจแยกเด็กแต่ละคน อายุเหรอ” ผู้กองหนุ่มถามเพราะเข้าไม่รู้ในวิธีการจริงๆ
“แยกจากอายุไม่ได้ค่ะ ต้องแยกจากความรู้ ถ้าพรุ่งนี้ทำความสะอาดเสร็จ อลิสจะทำการคัดแยกนักเรียนในวันถัดไปทันที เพราะอยากลงมือสอนจะแย่แล้ว”
“ไฟแรงแบบนี้แหละ เด็กจบใหม่ อยู่ไปนานๆอย่ามาร้องกลับบ้านนะ” คนมาก่อนแซว
“ไม่มีทางค่ะ การมาที่นี่คือความฝัน มีแต่เขาวิ่งตามความฝันกัน ไม่ทางที่ฉันวิ่งหนีแน่นอน เผลอ ๆ อีกไม่นานผู้กองอาจจะขอย้ายกลับเข้าไปในเมืองก่อนฉันก็ได้”
หญิงสาวไม่ได้ตั้งใจจะย้อนเขา แต่เธออยากรู้ว่าเขามีความคิดที่จะย้ายไปที่อื่นอีกไหม
“ถ้าผมจะย้าย คงไปนานแล้ว ไม่ต้องรอจนถึงวันนี้ บ้าน น้ำฝายคือบ้านของผม คุณเห็นต้นไม้ต้นนู้นไหมที่อยู่ใกล้กับหลอดไฟ”
ชายหนุ่มชี้ไปที่ต้นมะม่วงที่มีอยู่หลายต้น ใกล้กับทางเข้าของหมู่บ้านและอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียน
“เห็น ทำไมเหรอคะ”
“ตรงนั้นเป็นที่ดินแปลงเล็กๆ ที่ผมซื้อต่อจากชาวบ้านไว้ มีเงินเมื่อไหร่ ก็ว่าจะปลูกบ้านหลังเล็กๆอยู่สักหลัง”
“สร้างเผื่อฉันสักห้องนะ”
หญิงสาวพูดโดยคิดแค่เพียงว่า บ้านของผู้กองคงต้องน่าอยู่กว่าบ้านพักครูแน่ๆ แต่คนฟังกลับรู้สึกหัวใจเต้นแรงแปลกๆ
“ผมเก็บค่าเช่านะ แล้วต้องกวาดบ้านถูบ้านให้ด้วย”
ธนาตุลพูดแก้เขิน เพราะกลัวความหน้าแดงของเขาจะทำให้หญิงสาวรู้ว่าเขาคิดไปไกล
“จ้า...”
งานเลี้ยงจบแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน ธนาตุลกับ อลิสเดินกลับมาด้วยกันสองคน
หญิงสาวอยากอาบน้ำอีกรอบก่อนนอน ชายหนุ่มจึงต้องทำหน้าที่นั่งเฝ้า เพราะเธอสั่งไว้ว่าห้ามเข้าห้องนอนจนกว่าเธอจะอาบเสร็จ
คืนที่สองของการนอนด้วยกันผ่านไปด้วยดี ชายหนุ่มยังคงควบคลุมตัวเองไว้ได้ ส่วนอลิสเองไม่คิดอะไรหลับสบาย
วันนี้ชาวบ้านพากันมาช่วยทำความสะอาดโรงเรียน ทาสีโต๊ะที่ธนาตุลทำไว้ให้อลิส ส่วนตำรวจอีกสองคนก็ขึ้นไปทาสีห้องนอนและบริเวณชั้นบนของบ้านเพื่อให้ดูใหม่ขึ้น จะได้ลดความน่ากลัวลง
พระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน งานก็เสร็จพอดี หญิงสาวแจ้งให้ผู้ใหญ่บ้านประกาศให้เด็กๆในหมู่บ้านมาทดสอบความรู้ช่วงสายของวันพรุ่งนี้เพื่อแยกชั้นเรียน
“สีเหม็นมาก คืนนี้คงต้องนอนกับคุณเหมือนเดิม”
อลิสโวยวายทันที เมื่อเดินขึ้นไปบนบ้านชั้นสอง เพราะกลิ่นสียังคลุ้งไปทั่ว
“อยากนอนก็มานอน แต่ทาสีแล้วรู้สึกดีขึ้นไหม”
ธนาตุลอยากรู้ว่าสีที่เขาเลือก ช่วยให้หญิงสาวมองแล้วรู้สึกสบายตาหายกลัวขึ้นบ้างไหม
“สวย สว่างดี แต่อลิสอยากได้วอเปเปอร์มาแปะที่ห้องนอนจัง ถ้าคุณกลับไปคราวนี้ ฝากซื้อบ้างนะ เอาลายหวานๆสีชมพู”
ผู้กองอดอมยิ้มไม่ได้ หญิงสาวดูแล้วคงตั้งใจจะอยู่ที่นี่นานจริงๆ เพราะถึงได้อยากจัดห้องนอนให้น่าอยู่
“มานอนได้แล้ว พรุ่งนี้ผมต้องช่วยคุณคัดแยกนักเรียนด้วยไหมนี่”
“ช่วยสิคะ เดี๋ยวอลิสจะทำแบบฝึกบวกเลขไว้ ผู้กองให้เด็กๆทำแล้วช่วยตรวจให้คะแนนให้หน่อย ที่เหลือเดี๋ยวอลิสจัดการเอง”
“ครับคุณครู”
