ตอนที่3
เช้านี้ที่หมู่บ้านกลางหุบเขา
“หนาวไหม”
ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นว่า หญิงสาวนอนห่มผ้าห่มผืนบาง และกอดไว้แน่น
“หนาวสิถามได้ ตอนแรกก็สงสัยว่าที่นี่ไม่มีไฟใช้แล้วเขาไม่ร้อนกันเหรอ ที่แท้กลางคืนอากาศอย่างกับอยู่เมืองนอกเลย”
ชายหนุ่มถามเพียงสั้นๆ แต่คนตอบ ตอบเสียยืดยาวเพราะ อลิสรู้สึกเริ่มคุ้นเคย สนิทสนมกันแล้ว
“ถ้าอย่านั้นเอาผ้าห่มคุณมาแลกกับของผม”
“แล้วคุณก็หนาว ทำเป็นพระเอกอีกแล้ว ”
อลิสพูดจบก็ลากที่นอนมาติดกับของชายหนุ่ม และคว้าผ้าห่มผืนหนาของผู้กองมาห่มตัวเธออีกชั้นหนึ่ง
“ห่มด้วยกันก็หมดเรื่อง ราตรีสวัสดิ์นะคะ”
ธนาตุลได้แต่นอนมองหญิงสาวที่อยู่ดีๆก็ลุกมานอนข้างเขา แถมห่มผ้าห่มผืนเดียวกันอีก เพิ่มความรู้สึกที่ปั่นป่วนท้อง หัวใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
สิ้นเสียงอลิสก็หลับสนิท แถมมีเสียงกรนเบาๆยืนยันว่าเธอหลับจริงดังออกมาด้วย
ธนาตุลพยายามสวดมนต์ก็แล้ว นับหนึ่งถึงร้อยก็แล้ว แต่มันกลับนอนไม่หลับ เขาจึงหันมามองใบหน้าคุณครูคนใหม่ที่กำลังหลับใหลให้ชัด เพราะเมื่อกลางวันยังมองไม่ถนัดเลย
ความสวยที่ไม่ถูกเครื่องสำอางปกปิดไว้ ทำให้หญิงสาวในยามนี้ดูสวยธรรมชาติ น่ารักสมวัย หัวใจของธนาตุลมันรู้สึกแปลกๆ แบบที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อนแม้แต่ฉัตรฤดีที่เป็นคู่หมั้นของเขา
เสียงไก่ขันและผู้คนในหมู่บ้านที่พูดคุยกันปลุกหญิงสาวที่หลับสนิทเพราะเหนื่อยกับการเดินทาง
“เอ้า! ไปไหน”
อลิสตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอชายหนุ่มที่เมื่อคืนยังนอนอยู่ข้างๆเธอเลย หญิงสาวจึงเปิดประตูห้องนอน และเดินออกมาที่หน้าบ้าน
“ตื่นแล้วเหรอ เห็นหลับสนิทเลยไม่กล้าปลุก”
ธนาตุลกำลังดื่มกาแฟอยู่ พร้อมกับกองไม้ที่วางอยู่ข้างหน้าเขา
“ไม้นี่คุณจะทำโต๊ะกับชั้นวางของให้ฉันใช่ไหม” อลิส ถามด้วยสีหน้าดีใจ
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าไม่ทำให้เสร็จมีหวังคุณได้ย้ายลงมานอนกับผมทุกคืน”
ชายหนุ่มยกเก้าอี้มาให้หญิงสาวนั่งข้างเขา และชงกาแฟของคนที่นี่คั่วเองกลิ่นหอมฟุ้งให้หนึ่งแก้ว
“หอมจังเลยนะคะ” หญิงสาวดมกลิ่นหอมก่อนที่จะดื่มลิ้มรส
“เป็นกาแฟของคนที่นี่เข้าปลูกเอง คั่วเอง ว่างๆก็ไปอุดหนุนเขาได้ เครื่องชงคุณก็ใช้ของผม ไม่ต้องไปหาซื้อใหม่จะได้ประหยัด”
