ภาพที่นางใช้มีดเล่มเล็กเฉือนเอวของตนเองอยู่ภายใต้สายตาของไช่เสิ่งเจี๋ย เขาคิดไม่ถึงว่าสตรีที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอมเช่นนางจะกล้าทำร้ายตนเองดีกว่าขอร้องเขา ชายหนุ่มมองเหยียดร่างเล็กที่นอนหมดสติอยู่บนพื้น เดินเข้าไปใช้เท้าของตนเองสะกิดเบา ๆ เพื่อดูให้แน่ใจว่านางหมดลมหายใจไปแล้วหรือยัง
“ข้ายังไม่ตาย” ผู้ที่นอนอยู่เอ่ย “เอาเท้าสกปรกของเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้” แม้จะทรมานทั้งจากกำยานและบาดแผลที่เอว แต่ก็ยังไม่ละทิ้งความเย่อหยิ่ง
“ท่านหญิงจื้อฉิงยังมีชีวิตอยู่อีกหรือนี่” ไช่เสิ่งเจี๋ยคุกเข่าลง
“เจ้าตัวเหม็นเน่าถอยออกไปให้ห่าง ๆ” ยิ่งเขาเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเท่าใด กลิ่นเหม็นก็ยิ่งตีขึ้นจมูกจนนางอยากจะอาเจียน
“จะตายอยู่แล้วท่านยังกล้าปากดี” เขาต่อปากต่อคำ จับร่างเล็กพลิกกลับดี ๆ จากนั้นอุ้มขึ้นเตียง
“ข้าจะอ้วก” ถึงแม้จะไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเท่าใดนัก แต่นางก็ไม่เคยต้องพบกับสิ่งโสมมเช่นนี้ คนตัวเล็กดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของก้อนเนื้อเหม็นเน่า ความจริงนางมีสิ่งที่จะทำให้เขาเชื่อฟัง แต่นางไม่อยากทำ เพราะดูจากเสียงหวีดร้องในตำหนักบูรพาเมื่อก่อนหน้านั้นเขาดูทรมาน
ไช่เสิ่งเจี๋ยไม่ได้ตอบสิ่งใด นางไม่มีแรงดิ้นรนต่อสู้ใด ๆ อยู่แล้ว เตียงนอนนุ่มปูผ้าเป็นอย่างดี ๆ ชุดนอนบางเบาของนางที่บริเวณเอวเป็นสีแดงฉาน อันที่จริงแค่เฉือน ๆ ให้พอมีเลือดไหลแค่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอ แต่นางใจเด็ดกว่าที่เขาคิด หรือไม่ก็คงกะแรงของตนเองไม่ได้ แทงไปเสียลึก โชคดีที่ไม่โดนจุดสำคัญ
กะละมังทองเหลืองมีน้ำใส่อยู่เต็ม ไช่เสิ่งเจี๋ยล้างมือแล้วตั้งใจว่าจะช่วยทำความสะอาดแผลให้กับนาง อันที่จริงเขาเองก็ไม่คิดว่าตนจะใจดีกับนางได้เช่นนี้
“เจ้าจะทำอะไร”
“ข้าล้างมือแล้ว” เขาตอบท่าทางยียวน
“ถึงข้าจะตายก็จะไม่ขอร้องคนเช่นเจ้า” ริมฝีปากเล็กบางของนางยังคงพ่นคำพูดดูแคลนอีกฝ่ายไม่หยุด
ไช่เสิ่งเจี๋ยเผยรอยยิ้มชั่วร้าย
“เมียจ๋า คืนแรกของพวกเราสองคน ข้าอยากให้มันมีแต่ความทรงจำดี ๆ เถอะ” ชายหนุ่มขึ้นคร่อมร่างเล็ก เอาตัวเอนบังบาดแผลและชุดเปื้อนเลือดของนางเอาไว้ พร้อมกับกระซิบเบา ๆ “บนหลังคามีคนขององค์หญิงใหญ่ถ้าไม่อยากให้พวกเขาจับได้ เจ้าต้องอยู่นิ่ง”
นางไม่รู้ว่า เขาพูดจริงหรือพูดเล่น แต่แค่เพียงนิดเดียวนางก็ไม่อยากเข้าใกล้เขา หญิงสาวนอนตัวแข็งทื่อกลั้นลมหายใจสุดชีวิต ส่วนก้อนเนื้อเหม็นเน่าก้อนนี้ก็ดูเหมือนว่า จะไม่ได้คิดจะแตะต้องตัวนางจริง ๆ คนตัวเล็กจึงคลายความกังวลใจลงไปได้บ้าง
เมื่อมาอยู่ใกล้ชิดกับบุรุษเพศเช่นนี้ พิษกำยานที่นางสูดดมเข้าไปดูเหมือนจะเริ่มกำเริบอีกครั้ง มือเรียวเผลอขึ้นไปปัดปอยผมก้อนเนื้อเหม็นเน่าที่ปรกหน้าปรกตาอย่างลืมตัว
“ดวงตาเจ้าเป็นสีเทา” หญิงสาวเอ่ย หากไม่นับว่าเขาอยู่ในสภาพที่เป็นก้อนเนื้อเหม็นเน่า ก่อนหน้าคงจะเป็นบุรุษที่หล่อเหลาสง่างามดีไม่น้อย
“ท่านหญิง” จากการที่มือเล็ก ๆ ของนางกำลังวุ่นวายซุกซน คงเป็นเพราะกำยานปลุกกำหนัดกำเริบขั้นมาเป็นแน่ คนตัวสูงเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวของพวกที่อยู่บนหลังคา เมื่อเงียบสงบไปแล้วไช่เสิ่งเจี๋ยจึงผละจากนาง
ใบหน้างดงาม ผิวกายขาวเนียนนุ่ม อีกทั้งกลิ่นหอมที่ออกมาจากกายของนางยังหอมกรุ่นละมุนละไม ต่อให้ไม่มีกำยานปลุกกำหนัดนั่น ชายใดในหล้านี้จะต้านทานเสน่หารุนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวนางได้
ตอนที่เขาผละออกจากการควบคุม หลี่จื้อฉิงจึงกลับมามีสติอีกครั้ง
“คนสารเลว”
เมื่อปลอดคนแล้วไช่เสิ่งเจี๋ยเดินสำรวจภายในเรือนไข่มุกอันเป็นที่พำนักของนาง พบว่าถัดออกไปอีกเล็กน้อยภายในเขตพื้นที่เดียวกันเป็นห้องอาบน้ำ มีถังน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในนั้น ก้อนเนื้อเหม็นเน่าพิจารณาดูแล้วว่า ถังน้ำใบนั้นเป็นน้ำเย็น
