Share

เช้านี้ที่หมู่บ้านกลางหุบเขา

ตอนที่3

เช้านี้ที่หมู่บ้านกลางหุบเขา

          “หนาวไหม”

         ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นว่า หญิงสาวนอนห่มผ้าห่มผืนบาง และกอดไว้แน่น

          “หนาวสิถามได้ ตอนแรกก็สงสัยว่าที่นี่ไม่มีไฟใช้แล้วเขาไม่ร้อนกันเหรอ ที่แท้กลางคืนอากาศอย่างกับอยู่เมืองนอกเลย”

          ชายหนุ่มถามเพียงสั้นๆ แต่คนตอบ ตอบเสียยืดยาวเพราะ อลิสรู้สึกเริ่มคุ้นเคย สนิทสนมกันแล้ว

          “ถ้าอย่านั้นเอาผ้าห่มคุณมาแลกกับของผม”

          “แล้วคุณก็หนาว ทำเป็นพระเอกอีกแล้ว ”

          อลิสพูดจบก็ลากที่นอนมาติดกับของชายหนุ่ม และคว้าผ้าห่มผืนหนาของผู้กองมาห่มตัวเธออีกชั้นหนึ่ง

          “ห่มด้วยกันก็หมดเรื่อง ราตรีสวัสดิ์นะคะ”

          ธนาตุลได้แต่นอนมองหญิงสาวที่อยู่ดีๆก็ลุกมานอนข้างเขา แถมห่มผ้าห่มผืนเดียวกันอีก เพิ่มความรู้สึกที่ปั่นป่วนท้อง หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก

          สิ้นเสียงอลิสก็หลับสนิท แถมมีเสียงกรนเบาๆยืนยันว่าเธอหลับจริงดังออกมาด้วย

         ธนาตุลพยายามสวดมนต์ก็แล้ว นับหนึ่งถึงร้อยก็แล้ว แต่มันกลับนอนไม่หลับ เขาจึงหันมามองใบหน้าคุณครูคนใหม่ที่กำลังหลับใหลให้ชัด เพราะเมื่อกลางวันยังมองไม่ถนัดเลย

          ความสวยที่ไม่ถูกเครื่องสำอางปกปิดไว้ ทำให้หญิงสาวในยามนี้ดูสวยธรรมชาติ น่ารักสมวัย หัวใจของธนาตุลมันรู้สึกแปลกๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนแม้แต่ฉัตรฤดีที่เป็นคู่หมั้นของเขา

         

          เสียงไก่ขันและผู้คนในหมู่บ้านที่พูดคุยกันปลุกหญิงสาวที่หลับสนิทเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง

          “เอ้า! ไปไหน”

          อลิสตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอชายหนุ่มที่เมื่อคืนยังนอนอยู่ข้างๆเธอเลย หญิงสาวจึงเปิดประตูห้องนอน และเดินออกมาที่หน้าบ้าน

          “ตื่นแล้วเหรอ เห็นหลับสนิทเลยไม่กล้าปลุก”

          ธนาตุลกำลังดื่มกาแฟอยู่ พร้อมกับกองไม้ที่วางอยู่ข้างหน้าเขา

          “ไม้นี่คุณจะทำโต๊ะกับชั้นวางของให้ฉันใช่ไหม” อลิส ถามด้วยสีหน้าดีใจ

          “ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ทำให้เสร็จมีหวังคุณได้ย้ายลงมานอนกับผมทุกคืน”

          ชายหนุ่มยกเก้าอี้มาให้หญิงสาวนั่งข้างเขา และชงกาแฟของคนที่นี่คั่วเองกลิ่นหอมฟุ้งให้หนึ่งแก้ว

          “หอมจังเลยนะคะ” หญิงสาวดมกลิ่นหอมก่อนที่จะดื่มลิ้มรส

          “เป็นกาแฟของคนที่นี่เข้าปลูกเอง คั่วเอง ว่างๆก็ไปอุดหนุนเขาได้ เครื่องชงคุณก็ใช้ของผม ไม่ต้องไปหาซื้อใหม่จะได้ประหยัด”

