เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาภายในเรือนไข่มุกของนาง หลี่จื้อฉิงที่นอนในถังน้ำตลอดทั้งคืนจึงลืมตาตื่นขึ้น ร่างเล็กลุกขึ้นจากถังน้ำ บาดแผลที่อยู่บริเวณเอวดูท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ศีรษะรู้สึกปวดและวิงเวียนจนแทบเดินไม่ไหว
เสียงน้ำทำให้ไช่เสิ่งเจี๋ยที่นอนคุดคู้อยู่ไม่ห่างตื่นนอนพร้อมกับนาง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้
“ตัวเจ้าเหม็นมาก” นางยังคงพูดถึงกลิ่นตัวเหม็น ๆ ของเขาไม่หยุด
“ขออภัยนายหญิง ที่ข้าน้อยมีกลิ่นเช่นนี้” ท่าทีของเขาเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือ
หญิงสาวลุกกลับไปที่เตียงนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก โดยไม่ได้สนใจว่า ไช่เสิ่งเจี๋ยจะอยู่หรือตาย ทำทุกอย่างราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ เรือนร่างขาวเนียน สัดส่วนสวยงามราวกับรูปสลัก ผู้ที่อายดันกลายเป็นไช่เสิ่งเจี๋ยที่ต้องเบือนหน้าหนี
เสื้อผ้าชุ่มน้ำถูกนางยัดไปที่ใต้เตียงอย่างมิดชิด เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กสั่นกระดิ่งอยู่สองสามครั้งผ่านไปไม่นานนางกำนัลประจำเรือนไข่มุกก็กระวีกระวาดเข้ามาภายในห้อง
“ท่านหญิงตื่นบรรทมแล้ว” พวกนางไม่ได้ถามว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กลับทำจมูกฟุดฟิดราวกับเหม็นอะไรบางอย่าง
ผู้เป็นนายของเรือนรู้ดีว่าพวกนางรู้สึกเช่นไร
“เอาตัวเขาไปอาบน้ำให้สะอาด หาข้าวหาปลาให้กิน จากนั้นค่อยพากลับมา” นางออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ราวกับไม่มีแรง
“ท่านหญิงป่วยหรือเพคะ” นางกำนัลลอบมองหลี่จื้อฉิงอย่างจับผิด
คนตัวเล็กแกล้งทำคอเสื้อหล่นเล็กน้อย ที่ไหล่ลาดเนียนมีรอยตีตราสีแดง บริเวณลำคอเองก็เช่นกัน สายตาของผู้เป็นนางกำนัลจับจ้องไปที่เตียงนอนยับยู่ยี่ ผ้าแพรสีขาวเปื้อนเลือดถูกวางเอาไว้บนนั้น
“ข้าจะป่วยหรือไม่ป่วย ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้า” หลี่จื้อฉิงแผดเสียง ความจริงรอยแดงนั่นเป็นรอยที่นางหยิกตัวเอง
เหล่านางกำนัลก้มหน้าก้มตาไม่เอ่ยอะไร สตรีเอาแต่ใจเห็นแล้วไม่สบอารมณ์ เป็นดังเช่นทุกครั้งยามที่นางไม่พอใจ ข้าวของเครื่องใช้มักจะถูกโยนใสโดยไม่สนใจว่าใครจะได้รับบาดเจ็บหรือไม่
ไช่เสิ่งเจี๋ยและบรรดานางกำนัลต้องรีบพากันออกไปจากห้องนอนของนาง เพราะไม่อยากเจ็บตัวจากโทสะร้ายกาจ ของคนเอาแต่ใจ
ในเมื่อเป็นเช่นนั้นไช่เสิ่งเจี๋ยก็จำใจเล่นตามน้ำ นางสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็ต้องทำ เขาเป็นองค์ชายตัวประกันแคว้นบ้านเกิดเมืองนอนแพ้สงคราม หลี่หย่าถิงและแม่ทัพปีศาจปั๋วจวิน รุกรานดินแดนเข่นฆ่าประชาชนบริสุทธิ์ เหยียบย่ำทำลายสุสานหลวงจนราพณาสูร และบีบคั้นให้ฝ่าบาทแคว้นเฉียนซี ซึ่งเป็นพระบิดาส่งเขาซึ่งเป็นองค์ชายรัชทายาทมาเป็นตัวประกันสงคราม เพื่อความสงบสุข ไช่เสิ่งเจี๋ยจำใจบอกลาบ้านเกิดเมืองนอน เดินทางมายังดินแดนที่เขาไม่รู้จัก
ไม่เพียงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดี รัชทายาทแห่งเฉียนซีถูกนำตัวไปใช้แรงงาน อดทนตกระกำลำบากอยู่ราวสี่ปี จึงถูกส่งมาเป็นของขวัญแด่บุตรสาวของหลี่หย่าถิง สตรีชั่วแห่งแคว้นฉางหมิง ทั้งแม่และลูกชั่วช้าสารเลวไม่ต่างกัน
แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อคืน เขาต้องกลับมาคิดทบทวนเรื่องของพวกนางอีกครั้งหนึ่ง ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกของตนเอง นอกเสียจากว่าหลี่จื้อฉิงมิใช่บุตรสาวแท้ ๆ ของนาง ข่าวลือเรื่องสัมพันธ์สวาทระหว่างแม่ทัพปีศาจปั๋วจวินกับองค์หญิงใหญ่ดูท่าจะเป็นเรื่องจริง ราชบุตรเขยเผิงเยี่ยนปิ่น องค์ชายตัวประกันจากแคว้นที่ล่มสลายไปแล้ว น่าจะไม่กล้ามีปากมีเสียงในเรื่องนี้ แม้จะถูกภรรยาของตนสวมหมวกเขียวให้ก็ตาม