เขาวนกลับมาที่เตียงนอนที่เพิ่งจะส่งนางขึ้นไปไว้บนนั้น จับร่างเล็กพาดบ่า
“ปล่อยข้านะ คนชั้นต่ำเช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องข้า” หลี่จื้อฉิงดิ้นรน
เพียะ!! มือแกร่งตบสะโพกของนางเบา ๆ
“หุบปากเสียท่านหญิง หากท่านไม่อยากเป็นเมียของเจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่าเช่นข้า” ก้นเด้งนุ่มนิ่มถูกเขาลงโทษไปอีกหนึ่งครั้ง
ตลอดชีวิตที่ผ่านมานางไม่เคยได้รับการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน คนตัวเล็กที่ถูกจับมาพาดบ่าจำต้องหยุดการเคลื่อนไหวเพียงเพราะเกรงว่าเขาจะกระทำเช่นนั้นอีกครั้ง
“ถึงแล้ว” ทันทีที่เขาพูดจบ ร่างเล็กแบบบางของหลี่จื้อฉิงก็ถูกเขาโยนลงถังน้ำ โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นจะตายหรือไม่
“แค่ก ๆ” เพราะไม่ทันได้เตรียมใจว่า จะถูกจับโยนใส่ถังน้ำเช่นนี้ หลี่จื้อฉิงจึงสำลักน้ำจนหน้าดำหน้าแดง “คนชั่ว”
“อาการของท่านจะทุเลาลงเมื่อแช่อยู่ในน้ำเย็น”
“ออกไป” ไม่เพียงหลี่จื้อฉิงไม่ขอบคุณ แต่นางยังไล่เขาให้ออกไปจากห้องอาบน้ำ
“ขอบคุณสักคำไม่ได้หรือท่านหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินมาเกาะขอบถังอาบน้ำ แสงไฟสว่างจ้า น้ำในถังใสสะอาดเสื้อผ้าของนางบางเบา เปิดเผยให้เห็นอะไรต่อมิอะไรที่แสนงดงาม
อาการต้องยาปลุกกำหนัดของนางทุเลาเบาบางลงไปแล้ว ความเย็นของน้ำช่วยให้นางสบายตัว แต่คนเช่นนางไม่เคยต้องขอบคุณหรือขอโทษใคร ยิ่งคนเช่นเขาแล้วนางยิ่งไม่มีความจำเป็น หากจำไม่ผิดเมื่อครู่ดวงตาของก้อนเนื้อเหม็นเน่าเป็นสีเทา แต่บัดนี้กลับมาเป็นสีดำดังเช่นคนทั่วไป
หญิงสาวเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าสกปรกของก้อนเนื้อเหม็นเน่า
“ข้าเป็นใคร เจ้าเป็นใคร เหตุใดคนเช่นข้าต้องขอบคุณเจ้ากัน” มือเล็กสัมผัสปลอกคอเหล็กที่อยู่บนคอของเจ้าก้อนเนื้อ “อย่าลืมสิว่าข้าทำอะไรได้”
“ช่างเป็นสตรีชั่วร้ายสมกับที่เขาร่ำลือ” ความเจ็บปวดราวกับถูกเข็มเป็นพันเล่มทิ่มแทง เขาจำได้ดีว่าเมื่อครู่นั้นรู้สึกอย่างไร น่าจะตัดสินใจตัดแขนตัดขานางเสียก่อนที่นางจะกลับมาได้สติ “ข้าน่าจะฆ่าท่านเสียทั้งแต่ที่ยังมีโอกาส” รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของไช่เสิ่งเจี๋ยบิดเบี้ยวราวกับจอมปีศาจ
“เสียใจด้วยนะ เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า จากนี้ไปเจ้าคงไม่ได้รับโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว” ไม่มีอะไรรับรองได้ว่า ในอนาคตนางจะถูกเขาสังหารหรือไม่ อีกทั้งตัวของนางเองยังไม่รับรู้ว่ายามเมื่อนางหลับเขาจะทำเช่นไรกับนางบ้าง จึงคิดอุบายเอาตัวรอดได้ในเวลารวดเร็ว “เจ้าก้อนเนื้อ หากข้าตายเจ้าก็ตาย บัดนี้ชีวิตของเราสองคนถูกผูกเอาไว้ด้วยกำไลวงนี้” สิ้นประโยคนางแตะสัมผัสไปที่มณีสีแดง แล้วจึงกดลงไปเบา ๆ ไช่เสิ่งเจี๋ยคุกเข่าล้มลงดิ้นอย่างทุรนทุรายเต็มไปด้วยความทรมาน
“สตรีสารเลว” คิดไม่ถึงเลยว่านางจะจิตใจชั่วช้าได้ถึงเพียงนี้
“อ้อนวอนข้าสิ เรียกข้าว่านายหญิง จงเชื่องและเชื่อฟังข้า ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งข้าอาจจะใจดีปล่อยเจ้าไปก็ได้” มือเรียววนเวียนอยู่ที่มณีสีแดงเฝ้ามองว่าอีกฝ่ายมีปฏิกิริยาเช่นใด
ยาพิษนับร้อยนับพันเขาสามารถอดทนอดกลั้นได้ทุกการทรมาน แต่กับของสิ่งนั้นเขาดันมิอาจทนมันได้ ชายหนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นยอบกายก้มหัวให้กับสตรีสารเลวอย่างจนใจ
“นายหญิง ข้าน้อยผิดไปแล้ว”
หลี่จื้อฉิงยิ้มเหยียด “ดีมากเจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า หากเชื่อฟังข้า ทำตามที่ข้าสั่งเจ้าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย”
เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาภายในเรือนไข่มุกของนาง หลี่จื้อฉิงที่นอนในถังน้ำตลอดทั้งคืนจึงลืมตาตื่นขึ้น ร่างเล็กลุกขึ้นจากถังน้ำ บาดแผลที่อยู่บริเวณเอวดูท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ศีรษะรู้สึกปวดและวิงเวียนจนแทบเดินไม่ไหวเสียงน้ำทำให้ไช่เสิ่งเจี๋ยที่นอนคุดคู้อยู่ไม่ห่างตื่นนอนพร้อมกับนาง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้“ตัวเจ้าเหม็นมาก” นางยังคงพูดถึงกลิ่นตัวเหม็น ๆ ของเขาไม่หยุด“ขออภัยนายหญิง ที่ข้าน้อยมีกลิ่นเช่นนี้” ท่าทีของเขาเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือหญิงสาวลุกกลับไปที่เตียงนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก โดยไม่ได้สนใจว่า ไช่เสิ่งเจี๋ยจะอยู่หรือตาย ทำทุกอย่างราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ เรือนร่างขาวเนียน สัดส่วนสวยงามราวกับรูปสลัก ผู้ที่อายดันกลายเป็นไช่เสิ่งเจี๋ยที่ต้องเบือนหน้าหนีเสื้อผ้าชุ่มน้ำถูกนางยัดไปที่ใต้เตียงอย่างมิดชิด เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กสั่นกระดิ่งอยู่สองสามครั้งผ่านไปไม่นานนางกำนัลประจำเรือนไข่มุกก็กระวีกระวาดเข้ามาภายในห้อง“ท่านหญิงตื่นบรรทมแล้ว” พวกนางไม่ได้ถามว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กลับทำจมูกฟุดฟิดราวกับเหม็นอะไรบางอย่างผู้เป็นนายของเรือนรู้ดีว่าพวกนาง
“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยก้าวขาเข้ามาในห้องเขาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็สะอาดสะอ้าน นางอยากรู้ว่า เขาใช่ชายในคำทำนายของท่านพ่อหรือเปล่า ถ้าใช่นางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปจากที่นี่“เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า เจ้าคือใครกันแน่” หลี่จื้อฉิงผุดลุกขึ้นมานั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง ใบหน้างดงามได้รูปเวลานี้ซีดเซียวไร้สีเลือด นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่า เขาใช่องค์ชายตัวประกันจากเฉียนซีหรือไม่ หลี่จื้อฉิงจึงเลือกจะโยนเนื้อก้อนหนึ่งให้เขากระโดดงับ“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของท่าน” เขาตอบอย่างนอบน้อมมีมารยาท ไช่เสิ่งเจี๋ยมีแผนการในใจอยู่แล้วเจ้าของใบหน้าสวยงามยิ้มเหยียด“ข้าถามว่าเจ้าคือใครกันแน่”“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ยังคงเป็นคำตอบเดิม“องค์ชายท่านต้องการไปจากที่นี่หรือไม่” ในเมื่อเขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นใคร หลี่จื้อฉิงจึงเปิดเผยโฉมหน้าของเขาด้วยตนเอง“นายหญิง ในเวลานี้ข้าน้อยคือสัตว์เลี้ยงของท่าน เป็นทาสรับใช้ของท่าน” สถานะของเขามีใครบ้างไม่รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงนอน “ข้าจะเป็นใครในอดีต ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ช
อาศัยตราหยกของหลี่จื้อฉิง ไช่เสิ่งเจี๋ยสามารถเดินเข้าออกได้ทุกพื้นที่ของตำหนัก แม้กระทั่งเดินจนรอบรั้ววังหลวงแห่งฉางหมิง ก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเมื่อเขายกป้ายขึ้น เป็นแค่เพียงธิดาขององค์หญิงใหญ่ หากนับความเข้มข้นของสายเลือดราชวงศ์นางแทบจะไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในราชบัลลังก์นี้ด้วยซ้ำ ตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณกาล สตรีแต่งงานแล้วต้องออกเรือน แต่องค์หญิงใหญ่หลี่หย่าถิงแต่งงานกับองค์ชายจากแคว้นที่ล่มสลาย อาศัยความโปรดปรานที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมีต่อนาง ทำให้หลี่หย่าถิงยังสามารถอาศัยอยู่ในวังหลวงแคว้นฉางหมิงได้ไม่รู้ว่าเพราะความฉลาดเฉลียว ความงดงาม หรือเล่ห์กลอันใด จากที่เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากนางกำนัลระดับล่าง ได้กลายมาเป็นสตรีทรงอำนาจอันดับหนึ่งแห่งฉางหมิง ความฉลาดและงดงามนั้นมาคู่พร้อมกับจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตพี่น้องร่วมราชบัลลังก์ที่ขวางหูขวางตาถูกหลี่หย่าถิงกำจัดทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิดที่อ่อนแอไร้กำลังไว้ทำหน้าที่สวมมาลาสีเหลืองทองแทนนางก็เท่านั้นและเป็นเพราะอำนาจของมารดาทำให้ท่านหญิงที่เป็นเชื้อสายปลายแถวต่ำต้อยสามารถขึ้นมานั่งเทียบเท่ากับราชนิกุลที่กำเนิดจากสายเลือดของฮ่องเต้ได้