“อิ อิ”
“คุณหัวเราะอะไร” ธนาตุลไม่เข้าใจว่าเขามีอะไรให้ หญิงสาวหัวเราะ
“เวลาผู้กองพูด ฉันรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับพ่อเลย”
“คุณว่าผมแก่เหรอ งั้นคืนนี้ก็นอนห้องใครห้องมันแล้วกัน โต๊ะนี่ก็ไม่ทำแล้ว” ชายหนุ่มแกล้งโมโห
“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันหมายความว่า คุณดูเป็นผู้ใหญ่ คิดมากไปได้”
“คุณครูกับผู้กอง แม่ให้เอาข้าวมาให้”
เสียงเด็กน้อยดังเข้ามัดจังหวะ ทั้งคู่จึงหันไปมองตามที่มาของเสียง
“ฟองจันทร์วางไว้บนโต๊ะเลย ฝากขอบคุณพ่อผู้ใหญ่ด้วยนะ”
ฟองจันทร์เป็นหลานสาวของผู้ใหญ่บ้าน แต่เธอไม่เรียกตาแต่เรียกว่าพ่อ ส่วนพ่อแม่ของเธอเข้าไปทำงานในเมืองนานๆทีถึงจะกลับมา
“ทุกวันผู้ใหญ่จะทำกับข้าวมาให้ แต่ถ้าคุณอยากกินอะไรเป็นพิเศษก็ทำกินเอง ในหมู่บ้านที่ร้านขายของอยู่”
คนพูดจะรู้ไหมนะ ว่าคุณครูคนใหม่ทำกับข้าวไม่เป็นเลย แค่หุงข้าวก็ต้องใช้หม้อไฟฟ้าเท่านั้นถึงจะทำได้
“ผักหวานเมื่อวานอร่อย ที่นี่มีไหม” อลิสนึกถึงก๋วยเตี๋ยวเมื่อวาน
“มี เดี๋ยวกลางวันผัดให้กิน”
หลังอาหารเช้าทั้งสองก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ ตุลก็ต่อโต๊ะและชั้นให้คุณครูคนใหม่ ส่วนอลิสก็เข้าไปเก็บทำความสะอาดโรงเรียน เพื่อเตรียมเปิดเทอม
โต๊ะและเก้าอี้มีเพียงไม่กี่ชุด แปลว่านักเรียนที่นี่มีเพียงไม่กี่คน ห้องเรียนมีหกห้อง แต่เหมือนถูกใช้แค่เพียงห้องเดียว
เมื่อดูจากป้ายหน้าห้อง ก็เขียนชื่อครูชะลอไว้ หญิงสาวจึงเลือกที่จะเข้าไปทำความสะอาดห้องต่อไปแทน
ห้องที่อลิสเลือก เหมือนถูกปิดมานานเหลือเกินใยแมงมุมเต็มไปหมด แต่ในห้องมีโต๊ะ เก้าอี้ และตู้ต่างๆเยอะมาก หญิงสาวค่อยๆปัดฝุ่น แล้วคิดว่าช่วงกลางวันจะไปขอแรงตำรวจให้มาช่วยยก
“สวัสดีครับคุณครู มีอะไรให้ผมช่วยไหม”
แค่คิดยังไม่ทันไปขอความช่วยเหลือ ตำรวจที่เป็นลูกน้องของผู้กองก็มาหาถึงห้องเรียน
อลิสวานให้ทั้งสองคนช่วยกันยกตู้ โต๊ะ เก้าอี้ ของชิ้นใหญ่ๆทั้งหมดออกมาจากห้อง เพราะเธอตั้งใจจะทำความสะอาดห้องให้เรียบร้อยก่อน
ภาพหญิงสาวที่ท่าทางดูเป็นคุณหนู กำลังปัดกวาดเช็ดถู ทำให้ธนาตุลอดยิ้มไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงเลือกที่จะทำห้องนอนของตัวเองก่อน แต่หญิงสาวกลับเลือกที่จะทำห้องเรียนให้เรียบร้อยเสียก่อน
