“ลูกสาวพี่โอบกับพี่อินไงคะตอนนี้ได้หกเดือนแล้วกำลังจ้ำม่ำเลยนะคะ”
“อะไรนะ” สิ้นเสียงอ่อนของน้องสาวน้ำตาเจ้ากรรมในดวงตาคมก็รื้นออกมากะทันหัน
เย็นของวัน
หลังจากที่เจ้าเอยคุยกับอิทธิกรถึงความจริงที่ผ่านมาไม่นานนักอินทิราก็หอบลูกน้อยมาหาอิทธิกรที่โรงพยาบาล
ชายหนุ่มเห็นหน้าอินทิรากับลูกได้ก็โผเข้ากอดด้วยความรู้สึกผิด
“ผมขอโทษ..” คำพูดของโทษของอิทธิกรกรออกมาจากปากของเขาไม่รู้กี่สิบครั้งตอนนี้เขานั่งอุ้มเจ้าก้อนกลมอยู่บนเตียงยิ่งมองตาแป๋วของลูกสาวตนที่ยังไร้เดียงสาความรู้สึกผิดก็จุกอกระบายออกเป็นน้ำตาลูกผู้ชายครั้งแล้วครั้งเล่า
“ไม่ต้องขอโทษอะไรเราแล้วค่ะอินเข้าใจ...ต้องขอบคุณเอยนะคะที่ยอมพูดความจริงไม่อย่างนั้นอินกับลูกก็จะไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว” อินทิราจับมือหนาของอิทธิกรเอาไว้หลวมๆที่เห็นเขาร้องห่มร้องให้อยู่พักใหญ่ไม่ยอมหยุด
สามวันต่อมา
เพนท์เฮ้าส์
เหนือเมฆพาน่านน้ำที่พึ่งออกจากโรงพยาบาลมาพักที่เพนท์เฮ้าส์เขาจ้างพยาบาลส่วนตัวมาดูแลน้องชายของเขาสองคนและหวังว่าพยาบาลทั้งสองจะปราบพยศน้องชายของเขาให้ทานข้าวทานยาให้ตรงเวลาได้
“ทีนี้อยากจะซ่าไปแข่งรถอีกหรือเปล่า” เหนือเมฆยืนกอดอกมองน้องชายของเขาที่นอนแผ่หลายมีเฝือกอยู่ที่ขาสองข้างด้วยสีหน้าระอาเขาไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายของเขาถึงได้ชอบนักไอ้พวกกีฬาที่มันท้าทายความตาย
“ไม่ได้มีใครอยากให้เกิดอุบัติเหตุนี่ครับพี่...แล้วเรื่องคดีว่าไงครับ” น่านน้ำว่าจะถามเรื่องนี้กับพี่ชายของเขาอยูพอดีว่าอิทธิกรได้รับผิดอะไรบ้างที่ทำเขาเจ็บปางตายแบบนี้
“ฉันไม่ได้เอาเรื่อง”
“ได้ไง...ผมเกือบตายนะครับ” ใบหน้าคมมองคนเป็นพี่ด้วยความไม่พอใจเขารู้ว่าพี่ชายของเขาก็ไม่ค่อยชอบหน้าอิทธิกรแต่ทำไมไม่ยักจะเอาผิดคนผิด
“มันก็เกือบตายเหมือนกันนั่นแหละ” ว่าจบก็เดินหันหลังกลับเพราะไม่อยากให้น้องชายตนถามหาเหตุผลอะไรต่อ
“โถ่..” น่านน้ำหน้านิ่วคิ้วขมวดเจ็บใจที่คนทำเขาเจ็บไม่ได้รับผิดตอนนี้เขาขุ่นเคืองอิทธิกรอยู่ไม่น้อยที่ทำให้เขาต้องมานอนเป็นผักไม่ได้ใช้ชีวิตสนุกเหมือนอย่างเคยแม้นจะรู้ว่าอีกฝ่ายเจ็บหนักกว่าและทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ
หลายวันต่อมา