เมื่อออกมาจากประตูวัง ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินตามหาเส้นทางไปยังร้านขายพรตเมฆา แต่เป็นเพราะนางมิได้บอกเอาไว้ว่า ร้านขายยาตั้งอยู่บนถนนเส้นไหน เขาที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่กักขังทาสงุนงงไปหมด กอปรกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินตลาดของเหมืองหลวงแห่งฉางหมิง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่คุ้นเคย หากเป็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอร้านขายตามที่นางบอก หากกลับไปช้า ไม่แน่ว่านางจะหาเรื่องเอาผิดกับเขาในขณะที่กำลังคิดหาวิธี ชายเสื้อของไช่เสิ่งเจี๋ยก็ถูกดึงจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปเป็นสตรีตัวเล็กสวมชุดสีฟ้าสดใส เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าเก็บขึ้นเป็นทรงอย่างดี ร่างเล็กผอมบางดวงตากระจ่างใสงดงาม ยืนส่งยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลังเขา“ขอรับคุณหนู”“เจ้าหลงทางหรือไม่” น้ำเสียงของนางกระจ่างใสราวกับสายน้ำเหลียนซูเยว่นั่งจิบน้ำชากินขนมอยู่บนชั้นสองของร้านอาหารชาดแดง นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนหันรีหันขวาง เข้าออกซอยนั้นทีซอยนี้ที วนไปวนมาแล้วกลับมาที่เดิม คนตัวเล็กเห็นแล้วอดที่จะเข้าช่วยเหลือไม่ได้ แม้ใบหน้าจะงดงามโดดเด่น แต่กระนั้นก็อยู่ในชุดอาภรณ์เนื้อหยาบ ที่ฉางหมิงแบ่งชนชั้นกันชัดเจน ถึงจะหน้าตาดีแต่หากเป็นเพียงชนชั้นต่
ร้านขายยาที่สภาพภายนอกโดยทั่วไปไม่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ไช่เสิ่งเจี๋ยมิรู้ว่าเหตุใดจึงต้องเป็นที่นี่เท่านั้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน มีลูกค้าและหลงจู๊ทำการค้าขายกันตามปกติ มิมีสิ่งใดพิเศษหรือผิดแผกไปจากร้านอื่น ๆผนังด้านหนึ่งของร้านมีลิ้นชักไม้ตั้งเรียงราย แต่ละชั้นมีตัวอักษรสลักเป็นชื่อของตัวยาชนิดต่าง ๆ เดาว่าน่าจะเพื่อความสะดวกในการจัดเทียบยาชนิดต่าง ๆ ตรงลิ้นชักเหล่านั้นมีโต๊ะไม้ยาวเท่ากับผนังลิ้นชัก พนักงานในร้านล้วนแล้วแต่กุลีกุจอทำหน้าที่ของตนเอง กลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศเรียบง่าย มีแสงส่องเข้ามาภายใน อากาศถ่ายเทเหมาะกับการเป็นร้านขายยา“คุณชายต้องการสิ่งใด” เด็กในร้านเห็นเขายืนเก้กังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปถามไถ่เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ“สตรีร้ายกาจเอาแต่ใจ”ยังพูดไม่ทันจบประโยคเด็กหนุ่มที่มาต้อนรับเขาในคราแรกผายมือให้ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินไปยังจุดที่เถ้าแก่ชรานั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือในสุด ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดเทียบยา“นายท่าน สตรีตัวร้ายมีเรื่องแล้ว” เด็กหนุ่มกระซิบกับเถ้าแก่ชรา ไช่เสิ่งเจี๋ยเลิกคิ้วเล็กน้อย สังเกตปฏิกิริยายาที่ชั่งตวงอยู่เมื่อครู่ถูกวางล
“ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปเสียแล้วองค์ชาย”เมื่อกลืนยาลงท้องไปแล้วนางถึงได้พูดกับเขาไช่เสิ่งเจี๋ยลอบมองสตรีตัวร้ายที่นั่งเอนหลังพิงกายอยู่บนเตียงนอน“ข้าจะหนีไปได้อย่างไรนายหญิง ข้าน่ะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวอย่างเอาอกเอาใจหญิงสาวรู้ดีว่ารอยยิ้มที่เขามอบให้แก่นางมันสุดแสนจะเสแสร้ง“รอยยิ้มของท่านช่างดูจริงใจเสียจริง”“ข้าย่อมจริงใจต่อนายหญิงอยู่แล้ว” เขาบอก ก่อนจะเพิ่งนึกอะไรได้ “นายหญิง อาการป่วยของท่านเป็นอย่างไร แผลที่เอวของท่านล่ะยังเจ็บอยู่หรือไม่”ใบหน้างดงามซีดเซียว ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบว่าไม่เป็นไร“ข้าจะนอนแล้วเจ้าออกไปได้แล้ว” กินยาแล้วง่วง นางจึงเอ่ยปากไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า “ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วนอนไม่หลับ” นางบ่นแต่ถึงนางจะไล่ให้เขาออกไป แต่ไช่เสิ่งเจี๋ยก็มิคิดจะเดินออกไป นางไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาเกรงว่านางจะหิวตายก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่“นายหญิง ท่านยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”“ข้าไม่หิว”“ไม่ได้ขอรับ เกิดท่านหิวจนตายขึ้นมา ที่สัญญาเอาไว้ว่าฤดูร้อนปีหน้าข้าจะได้กลับไปเฉียนซีก็ล้มเหลวหมดสิ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสุดแสนจะอ่อนโยน หากใ