ผู้กองโค้งคำนับรับคำสั่ง ทำเอาหญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ ที่ตัวเองเผลอตัวออกคำสั่งเหมือนกับผู้กองเป็นนักเรียน
คืนที่สามสำหรับการไกลบ้านกำลังจะผ่านไป หญิงสาวยังปรับตัวไม่ได้แต่ก็มีความสุขดี อลิสรู้สึกว่าตัวเองโชคดี ที่มี ธนาตุลมาคอยดูแล ไม่อย่างนั้นเธอคงจะทั้งเหงา ทั้งกลัวแน่ๆ ที่ต้องมาอยู่ต่างถิ่นแบบนี้
ตอนที่5 วันแรก โรงเรียนพร้อมแล้ว นักเรียนจากหมู่บ้านบ้านน้ำฝายและหมู่บ้านใกล้เคียงที่เดินทางไม่ไกลมากนัก พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็พาลูกหลานมาส่งที่โรงเรียนเพราะได้ยินข้าวจากผู้ใหญ่บ้าน ว่าโรงเรียนพร้อมจะเปิดเรียนแล้ว “พร้อมหรือยังครับคุณครู”ชายหนุ่มในชุดตำรวจถามหญิงสาวที่กำลังยืนรอนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง“พร้อมค่ะคุณตำรวจ แต่วันนี้คุณต้องช่วยอลิสสอนวิชาคณิตศาสตร์ก่อนนะคะ ”เมื่อคืนอลิสได้ขอให้ธนาตุลและลูกน้องช่วยเธอสอนก่อนในช่วงเปิดเรียนแรกๆเพราะเธอยังต้องการจะทดสอบแยกนักเรียนแต่ละชั้นออกจากกัน “ได้ครับคุณครู ลูกน้องผมของจองเด็กเล็กๆสอนฝึกคัดลายมือ ส่วนผมขอคณิตศาสตร์ นอกนั้นคุณครูจัดการเองนะครับ” ธนาตุลทำท่าทางล้อเลียนเหมือนคนที่กำลังทำตามคำสั่งคุณครูจนหญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ นักเรียนมาพร้อมแล้ว อลิสแบ่งเป็นแถว แถวละห้าคน มีทั้งหมดหกแถว มีฟองจันทร์ทำหน้าที่นำร้องเพลงชาติและสวดมนต์ ช่วงเช้าคุณครูคนใหม่เรียกนักเรียนเข้ามาทดสอบความรู้ทางการอ่านและการเขียนภาษาไทย ก่อนจะส่งไปให้ ธนาตุลช่วยทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ให้ ก่อนที่คืนนี้จะเอ
ตอนที่6ความใกล้ชิดที่พิเศษ คืนแรกกับการขึ้นไปนอนที่ชั้นสองของบ้าน คุณครูสาวยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ กว่าจะหลับได้สนิทก็เกือบเช้ามืดแล้ว “ตื่นสายกว่าคุณอีกแล้ว เมื่อคืนกว่าจะหลับได้” อลิสลงมาข้างล่าง ตามกลิ่นของกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมขึ้นไปถึงบนชั้นสอง เข้าไปในห้องนอนของเธอ “คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ผมว่าพอคุณเหนื่อยมากๆสุดท้ายเดี๋ยวก็หลับง่ายไปเอง” ผู้กองหนุ่มยื่นแก้วกาแฟให้หญิงสาวที่ยังอยู่ในชุดนอนและกำลังยืนบิดตัวไล่ความขี้เกลียดให้ออกจากตัวเอง “หอมมากเลยนะคะ ไว้กลับไปบ้านอลิสว่าจะซื้อไปฝากพ่อ ท่านชอบกินกาแฟสดมากค่ะ” “ดีเลยครับ อุดหนุนชาวบ้าน ผมยังเคยเอาลงไปขายเลยนะ ลูกค้าที่ซื้อไปต่างก็ชอบ อีกทั้งไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง ราคาก็ไม่แพง” ครอบครัวของธนาตุลด้วยความที่เป็นคนหัวการค้า เขาจึงเอากาแฟจากบ้านน้ำฝายและหมู่บ้านใกล้เคียงไปติดแบรนด์ของตัวเอง และขายให้กับลูกค้าที่มาซื้อทอง ร้านทองครอบครัวธนาตุลมีหลายสาขา ชายหนุ่มเอากาแฟกลับไปเท่าไหร่ก็ขายหมดแค่เพียงไม่นาน และกำไรที่ขายได้ พ่อของเขาก็ยกให้ลูกชาย ผู้กอง
