หลี่จื้อฉิงเป็นพระธิดาเพียงคนเดียวขององค์หญิงใหญ่แห่งฉางหมิง ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ไม่รู้บ้างว่าฉางหมิงนี้มีใครเป็นผู้ปกครอง นิสัยของนางจึงร้ายกาจและหยิ่งยโส ไม่เกรงใจและไว้หน้าผู้ใด ในค่ำคืนต้นคิมหันต์ฤดู เสด็จแม่เรียกนางให้ไปพบและส่งสัตว์เลี้ยงเนื้อตัวมอมแมมมอบให้กับนางเป็นของขวัญ ในวันที่นางตกต่ำ เขาได้กลับคืนสู่สถานะเดิม การแก้แค้นเอาคืนในสิ่งที่นางเคยกระทำจึงเริ่มต้นขึ้น
ดูเพิ่มเติมไช่เสิ่งเจี๋ยยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวนาง ทหารยามที่ทำร้ายเขาถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ไม่มีเหตุผลก็คือเขาทำร้ายคนของนาง หลี่จื้อฉิงถามเขาแล้วว่า ต้องการให้นางลงโทษด้วยวิธีการใด เขาตอบแค่เพียงว่าให้ขังเอาไว้ในคุกหลวงตลอดชีวิตมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไปนางมิรู้ว่าเขามีแผนการใด เขาสามารถร้องขอให้นางลงโทษทหารยามผู้นั้นให้หนักและรุนแรงกว่านี้ได้แต่เขาก็ไม่ทำเวลาผ่านพ้นไปจนถึงกลางฤดูร้อน ช่วงนี้เสด็จแม่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับนางสักเท่าไร ส่งผลให้หลี่จื้อฉิงไม่ต้องนั่งปั้นหน้าทำตัวร้ายกาจตามความต้องการของนาง ราชบุตรเขยเสด็จพ่อของนางไปบำเพ็ญพรตนานกว่าที่คิด ไม่มีกำหนดกลับมาวังหลวงเสียที ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นนางยิ่งรู้สึกหดหู่ฤดูกาลนี้หมู่มวลดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล ช่วงเวลาแสนสงบของนางจบลงที่การถูกเรียกตัวเข้าไปพบพระมารดา ข้างกายของเสด็จแม่ในยามนี้เคียงข้างด้วยปั๋วจวินดังเช่นทุกครั้ง เป็นภาพที่นางเห็นจนชินตา มิได
เมื่อหลายปีก่อน…นางเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่เคยแสดงออกว่ารักนางเลยสักครั้ง เด็กหญิงนั่งหย่อนขาลงในสระบัว เป็นจุดที่เงียบสงบที่หลี่จื้อฉิงมักจะมานั่งทอดอารมณ์ หลีกลี้หนีจากผู้คน เด็กหญิงนั่งหลบอยู่ตรงโขดหิน บดบังด้วยไม้ดอกพุ่มเล็ก ๆ เนื่องด้วยส่วนสูงของเด็กหญิง หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่านางมานั่งหลบอยู่ตรงนี้“ถิงเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายนั่นจะมาพบเราเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ปั๋วจวิน ท่านก็รู้ดีว่าเพราะอะไร” สตรีตัวเล็กเรือนร่างอวบอิ่มนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม วงแขนเรียวเล็กกอดคอเขาเอาไว้ “ที่ข้าแต่งงานกับเขาเพราะอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้ ท่านก็รู้ว่าข้าน่ะรักท่านเพียงผู้เดียว” หลี่หย่าถิงซบลงกับอกแกร่ง“น่าเสียดายที่ในเวลานั้นเราสองคนยังไม่มีอำนาจถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงจะตบแต่งเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องกันไปแล้ว” น้ำเสียงของปั๋วจวินเศร้าหมอง“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” หลี่หย่าถิงไม่อยากเอ่ยถึงในเวลานั้นทั้งนางและเขาต่างก็ไร้อำนาจอยู่ในมือ ปั๋วจวินเป็นเพียงองครักษ์ระดับล่าง ส่วนนางแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่เป็นเพราะมารดามีชาติกำเนิดต่ำต้อยทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น นางถูกห
“ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปเสียแล้วองค์ชาย”เมื่อกลืนยาลงท้องไปแล้วนางถึงได้พูดกับเขาไช่เสิ่งเจี๋ยลอบมองสตรีตัวร้ายที่นั่งเอนหลังพิงกายอยู่บนเตียงนอน“ข้าจะหนีไปได้อย่างไรนายหญิง ข้าน่ะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวอย่างเอาอกเอาใจหญิงสาวรู้ดีว่ารอยยิ้มที่เขามอบให้แก่นางมันสุดแสนจะเสแสร้ง“รอยยิ้มของท่านช่างดูจริงใจเสียจริง”“ข้าย่อมจริงใจต่อนายหญิงอยู่แล้ว” เขาบอก ก่อนจะเพิ่งนึกอะไรได้ “นายหญิง อาการป่วยของท่านเป็นอย่างไร แผลที่เอวของท่านล่ะยังเจ็บอยู่หรือไม่”ใบหน้างดงามซีดเซียว ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบว่าไม่เป็นไร“ข้าจะนอนแล้วเจ้าออกไปได้แล้ว” กินยาแล้วง่วง นางจึงเอ่ยปากไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า “ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วนอนไม่หลับ” นางบ่นแต่ถึงนางจะไล่ให้เขาออกไป แต่ไช่เสิ่งเจี๋ยก็มิคิดจะเดินออกไป นางไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาเกรงว่านางจะหิวตายก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่“นายหญิง ท่านยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”“ข้าไม่หิว”“ไม่ได้ขอรับ เกิดท่านหิวจนตายขึ้นมา ที่สัญญาเอาไว้ว่าฤดูร้อนปีหน้าข้าจะได้กลับไปเฉียนซีก็ล้มเหลวหมดสิ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสุดแสนจะอ่อนโยน หากใ
ร้านขายยาที่สภาพภายนอกโดยทั่วไปไม่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ไช่เสิ่งเจี๋ยมิรู้ว่าเหตุใดจึงต้องเป็นที่นี่เท่านั้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน มีลูกค้าและหลงจู๊ทำการค้าขายกันตามปกติ มิมีสิ่งใดพิเศษหรือผิดแผกไปจากร้านอื่น ๆผนังด้านหนึ่งของร้านมีลิ้นชักไม้ตั้งเรียงราย แต่ละชั้นมีตัวอักษรสลักเป็นชื่อของตัวยาชนิดต่าง ๆ เดาว่าน่าจะเพื่อความสะดวกในการจัดเทียบยาชนิดต่าง ๆ ตรงลิ้นชักเหล่านั้นมีโต๊ะไม้ยาวเท่ากับผนังลิ้นชัก พนักงานในร้านล้วนแล้วแต่กุลีกุจอทำหน้าที่ของตนเอง กลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศเรียบง่าย มีแสงส่องเข้ามาภายใน อากาศถ่ายเทเหมาะกับการเป็นร้านขายยา“คุณชายต้องการสิ่งใด” เด็กในร้านเห็นเขายืนเก้กังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปถามไถ่เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ“สตรีร้ายกาจเอาแต่ใจ”ยังพูดไม่ทันจบประโยคเด็กหนุ่มที่มาต้อนรับเขาในคราแรกผายมือให้ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินไปยังจุดที่เถ้าแก่ชรานั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือในสุด ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดเทียบยา“นายท่าน สตรีตัวร้ายมีเรื่องแล้ว” เด็กหนุ่มกระซิบกับเถ้าแก่ชรา ไช่เสิ่งเจี๋ยเลิกคิ้วเล็กน้อย สังเกตปฏิกิริยายาที่ชั่งตวงอยู่เมื่อครู่ถูกวางล
เมื่อออกมาจากประตูวัง ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินตามหาเส้นทางไปยังร้านขายพรตเมฆา แต่เป็นเพราะนางมิได้บอกเอาไว้ว่า ร้านขายยาตั้งอยู่บนถนนเส้นไหน เขาที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่กักขังทาสงุนงงไปหมด กอปรกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินตลาดของเหมืองหลวงแห่งฉางหมิง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่คุ้นเคย หากเป็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอร้านขายตามที่นางบอก หากกลับไปช้า ไม่แน่ว่านางจะหาเรื่องเอาผิดกับเขาในขณะที่กำลังคิดหาวิธี ชายเสื้อของไช่เสิ่งเจี๋ยก็ถูกดึงจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปเป็นสตรีตัวเล็กสวมชุดสีฟ้าสดใส เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าเก็บขึ้นเป็นทรงอย่างดี ร่างเล็กผอมบางดวงตากระจ่างใสงดงาม ยืนส่งยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลังเขา“ขอรับคุณหนู”“เจ้าหลงทางหรือไม่” น้ำเสียงของนางกระจ่างใสราวกับสายน้ำเหลียนซูเยว่นั่งจิบน้ำชากินขนมอยู่บนชั้นสองของร้านอาหารชาดแดง นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนหันรีหันขวาง เข้าออกซอยนั้นทีซอยนี้ที วนไปวนมาแล้วกลับมาที่เดิม คนตัวเล็กเห็นแล้วอดที่จะเข้าช่วยเหลือไม่ได้ แม้ใบหน้าจะงดงามโดดเด่น แต่กระนั้นก็อยู่ในชุดอาภรณ์เนื้อหยาบ ที่ฉางหมิงแบ่งชนชั้นกันชัดเจน ถึงจะหน้าตาดีแต่หากเป็นเพียงชนชั้นต่