เมื่อหลายปีก่อน…นางเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่เคยแสดงออกว่ารักนางเลยสักครั้ง เด็กหญิงนั่งหย่อนขาลงในสระบัว เป็นจุดที่เงียบสงบที่หลี่จื้อฉิงมักจะมานั่งทอดอารมณ์ หลีกลี้หนีจากผู้คน เด็กหญิงนั่งหลบอยู่ตรงโขดหิน บดบังด้วยไม้ดอกพุ่มเล็ก ๆ เนื่องด้วยส่วนสูงของเด็กหญิง หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่านางมานั่งหลบอยู่ตรงนี้“ถิงเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายนั่นจะมาพบเราเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ปั๋วจวิน ท่านก็รู้ดีว่าเพราะอะไร” สตรีตัวเล็กเรือนร่างอวบอิ่มนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม วงแขนเรียวเล็กกอดคอเขาเอาไว้ “ที่ข้าแต่งงานกับเขาเพราะอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้ ท่านก็รู้ว่าข้าน่ะรักท่านเพียงผู้เดียว” หลี่หย่าถิงซบลงกับอกแกร่ง“น่าเสียดายที่ในเวลานั้นเราสองคนยังไม่มีอำนาจถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงจะตบแต่งเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องกันไปแล้ว” น้ำเสียงของปั๋วจวินเศร้าหมอง“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” หลี่หย่าถิงไม่อยากเอ่ยถึงในเวลานั้นทั้งนางและเขาต่างก็ไร้อำนาจอยู่ในมือ ปั๋วจวินเป็นเพียงองครักษ์ระดับล่าง ส่วนนางแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่เป็นเพราะมารดามีชาติกำเนิดต่ำต้อยทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น นางถูกห
ไช่เสิ่งเจี๋ยยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวนาง ทหารยามที่ทำร้ายเขาถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ไม่มีเหตุผลก็คือเขาทำร้ายคนของนาง หลี่จื้อฉิงถามเขาแล้วว่า ต้องการให้นางลงโทษด้วยวิธีการใด เขาตอบแค่เพียงว่าให้ขังเอาไว้ในคุกหลวงตลอดชีวิตมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไปนางมิรู้ว่าเขามีแผนการใด เขาสามารถร้องขอให้นางลงโทษทหารยามผู้นั้นให้หนักและรุนแรงกว่านี้ได้แต่เขาก็ไม่ทำเวลาผ่านพ้นไปจนถึงกลางฤดูร้อน ช่วงนี้เสด็จแม่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับนางสักเท่าไร ส่งผลให้หลี่จื้อฉิงไม่ต้องนั่งปั้นหน้าทำตัวร้ายกาจตามความต้องการของนาง ราชบุตรเขยเสด็จพ่อของนางไปบำเพ็ญพรตนานกว่าที่คิด ไม่มีกำหนดกลับมาวังหลวงเสียที ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นนางยิ่งรู้สึกหดหู่ฤดูกาลนี้หมู่มวลดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล ช่วงเวลาแสนสงบของนางจบลงที่การถูกเรียกตัวเข้าไปพบพระมารดา ข้างกายของเสด็จแม่ในยามนี้เคียงข้างด้วยปั๋วจวินดังเช่นทุกครั้ง เป็นภาพที่นางเห็นจนชินตา มิได
ที่ลำคอของไช่เสิ่งเจี๋ยรู้สึกร้อนราวกับถูกไฟลวก มีความรู้สึกวิตกกังวลพร้อมกับลางสังหรณ์แปลกประหลาด ผ่านไปครู่หนึ่งปลอกคอที่เขาสวมใส่ก็เย็นเฉียบคล้ายกับถูกแช่อยู่ในน้ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิ่งใดดลใจ ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินออกมาจากเรือนไข่มุก มุ่งหน้าไปยังทางทิศตะวันออก อันเป็นเส้นทางเดินไปยังสระบัวที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักบูรพาของหลี่หย่าถิงตูม!! คล้ายกับเสียงของสิ่งของหนัก ๆ ตกลงไปในน้ำตอนที่เขาเดินไปยังจุดที่ได้ยินเสียง ปั๋วจวินเดินสวนเขาออกมา เดินผ่านเขาไปด้วยสีหน้าท่าทางร้อนรนจนน่าประหลาดใจ ไช่เสิ่งเจี๋ยมมิอยากให้อีกฝ่ายจดจำได้ว่า เขาคือใครจึงก้มหน้าก้มตา ทำความเคารพโดยมิได้เอ่ยสิ่งใด ปั๋วจวินหันหลังกลับไปมองยังจุดที่เดินออกมาอยู่หลายครา เมื่อเขาจากไปแล้วไช่เสิ่งเจี๋ยจึงรีบไปยังจุดที่เขาเพิ่งจะออกมาผิวน้ำกระเพื่อมไหว รองเท้าปักลายดอกมู่ตานถูกถอดเอาไว้ริมตลิ่ง เขาจำได้ว่าเป็นของใคร ทุกอย่างถูกคาดเดาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไช่เสิ่งเจี๋ยรีบกระโดดลงไปในน้ำหลี่จื