ตอนที่7ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำใจ เวลาผ่านไปรวดเร็วเมื่ออลิสคิดถึงวันที่ตำรวจชุดนี้ต้องถูกสับเปลี่ยน “เมื่อคืนฝนตกคุณรู้ไหม” ธนาตุลถามหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนและเดินลงมาด้านล่างของบ้าน “หลับสนิทไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” อลิสเริ่มชินกับที่นี่และเธอก็เหนื่อยกับการสอนนักเรียนจนหลับแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย “เมื่อคืนฝนตกแต่ไม่หนักเท่าไหร่ เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ที่นี่เวลาฝนตกจะตกแทบทั้งวัน คุณไม่ต้องแปลกใจถ้าวันไหนฝนตกตอนกลางคืน อาจจะไม่มีนักเรียนมาโรงเรียน” “ทำไมเหรอคะ” อลิสไม่เข้าใจ เพราะฝนตกช่วงกลางคืนเกี่ยวอะไรกับตอนเช้าที่เด็ก ๆต้องมาโรงเรียนด้วย “ถนนลาดยางที่คุณเห็นมันไม่ได้ตลอดนะ ถนนในหมู่บ้านเป็นดิน ถ้าฝนตกหนักมันก็จะเละไปหมด แล้วใครเขาจะเดินผ่านดินเละ ๆ มาเรียนกัน” ธนาตุลอธิบายแต่น้ำเสียงก็ดุดันนิดหน่อย เพราะชายหนุ่มอยากให้อลิสเป็นคนที่ช่างสังเกตมากกว่านี้ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติต้องอาศัยการสังเกตจะได้รู้และเตรียมตัวรับกับภัยธรรมชาติต่าง ๆได้ทัน “ทำเสียงดุเชียวนะคะ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ย
ตอนที่8คิดถึง วันที่อลิสไม่อยากให้มาถึง แต่มันก็ต้องยอมทำใจเมื่อชุดตำรวจตระเวนชายแดนอีกชุดเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ชุดของผู้กองธนาตุลก็ได้พัก ตำรวจหลายคนก็คิดถึงภรรยาและลูกๆกันจะแย่อยู่แล้ว “ดูแลตัวเองให้ดีนะคุณครู แล้วผมจะซื้อของมาฝาก ไม่งอแงนะคนเก่ง” เมื่อรถของชายหนุ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน อลิสก็หันหลังให้ทันที เพราะเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “ร้องไห้ตามผู้กองธนาตุลหรือครับคุณครู” เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง แต่เป็นเสียงที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าบิดาของอลิสไปกี่ปี “สวัสดีค่ะ หนูชื่อลิสนะคะ คุณคงเป็นผู้กองสุชาติใช่ไหมคะ” “ใช่ ผมผู้กองสุชาติ ดูแล้วครูน่าจะอายุเท่าๆกับลูกสาวผม ยังเป็นเด็กสาวต้องมาอยู่ไกลพ่อไกลแม่แบบนี้ ลำบากหน่อยนะ” น้ำเสียงและท่าทางของผู้กองสุชาติ แสดงถึงความเข้มแข็งและมากด้วยประสบการณ์ ถึงแม้เขาจะส่งยิ้มให้หญิงสาว แต่เธอกลับรู้สึกทั้งเคารพและก็เกรงใจ ไม่กล้าจะตีสนิทด้วย “ขอบคุณหนูนะที่เสียสละทิ้งความสบายมาเลือกลงโรงเรียนที่นี่ หลายปีแล้วที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายต้องให้ครูชะลอมาคอยสอน
ตอนที่9แล้วเขาก็กลับมา วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว “วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย” เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว “วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน” เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ ผู้กองธนาตุล “เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน” หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย “คร