ใคร ๆ ก็รู้ว่าผู้ปกครองแห่งฉางหมิงตัวจริงคือใคร อำนาจของหลี่หย่าถิงล้นมือผนวกกับชายชู้ของนางที่คือผู้กุมอำนาจทางการทหารเอาไว้กับตนเอง แม้แต่ฮ่องเต้แห่งฉางหมิงผู้เป็นพระอนุชายังต้องยอมศิโรราบ มิกล้ามีปากมีเสียง
เสื้อผ้าแพรพรรณราคาถูก ถูกนำมาให้กับไช่เสิ่งเจี๋ย เมื่อชำระล้างร่างกายจนสะอาดสะอ้าน ก็ถูกนำตัวกลับไปที่เรือนไข่มุกของสตรีสารเลว
อากาศช่วงต้นคิมหันต์ฤดูควรจะเป็นอากาศที่เย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าวจนเกินไป แต่เป็นเพราะเมื่อคืนนางแช่อยู่ในถังน้ำทั้งคืนทำให้ร่างกายร้อนรุ่มราวกับถูกไฟเผา ประเดี๋ยวเดียวก็เปลี่ยนเป็นหนาวสั่น ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลับมาร้อนรุ่ม อีกทั้งยังมีบาดแผลบริเวณเอวที่เจ็บปวดเจียนตาย ร่างกายที่เดิมทีอ่อนแออยู่แล้วกลับอ่อนแอยิ่งกว่าเดิม
“ท่านหญิง พระองค์ไม่สบาย” นางกำนัลประจำเรือนไข่มุกถามไถ่อย่างเป็นห่วง แม้ในใจอยากจะแช่งให้นางตาย ๆ ไปเสียก็ตาม “ให้หม่อมฉันไปตามหมอหลวงดีหรือไม่”
หลี่จื้อฉิงส่ายหัว นางไม่ต้องการให้หมอหลวงมายุ่งวุ่นวายกับร่างกายของนาง พวกเขาเป็นคนของเสด็จแม่ทั้งหมด หากหมอหลวงมาตรวจร่างกายของนางย่อมต้องพบกับสิ่งผิดปกติ โดยเฉพาะบาดแผลที่เอว แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีอยู่บ้าง อาการป่วยของนางน่าจะถูกเล่าลือไปในทางที่ผิด
“ออกไปให้หมด” หลี่จื้อฉิงยังมีแรงก่นด่านางกำนัลของตนเอง “เจ้าก้อนเนื้อนั่นมาหรือยัง” ผู้ที่จะสามารถช่วยนางในเวลานี้ได้เหลือแค่เพียงเขาเท่านั้น เพราะชีวิตของก้อนเนื้อเหม็นเน่าที่นางไม่รู้จักชื่ออยู่ในมือของตน
หญิงรับใช้เบือนหน้าหนี ส่งสายตามองเหยียดสตรีน่ารังเกียจ ในใจนึกอยากจะฆ่าเสียให้ตาย แต่เป็นเพราะว่าชีวิตของครอบครัวของเฉินหว่านเซียนอยู่ในกำมือของสตรีผู้นี้ จึงมิอาจลงมือกระทำสิ่งใดได้ นอกจากสาปแช่งอยู่ในใจ
เฉินหว่านเซียนผุดลุกออกไปหน้าห้อง เพื่อดูว่าชายสกปรกผู้นั้นมาถึงหรือยัง เมื่อพบหน้าชายสกปรกเฉินหว่านเซียนถึงกับตะลึงในความงดงาม หล่อเหลา เส้นผมสีดำขลับถูกมัดรวบเอาไว้ง่าย ๆ ใบหน้านั่นงามยิ่งกว่าสตรีใดเสียอีก
“ท่านผู้นี้เป็นใคร” นางละล่ำละลัก ถามคำถาม
“ข้าคือคนของท่านหญิง” เขาตอบเสียงเรียบมิได้แสดงความรู้สึกใดออกไป แผ่นหลังเหยียดตรงท่าทางงดงามผ่าเผย นานมากแล้วที่ไม่ได้รู้สึกสะอาดสดชื่นเช่นนี้
“ท่านคือ...ท่านเขย” เฉินหว่านเซียนมิอยากจะเชื่อว่าเขาคือก้อนเนื้อเหม็นเน่าที่ถูกมอบให้เป็นของขวัญแก่สตรีผู้นั้น
แววตาที่หลงใหลในตัวของเขา ไช่เสิ่งเจี๋ยมิใช่ไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้ารู้สึกเช่นไร ถ้าเป็นเช่นนั้นหญิงรับใช้ของนางปีศาจนั่น น่าจะมีประโยชน์กับเขาในวันข้างหน้า
“แม่นาง ได้โปรดอย่าเรียกข้าว่าท่านเขย ข้าเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งของท่านหญิงเท่านั้น” น้ำเสียงนุ่มทุ้ม อ่อนโยน ตอบคำถามได้อย่างน่าสงสาร
หัวใจของเฉินหว่านเซียนอ่อนยวบ บุรุษสง่างามเช่นนี้ไม่สมควรถูกนำมากักขังผูกติดกับสตรีเช่นหลี่จื้อฉิงเลยจริง ๆ
“เขามาหรือยัง” หลี่จื้อฉิงเห็นว่าเฉินหว่านเซียนออกไปนานแล้วจึงตะโกนถาม
คนตัวสูงยิ้มเล็กน้อยโค้งตัว ยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับเฉินหว่านเซียน
“แม่นางข้าน้อยขอตัวก่อน วันหน้าหวังว่าจะได้คุยกัน”