ไช่เสิ่งเจี๋ยยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวนาง ทหารยามที่ทำร้ายเขาถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ไม่มีเหตุผลก็คือเขาทำร้ายคนของนาง หลี่จื้อฉิงถามเขาแล้วว่า ต้องการให้นางลงโทษด้วยวิธีการใด เขาตอบแค่เพียงว่าให้ขังเอาไว้ในคุกหลวงตลอดชีวิตมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไปนางมิรู้ว่าเขามีแผนการใด เขาสามารถร้องขอให้นางลงโทษทหารยามผู้นั้นให้หนักและรุนแรงกว่านี้ได้แต่เขาก็ไม่ทำเวลาผ่านพ้นไปจนถึงกลางฤดูร้อน ช่วงนี้เสด็จแม่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับนางสักเท่าไร ส่งผลให้หลี่จื้อฉิงไม่ต้องนั่งปั้นหน้าทำตัวร้ายกาจตามความต้องการของนาง ราชบุตรเขยเสด็จพ่อของนางไปบำเพ็ญพรตนานกว่าที่คิด ไม่มีกำหนดกลับมาวังหลวงเสียที ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นนางยิ่งรู้สึกหดหู่ฤดูกาลนี้หมู่มวลดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล ช่วงเวลาแสนสงบของนางจบลงที่การถูกเรียกตัวเข้าไปพบพระมารดา ข้างกายของเสด็จแม่ในยามนี้เคียงข้างด้วยปั๋วจวินดังเช่นทุกครั้ง เป็นภาพที่นางเห็นจนชินตา มิได
เมื่อหลายปีก่อน…นางเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่เคยแสดงออกว่ารักนางเลยสักครั้ง เด็กหญิงนั่งหย่อนขาลงในสระบัว เป็นจุดที่เงียบสงบที่หลี่จื้อฉิงมักจะมานั่งทอดอารมณ์ หลีกลี้หนีจากผู้คน เด็กหญิงนั่งหลบอยู่ตรงโขดหิน บดบังด้วยไม้ดอกพุ่มเล็ก ๆ เนื่องด้วยส่วนสูงของเด็กหญิง หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่านางมานั่งหลบอยู่ตรงนี้“ถิงเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายนั่นจะมาพบเราเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ปั๋วจวิน ท่านก็รู้ดีว่าเพราะอะไร” สตรีตัวเล็กเรือนร่างอวบอิ่มนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม วงแขนเรียวเล็กกอดคอเขาเอาไว้ “ที่ข้าแต่งงานกับเขาเพราะอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้ ท่านก็รู้ว่าข้าน่ะรักท่านเพียงผู้เดียว” หลี่หย่าถิงซบลงกับอกแกร่ง“น่าเสียดายที่ในเวลานั้นเราสองคนยังไม่มีอำนาจถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงจะตบแต่งเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องกันไปแล้ว” น้ำเสียงของปั๋วจวินเศร้าหมอง“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” หลี่หย่าถิงไม่อยากเอ่ยถึงในเวลานั้นทั้งนางและเขาต่างก็ไร้อำนาจอยู่ในมือ ปั๋วจวินเป็นเพียงองครักษ์ระดับล่าง ส่วนนางแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่เป็นเพราะมารดามีชาติกำเนิดต่ำต้อยทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น นางถูกห
“ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปเสียแล้วองค์ชาย”เมื่อกลืนยาลงท้องไปแล้วนางถึงได้พูดกับเขาไช่เสิ่งเจี๋ยลอบมองสตรีตัวร้ายที่นั่งเอนหลังพิงกายอยู่บนเตียงนอน“ข้าจะหนีไปได้อย่างไรนายหญิง ข้าน่ะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวอย่างเอาอกเอาใจหญิงสาวรู้ดีว่ารอยยิ้มที่เขามอบให้แก่นางมันสุดแสนจะเสแสร้ง“รอยยิ้มของท่านช่างดูจริงใจเสียจริง”“ข้าย่อมจริงใจต่อนายหญิงอยู่แล้ว” เขาบอก ก่อนจะเพิ่งนึกอะไรได้ “นายหญิง อาการป่วยของท่านเป็นอย่างไร แผลที่เอวของท่านล่ะยังเจ็บอยู่หรือไม่”ใบหน้างดงามซีดเซียว ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบว่าไม่เป็นไร“ข้าจะนอนแล้วเจ้าออกไปได้แล้ว” กินยาแล้วง่วง นางจึงเอ่ยปากไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า “ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วนอนไม่หลับ” นางบ่นแต่ถึงนางจะไล่ให้เขาออกไป แต่ไช่เสิ่งเจี๋ยก็มิคิดจะเดินออกไป นางไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาเกรงว่านางจะหิวตายก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่“นายหญิง ท่านยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”“ข้าไม่หิว”“ไม่ได้ขอรับ เกิดท่านหิวจนตายขึ้นมา ที่สัญญาเอาไว้ว่าฤดูร้อนปีหน้าข้าจะได้กลับไปเฉียนซีก็ล้มเหลวหมดสิ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสุดแสนจะอ่อนโยน หากใ
ร้านขายยาที่สภาพภายนอกโดยทั่วไปไม่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ไช่เสิ่งเจี๋ยมิรู้ว่าเหตุใดจึงต้องเป็นที่นี่เท่านั้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน มีลูกค้าและหลงจู๊ทำการค้าขายกันตามปกติ มิมีสิ่งใดพิเศษหรือผิดแผกไปจากร้านอื่น ๆผนังด้านหนึ่งของร้านมีลิ้นชักไม้ตั้งเรียงราย แต่ละชั้นมีตัวอักษรสลักเป็นชื่อของตัวยาชนิดต่าง ๆ เดาว่าน่าจะเพื่อความสะดวกในการจัดเทียบยาชนิดต่าง ๆ ตรงลิ้นชักเหล่านั้นมีโต๊ะไม้ยาวเท่ากับผนังลิ้นชัก พนักงานในร้านล้วนแล้วแต่กุลีกุจอทำหน้าที่ของตนเอง กลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศเรียบง่าย มีแสงส่องเข้ามาภายใน อากาศถ่ายเทเหมาะกับการเป็นร้านขายยา“คุณชายต้องการสิ่งใด” เด็กในร้านเห็นเขายืนเก้กังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปถามไถ่เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ“สตรีร้ายกาจเอาแต่ใจ”ยังพูดไม่ทันจบประโยคเด็กหนุ่มที่มาต้อนรับเขาในคราแรกผายมือให้ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินไปยังจุดที่เถ้าแก่ชรานั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือในสุด ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดเทียบยา“นายท่าน สตรีตัวร้ายมีเรื่องแล้ว” เด็กหนุ่มกระซิบกับเถ้าแก่ชรา ไช่เสิ่งเจี๋ยเลิกคิ้วเล็กน้อย สังเกตปฏิกิริยายาที่ชั่งตวงอยู่เมื่อครู่ถูกวางล
เมื่อออกมาจากประตูวัง ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินตามหาเส้นทางไปยังร้านขายพรตเมฆา แต่เป็นเพราะนางมิได้บอกเอาไว้ว่า ร้านขายยาตั้งอยู่บนถนนเส้นไหน เขาที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่กักขังทาสงุนงงไปหมด กอปรกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินตลาดของเหมืองหลวงแห่งฉางหมิง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่คุ้นเคย หากเป็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอร้านขายตามที่นางบอก หากกลับไปช้า ไม่แน่ว่านางจะหาเรื่องเอาผิดกับเขาในขณะที่กำลังคิดหาวิธี ชายเสื้อของไช่เสิ่งเจี๋ยก็ถูกดึงจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปเป็นสตรีตัวเล็กสวมชุดสีฟ้าสดใส เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าเก็บขึ้นเป็นทรงอย่างดี ร่างเล็กผอมบางดวงตากระจ่างใสงดงาม ยืนส่งยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลังเขา“ขอรับคุณหนู”“เจ้าหลงทางหรือไม่” น้ำเสียงของนางกระจ่างใสราวกับสายน้ำเหลียนซูเยว่นั่งจิบน้ำชากินขนมอยู่บนชั้นสองของร้านอาหารชาดแดง นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนหันรีหันขวาง เข้าออกซอยนั้นทีซอยนี้ที วนไปวนมาแล้วกลับมาที่เดิม คนตัวเล็กเห็นแล้วอดที่จะเข้าช่วยเหลือไม่ได้ แม้ใบหน้าจะงดงามโดดเด่น แต่กระนั้นก็อยู่ในชุดอาภรณ์เนื้อหยาบ ที่ฉางหมิงแบ่งชนชั้นกันชัดเจน ถึงจะหน้าตาดีแต่หากเป็นเพียงชนชั้นต่