ตอนที่10ทะเลหมอกและสองเรา “แบบนี้เขาไม่เรียกตื่นเช้า เขาเรียกตื่นตั้งแต่มืดต่างหาก มืดแบบนี้จะมองเห็นเหรอทะเลหมอกของผู้กอง” อลิสหงุดหงิดที่ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ เพราะแค่ทุกวันนี้เธอต้องตื่นเช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า และเตรียมมาสอน ก็ต้องใช้ควาพยายามในการเปลี่ยนตัวเองมากพออยู่แล้ว “เด็กในเมืองก็แบบนี้ พอโดนปลุกให้ตื่นตอนเช้ามืดก็ทำเป็นไม่พอใจ แล้วแบบนี้จะมาเป็นครูบนดอย ผมว่าคุณทนอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี เดี๋ยวก็ต้องหาทางลงไปสอนในเมืองแน่ๆ” ธนาตุลรู้ว่าถ้าเขาพูดดี ๆ ไม่มีทางที่หญิงสาวจะหายง่วงนอน เขาเลยแกล้งพูดยั่วโมโห แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ “คอยดูแล้วกัน ฉันก็แกล้งบ่นแกล้งง่วงไปอย่างนั้นแหละ ตอนคุณไม่อยู่ฉันก็ตื่นเช้าทุกวัน เลิกคิดว่าฉันต้องเป็นลูกคุณหนูและทนความลำบากที่นี่ไม่ได้เสียที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายโมโห ผู้กองกลับทั้งหัวเราะและยิ้ม จนหญิงสาวต้องเอียงตัวเพื่อหันหน้ามามองเขาด้วยความสงสัย “ผู้กองขำอะไร” หญิงสาวกระแทกเสียงถาม “ขำคนที่โดนยั่วโมโหจนหายง่วงเลย เอ๊ย!..ไม่ใช่ ไม่ได้ง่วงลืมไป ผ
ตอนที่11วันเวลาที่ผ่านไป วันเวลาเดินทางไปเร็วเสมอ เมื่อผู้กองธนาตุลมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ “อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับลงไปข้างล่างแล้ว เฮ้อ! เวลามันเดินไวจริง ๆนะคะ” “คุณคิดถึงผมใช่ไหม” คำถามที่ดูแล้วคนถามอยากรู้คำตอบจริง บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายริมน้ำตกที่สงบเงียบไม่มีคน ทำให้อลิสรู้สึกกล้าที่จะพูดความจริงกลับไป “คิดถึง แล้วผู้กองล่ะคะ เวลาที่ไม่เจอกัน คุณคิดถึง อลิสเหมือนกันไหม” “ไม่เหมือน” คนฟังถึงกับรู้สึกใจหาย เมื่อคำตอยที่ได้ ไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ อลิสคิดถึงผู้กองอย่างเดียวก็พอ”หญิงสาวพูดด้วยเสียงน้อยใจ และหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันรู้กำลังรู้สึกเหมือนคนอกหัก“ที่บอกไม่เหมือน เพราะผมคิดว่า ผมคิดถึงคุณ มากกว่าที่คุณคิดถึงผม”“เหรอคะ”คนฟังหันมายิ้มมุมปากแบบไม่เชื่อ อลิสคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ต้องการพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ทำเสียงแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อ คุณรู้ไหมผมกลับบ้านไป ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและอีกอย่างที่ผมทุ่มเวลาให้คือการหารซื้อ