“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยก้าวขาเข้ามาในห้องเขาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็สะอาดสะอ้าน นางอยากรู้ว่า เขาใช่ชายในคำทำนายของท่านพ่อหรือเปล่า ถ้าใช่นางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปจากที่นี่“เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า เจ้าคือใครกันแน่” หลี่จื้อฉิงผุดลุกขึ้นมานั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง ใบหน้างดงามได้รูปเวลานี้ซีดเซียวไร้สีเลือด นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่า เขาใช่องค์ชายตัวประกันจากเฉียนซีหรือไม่ หลี่จื้อฉิงจึงเลือกจะโยนเนื้อก้อนหนึ่งให้เขากระโดดงับ“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของท่าน” เขาตอบอย่างนอบน้อมมีมารยาท ไช่เสิ่งเจี๋ยมีแผนการในใจอยู่แล้วเจ้าของใบหน้าสวยงามยิ้มเหยียด“ข้าถามว่าเจ้าคือใครกันแน่”“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ยังคงเป็นคำตอบเดิม“องค์ชายท่านต้องการไปจากที่นี่หรือไม่” ในเมื่อเขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นใคร หลี่จื้อฉิงจึงเปิดเผยโฉมหน้าของเขาด้วยตนเอง“นายหญิง ในเวลานี้ข้าน้อยคือสัตว์เลี้ยงของท่าน เป็นทาสรับใช้ของท่าน” สถานะของเขามีใครบ้างไม่รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงนอน “ข้าจะเป็นใครในอดีต ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ช
อาศัยตราหยกของหลี่จื้อฉิง ไช่เสิ่งเจี๋ยสามารถเดินเข้าออกได้ทุกพื้นที่ของตำหนัก แม้กระทั่งเดินจนรอบรั้ววังหลวงแห่งฉางหมิง ก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเมื่อเขายกป้ายขึ้น เป็นแค่เพียงธิดาขององค์หญิงใหญ่ หากนับความเข้มข้นของสายเลือดราชวงศ์นางแทบจะไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในราชบัลลังก์นี้ด้วยซ้ำ ตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณกาล สตรีแต่งงานแล้วต้องออกเรือน แต่องค์หญิงใหญ่หลี่หย่าถิงแต่งงานกับองค์ชายจากแคว้นที่ล่มสลาย อาศัยความโปรดปรานที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมีต่อนาง ทำให้หลี่หย่าถิงยังสามารถอาศัยอยู่ในวังหลวงแคว้นฉางหมิงได้ไม่รู้ว่าเพราะความฉลาดเฉลียว ความงดงาม หรือเล่ห์กลอันใด จากที่เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากนางกำนัลระดับล่าง ได้กลายมาเป็นสตรีทรงอำนาจอันดับหนึ่งแห่งฉางหมิง ความฉลาดและงดงามนั้นมาคู่พร้อมกับจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตพี่น้องร่วมราชบัลลังก์ที่ขวางหูขวางตาถูกหลี่หย่าถิงกำจัดทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิดที่อ่อนแอไร้กำลังไว้ทำหน้าที่สวมมาลาสีเหลืองทองแทนนางก็เท่านั้นและเป็นเพราะอำนาจของมารดาทำให้ท่านหญิงที่เป็นเชื้อสายปลายแถวต่ำต้อยสามารถขึ้นมานั่งเทียบเท่ากับราชนิกุลที่กำเนิดจากสายเลือดของฮ่องเต้ได้
เมื่อออกมาจากประตูวัง ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินตามหาเส้นทางไปยังร้านขายพรตเมฆา แต่เป็นเพราะนางมิได้บอกเอาไว้ว่า ร้านขายยาตั้งอยู่บนถนนเส้นไหน เขาที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่กักขังทาสงุนงงไปหมด กอปรกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินตลาดของเหมืองหลวงแห่งฉางหมิง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่คุ้นเคย หากเป็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอร้านขายตามที่นางบอก หากกลับไปช้า ไม่แน่ว่านางจะหาเรื่องเอาผิดกับเขาในขณะที่กำลังคิดหาวิธี ชายเสื้อของไช่เสิ่งเจี๋ยก็ถูกดึงจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปเป็นสตรีตัวเล็กสวมชุดสีฟ้าสดใส เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าเก็บขึ้นเป็นทรงอย่างดี ร่างเล็กผอมบางดวงตากระจ่างใสงดงาม ยืนส่งยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลังเขา“ขอรับคุณหนู”“เจ้าหลงทางหรือไม่” น้ำเสียงของนางกระจ่างใสราวกับสายน้ำเหลียนซูเยว่นั่งจิบน้ำชากินขนมอยู่บนชั้นสองของร้านอาหารชาดแดง นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนหันรีหันขวาง เข้าออกซอยนั้นทีซอยนี้ที วนไปวนมาแล้วกลับมาที่เดิม คนตัวเล็กเห็นแล้วอดที่จะเข้าช่วยเหลือไม่ได้ แม้ใบหน้าจะงดงามโดดเด่น แต่กระนั้นก็อยู่ในชุดอาภรณ์เนื้อหยาบ ที่ฉางหมิงแบ่งชนชั้นกันชัดเจน ถึงจะหน้าตาดีแต่หากเป็นเพียงชนชั้นต่