อาศัยตราหยกของหลี่จื้อฉิง ไช่เสิ่งเจี๋ยสามารถเดินเข้าออกได้ทุกพื้นที่ของตำหนัก แม้กระทั่งเดินจนรอบรั้ววังหลวงแห่งฉางหมิง ก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเมื่อเขายกป้ายขึ้น เป็นแค่เพียงธิดาขององค์หญิงใหญ่ หากนับความเข้มข้นของสายเลือดราชวงศ์นางแทบจะไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในราชบัลลังก์นี้ด้วยซ้ำ ตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณกาล สตรีแต่งงานแล้วต้องออกเรือน แต่องค์หญิงใหญ่หลี่หย่าถิงแต่งงานกับองค์ชายจากแคว้นที่ล่มสลาย อาศัยความโปรดปรานที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมีต่อนาง ทำให้หลี่หย่าถิงยังสามารถอาศัยอยู่ในวังหลวงแคว้นฉางหมิงได้ไม่รู้ว่าเพราะความฉลาดเฉลียว ความงดงาม หรือเล่ห์กลอันใด จากที่เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากนางกำนัลระดับล่าง ได้กลายมาเป็นสตรีทรงอำนาจอันดับหนึ่งแห่งฉางหมิง ความฉลาดและงดงามนั้นมาคู่พร้อมกับจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตพี่น้องร่วมราชบัลลังก์ที่ขวางหูขวางตาถูกหลี่หย่าถิงกำจัดทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิดที่อ่อนแอไร้กำลังไว้ทำหน้าที่สวมมาลาสีเหลืองทองแทนนางก็เท่านั้นและเป็นเพราะอำนาจของมารดาทำให้ท่านหญิงที่เป็นเชื้อสายปลายแถวต่ำต้อยสามารถขึ้นมานั่งเทียบเท่ากับราชนิกุลที่กำเนิดจากสายเลือดของฮ่องเต้ได้
“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยก้าวขาเข้ามาในห้องเขาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็สะอาดสะอ้าน นางอยากรู้ว่า เขาใช่ชายในคำทำนายของท่านพ่อหรือเปล่า ถ้าใช่นางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปจากที่นี่“เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า เจ้าคือใครกันแน่” หลี่จื้อฉิงผุดลุกขึ้นมานั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง ใบหน้างดงามได้รูปเวลานี้ซีดเซียวไร้สีเลือด นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่า เขาใช่องค์ชายตัวประกันจากเฉียนซีหรือไม่ หลี่จื้อฉิงจึงเลือกจะโยนเนื้อก้อนหนึ่งให้เขากระโดดงับ“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของท่าน” เขาตอบอย่างนอบน้อมมีมารยาท ไช่เสิ่งเจี๋ยมีแผนการในใจอยู่แล้วเจ้าของใบหน้าสวยงามยิ้มเหยียด“ข้าถามว่าเจ้าคือใครกันแน่”“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ยังคงเป็นคำตอบเดิม“องค์ชายท่านต้องการไปจากที่นี่หรือไม่” ในเมื่อเขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นใคร หลี่จื้อฉิงจึงเปิดเผยโฉมหน้าของเขาด้วยตนเอง“นายหญิง ในเวลานี้ข้าน้อยคือสัตว์เลี้ยงของท่าน เป็นทาสรับใช้ของท่าน” สถานะของเขามีใครบ้างไม่รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงนอน “ข้าจะเป็นใครในอดีต ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ช
เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาภายในเรือนไข่มุกของนาง หลี่จื้อฉิงที่นอนในถังน้ำตลอดทั้งคืนจึงลืมตาตื่นขึ้น ร่างเล็กลุกขึ้นจากถังน้ำ บาดแผลที่อยู่บริเวณเอวดูท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ศีรษะรู้สึกปวดและวิงเวียนจนแทบเดินไม่ไหวเสียงน้ำทำให้ไช่เสิ่งเจี๋ยที่นอนคุดคู้อยู่ไม่ห่างตื่นนอนพร้อมกับนาง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้“ตัวเจ้าเหม็นมาก” นางยังคงพูดถึงกลิ่นตัวเหม็น ๆ ของเขาไม่หยุด“ขออภัยนายหญิง ที่ข้าน้อยมีกลิ่นเช่นนี้” ท่าทีของเขาเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือหญิงสาวลุกกลับไปที่เตียงนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก โดยไม่ได้สนใจว่า ไช่เสิ่งเจี๋ยจะอยู่หรือตาย ทำทุกอย่างราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ เรือนร่างขาวเนียน สัดส่วนสวยงามราวกับรูปสลัก ผู้ที่อายดันกลายเป็นไช่เสิ่งเจี๋ยที่ต้องเบือนหน้าหนีเสื้อผ้าชุ่มน้ำถูกนางยัดไปที่ใต้เตียงอย่างมิดชิด เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กสั่นกระดิ่งอยู่สองสามครั้งผ่านไปไม่นานนางกำนัลประจำเรือนไข่มุกก็กระวีกระวาดเข้ามาภายในห้อง“ท่านหญิงตื่นบรรทมแล้ว” พวกนางไม่ได้ถามว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กลับทำจมูกฟุดฟิดราวกับเหม็นอะไรบางอย่างผู้เป็นนายของเรือนรู้ดีว่าพวกนาง