ตอนที่12ปัญหาของหัวใจ “คราวนี้ทำไมเอารถไปเองล่ะคะพี่ตุล” ฉัตรฤดีคู่หมั้นสาวมานั่งรอธนาตุลที่บ้านของฝ่ายชายตั้งแต่บ่าย “ขนของไปหลายอย่างเลยไม่อยากเป็นภาระให้ลูกน้องต้องลำบาก” ชายหนุ่มอธิบาย “คราวนี้ลูกชายแม่เขาขนของเหมือนกับจะย้ายไปอยู่ที่นั่นเลย โทรทัศน์ ตู้ โต๊ะ เต็มรถไปหมด” ศยามลแซวผู้เป็นลูกชาย “ผมอาจจะย้ายไปอยู่ที่นู่นจริงก็ได้นะครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมซื้อที่ไว้แล้ว อีกไม่นานก็คงปลูกบ้าน ความฝันของผมคือการได้ไปอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนั้น” “มาเหนื่อยๆเข้าไปในบ้านกันดีกว่าค่ะ” ฉัตรฤดีเห็นสองคนแม่รู้เริ่มจะดูพูดจาจริงจังกันเกินไป เธอยังไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องมาทะเลาะกันในวันแรกของการกลับมาของธนาตุล “หนูฉัตรเขามารอลูกตั้งแต่บ่ายแล้ว ปกติเคยเห็นเย็นๆก็มาถึง ทำไมคราวนี้มาถึงมืดเลย” ศยามลพยายามชวนคุย เพราะเห็นท่าทางที่ลูกชายแสดงกับคู่หมั้นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “ความจริงน้องฉัตรไม่ต้องมารอพี่ก็ได้นะ เพราะอีกหน่อยพี่อาจไม่ได้กลับตามวันเวลาปกติ ตอนนี้พี่เริ่มเตรียมปลูกบ้านแล้ว ถ้าช่างว่างเมื่อไหร่คง
ตอนที่ 10เพราะเธอคือที่สุดของหัวใจ วิธานยังไม่ละความพยายาม เขาทำตัวใหม่และเข้าหาทางพ่อและแม่ของอดีตภรรยา เพราะตอนนี้เขาอยากได้ทั้งภรรยาคืนและอยากได้ลูกในท้องด้วย ตัวเขาเองไม่สามารถมีลูกได้และเขาก็ไม่คิดจะพึ่งหมออยู่แล้ว ดาราเห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวอดีตลูกเขย เธอก็เริ่มใจอ่อนสงสาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะบังคับให้ลูกสาวของเธอกลับมาคืนดี เพียงแต่เธอคงต้องคุยกับนาเดียร์จริงจังอีกสักรอบ ก่อนที่เธอจะบอกให้วิธานเลิกหวังเถอะ “เดียร์แม่แค่จะมาถามลูกอีกครั้ง แม่ยอมรับว่าแม่เริ่มสงสารวิธานเพราะเขากลับมาทำตัวดี แต่แม่ก็ไม่เคยลืมว่าเขาเคยทำอะไรกับเดียร์นะลูก” “คุณแม่อยากถามอยากพูดอะไรกับเดียร์พูดได้เลยค่ะ ลูกเข้าใจ” “วิธานเขายังรักลูกอยู่และเขาคงเป็นพ่อที่มีหน้ามีตาให้กับหลานของแม่ได้ แต่ถ้าลูกเลือกคนที่ลูกรักชีวิตก็ต้องมีขวากหนามความลำบาก คำดูถูกเข้ามาบ้าง ลูกก็ต้องเข้มแข็ง เอาเป็นว่าลูกตัดสินกับแม่อีกครั้งแล้วแม่จะได้ไปบอกกับวิธานให้รู้เรื่อง” “เดียร์รักราเชนและจะรักเขาคนเดียวตลอดไปค่ะแม่ เขาคือผู้ชายที่ทำเพื่อเดียร์มาตลอด เ
ตอนที่ 9สามีที่เป็นอดีต “เดียร์ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ” วิธานจอดรถขวางหน้าบ้าน เขาพุ่งตัวมากอดหญิงสาวอย่างที่ทุกคนไม่มีใครคาดคิด ต่างตกใจเพราะไม่มีใครเห็นเลยว่าเขามาตอนไหน รู้กันอีกทีวิธานก็ถึงตัวนาเดียร์แล้ว “ปล่อย เดียร์บอกให้ปล่อย” วิธานยังคงกอดอดีตภรรยาแน่น ด้วยความตกใจราเชนพุ่งตรงเข้าต่อยสามีเก่าของภรรยาจนล้มลงไปกองกับพื้น เพราะวิธานมาในสภาพที่เมาจนยืนเซไปเมา พอเจอหมัดหนักเข้าไปก็ล้มทั้งยืน “มึงเป็นใคร กูจะให้แม่กูแจ้งตำรวจจับมึง มึงใช่ไหมที่พาเมียกูหนี” วิธานยังลุกไม่ขึ้นแต่ก็ยังโวยวายปากกล้า ทำท่าจะเอาเรื่องกับราเชนให้ได้ “ไหนเมียมึงตรงนี้มีแต่เมียกู” ราเชนไม่ยอม ธงชัยเห็นสถานการณ์ดูแล้วถ้ายังยืนปะทะคำพูดกันแบบนี้ วิธานเจ็บหนักแน่นอน “เดียร์พาเชนเข้าไปในบ้าน ดาราคุณโทรศัพท์หาศิริให้เขามาเก็บลูกเขาไป ไม่อย่างนั้นเราจะแจ้งความข้อหาบุกรุก” “กูจะเอาเมียกูคืนไอ้กระจอกมึงมันรวยสู้กูไม่ได้หรอก” วิธานยังคงตะโกนตามหลังราเชน ทั้งที่ตัวเองก็ยังเลือดกบปากอยู่ นาเดียร์ไม่คิดว่าสิ่งที่เธอก