ตอนนี้อิทธิกรได้ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้านหลายวันแล้วโดยมีอินทิราเป็นคนคอยดูแลส่วนเจ้าเอยก็เริ่มเปิดเรียนแล้วคนที่หัวหมุนที่สุดในบ้านตอนนี้เห็นจะเป็นอินทิราเพราะไหนจะต้องคอยดูแลอิทธิกรและไหนจะลูกเล็กอีก
“นอนนะคะเด็กดี” อินทิรากล่อมลูกน้อยที่ตื่นมากลางดึกให้หลับลงในอ้อมอก
“ผมขอโทษที่ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย” อิทธิกรเองตื่นตามคนเป็นภรรยาเขาอบากแบ่งเบาภาระของเธอบ้างแต่ก็ยังเดินเหินหรือทำอะไรไม่ถนัดเท่าไร
“ไม่เป็นไรเลยค่ะ...อินสุขใจมากกว่าค่ะคุณไม่ต้องกังวลว่าอินจะเหนื่อยนะคะ” สาวเจ้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มอ่อน
“....” อิทธิกรสวมกอดร่างบางจากด้านหลังเขาจะพยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรงไวๆหลังจากนี้เขาปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่ยอมทำอาชีพเสี่ยงตายอีกแวหากหายดีเมื่อไรเขาจะหาการหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งแม้นมันอาจจะได้เงินน้อยกว่าการแข่งรถแต่เขาก็ไม่ต้องไปเสี่ยงชีวิตในสนามแข่งที่ไม่รู้เลยว่าหลังจบการแจ่งจะได้มีชีวิตมาเจอครอบครัวอีกหรือเปล่า
วันต่อมา
มหาวิทยาลัยXXX
หลังเลิกเรียนช่วงเช้าตอนนี้ข่าวงานแต่งงานของเหนือเมฆและพีรยาว่อนเน็ตจนเกวรินทร์และทรายแก้วสุมหัวกันดูเป็นการใหญ่
“นี่เค้าจะแต่งงานจริงๆหรอก...หรือว่าท้องก่อนแต่ง” ทรายแก้วไม่อยากจะเชื่อข่าวเท่าไรเพราะเธอก็พอจะรู้จักผู้ชายกลุ่มของเหนือเมฆดีเพราะเป็นพวกเดียวกับแทนไทเหล่าคุณชายไฮโซที่มีข่าวออกมาบ่อยๆหญิงสาวไม่คิดว่าเหนือเมฆจะแต่งงานกับใครง่ายๆเพราะเห็นเดี๋ยวควงคนโน้นทีคนนี้ทีมีพักหลังไม่กี่เดือนเริ่มซาลงบ้าง
“ไหน..แกว่าผู้หญิงท้องจริงหรอก..” เกวรินทร์มองหน้าทรายแก้วก่อนจะเอ่ยถามอย่างอยากรู้
“ใครหรอก” เจ้าเอยที่เห็นเพื่อนทั้งสองที่นั่งตรงข้ามคุยกันอย่างออกรสจนเธอเริ่มอยากรู้เสียแล้วว่าทั้งสองกำลังพูดถึงใครอยู่
“ก็พี่ชายคุณน่านน้ำกับคุณพลอยคู่หมั้นเค้าไง”
“หืม..” สิ้นเสียงทรายแก้วเจ้าเอยก็ตัวชาวาบหูอื้อเหมือนตกอยู่ในภวังค์ที่มีแต่ความเจ็บปวดเธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอเมื่อรู้ว่าคนที่เธอแอบหลงรักเขากำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นแล้วเขามีคู่หมั้นตั้งแต่เมื่อไรทำไมเธอไม่ยักจะเคยได้รู้
เย็นของวัน