“คุณครูครับ พักมากินข้าวก่อน” ผู้กองตะโกนเรียกเพราะโรงเรียนกับบ้านพักครูอยู่แทบจะติดกัน
“มีอะไรกินคะวันนี้”
“ข้าวต้มเมื่อเช้ายังเหลือ ผมเลยอุ่นและผัดผักหวานที่คุณอยากกินให้” ชายหนุ่มส่งจานผักหวานให้หญิงสาวดู
“น่ากินมากๆเลยค่ะ หิวจะเป็นลมอยู่แล้ว”
คนทำเห็นคนกินทำท่าทางอร่อยกับผัดผักของเขา ชายหนุ่มแอบยิ้มด้วยความภูมิใจอยู่คนเดียว
“วันนี้คงได้แค่โต๊ะเครื่องแป้ง แต่คงไม่มีกระจก ไว้ผมเข้าเมืองจะซื้อกระจกมาให้”
ไม้ที่มีไม่มากและเวลาที่เร่งรัด วันนี้ชายหนุ่มจึงทำเสร็จแค่โต๊ะเครื่องแป้งอย่างเดียว
“ถ้าอย่างนั้นฉันยกขึ้นไปไว้ข้างบนเลยนะ” หญิงสาวอยากมีที่วางของสักที
“พรุ่งนี้ถึงจะใช้ได้ เดี๋ยวลูกน้องผมจะมาทาสีให้ พรุ่งนี้แหละถึงจะแห้งและหมดกลิ่น”
“เออเกือบลืมเลย ผู้กองว่าจะพาไปซื้อที่นอน เมื่อคืนปวดหลังแทบแย่”
อลิสนึกขึ้นมาได้ เพราะที่นอนเป็นสิ่งที่เธออยากได้มากที่สุดในเวลานี้
ช่วงเย็นชายหนุ่มพาคุณครูไปซื้อที่นอนในหมู่บ้าน โดยที่เธอเลือกที่นอนแบบหกฟุตเลย อลิสให้เหตุผลว่า ห้องจะได้ดูไม่โล่งเกินไป
“เดี๋ยวผมเอาใส่รถเข็นไปส่งเอง เอาไว้ที่ห้องข้างบนเลยใช่ไหมครับ” ลูกชายเจ้าของหลานถาม
“ไม่จ๊ะ เอาไว้ห้องข้างล่างก่อน ข้างบนยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
คำตอบของอลิสทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่แถวนั้นพากันหันมามอง ทั้งคุณครูคนใหม่และผู้กองคนหล่อ ด้วยแววตาที่ดูกำลังคิดลึกกันอยู่ เมื่อถูกผู้กองมองกลับไป ต่างก็พากันก้มหลบสายตา
“ผู้กองฉันพูดอะไรผิดไปเหรอ ทำไมทุกคนมองเราแบบนั้น” หญิงสาวถามเพราะเธอไม่รู้จริงๆ
“ยังจะมาถามอีก ก็คุณเล่นพูดแบบนั้น เขาก็รู้ว่าเมื่อคืนเรานอนด้วยกัน รวมทั้งคืนนี้ด้วย” ผู้กองทำหน้าเขินตามชาวบ้านไปด้วย
“เอ้าก็ใช่ไง เรานอนด้วยกัน แล้วยังไง เราไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อย”
อลิสยังคงไม่เข้าใจเหตุผล ที่คนอื่นต้องรู้สึกอะไรกับการที่เธอลงมานอนกับชายหนุ่ม
เมื่อไม่รู้จะอธิบายให้คนตัวเล็กเข้าใจยังไง ธนาตุลจึงเลือกที่จะเดินนำกลับบ้านก่อนไม่อยากตอบอะไรแล้ว เพราะตอนนี้หน้าเริ่มแดง