ตอนที่ 8เธอคือของขวัญ กิจการอู่ซ่อมรถของราเชนโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเขามีวัยรุ่นแถวบ้านเป็นผู้สนับสนุนอยู่แล้ว เวลาเด็ก ๆ มาซ่อมรถบางครั้งเขาก็ไม่เก็บเงิน เพราะเข้าใจว่าเวลาไม่มีเงินชีวิตมันเป็นอย่างไร ร้านข้าวแกงของนาเดียร์จากตอนแรกตั้งใจจะขายแค่ วันละสี่ถึงห้าอย่าง ตอนนี้กลายเป็นร้านข้าวแกงที่ใหญ่และหมดเร็วมาก วิภาต้องหาลูกจ้างมาช่วยทำเพราะเขาทำคนเดียวไม่ไหว ส่วนลูกสะใภ้ก็ต้องรีบไปเปิดร้าน ราเชนสังเกตภรรยามาหลายวันแล้ว นาเดียร์มีอาการ เวียนหัวเหมือนคนอยากจะเป็นลมตลอด และตอนนี้ที่หนักสุดคือเธอเหม็นอาหารบางอย่าง จนต้องคอยเก็บเงินอย่างเดียวและ จ้างคนมาตักแกง “เดียร์ไปหาหมอไหม ผมคิดว่าคุณไม่สบายนะ” หญิงสาวเดินมากอดสามี เธอมีคำตอบอยู่หลายวันแล้วแค่รอว่าเมื่อไหร่ราเชนจะถามว่าที่เธอมีอาการแปลกเธอเป็นอะไร “ไม่ต้องไปหาหมอหรอกค่ะ เพราะเดียร์รู้ว่าอาการที่เป็นอยู่เกิดจากอะไร รอก็แต่ช่างเชนเมื่อไหร่จะถามสักที” ชายหนุ่มยังคงไม่เข้าใจว่าภรรยาของเขาหมายถึงอะไรกัน แล้วทำไมรู้แล้วถึงไม่บอกต้องรอให้เ
ตอนที่ 7สามีที่ได้เลือก ราเชนตัดสินใจเลิกเป็นหนุ่มบาร์โฮส เขาออกหาดูทำเล ที่จะเปิดอู่แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะทำที่หน้าบ้านของตัวเอง “เชนเปิดอู่คนเดียวเหรอ เดียร์ขอหุ้นด้วยได้ไหม” หญิงสาวรู้ว่าเงินเก็บที่ราเชนมีไม่ได้เยอะสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเธอจะให้เขาก็คงไม่เอาหญิงสาวจึงเปลี่ยนเป็นขอหุ้นด้วย “ได้สิ หุ้นทั้งตัวทั้งใจเลย” อู่กำลังเริ่มก่อสร้าง นาเดียร์อยากขายข้าวแกงเธอจึงทำร้านต่ออกมาเธอทำหน้าที่ขาย ส่วนแม่สามีทำหน้าที่ทำกับข้าวให้เธอ โชคยังดีที่หน้าบ้านมีพื้นที่เหลือเยอะและเป็นที่ริมน้ำบรรยากาศดี ดารากับธงชัยทนคิดถึงลูกสาวไม่ไหวและอยากรู้ความจริงจากปากของลูกสาวจึงให้ส้มช่วยอ้อนวอนให้นาเดียร์กลับมาหาพ่อกับแม่บ้าง “เดียร์ไปค้างกับพ่อแม่สักพักนะ ไม่ต้องนอนร้องไห้ล่ะ” หญิงสาวดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้กลัวจะคิดถึงแต่เขากลัวว่าเธอจะไม่กลับมามากกว่า “สัญญาได้ไหมว่าจะกลับมา” หญิงสาวพยักหน้ากอดสามีของเธอไวแน่น เธอรักเขาเต็มหัวใจแล้ววันนี้ไม่มีทางที่เธอจะไม่กลับมาแน่นอน ธงชัยเห็นภาพสภาพลูกสาว