เจ้าเอยมาถึงบ้านได้เธอก็บอกกับทุกคนว่าเธอปวดหัวขอนอนพักและไม่ทานข้าวเย็นก่อนจะดุ่มๆเข้ามาในห้องด้วยท่าทีและสีหน้าที่ห่อเหี่ยว
"ฮือๆๆๆ.." เมื่อเข้าห้องมาได้ร่างบางก็กอดหมอนปล่อยโฮสะอึกสะอื้น
ข่าวของชายหนุ่มยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้ว่าเธอมันเป็นแค่ของเล่นของเขาจริงๆไม่มีทางเป็นได้มากกว่านั้น
RrrrRrrrr
"......" ระหว่างที่ร้องให้ได้พักใหญ่ก็มีสายจากเหนือเมฆเข้ามาเธอตัดสินใจกดปิดมือถือเพื่อหนีความจริงในตอนนี้
หลายวันต่อมา
เจ้าเอยพยายามตัดขาดการติดต่อจากเหนือเมฆเพราะเธอไม่อยากปวดหัวใจกับการที่ต้องมานั่งคิดเรื่องของเขา
"เอยไปเรียนแล้วนะคะ" เจ้าเอยแต่งตัวไปเรียนตั้งแต่เช้าเพราะการที่ได้เจอเพื่อนๆทำให้เธอลืมเรื่องทุกข์ใจไปไม่น้อย
"ทานข้าวก่อนสิเอย" อินทิราที่กำลังวางถ้วยข้าวต้มหมูบนโต๊ะอาหารเธอเห็นว่าเจ้าเอยกำลังรีบร้อนจะออกจากบ้านจึงเรียกไว้เสียก่อนเพราะเห็นว่าช่วงนี้เจ้าเอยไม่ค่อยทานอาหารเช้า
"เอยไม่หิวค่ะพี่อินเอยไปนะคะ.." เจ้าเอยหันมายิ้มอ่อนให้คนเป็นพี่สะใภ้และรีบเดินออกไปทันที
อินทิรารู้สึกว่าเจ้าเอยสีหน้าดูเศร้ามาหลายวันยังไงหลังจากนี้เธอต้องหาโอกาสคุยกับเจ้าเอยให้ได้ว่าเธอมีปัญหาอะไรกันแน่
บริษัทxxx
"พึ่งจะประชุมเสร็จจะรีบไปไหนของเค้า" พชรที่เดินตามเจ้านายหนุ่มของตนออกจากห้องประชุมได้เขาก็ต้องหยุดยืนดูเจ้านายของเขาเดินดุ่มๆกดลิฟท์ลงไปชั้นลานจอดรถ
ไม่รู้ว่าเจ้านายของเขามีปัญหาอะไรเพราะดูท่าสองสามวันมานี้จะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไรแถมวันนี้ยังเร่งการประชุมให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเสร็จแล้วจะไปไหนก็ไม่พูดไม่จาครั้นเขาจะถามก็ไม่ทันเสียแล้ว
15.00 น.
"แล้วจะได้เห็นดีกัน" เหนือเมฆขับรถหรูเข้ามาในมหาวิทยาลัยของเจ้าเอยด้วยอารมณ์ครุกรุ่นก่อนจะมาจอดที่หน้าคณะของหญิงสาว
"เอย...อย่าลืมบอกพี่อินล่ะว่าพวกเราจะไปหา" สามสาวเดินลงมาจากตึกในช่วงบ่ายหลังเรียนวิชาสุดท้ายเสร็จก่อนจะแยกกันกลับทรายแก้วก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือนเจ้าเอยให้เกริ่นกับอินทิราเอาไว้ว่าพรุ่งนี้เธอและเกวรินทร์จะไปหาหลานตัวน้อยที่บ้าน
"ย้ำรอบที่สิบแล้ว..เดี๋ยวฉันบอกให้ไม่ต้องห่วงหรอก" เจ้าเอยยิ้มอ่อนที่เพื่อนเธอย้ำเป็นรอบที่สิบเห็นจะได้