ร้านขายยาที่สภาพภายนอกโดยทั่วไปไม่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ไช่เสิ่งเจี๋ยมิรู้ว่าเหตุใดจึงต้องเป็นที่นี่เท่านั้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน มีลูกค้าและหลงจู๊ทำการค้าขายกันตามปกติ มิมีสิ่งใดพิเศษหรือผิดแผกไปจากร้านอื่น ๆผนังด้านหนึ่งของร้านมีลิ้นชักไม้ตั้งเรียงราย แต่ละชั้นมีตัวอักษรสลักเป็นชื่อของตัวยาชนิดต่าง ๆ เดาว่าน่าจะเพื่อความสะดวกในการจัดเทียบยาชนิดต่าง ๆ ตรงลิ้นชักเหล่านั้นมีโต๊ะไม้ยาวเท่ากับผนังลิ้นชัก พนักงานในร้านล้วนแล้วแต่กุลีกุจอทำหน้าที่ของตนเอง กลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศเรียบง่าย มีแสงส่องเข้ามาภายใน อากาศถ่ายเทเหมาะกับการเป็นร้านขายยา“คุณชายต้องการสิ่งใด” เด็กในร้านเห็นเขายืนเก้กังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปถามไถ่เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ“สตรีร้ายกาจเอาแต่ใจ”ยังพูดไม่ทันจบประโยคเด็กหนุ่มที่มาต้อนรับเขาในคราแรกผายมือให้ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินไปยังจุดที่เถ้าแก่ชรานั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือในสุด ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดเทียบยา“นายท่าน สตรีตัวร้ายมีเรื่องแล้ว” เด็กหนุ่มกระซิบกับเถ้าแก่ชรา ไช่เสิ่งเจี๋ยเลิกคิ้วเล็กน้อย สังเกตปฏิกิริยายาที่ชั่งตวงอยู่เมื่อครู่ถูกวางล
“ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปเสียแล้วองค์ชาย”เมื่อกลืนยาลงท้องไปแล้วนางถึงได้พูดกับเขาไช่เสิ่งเจี๋ยลอบมองสตรีตัวร้ายที่นั่งเอนหลังพิงกายอยู่บนเตียงนอน“ข้าจะหนีไปได้อย่างไรนายหญิง ข้าน่ะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวอย่างเอาอกเอาใจหญิงสาวรู้ดีว่ารอยยิ้มที่เขามอบให้แก่นางมันสุดแสนจะเสแสร้ง“รอยยิ้มของท่านช่างดูจริงใจเสียจริง”“ข้าย่อมจริงใจต่อนายหญิงอยู่แล้ว” เขาบอก ก่อนจะเพิ่งนึกอะไรได้ “นายหญิง อาการป่วยของท่านเป็นอย่างไร แผลที่เอวของท่านล่ะยังเจ็บอยู่หรือไม่”ใบหน้างดงามซีดเซียว ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบว่าไม่เป็นไร“ข้าจะนอนแล้วเจ้าออกไปได้แล้ว” กินยาแล้วง่วง นางจึงเอ่ยปากไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า “ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วนอนไม่หลับ” นางบ่นแต่ถึงนางจะไล่ให้เขาออกไป แต่ไช่เสิ่งเจี๋ยก็มิคิดจะเดินออกไป นางไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาเกรงว่านางจะหิวตายก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่“นายหญิง ท่านยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”“ข้าไม่หิว”“ไม่ได้ขอรับ เกิดท่านหิวจนตายขึ้นมา ที่สัญญาเอาไว้ว่าฤดูร้อนปีหน้าข้าจะได้กลับไปเฉียนซีก็ล้มเหลวหมดสิ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสุดแสนจะอ่อนโยน หากใ
เมื่อหลายปีก่อน…นางเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่เคยแสดงออกว่ารักนางเลยสักครั้ง เด็กหญิงนั่งหย่อนขาลงในสระบัว เป็นจุดที่เงียบสงบที่หลี่จื้อฉิงมักจะมานั่งทอดอารมณ์ หลีกลี้หนีจากผู้คน เด็กหญิงนั่งหลบอยู่ตรงโขดหิน บดบังด้วยไม้ดอกพุ่มเล็ก ๆ เนื่องด้วยส่วนสูงของเด็กหญิง หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่านางมานั่งหลบอยู่ตรงนี้“ถิงเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายนั่นจะมาพบเราเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ปั๋วจวิน