          “อิ อิ”

          “คุณหัวเราะอะไร” ธนาตุลไม่เข้าใจว่าเขามีอะไรให้         หญิงสาวหัวเราะ

          “เวลาผู้กองพูด ฉันรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับพ่อเลย”

          “คุณว่าผมแก่เหรอ งั้นคืนนี้ก็นอนห้องใครห้องมันแล้วกัน โต๊ะนี่ก็ไม่ทำแล้ว” ชายหนุ่มแกล้งโมโห

          “ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันหมายความว่า คุณดูเป็นผู้ใหญ่ คิดมากไปได้”

          “คุณครูกับผู้กอง แม่ให้เอาข้าวมาให้”

          เสียงเด็กน้อยดังเข้ามัดจังหวะ ทั้งคู่จึงหันไปมองตามที่มาของเสียง

          “ฟองจันทร์วางไว้บนโต๊ะเลย ฝากขอบคุณพ่อผู้ใหญ่ด้วยนะ”

          ฟองจันทร์เป็นหลานสาวของผู้ใหญ่บ้าน แต่เธอไม่เรียกตาแต่เรียกว่าพ่อ ส่วนพ่อแม่ของเธอเข้าไปทำงานในเมืองนานๆทีถึงจะกลับมา

          “ทุกวันผู้ใหญ่จะทำกับข้าวมาให้ แต่ถ้าคุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็ทำกินเอง ในหมู่บ้านที่ร้านขายของอยู่”

          คนพูดจะรู้ไหมนะ ว่าคุณครูคนใหม่ทำกับข้าวไม่เป็นเลย แค่หุงข้าวก็ต้องใช้หม้อไฟฟ้าเท่านั้นถึงจะทำได้

          “ผักหวานเมื่อวานอร่อย ที่นี่มีไหม” อลิสนึกถึงก๋วยเตี๋ยวเมื่อวาน

          “มี เดี๋ยวกลางวันผัดให้กิน”

          หลังอาหารเช้าทั้งสองก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ ตุลก็ต่อโต๊ะและชั้นให้คุณครูคนใหม่ ส่วนอลิสก็เข้าไปเก็บทำความสะอาดโรงเรียน เพื่อเตรียมเปิดเทอม

          โต๊ะและเก้าอี้มีเพียงไม่กี่ชุด แปลว่านักเรียนที่นี่มีเพียงไม่กี่คน ห้องเรียนมีหกห้อง แต่เหมือนถูกใช้แค่เพียงห้องเดียว

          เมื่อดูจากป้ายหน้าห้อง ก็เขียนชื่อครูชะลอไว้ หญิงสาวจึงเลือกที่จะเข้าไปทำความสะอาดห้องต่อไปแทน

          ห้องที่อลิสเลือก เหมือนถูกปิดมานานเหลือเกินใยแมงมุมเต็มไปหมด แต่ในห้องมีโต๊ะ เก้าอี้ และตู้ต่างๆเยอะมาก หญิงสาวค่อยๆปัดฝุ่น แล้วคิดว่าช่วงกลางวันจะไปขอแรงตำรวจให้มาช่วยยก

         “สวัสดีครับคุณครู มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

          แค่คิดยังไม่ทันไปขอความช่วยเหลือ ตำรวจที่เป็นลูกน้องของผู้กองก็มาหาถึงห้องเรียน

          อลิสวานให้ทั้งสองคนช่วยกันยกตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ของชิ้นใหญ่ๆทั้งหมดออกมาจากห้อง เพราะเธอตั้งใจจะทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยก่อน