อาศัยตราหยกของหลี่จื้อฉิง ไช่เสิ่งเจี๋ยสามารถเดินเข้าออกได้ทุกพื้นที่ของตำหนัก แม้กระทั่งเดินจนรอบรั้ววังหลวงแห่งฉางหมิง ก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเมื่อเขายกป้ายขึ้น เป็นแค่เพียงธิดาขององค์หญิงใหญ่ หากนับความเข้มข้นของสายเลือดราชวงศ์นางแทบจะไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในราชบัลลังก์นี้ด้วยซ้ำ ตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณกาล สตรีแต่งงานแล้วต้องออกเรือน แต่องค์หญิงใหญ่หลี่หย่าถิงแต่งงานกับองค์ชายจากแคว้นที่ล่มสลาย อาศัยความโปรดปรานที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมีต่อนาง ทำให้หลี่หย่าถิงยังสามารถอาศัยอยู่ในวังหลวงแคว้นฉางหมิงได้ไม่รู้ว่าเพราะความฉลาดเฉลียว ความงดงาม หรือเล่ห์กลอันใด จากที่เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากนางกำนัลระดับล่าง ได้กลายมาเป็นสตรีทรงอำนาจอันดับหนึ่งแห่งฉางหมิง ความฉลาดและงดงามนั้นมาคู่พร้อมกับจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตพี่น้องร่วมราชบัลลังก์ที่ขวางหูขวางตาถูกหลี่หย่าถิงกำจัดทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิดที่อ่อนแอไร้กำลังไว้ทำหน้าที่สวมมาลาสีเหลืองทองแทนนางก็เท่านั้นและเป็นเพราะอำนาจของมารดาทำให้ท่านหญิงที่เป็นเชื้อสายปลายแถวต่ำต้อยสามารถขึ้นมานั่งเทียบเท่ากับราชนิกุลที่กำเนิดจากสายเลือดของฮ่องเต้ได้
“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยก้าวขาเข้ามาในห้องเขาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็สะอาดสะอ้าน นางอยากรู้ว่า เขาใช่ชายในคำทำนายของท่านพ่อหรือเปล่า ถ้าใช่นางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปจากที่นี่“เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า เจ้าคือใครกันแน่” หลี่จื้อฉิงผุดลุกขึ้นมานั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง ใบหน้างดงามได้รูปเวลานี้ซีดเซียวไร้สีเลือด นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่า เขาใช่องค์ชายตัวประกันจากเฉียนซีหรือไม่ หลี่จื้อฉิงจึงเลือกจะโยนเนื้อก้อนหนึ่งให้เขากระโดดงับ“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของท่าน” เขาตอบอย่างนอบน้อมมีมารยาท ไช่เสิ่งเจี๋ยมีแผนการในใจอยู่แล้วเจ้าของใบหน้าสวยงามยิ้มเหยียด“ข้าถามว่าเจ้าคือใครกันแน่”“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ยังคงเป็นคำตอบเดิม“องค์ชายท่านต้องการไปจากที่นี่หรือไม่” ในเมื่อเขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นใคร หลี่จื้อฉิงจึงเปิดเผยโฉมหน้าของเขาด้วยตนเอง“นายหญิง ในเวลานี้ข้าน้อยคือสัตว์เลี้ยงของท่าน เป็นทาสรับใช้ของท่าน” สถานะของเขามีใครบ้างไม่รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงนอน “ข้าจะเป็นใครในอดีต ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ช
เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาภายในเรือนไข่มุกของนาง หลี่จื้อฉิงที่นอนในถังน้ำตลอดทั้งคืนจึงลืมตาตื่นขึ้น ร่างเล็กลุกขึ้นจากถังน้ำ บาดแผลที่อยู่บริเวณเอวดูท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ศีรษะรู้สึกปวดและวิงเวียนจนแทบเดินไม่ไหวเสียงน้ำทำให้ไช่เสิ่งเจี๋ยที่นอนคุดคู้อยู่ไม่ห่างตื่นนอนพร้อมกับนาง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้“ตัวเจ้าเหม็นมาก” นางยังคงพูดถึงกลิ่นตัวเหม็น ๆ ของเขาไม่หยุด“ขออภัยนายหญิง