ท่านก็รู้ดีว่าเพราะอะไร” สตรีตัวเล็กเรือนร่างอวบอิ่มนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม วงแขนเรียวเล็กกอดคอเขาเอาไว้ “ที่ข้าแต่งงานกับเขาเพราะอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้ ท่านก็รู้ว่าข้าน่ะรักท่านเพียงผู้เดียว” หลี่หย่าถิงซบลงกับอกแกร่ง“น่าเสียดายที่ในเวลานั้นเราสองคนยังไม่มีอำนาจถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงจะตบแต่งเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องกันไปแล้ว” น้ำเสียงของปั๋วจวินเศร้าหมอง“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” หลี่หย่าถิงไม่อยากเอ่ยถึงในเวลานั้นทั้งนางและเขาต่างก็ไร้อำนาจอยู่ในมือ ปั๋วจวินเป็นเพียงองครักษ์ระดับล่าง ส่วนนางแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่เป็นเพราะมารดามีชาติกำเนิดต่ำต้อยทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น นางถูกห
ไช่เสิ่งเจี๋ยยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวนาง ทหารยามที่ทำร้ายเขาถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ไม่มีเหตุผลก็คือเขาทำร้ายคนของนาง หลี่จื้อฉิงถามเขาแล้วว่า ต้องการให้นางลงโทษด้วยวิธีการใด เขาตอบแค่เพียงว่าให้ขังเอาไว้ในคุกหลวงตลอดชีวิตมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไปนางมิรู้ว่าเขามีแผนการใด เขาสามารถร้องขอให้นางลงโทษทหารยามผู้นั้นให้หนักและรุนแรงกว่านี้ได้แต่เขาก็ไม่ทำเวลาผ่านพ้นไปจนถึงกลางฤดูร้อน ช่วงนี้เสด็จแม่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับนางสักเท่าไร ส่งผลให้หลี่จื้อฉิงไม่ต้องนั่งปั้นหน้าทำตัวร้ายกาจตามความต้องการของนาง ราชบุตรเขยเสด็จพ่อของนางไปบำเพ็ญพรตนานกว่าที่คิด ไม่มีกำหนดกลับมาวังหลวงเสียที ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นนางยิ่งรู้สึกหดหู่ฤดูกาลนี้หมู่มวลดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล ช่วงเวลาแสนสงบของนางจบลงที่การถูกเรียกตัวเข้าไปพบพระมารดา ข้างกายของเสด็จแม่ในยามนี้เคียงข้างด้วยปั๋วจวินดังเช่นทุกครั้ง เป็นภาพที่นางเห็นจนชินตา มิได
ที่ลำคอของไช่เสิ่งเจี๋ยรู้สึกร้อนราวกับถูกไฟลวก มีความรู้สึกวิตกกังวลพร้อมกับลางสังหรณ์แปลกประหลาด ผ่านไปครู่หนึ่งปลอกคอที่เขาสวมใส่ก็เย็นเฉียบคล้ายกับถูกแช่อยู่ในน้ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิ่งใดดลใจ ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินออกมาจากเรือนไข่มุก มุ่งหน้าไปยังทางทิศตะวันออก อันเป็นเส้นทางเดินไปยังสระบัวที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักบูรพาของหลี่หย่าถิงตูม!! คล้ายกับเสียงของสิ่งของหนัก ๆ ตกลงไปในน้ำตอนที่เขาเดินไปยังจุดที่ได้ยินเสียง ปั๋วจวินเดินสวนเขาออกมา เดินผ่านเขาไปด้วยสีหน้าท่าทางร้อนรนจนน่าประหลาดใจ ไช่เสิ่งเจี๋ยมมิอยากให้อีกฝ่ายจดจำได้ว่า เขาคือใครจึงก้มหน้าก้มตา ทำความเคารพโดยมิได้เอ่ยสิ่งใด ปั๋วจวินหันหลังกลับไปมองยังจุดที่เดินออกมาอยู่หลายครา เมื่อเขาจากไปแล้วไช่เสิ่งเจี๋ยจึงรีบไปยังจุดที่เขาเพิ่งจะออกมาผิวน้ำกระเพื่อมไหว รองเท้าปักลายดอกมู่ตานถูกถอดเอาไว้ริมตลิ่ง เขาจำได้ว่าเป็นของใคร ทุกอย่างถูกคาดเดาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไช่เสิ่งเจี๋ยรีบกระโดดลงไปในน้ำหลี่จื