ตอนที่4ขอนอนด้วยนะคะ เมื่อได้ที่นอนแล้ว อลิสก็ยังขอนอนกับผู้กองอีกหนึ่งคืน เพราะห้องยังไม่มีข้าวของมันทำให้ดูโล่งน่ากลัว ชายหนุ่มก็ทำได้แค่ต้องยอมทำตาม อาหารเย็นวันนี้ผู้ใหญ่บ้าน จัดงานเลี้ยงต้อนรับครูใหม่ เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ที่แสนน่ารัก หญิงสาวได้รู้จักเด็กๆในหมู่บ้านหลายคน โดยเฉพาะฟองจันทร์ลูกสาวผู้ใหญ่ดูจะชอบคุณครูคนใหม่เป็นพิเศษ “พวกเราขอต้อนรับคุณครูคนใหม่ของเราอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เธอชื่อคุณครูอลิส ขอให้พวกเราทุกคนช่วยกันดูแล และช่วยเหลือ เพื่อคุณครูจะได้อยู่ที่นี่กับเราไปนานๆ” ผู้ใหญ่บ้านแนะนำหญิงสาวอีกครั้ง โดยครั้งนี้ทางผู้ใหญ่ขอนัดชาวบ้านที่ว่าง พรุ่งนี้ให้มใช่วยกันทำความสะอาดดรงเรียน เพื่อเด็กๆจะได้เรียนหนังสือกันเสียที “พวกผมจะอยู่ที่นี่อีก13วัน และจะมีตำรวจชุดใหม่มาสับเปลี่ยนเช่นเคย นำทีมโดนผู้กองสุชาติ เรื่องที่ผมติดค้างไว้ เกี่ยวกับการหาวิธีการเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อให้พวกเรามีไฟใช้มากขึ้น ตอนนี้มีห้างร้านต่างๆบริจาคเงินมาจำนวนหนึ่ง ผลัดต่อไป ผมและลูกน้องจะมาลงมือจัดการทันที แต่ครั้งนี้เรายังหาซื้ออุปรณ์ได้ไม่พร้อ
ตอนที่5 วันแรก โรงเรียนพร้อมแล้ว นักเรียนจากหมู่บ้านบ้านน้ำฝายและหมู่บ้านใกล้เคียงที่เดินทางไม่ไกลมากนัก พ่อแม่ผู้ปกครองต่างก็พาลูกหลานมาส่งที่โรงเรียนเพราะได้ยินข้าวจากผู้ใหญ่บ้าน ว่าโรงเรียนพร้อมจะเปิดเรียนแล้ว “พร้อมหรือยังครับคุณครู”ชายหนุ่มในชุดตำรวจถามหญิงสาวที่กำลังยืนรอนักเรียนอยู่ที่หน้าเสาธง“พร้อมค่ะคุณตำรวจ แต่วันนี้คุณต้องช่วยอลิสสอนวิชาคณิตศาสตร์ก่อนนะคะ ”เมื่อคืนอลิสได้ขอให้ธนาตุลและลูกน้องช่วยเธอสอนก่อนในช่วงเปิดเรียนแรกๆเพราะเธอยังต้องการจะทดสอบแยกนักเรียนแต่ละชั้นออกจากกัน “ได้ครับคุณครู ลูกน้องผมของจองเด็กเล็กๆสอนฝึกคัดลายมือ ส่วนผมขอคณิตศาสตร์ นอกนั้นคุณครูจัดการเองนะครับ” ธนาตุลทำท่าทางล้อเลียนเหมือนคนที่กำลังทำตามคำสั่งคุณครูจนหญิงสาวอดหัวเราะไม่ได้ นักเรียนมาพร้อมแล้ว อลิสแบ่งเป็นแถว แถวละห้าคน มีทั้งหมดหกแถว มีฟองจันทร์ทำหน้าที่นำร้องเพลงชาติและสวดมนต์ ช่วงเช้าคุณครูคนใหม่เรียกนักเรียนเข้ามาทดสอบความรู้ทางการอ่านและการเขียนภาษาไทย ก่อนจะส่งไปให้ ธนาตุลช่วยทดสอบวิชาคณิตศาสตร์ให้ ก่อนที่คืนนี้จะเอ