"ไปกับฉัน" เหนือเมฆลงจากรถเดินดุ่มๆมากระชากแขนเจ้าโอยโดยที่ไม่สนสายตาของนักศึกษาหลายคนที่กำลังเดินลงมาจากตึก
"ปล่อยค่ะ" เจ้าเอยหน้าเสียไม่น้อยไม่คิดว่าเหนือเมฆจะมาหาเธอถึงที่นี่
"เดี๋ยวค่ะคุณจะพาเพื่อนฉันไปไหนคะ" ทรายแก้วกับเกวรินทร์ขวางหน้าเหนือเมฆเอาไว้ไม่ยอมให้เขาลากเพื่อนเธอไปง่ายๆทั้งยังแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมเหนือเมฆต้องมาฉุดกระชากลากเพื่อนเธอแบบนี้ด้วย
"ถ้าไม่อยากอายคนอื่นก็ไปกับฉัน" ใบหน้าคมหันมามองร่างบางที่ยืนหน้าซีดอยู่ข้างตัวก่อนจะเอ่ยกับเธอเสียงแข็ง"เดี๋ยวค่อยคุยกันนะ" เจ้าเอยคิดว่าหากเธออยู่ตรงนี้นานคงไม่ดีแน่จึงเอ่ยกับเพื่อนทั้งสองให้หยุดการกระทำและเดินตามเหนือเมฆไปที่รถแต่โดยดีทิ้งให้สองสาวยืนมองหน้ากันอย่างตกใจที่ดูท่าเหนือเมฆกับเพื่อนของพวกเธอดูจะสนิทกันมากกว่าคนรู้จักกันธรรมดา"นี่เอยไปสนิทกับคุณเหนือตั้งแต่เมื่อไร""นั่นสิ"ทางด้านเหนือเมฆเมื่อพาร่างบางขึ้นรถด้วยกันมาได้เขาก็เหยียบคันเร่งไม่ผ่อนด้วยความโมโหตรงดิ่งไปที่บ้านอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะคุยกับเจ้าเอยให้รู้เรื่องว่าที่จู่ๆเธอดันมาหลบหน้าเขาเป็นเพราะอะไร"พี่เธอหายดีแล้วคิดจะชิ่งหนีฉันหรือไง" เหนือเมฆจอดรถได้ก็ตวาดใส่หญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆสะดุ้งเฮือกแต่เธอก็ยังไม่ยอมปริปากพูดจาอะไร"จะเงียบอีกนานไหม" ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเอาแต่เงียบเขาก็ยิ่งโมโห"ถ้าคุณเหนือจะแต่งงานก็เลิกยุ่งกับเอยเถอะค่ะ" เจ้าเอยยอมปริปากพูดเสียงอ่อนเพราะเธอไม่อยากให้เขามายุ่งอะไรกับเธออีกแม้นก่อนหน้าจะรับปากยอมเป็นของเล่นเขาเองก็เถอะหากเขาและเธอยังไม่เลิกเจอกันก็รั้นแต่จะทำให้ใจของเธอเจ็บปวดไม
"เอย..." อิทธิกรกำมือแน่นเดินหนีเข้าไปในห้องด้วยอาการที่ทั้งน้องสาวและภรรยาก็ดูไม่ออกว่าเขาอยู่ในอารมณ์ไหน"โอบคะ" อินทิราหน้าเสียเพราะเหตุการณ์ตอนนี้เริ่มตรึงเครียดเธอเลือกที่จะปลอบเจ้าเอยก่อนที่จะเข้าไปหาอิทธิกรเพราะรู้ว่าเจ้าเอยต้องการกำลังใจมากที่สุด"เอยขอโทษเอยไม่มีทางเลือก..ฮือๆๆ" เสียงสะอื้นพร่ำขอโทษที่ทำให้ทุกคนผิดหวังแต่ตอนนั้นเธอต้องรักษาชีวิตของพี่ชายเธอเอาไว้"เอย" อินทิราสงสารเจ้าเอยจับใจที่ผู้หญิงตัวเล็กๆอายุแค่นี้จะต้องมาแบกรับอะไรที่มันหนักหนาสาหัสครู่ต่อมาหลังจากที่อินทิราปลอบใจเจ้าเอยพักใหญ่และให้เธอเข้าห้องไปพักผ่อนแล้วจึงเข้ามาหาคนเป็นสามี"คุณอย่าโกรธน้องเลยนะคะ""ผมไม่ได้โกรธเอยแต่ผมโกรธตัวเอง..