ที่ลำคอของไช่เสิ่งเจี๋ยรู้สึกร้อนราวกับถูกไฟลวก มีความรู้สึกวิตกกังวลพร้อมกับลางสังหรณ์แปลกประหลาด ผ่านไปครู่หนึ่งปลอกคอที่เขาสวมใส่ก็เย็นเฉียบคล้ายกับถูกแช่อยู่ในน้ำไม่รู้ว่าเป็นเพราะสิ่งใดดลใจ ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินออกมาจากเรือนไข่มุก มุ่งหน้าไปยังทางทิศตะวันออก อันเป็นเส้นทางเดินไปยังสระบัวที่อยู่ระหว่างทางไปตำหนักบูรพาของหลี่หย่าถิงตูม!! คล้ายกับเสียงของสิ่งของหนัก ๆ ตกลงไปในน้ำตอนที่เขาเดินไปยังจุดที่ได้ยินเสียง ปั๋วจวินเดินสวนเขาออกมา เดินผ่านเขาไปด้วยสีหน้าท่าทางร้อนรนจนน่าประหลาดใจ ไช่เสิ่งเจี๋ยมมิอยากให้อีกฝ่ายจดจำได้ว่า เขาคือใครจึงก้มหน้าก้มตา ทำความเคารพโดยมิได้เอ่ยสิ่งใด ปั๋วจวินหันหลังกลับไปมองยังจุดที่เดินออกมาอยู่หลายครา เมื่อเขาจากไปแล้วไช่เสิ่งเจี๋ยจึงรีบไปยังจุดที่เขาเพิ่งจะออกมาผิวน้ำกระเพื่อมไหว รองเท้าปักลายดอกมู่ตานถูกถอดเอาไว้ริมตลิ่ง เขาจำได้ว่าเป็นของใคร ทุกอย่างถูกคาดเดาได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไช่เสิ่งเจี๋ยรีบกระโดดลงไปในน้ำหลี่จื
ไช่เสิ่งเจี๋ยยังคงวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวนาง ทหารยามที่ทำร้ายเขาถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว เหตุผลที่ไม่มีเหตุผลก็คือเขาทำร้ายคนของนาง หลี่จื้อฉิงถามเขาแล้วว่า ต้องการให้นางลงโทษด้วยวิธีการใด เขาตอบแค่เพียงว่าให้ขังเอาไว้ในคุกหลวงตลอดชีวิตมิได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไปนางมิรู้ว่าเขามีแผนการใด เขาสามารถร้องขอให้นางลงโทษทหารยามผู้นั้นให้หนักและรุนแรงกว่านี้ได้แต่เขาก็ไม่ทำเวลาผ่านพ้นไปจนถึงกลางฤดูร้อน ช่วงนี้เสด็จแม่ไม่ได้มายุ่งเกี่ยวกับนางสักเท่าไร ส่งผลให้หลี่จื้อฉิงไม่ต้องนั่งปั้นหน้าทำตัวร้ายกาจตามความต้องการของนาง ราชบุตรเขยเสด็จพ่อของนางไปบำเพ็ญพรตนานกว่าที่คิด ไม่มีกำหนดกลับมาวังหลวงเสียที ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหนีไปแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนั้นนางยิ่งรู้สึกหดหู่ฤดูกาลนี้หมู่มวลดอกไม้เบ่งบานสะพรั่ง ส่งกลิ่นหอมอบอวล ช่วงเวลาแสนสงบของนางจบลงที่การถูกเรียกตัวเข้าไปพบพระมารดา ข้างกายของเสด็จแม่ในยามนี้เคียงข้างด้วยปั๋วจวินดังเช่นทุกครั้ง เป็นภาพที่นางเห็นจนชินตา มิได
เมื่อหลายปีก่อน…นางเคยสงสัยว่าเหตุใดมารดาจึงไม่เคยแสดงออกว่ารักนางเลยสักครั้ง เด็กหญิงนั่งหย่อนขาลงในสระบัว เป็นจุดที่เงียบสงบที่หลี่จื้อฉิงมักจะมานั่งทอดอารมณ์ หลีกลี้หนีจากผู้คน เด็กหญิงนั่งหลบอยู่ตรงโขดหิน บดบังด้วยไม้ดอกพุ่มเล็ก ๆ เนื่องด้วยส่วนสูงของเด็กหญิง หากไม่สังเกตก็จะไม่เห็นว่านางมานั่งหลบอยู่ตรงนี้“ถิงเอ๋อร์ เจ้าไม่กลัวว่าองค์ชายนั่นจะมาพบเราเหรอ”“ไม่กลัวหรอก ปั๋วจวิน ท่านก็รู้ดีว่าเพราะอะไร” สตรีตัวเล็กเรือนร่างอวบอิ่มนั่งอยู่บนตักของชายหนุ่ม วงแขนเรียวเล็กกอดคอเขาเอาไว้ “ที่ข้าแต่งงานกับเขาเพราะอะไรไม่ใช่ท่านไม่รู้ ท่านก็รู้ว่าข้าน่ะรักท่านเพียงผู้เดียว” หลี่หย่าถิงซบลงกับอกแกร่ง“น่าเสียดายที่ในเวลานั้นเราสองคนยังไม่มีอำนาจถึงเพียงนี้ ไม่เช่นนั้นเราคงจะตบแต่งเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องกันไปแล้ว” น้ำเสียงของปั๋วจวินเศร้าหมอง“เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป” หลี่หย่าถิงไม่อยากเอ่ยถึงในเวลานั้นทั้งนางและเขาต่างก็ไร้อำนาจอยู่ในมือ ปั๋วจวินเป็นเพียงองครักษ์ระดับล่าง ส่วนนางแม้จะเป็นเชื้อพระวงศ์ก็จริง แต่เป็นเพราะมารดามีชาติกำเนิดต่ำต้อยทำให้ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น นางถูกห