ตอนที่6ความใกล้ชิดที่พิเศษ คืนแรกกับการขึ้นไปนอนที่ชั้นสองของบ้าน คุณครูสาวยังไม่ค่อยชินเท่าไหร่ กว่าจะหลับได้สนิทก็เกือบเช้ามืดแล้ว “ตื่นสายกว่าคุณอีกแล้ว เมื่อคืนกว่าจะหลับได้” อลิสลงมาข้างล่าง ตามกลิ่นของกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมขึ้นไปถึงบนชั้นสอง เข้าไปในห้องนอนของเธอ “คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก แต่ผมว่าพอคุณเหนื่อยมากๆสุดท้ายเดี๋ยวก็หลับง่ายไปเอง” ผู้กองหนุ่มยื่นแก้วกาแฟให้หญิงสาวที่ยังอยู่ในชุดนอนและกำลังยืนบิดตัวไล่ความขี้เกลียดให้ออกจากตัวเอง “หอมมากเลยนะคะ ไว้กลับไปบ้านอลิสว่าจะซื้อไปฝากพ่อ ท่านชอบกินกาแฟสดมากค่ะ” “ดีเลยครับ อุดหนุนชาวบ้าน ผมยังเคยเอาลงไปขายเลยนะ ลูกค้าที่ซื้อไปต่างก็ชอบ อีกทั้งไม่ได้ผ่านพ่อค้าคนกลาง ราคาก็ไม่แพง” ครอบครัวของธนาตุลด้วยความที่เป็นคนหัวการค้า เขาจึงเอากาแฟจากบ้านน้ำฝายและหมู่บ้านใกล้เคียงไปติดแบรนด์ของตัวเอง และขายให้กับลูกค้าที่มาซื้อทอง ร้านทองครอบครัวธนาตุลมีหลายสาขา ชายหนุ่มเอากาแฟกลับไปเท่าไหร่ก็ขายหมดแค่เพียงไม่นาน และกำไรที่ขายได้ พ่อของเขาก็ยกให้ลูกชาย ผู้กอง
ตอนที่7ฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำใจ เวลาผ่านไปรวดเร็วเมื่ออลิสคิดถึงวันที่ตำรวจชุดนี้ต้องถูกสับเปลี่ยน “เมื่อคืนฝนตกคุณรู้ไหม” ธนาตุลถามหญิงสาวที่เพิ่งตื่นนอนและเดินลงมาด้านล่างของบ้าน “หลับสนิทไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” อลิสเริ่มชินกับที่นี่และเธอก็เหนื่อยกับการสอนนักเรียนจนหลับแบบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย “เมื่อคืนฝนตกแต่ไม่หนักเท่าไหร่ เริ่มเข้าหน้าฝนแล้ว ที่นี่เวลาฝนตกจะตกแทบทั้งวัน คุณไม่ต้องแปลกใจถ้าวันไหนฝนตกตอนกลางคืน อาจจะไม่มีนักเรียนมาโรงเรียน” “ทำไมเหรอคะ” อลิสไม่เข้าใจ เพราะฝนตกช่วงกลางคืนเกี่ยวอะไรกับตอนเช้าที่เด็ก ๆต้องมาโรงเรียนด้วย “ถนนลาดยางที่คุณเห็นมันไม่ได้ตลอดนะ ถนนในหมู่บ้านเป็นดิน ถ้าฝนตกหนักมันก็จะเละไปหมด แล้วใครเขาจะเดินผ่านดินเละ ๆ มาเรียนกัน” ธนาตุลอธิบายแต่น้ำเสียงก็ดุดันนิดหน่อย เพราะชายหนุ่มอยากให้อลิสเป็นคนที่ช่างสังเกตมากกว่านี้ การใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติต้องอาศัยการสังเกตจะได้รู้และเตรียมตัวรับกับภัยธรรมชาติต่าง ๆได้ทัน “ทำเสียงดุเชียวนะคะ ฉันเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ย