          ภาพหญิงสาวที่ท่าทางดูเป็นคุณหนู กำลังปัดกวาดเช็ดถู ทำให้ธนาตุลอดยิ้มไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเลือกที่จะทำห้องนอนของตัวเองก่อน แต่หญิงสาวกลับเลือกที่จะทำห้องเรียนให้เรียบร้อยเสียก่อน

          “คุณครูครับ พักมากินข้าวก่อน” ผู้กองตะโกนเรียกเพราะโรงเรียนกับบ้านพักครูอยู่แทบจะติดกัน

          “มีอะไรกินคะวันนี้”

          “ข้าวต้มเมื่อเช้ายังเหลือ ผมเลยอุ่นและผัดผักหวานที่คุณอยากกินให้” ชายหนุ่มส่งจานผักหวานให้หญิงสาวดู

          “น่ากินมากๆเลยค่ะ หิวจะเป็นลมอยู่แล้ว”

          คนทำเห็นคนกินทำท่าทางอร่อยกับผัดผักของเขา ชายหนุ่มแอบยิ้มด้วยความภูมิใจอยู่คนเดียว

          “วันนี้คงได้แค่โต๊ะเครื่องแป้ง แต่คงไม่มีกระจก ไว้ผมเข้าเมืองจะซื้อกระจกมาให้”

          ไม้ที่มีไม่มากและเวลาที่เร่งรัด วันนี้ชายหนุ่มจึงทำเสร็จแค่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างเดียว

          “ถ้าอย่างนั้นฉันยกขึ้นไปไว้ข้างบนเลยนะ” หญิงสาวอยากมีที่วางของสักที

          “พรุ่งนี้ถึงจะใช้ได้ เดี๋ยวลูกน้องผมจะมาทาสีให้ พรุ่งนี้แหละถึงจะแห้งและหมดกลิ่น”

          “เออเกือบลืมเลย ผู้กองว่าจะพาไปซื้อที่นอน เมื่อคืนปวดหลังแทบแย่”

อลิสนึกขึ้นมาได้ เพราะที่นอนเป็นสิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดในเวลานี้

ช่วงเย็นชายหนุ่มพาคุณครูไปซื้อที่นอนในหมู่บ้าน โดยที่เธอเลือกที่นอนแบบหกฟุตเลย อลิสให้เหตุผลว่า ห้องจะได้ดูไม่โล่งเกินไป

“เดี๋ยวผมเอาใส่รถเข็นไปส่งเอง เอาไว้ที่ห้องข้างบนเลยใช่ไหมครับ” ลูกชายเจ้าของหลานถาม

“ไม่จ๊ะ เอาไว้ห้องข้างล่างก่อน ข้างบนยังไม่ได้ทำอะไรเลย”

คำตอบของอลิสทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่แถวนั้นพากันหันมามอง ทั้งคุณครูคนใหม่และผู้กองคนหล่อ ด้วยแววตาที่ดูกำลังคิดลึกกันอยู่ เมื่อถูกผู้กองมองกลับไป ต่างก็พากันก้มหลบสายตา

“ผู้กองฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ ทำไมทุกคนมองเราแบบนั้น” หญิงสาวถามเพราะเธอไม่รู้จริงๆ

“ยังจะมาถามอีก ก็คุณเล่นพูดแบบนั้น เขาก็รู้ว่าเมื่อคืนเรานอนด้วยกัน รวมทั้งคืนนี้ด้วย” ผู้กองทำหน้าเขินตามชาวบ้านไปด้วย

“เอ้าก็ใช่ไง เรานอนด้วยกัน แล้วยังไง เราไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย”

 อลิสยังคงไม่เข้าใจเหตุผล ที่คนอื่นต้องรู้สึกอะไรกับการที่เธอลงมานอนกับชายหนุ่ม

เมื่อไม่รู้จะอธิบายให้คนตัวเล็กเข้าใจยังไง ธนาตุลจึงเลือกที่จะเดินนำกลับบ้านก่อนไม่อยากตอบอะไรแล้ว เพราะตอนนี้หน้าเริ่มแดง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status