“ข้าคิดว่าท่านจะหนีไปเสียแล้วองค์ชาย”เมื่อกลืนยาลงท้องไปแล้วนางถึงได้พูดกับเขาไช่เสิ่งเจี๋ยลอบมองสตรีตัวร้ายที่นั่งเอนหลังพิงกายอยู่บนเตียงนอน“ข้าจะหนีไปได้อย่างไรนายหญิง ข้าน่ะเป็นทาสที่ซื่อสัตย์” ชายหนุ่มยิ้มและกล่าวอย่างเอาอกเอาใจหญิงสาวรู้ดีว่ารอยยิ้มที่เขามอบให้แก่นางมันสุดแสนจะเสแสร้ง“รอยยิ้มของท่านช่างดูจริงใจเสียจริง”“ข้าย่อมจริงใจต่อนายหญิงอยู่แล้ว” เขาบอก ก่อนจะเพิ่งนึกอะไรได้ “นายหญิง อาการป่วยของท่านเป็นอย่างไร แผลที่เอวของท่านล่ะยังเจ็บอยู่หรือไม่”ใบหน้างดงามซีดเซียว ส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบว่าไม่เป็นไร“ข้าจะนอนแล้วเจ้าออกไปได้แล้ว” กินยาแล้วง่วง นางจึงเอ่ยปากไล่เขาออกไปให้พ้นหน้า “ข้าเห็นหน้าเจ้าแล้วนอนไม่หลับ” นางบ่นแต่ถึงนางจะไล่ให้เขาออกไป แต่ไช่เสิ่งเจี๋ยก็มิคิดจะเดินออกไป นางไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาเกรงว่านางจะหิวตายก่อนที่เขาจะได้ออกไปจากที่นี่“นายหญิง ท่านยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”“ข้าไม่หิว”“ไม่ได้ขอรับ เกิดท่านหิวจนตายขึ้นมา ที่สัญญาเอาไว้ว่าฤดูร้อนปีหน้าข้าจะได้กลับไปเฉียนซีก็ล้มเหลวหมดสิ”น้ำเสียงที่เปล่งออกมาสุดแสนจะอ่อนโยน หากใ
ร้านขายยาที่สภาพภายนอกโดยทั่วไปไม่แตกต่างจากร้านอื่น ๆ ไช่เสิ่งเจี๋ยมิรู้ว่าเหตุใดจึงต้องเป็นที่นี่เท่านั้น ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้าน มีลูกค้าและหลงจู๊ทำการค้าขายกันตามปกติ มิมีสิ่งใดพิเศษหรือผิดแผกไปจากร้านอื่น ๆผนังด้านหนึ่งของร้านมีลิ้นชักไม้ตั้งเรียงราย แต่ละชั้นมีตัวอักษรสลักเป็นชื่อของตัวยาชนิดต่าง ๆ เดาว่าน่าจะเพื่อความสะดวกในการจัดเทียบยาชนิดต่าง ๆ ตรงลิ้นชักเหล่านั้นมีโต๊ะไม้ยาวเท่ากับผนังลิ้นชัก พนักงานในร้านล้วนแล้วแต่กุลีกุจอทำหน้าที่ของตนเอง กลิ่นหอมของสมุนไพรอบอวลไปทั่วทั้งร้านบรรยากาศเรียบง่าย มีแสงส่องเข้ามาภายใน อากาศถ่ายเทเหมาะกับการเป็นร้านขายยา“คุณชายต้องการสิ่งใด” เด็กในร้านเห็นเขายืนเก้กังอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเดินเข้าไปถามไถ่เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือ“สตรีร้ายกาจเอาแต่ใจ”ยังพูดไม่ทันจบประโยคเด็กหนุ่มที่มาต้อนรับเขาในคราแรกผายมือให้ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินไปยังจุดที่เถ้าแก่ชรานั่งอยู่ทางด้านซ้ายมือในสุด ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดเทียบยา“นายท่าน สตรีตัวร้ายมีเรื่องแล้ว” เด็กหนุ่มกระซิบกับเถ้าแก่ชรา ไช่เสิ่งเจี๋ยเลิกคิ้วเล็กน้อย สังเกตปฏิกิริยายาที่ชั่งตวงอยู่เมื่อครู่ถูกวางล
เมื่อออกมาจากประตูวัง ไช่เสิ่งเจี๋ยเดินตามหาเส้นทางไปยังร้านขายพรตเมฆา แต่เป็นเพราะนางมิได้บอกเอาไว้ว่า ร้านขายยาตั้งอยู่บนถนนเส้นไหน เขาที่เพิ่งออกมาจากพื้นที่กักขังทาสงุนงงไปหมด กอปรกับนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินตลาดของเหมืองหลวงแห่งฉางหมิง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ไม่คุ้นเคย หากเป็นเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอร้านขายตามที่นางบอก หากกลับไปช้า ไม่แน่ว่านางจะหาเรื่องเอาผิดกับเขาในขณะที่กำลังคิดหาวิธี ชายเสื้อของไช่เสิ่งเจี๋ยก็ถูกดึงจากด้านหลัง เมื่อหันกลับไปเป็นสตรีตัวเล็กสวมชุดสีฟ้าสดใส เส้นผมสีดำสนิทถูกเกล้าเก็บขึ้นเป็นทรงอย่างดี ร่างเล็กผอมบางดวงตากระจ่างใสงดงาม ยืนส่งยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลังเขา“ขอรับคุณหนู”“เจ้าหลงทางหรือไม่” น้ำเสียงของนางกระจ่างใสราวกับสายน้ำเหลียนซูเยว่นั่งจิบน้ำชากินขนมอยู่บนชั้นสองของร้านอาหารชาดแดง นางเห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนหันรีหันขวาง เข้าออกซอยนั้นทีซอยนี้ที วนไปวนมาแล้วกลับมาที่เดิม คนตัวเล็กเห็นแล้วอดที่จะเข้าช่วยเหลือไม่ได้ แม้ใบหน้าจะงดงามโดดเด่น แต่กระนั้นก็อยู่ในชุดอาภรณ์เนื้อหยาบ ที่ฉางหมิงแบ่งชนชั้นกันชัดเจน ถึงจะหน้าตาดีแต่หากเป็นเพียงชนชั้นต่