ตอนที่8คิดถึง วันที่อลิสไม่อยากให้มาถึง แต่มันก็ต้องยอมทำใจเมื่อชุดตำรวจตระเวนชายแดนอีกชุดเดินทางมาถึงที่หมู่บ้าน ชุดของผู้กองธนาตุลก็ได้พัก ตำรวจหลายคนก็คิดถึงภรรยาและลูกๆกันจะแย่อยู่แล้ว “ดูแลตัวเองให้ดีนะคุณครู แล้วผมจะซื้อของมาฝาก ไม่งอแงนะคนเก่ง” เมื่อรถของชายหนุ่มเคลื่อนออกจากหมู่บ้าน อลิสก็หันหลังให้ทันที เพราะเธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว “ร้องไห้ตามผู้กองธนาตุลหรือครับคุณครู” เสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง แต่เป็นเสียงที่น่าจะมีอายุน้อยกว่าบิดาของอลิสไปกี่ปี “สวัสดีค่ะ หนูชื่อลิสนะคะ คุณคงเป็นผู้กองสุชาติใช่ไหมคะ” “ใช่ ผมผู้กองสุชาติ ดูแล้วครูน่าจะอายุเท่าๆกับลูกสาวผม ยังเป็นเด็กสาวต้องมาอยู่ไกลพ่อไกลแม่แบบนี้ ลำบากหน่อยนะ” น้ำเสียงและท่าทางของผู้กองสุชาติ แสดงถึงความเข้มแข็งและมากด้วยประสบการณ์ ถึงแม้เขาจะส่งยิ้มให้หญิงสาว แต่เธอกลับรู้สึกทั้งเคารพและก็เกรงใจ ไม่กล้าจะตีสนิทด้วย “ขอบคุณหนูนะที่เสียสละทิ้งความสบายมาเลือกลงโรงเรียนที่นี่ หลายปีแล้วที่โรงเรียนบ้านน้ำฝายต้องให้ครูชะลอมาคอยสอน
ตอนที่9แล้วเขาก็กลับมา วันนี้แล้วที่ผู้กองจะต้องมาที่หมู่บ้าน อลิสอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า เพราะเหมือนกับการรอคอยของเธอจะสมหวังวันนี้แล้ว “วันนนี้ครูยิ้มทั้งวันเลย” เด็กน้อยจากหมู่บ้านข้างเคียง พูดกับอลิสเมื่อมายินรอส่งแบบฝึกหัดแล้วเห็นครูของเธอนั่งยิ้มคนเดียว “วันนี้นักเรียนของครูทุกคนน่ารัก ครูก็เลยยิ้มได้ทั้งวัน” เมื่อตอบตามตรงเด็กน้อยคงไม่เข้าใจ หญิงสาวจึงคิดคำตอบที่เข้าใจง่ายๆ ตอบหนูน้อยไป เสียงรถตำรวจที่กำลังวิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน ทำให้หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง เพราะหมายความว่าเธอกำลังจะได้เจอหน้ากับ ผู้กองธนาตุล “เก็บหนังสือเข้าที่ การบ้านใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย โรงเรียนหยุดสองวัน เจอกันอีกทีวันจันทร์นะคะทุกคน” หญิงสาวไม่กล้าที่จะเดินไปในหมู่บ้านถึงแม้จะอยากไปแค่ไหน แต่ก็ได้แต่รอให้ผู้กองเสร็จธุระในหมู่บ้านแล้วคงมาที่บ้านพักครูเอง เวลาผ่านไปนาน นานจนคนรอเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้ว เพราะมองไปทางเดินที่เป็นเส้นทางจากหมู่บ้านมายังบ้านพักครู เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชายหนุ่มที่เธอรอคอย “คร