ตอนที่ 6ทางแยก เสียงรถยนต์ของวิธานที่ขับเข้ามาในบ้าน มันไม่ได้ทำให้ นาเดียร์รู้สึกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเกือบสองปี แต่ครั้งนี้เธอกำลังจะรู้ทางออกของชีวิตและที่เธอยังไม่รู้คือจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอในวันนี้ เพียะ! วิธานเปิดประตูบ้านเข้ามาและตรงมายังภรรยาที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรสักคำ เขาตบหน้าเธออย่างแรงก่อนที่จะผลักหญิงสาวลงไปนอนกับพื้นและเตะไปที่สะโพกอย่างเต็มแรง “มึงไปทำร้ายเมียกูทำไม มึงเอาเพื่อนไปรุมมึงเห็นไหมว่าเขาท้องอยู่” นาเดียร์อยากจะพูดแต่เธอพูดไม่ออกมันจุกไปหมด เธอค่อย ๆ คลานหนีด้วยความกลัว ที่เธอคิดไว้มันไม่ใช่แบบนี้ เขาทำร้ายเธอเหมือนไม่เคยเห็นเธอเป็นเมียเลย มือหนาจิกผมของคนตัวเล็กที่กำลังพยายามหนี ผมของหญิงสาวหลุดตามแรงดึง นาเดียร์ยกมือไหว้น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอกลัว กลัวจนไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรได้แต่ยกมือไหว้ ร้องขอให้อีกฝ่ายเมตตาเธอบ้าง “มึงรู้ไหมทรายเขายอมให้กูมาอยู่กับมึงถึงสองปี โดยที่เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย แต่วันนี้กูแค่ต้องการอิสระกูจะไปอยู่กับลูกกับเมียกูมึงยังจะยื้อ ถ้ามึงไม่อยากตายหย่าให้กูแล้วอย่าใ
ตอนที่ 5อยู่ดี ๆ ก็เจ็บ นาเดียร์นั่งรถกลับบ้านด้วยหัวใจที่มุ่งมั่น เธอจะขอแก้ตัว เธอพร้อมจะทำทุกอย่างตามที่สามีต้องการ ขอแค่ให้เขาไม่ไปจากเธอ ถึงแม้นาเดียร์จะรู้สึกลึก ๆ ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เธอกลับยอมเป็นคนผิดขอแค่ไม่ให้อีกฝ่ายไป ราเชนได้แต่หันไปสบตาคนข้าง ๆ เป็นครั้งคราว เขาเป็นคนอื่นและเพิ่งเข้ามาในชีวิติของหญิงสาวได้ไม่นาน คงได้แต่อยู่ในมุมเงียบ ๆ รอเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายต้องการเขาคงมาหาเธอเอง “ขอบคุณนะเชน ที่อยู่เป็นเพื่อนในวันที่ไม่เหลือใครมาสองครั้งแล้ว ขอให้การเจอกันของเราครั้งต่อไป ขอให้เดียร์มีความสุขอย่าได้ทุกข์เหมือนทุกครั้งเลย ไว้ว่าง ๆ เจอกันนะ” หญิงสาวกำลังจะเปิดประตูรถของตัวเอง แต่กลับถูก มือหนาจับแขนเธอไว้ “ขอให้คุณโชคดี ขอให้เขากลับมาเป็นคนเดิมแต่สัญญากับผมได้ไหม ว่าคุณจะไม่รักเขาจนลืมรักตัวเอง ผมอยู่ข้าง ๆ คุณตลอดนะถึงแม้ว่าคุณอาจมองไม่เห็น” นาเดียร์โผเข้ากอดราเชนอีกครั้ง เธอรู้ความหมายดีแต่เธอก็รู้ว่าสุดท้ายที่เธอพยายามจะกลับไปทำมันคือการทำร้ายตัวเองอยู่ก็ตาม บ้านถูกปิดไว้ในสภาพเดิม หญิงส
ตอนที่ 4เพราะเธอคือกำลังใจ “เชนคุณจะพาฉันไปไหน ขับออกมานอกเมืองแบบนี้” นาเดียร์ไม่รู้หรอกว่าเส้นทางที่เชนกำลังพาเธอไปคือเส้นทางที่จะไปยังที่ไหน เธอรู้แค่เพียงว่ามันออกมาพ้นจาก ตัวกรุงเทพแล้ว รถเริ่มติดน้อยลง บรรยากาศข้างทางเริ่มดูสบายตามากขึ้น “ผมจะพาไปบ้านผม ตอนนี้มีคุณแม่อยู่คนเดียว ส่วนตัวผมเองมาเช่าคอนโดอยู่เพราะจะได้สะดวกในการทำงาน” “แล้วคุณจะพาไปบ้านทำไมคะ ป่านนี้คุณแม่คุณคงหลับแล้ว เกรงใจท่าน” ราเชนหันมาส่งยิ้มให้กับหญิงสาวที่ตอนนี้เธอหยุดร้องไห้แล้ว และดูจะสนใจปลายทางที่เขาจะพาไปจนลืมความทุกข์ไปได้พักหนึ่ง “ผมบอกแม่ไว้แล้ว