อาศัยตราหยกของหลี่จื้อฉิง ไช่เสิ่งเจี๋ยสามารถเดินเข้าออกได้ทุกพื้นที่ของตำหนัก แม้กระทั่งเดินจนรอบรั้ววังหลวงแห่งฉางหมิง ก็มิมีผู้ใดกล้าขัดเมื่อเขายกป้ายขึ้น เป็นแค่เพียงธิดาขององค์หญิงใหญ่ หากนับความเข้มข้นของสายเลือดราชวงศ์นางแทบจะไม่มีสิทธิ์ใด ๆ ในราชบัลลังก์นี้ด้วยซ้ำ ตามธรรมเนียมที่มีมาแต่โบราณกาล สตรีแต่งงานแล้วต้องออกเรือน แต่องค์หญิงใหญ่หลี่หย่าถิงแต่งงานกับองค์ชายจากแคว้นที่ล่มสลาย อาศัยความโปรดปรานที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมีต่อนาง ทำให้หลี่หย่าถิงยังสามารถอาศัยอยู่ในวังหลวงแคว้นฉางหมิงได้ไม่รู้ว่าเพราะความฉลาดเฉลียว ความงดงาม หรือเล่ห์กลอันใด จากที่เป็นเพียงองค์หญิงที่เกิดจากนางกำนัลระดับล่าง ได้กลายมาเป็นสตรีทรงอำนาจอันดับหนึ่งแห่งฉางหมิง ความฉลาดและงดงามนั้นมาคู่พร้อมกับจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตพี่น้องร่วมราชบัลลังก์ที่ขวางหูขวางตาถูกหลี่หย่าถิงกำจัดทิ้งทั้งหมด เหลือเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิดที่อ่อนแอไร้กำลังไว้ทำหน้าที่สวมมาลาสีเหลืองทองแทนนางก็เท่านั้นและเป็นเพราะอำนาจของมารดาทำให้ท่านหญิงที่เป็นเชื้อสายปลายแถวต่ำต้อยสามารถขึ้นมานั่งเทียบเท่ากับราชนิกุลที่กำเนิดจากสายเลือดของฮ่องเต้ได้
“นายหญิง” ไช่เสิ่งเจี๋ยก้าวขาเข้ามาในห้องเขาไม่มีกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไปแล้ว ร่างกายก็สะอาดสะอ้าน นางอยากรู้ว่า เขาใช่ชายในคำทำนายของท่านพ่อหรือเปล่า ถ้าใช่นางจะต้องช่วยชีวิตเขาให้รอดพ้นไปจากที่นี่“เจ้าก้อนเนื้อเหม็นเน่า เจ้าคือใครกันแน่” หลี่จื้อฉิงผุดลุกขึ้นมานั่งหย่อนขาที่ข้างเตียง ใบหน้างดงามได้รูปเวลานี้ซีดเซียวไร้สีเลือด นางต้องการพิสูจน์ให้รู้แน่ชัดว่า เขาใช่องค์ชายตัวประกันจากเฉียนซีหรือไม่ หลี่จื้อฉิงจึงเลือกจะโยนเนื้อก้อนหนึ่งให้เขากระโดดงับ“ข้าคือสัตว์เลี้ยงของท่าน” เขาตอบอย่างนอบน้อมมีมารยาท ไช่เสิ่งเจี๋ยมีแผนการในใจอยู่แล้วเจ้าของใบหน้าสวยงามยิ้มเหยียด“ข้าถามว่าเจ้าคือใครกันแน่”“นายหญิง ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ยังคงเป็นคำตอบเดิม“องค์ชายท่านต้องการไปจากที่นี่หรือไม่” ในเมื่อเขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นใคร หลี่จื้อฉิงจึงเปิดเผยโฉมหน้าของเขาด้วยตนเอง“นายหญิง ในเวลานี้ข้าน้อยคือสัตว์เลี้ยงของท่าน เป็นทาสรับใช้ของท่าน” สถานะของเขามีใครบ้างไม่รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองร่างเล็กที่นั่งหน้าซีดอยู่บนเตียงนอน “ข้าจะเป็นใครในอดีต ไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลานี้ข้าเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน” ช
เมื่อแสงแรกของวันสาดส่องเข้ามาภายในเรือนไข่มุกของนาง หลี่จื้อฉิงที่นอนในถังน้ำตลอดทั้งคืนจึงลืมตาตื่นขึ้น ร่างเล็กลุกขึ้นจากถังน้ำ บาดแผลที่อยู่บริเวณเอวดูท่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ศีรษะรู้สึกปวดและวิงเวียนจนแทบเดินไม่ไหวเสียงน้ำทำให้ไช่เสิ่งเจี๋ยที่นอนคุดคู้อยู่ไม่ห่างตื่นนอนพร้อมกับนาง ร่างสูงขยับเข้าไปใกล้“ตัวเจ้าเหม็นมาก” นางยังคงพูดถึงกลิ่นตัวเหม็น ๆ ของเขาไม่หยุด“ขออภัยนายหญิง ที่ข้าน้อยมีกลิ่นเช่นนี้” ท่าทีของเขาเปลี่ยนราวกับพลิกฝ่ามือหญิงสาวลุกกลับไปที่เตียงนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออก โดยไม่ได้สนใจว่า ไช่เสิ่งเจี๋ยจะอยู่หรือตาย ทำทุกอย่างราวกับเขาเป็นอากาศธาตุ เรือนร่างขาวเนียน สัดส่วนสวยงามราวกับรูปสลัก ผู้ที่อายดันกลายเป็นไช่เสิ่งเจี๋ยที่ต้องเบือนหน้าหนีเสื้อผ้าชุ่มน้ำถูกนางยัดไปที่ใต้เตียงอย่างมิดชิด เมื่อผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กสั่นกระดิ่งอยู่สองสามครั้งผ่านไปไม่นานนางกำนัลประจำเรือนไข่มุกก็กระวีกระวาดเข้ามาภายในห้อง“ท่านหญิงตื่นบรรทมแล้ว” พวกนางไม่ได้ถามว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่กลับทำจมูกฟุดฟิดราวกับเหม็นอะไรบางอย่างผู้เป็นนายของเรือนรู้ดีว่าพวกนาง