ที่ข้าน้อยมีกลิ่นเช่นนี้” ท่าทีของเขาเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือหญิงสาวลุกกลับไปที่เตียงนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก โดยไม่ได้สนใจว่า ไช่เสิ่งเจี๋ยจะอยู่หรือตาย ทำทุกอย่างราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ เรือนร่างขาวเนียน สัดส่วนสวยงามราวกับรูปสลัก ผู้ที่อายดันกลายเป็นไช่เสิ่งเจี๋ยที่ต้องเบือนหน้าหนีเสื้อผ้าชุ่มน้ำถูกนางยัดไปที่ใต้เตียงอย่างมิดชิด เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กสั่นกระดิ่งอยู่สองสามครั้งผ่านไปไม่นานนางกำนัลประจำเรือนไข่มุกก็กระวีกระวาดเข้ามาภายในห้อง“ท่านหญิงตื่นบรรทมแล้ว” พวกนางไม่ได้ถามว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กลับทำจมูกฟุดฟิดราวกับเหม็นอะไรบางอย่างผู้เป็นนายของเรือนรู้ดีว่าพวกนาง
ภาพที่นางใช้มีดเล่มเล็กเฉือนเอวของตนเองอยู่ภายใต้สายตาของไช่เสิ่งเจี๋ย เขาคิดไม่ถึงว่าสตรีที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอมเช่นนางจะกล้าทำร้ายตนเองดีกว่าขอร้องเขา ชายหนุ่มมองเหยียดร่างเล็กที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น เดินเข้าไปใช้เท้าของตนเองสะกิดเบา ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่านางหมดลมหายใจไปแล้วหรือยัง“ข้ายังไม่ตาย” ผู้ที่นอนอยู่เอ่ย “เอาเท้าสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้” แม้จะทรมานทั้งจากกำยานและบาดแผลที่เอว แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความเย่อหยิ่ง“ท่านหญิงจื้อฉิงยังมีชีวิตอยู่อีกหรือนี่” ไช่เสิ่งเจี๋ยคุกเข่าลง“เจ้าตัวเหม็นเน่าถอยออกไปให้ห่าง ๆ” ยิ่งเขาเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเท่าใด กลิ่นเหม็นก็ยิ่งตีขึ้นจมูกจนนางอยากจะอาเจียน“จะตายอยู่แล้วท่านยังกล้าปากดี” เขาต่อปากต่อคำ จับร่างเล็กพลิกกลับดี ๆ จากนั้นอุ้มขึ้นเตียง“ข้าจะอ้วก” ถึงแม้จะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเท่าใดนัก แต่นางก็ไม่เคยต้องพบกับสิ่งโสมมเช่นนี้ คนตัวเล็กดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของก้อนเนื้อเหม็นเน่า ความจริงนางมีสิ่งที่จะทำให้เขาเชื่อฟัง แต่นางไม่อยากทำ เพราะดูจากเสียงหวีดร้องในตำหนักบูรพาเมื่อก่อนหน้านั้นเขาดูทรมานไช่เสิ่งเจี๋ยไม่ได้ตอบสิ่งใด นางไม่มีแรงดิ้น
อาการบาดเจ็บที่หน้าแข้งด้านขวารุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ หลี่จื้อฉิง ค่อย ๆ ประคับประคองร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลไปตามเส้นทางอันมืดมิดในป่าชานเมือง เสียงลมหายใจของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง โชคดีที่ในป่ายามค่ำคืนนั้นมืดสนิท อีกทั้งยังเป็นคืนข้างแรม ทำให้การเคลื่อนไหวของนางยังไม่ถูกจับได้ร่างเล็กเห็นโพรงไม้เล็ก ๆ ที่พอจะยัดเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้นได้ จึงค่อย ๆ เสือกตัวเข้าไปแอบ แม้จะไม่รู้ว่าด้านในเต็มไปด้วยสิ่งใด ขืนเดินป้วนเปี้ยนทั้งที่ขาเจ็บเช่นนี้ หากไม่ถูกคนกลุ่มนั้นสังหาร ก็คงหนาวตาย เมื่อคิดได้เช่นนั้นจึงตัดสินใจเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามายังทิศที่นางหลบซ่อน หลี่จื้อฉิงใช้มือเล็กปิดปากของตนเองเอาไว้ไม่กล้าปริปากส่งเสียงใด ๆ ออกไปในเวลานี้ไม่มีผู้ใดที่นางไว้ใจได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งมารดาและบิดาของนางเอง“ท่านหญิงออกมาเถอะ องค์หญิงใหญ่ให้พวกเราออกมาตามหาท่าน” หนึ่งในคนกลุ่มนั้นตะโกนร้องเรียก“เสด็จแม่ทรงคิดถึงท่านหญิงนะพ่ะย่ะค่ะ” คนผู้นั้นยังคงเอ่ยถึงสตรีสูงศักดิ์ผู้เป็นเจ้านายของตนเองแต่ใครจะเชื่อกัน หากก่อนหน้านั้นนางไม่ไปได้ยินแผนการลับของหลี่หย่าถิงผู้เป็นม...
ความคิดเห็น