ที่ผมพาคุณไปเพราะเราจะได้รู้จักกันมากขึ้นที่บ้านผมวิวดีนะอยู่ติดแม่น้ำและที่สำคัญถ้าคุณได้คุยกับแม่ของผม คุณจะรู้ว่าแม่มักจะมีทางออกที่ดีให้กับทุกคน” นาเดียร์เชื่อในคำพูดของคนที่เพิ่งรู้จักกันอีกครั้ง อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้พาเธอไปที่ที่ต้องอยู่กันสองต่อสองและคืนนี้เธอก็มั่นใจว่าเขาจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไปจนเช้าแน่นอน บ้านของราเชนเป็นบ้านไม้ที่จัดได้ว่าสวยงามถึงจะมีขนาดไม่ใหญ่
ตอนที่ 3เวลาที่ไม่มีใคร “เป็นไงบ้าง เห็นคุยกันถูกคอเชียว ติดใจบอกได้นะพรุ่งนี้ให้พามาอีกก็ได้” ส้มถามเพื่อนที่เธอเพิ่งเคยพามาเที่ยวบาร์โฮสเป็นครั้งแรก เพราะตัวเธอมาเที่ยวบ่อยมาก “เขาก็คุยสนุกดีนะ แต่เราไม่ชอบเที่ยวแบบนี้ ส้มเราไปนอนด้วยนะ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยกลับยังไม่อยากเจอหน้าพี่วิธาน” ส้มมองนาเดียร์ด้วยความสงสารแม้แต่ชีวิตของตัวเองยังไม่มีสิทธิ์เลือกทางเดิน นาเดียร์กลับถึงบ้านด้วยสภาพที่ยังง่วงนอนเพราะเธอเองไม่ค่อยได้นอนดึกตื่นเช้าจึงตั้งใจว่าจะขึ้นไปนอนข้างบนแล้วค่อยลงมาทำงานบ้าน “ถ้าจะกลับเช้าแบบนี้หย่ากันดีไหม” วิธานเดินลงมาจากบ้านด้วยชุดที่ไม่ใช่ชุดทำงาน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “เดียร์ไปนอนกับส้มมา แล้วพี่วิธานจะไปไหนคะ” หญิงสาวรู้สึกใจหายแบบบอกไม่ถูกที่อยู่ดี ๆ ก็ถูกสามีชวนหย่าและเขาก็กำลังจะเดินออกจากบ้านพร้อมกระเป๋าเดินทาง “ไม่ต้องเสือกนะคะคนดี” วิธานยื่นหน้าจนแทบจะชนกับหน้าของหญิงสาว และพูดด้วยน้ำเสียงเน้นเหมือนรู้สึกสะใจที่ได้พูด เสียงรถออกไปแล้วหญิงสาวทรุดตัว
ตอนที่ 2เมื่อทุกอย่างไม่เหมือนเดิม หลังจากกลับมาจากทะเลได้เพียงแค่ไม่ถึงเดือน นาเดียร์ก็สัมผัสได้ว่าสามีของเธอเปลี่ยนไป จากที่เคยกลับบ้านตรงเวลาตอนนี้เขาก็กลับบ้างไม่กลับบ้าง ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวกับงานที่มีปัญหา “พี่วิธานคะ มีปัญหาอะไรที่พอจะให้พ่อของเดียร์ช่วยไหมคะ เห็นพี่ทำงานหนักทุกวันเดียร์เป็นห่วง” ภรรยาคนสวยเดินมาคล้องแขนสามีที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเพื่อหวังเอาใจ “อยากช่วยไหม ถ้าอยากช่วย เลิกถามสักทีผมรำคาญ” วิธานไม่ได้พูดคำพูดแบบนี้กับนาเดียร์เป็นครั้งแรก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะพูดบ่อย หญิงสาวจึงให้อภัยและคิดว่าสามีคงเหนื่อยจากเรื่องงานมาจริง ๆ ชายหนุ่มทำท่ารำคาญและหงุดหงิด จากที่จะนั่งโซฟาตามปกติ เขากลับเอาขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางบนโต๊ะ “มาถอดถุงเท้าให้หน่อย เหนื่อยไม่อยากก้ม” วิธานชี้นิ้วไปที่เท้าทั้งสองข้างด้วยกิริยาที่ดูหยาบคายเหมือนต้องการทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้รู้สึกต่ำต้อย นาเดียร์ทำท่าลังเลว่าเธอจะถอดหรือจะปฏิเสธ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะตัดสินใจ แก้วน้ำที่วางอยู่ข้างหน้าชายหนุ่มก็ถูกปาไปที่กำแพง