ตอนที่10ทะเลหมอกและสองเรา “แบบนี้เขาไม่เรียกตื่นเช้า เขาเรียกตื่นตั้งแต่มืดต่างหาก มืดแบบนี้จะมองเห็นเหรอทะเลหมอกของผู้กอง” อลิสหงุดหงิดที่ถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ เพราะแค่ทุกวันนี้เธอต้องตื่นเช้าเพื่อมาเตรียมอาหารเช้า และเตรียมมาสอน ก็ต้องใช้ควาพยายามในการเปลี่ยนตัวเองมากพออยู่แล้ว “เด็กในเมืองก็แบบนี้ พอโดนปลุกให้ตื่นตอนเช้ามืดก็ทำเป็นไม่พอใจ แล้วแบบนี้จะมาเป็นครูบนดอย ผมว่าคุณทนอยู่ที่นี่ได้ไม่ถึงปี เดี๋ยวก็ต้องหาทางลงไปสอนในเมืองแน่ๆ” ธนาตุลรู้ว่าถ้าเขาพูดดี ๆ ไม่มีทางที่หญิงสาวจะหายง่วงนอน เขาเลยแกล้งพูดยั่วโมโห แล้วมันก็ได้ผลจริงๆ “คอยดูแล้วกัน ฉันก็แกล้งบ่นแกล้งง่วงไปอย่างนั้นแหละ ตอนคุณไม่อยู่ฉันก็ตื่นเช้าทุกวัน เลิกคิดว่าฉันต้องเป็นลูกคุณหนูและทนความลำบากที่นี่ไม่ได้เสียที” เมื่อเห็นอีกฝ่ายโมโห ผู้กองกลับทั้งหัวเราะและยิ้ม จนหญิงสาวต้องเอียงตัวเพื่อหันหน้ามามองเขาด้วยความสงสัย “ผู้กองขำอะไร” หญิงสาวกระแทกเสียงถาม “ขำคนที่โดนยั่วโมโหจนหายง่วงเลย เอ๊ย!..ไม่ใช่ ไม่ได้ง่วงลืมไป ผ
ตอนที่11วันเวลาที่ผ่านไป วันเวลาเดินทางไปเร็วเสมอ เมื่อผู้กองธนาตุลมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ “อีกไม่กี่วันคุณก็ต้องกลับลงไปข้างล่างแล้ว เฮ้อ! เวลามันเดินไวจริง ๆนะคะ” “คุณคิดถึงผมใช่ไหม” คำถามที่ดูแล้วคนถามอยากรู้คำตอบจริง บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบายริมน้ำตกที่สงบเงียบไม่มีคน ทำให้อลิสรู้สึกกล้าที่จะพูดความจริงกลับไป “คิดถึง แล้วผู้กองล่ะคะ เวลาที่ไม่เจอกัน คุณคิดถึง อลิสเหมือนกันไหม” “ไม่เหมือน” คนฟังถึงกับรู้สึกใจหาย เมื่อคำตอยที่ได้ ไม่ใช่อย่างที่เธอคาดหวังไว้ “ไม่เป็นไรค่ะ อลิสคิดถึงผู้กองอย่างเดียวก็พอ”หญิงสาวพูดด้วยเสียงน้อยใจ และหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าตอนนี้หัวใจของเธอมันรู้กำลังรู้สึกเหมือนคนอกหัก“ที่บอกไม่เหมือน เพราะผมคิดว่า ผมคิดถึงคุณ มากกว่าที่คุณคิดถึงผม”“เหรอคะ”คนฟังหันมายิ้มมุมปากแบบไม่เชื่อ อลิสคิดว่าชายหนุ่มคงแค่ต้องการพูดให้เธอรู้สึกดีขึ้น“ทำเสียงแบบนี้แปลว่าไม่เชื่อ คุณรู้ไหมผมกลับบ้านไป ส่วนมากก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและอีกอย่างที่ผมทุ่มเวลาให้คือการหารซื้อ