โกรธที่ทำให้เอยต้องเสียศักดิ์ศรีให้คนแบบนั้น" ตอนนี้เขาไม่ได้โกรธเจ้าเอยเลยสักนิดแต่เจ็บใจมากกว่าที่เปฌนต้นเหตุทำให้น้องสาวต้องมาเจอเรื่องที่น่าเจ็บปวดเช่นนี้22.00 น."....." เจ้าเอยยังคงยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเธอข่มตานอนไม่ลงเพราะมีเรื่องกังวลใจอยู่พอสมควร"เอย""พี่โอบ.." "พี่ขอโทษเอย...ต่อไปนี้พี่จะไม่ยอมให้คนแบบนั้นมายุ่งกับเอยอีก" อิทธิกรตัดสินใจเข้ามาหาเจ
“ฉันเหนื่อยจะโวยวาย” มือหนายกกุมขมับหนึบสีหน้าของเขาตอนนี้ไม่สู้ดีนักคิดย้อนกลับไปว่าหากเขารู้แต่แรกว่าคนผิดตัวจริงเป็นใครเขาคงไม่ต้องไปยุ่งกับเจ้าเอยแถมตอนนี้เหมือนใจของเขาเองจะถลำลึกไปกับเธอแล้วด้วย..ความรู้สึกแบบนี้เขาไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยจริงๆแม้ก่อนหน้าจะคิดว่าตัวเองชอบอินทิรามากแต่ก็ไม่มีความรู้สึกอยากได้อยากครอบครองเท่าเจ้าเอยเลยสักนิดตอนนี้ในใจลึกๆยังแอบคิดว่าหรือเขาจะรักเธอเข้าให้แล้วถึงได้วุ่นวายใจที่เธอต้องการจะไปจากเขาแบบนี้“คิดอะไรของนาย..มีอะไรคุยกับฉันได้ฉันเพื่อนนายนะ” แทนไทดูออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีอะไรที่กำลังกังวลใจอยู่ไม่น้อยเขาจึงอยากทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีหากเพื่อนเขาได้ระบายออกมาบ้างว่าปัญหาในใจคืออะไรเผื่อเขาจะชี้แนะทางออกให้ได้หากไม่ได้แค่รับฟังให้เพื่อนของเขาสบายใจขึ้นก็ยังดี“คือ..ฉันกับเจ้าเอย..” เหนือเมฆตัดสินใจเล่าเรื่องราวของเขากับเจ้าเอยให้แทนไทได้ฟังเขายอมรับว่าคราแรกเขาทำไปเพราะอยากเอาชนะอิทธิกรให้เจ็บปวดแต่ตอนนี้เรื่องราวกลับย้อนกลัมาทำให้เขาเจ็บปวดเสียเองเพราะรู้ว่าเจ้าเอยต้องการจะตีตัวออกห่าง“นี่แกรักคนเป็นแล้วหรอกวะ” แทนไทยืนอึ้
“ผมว่าคุณแม่คงไม่อยากได้คนที่ได้ชื่อว่าฆาตกรมาเป็นลูกสะใภ้จริงหรือเปล่าครับ...แต่ผมขอบอกเลยว่าผมรับไม่ได้”“ที่หนูพลอยต้องตัดสินใจทำแบบนั้นไม่ใช่เพราะเราหรือยังไง” วารุณีคิดว่าส่วนหนึ่งที่ทำให้พีรยาตัดสินใจกระทำการแบบนี้คงไม่พ้นต้นเหตุเกิดจากความเจ้าชู้ของลูกชายเธอเป็นแน่จึงแอบสงสารพีรยาอยู่บ้างแต่จะให้เธอเป็นสะใภ้เข้ามาในบ้านอันนี้เธอคงไม่ยอมแล้ว“ผมไม่เถียงนะครับว่าเธออาจจะโกรธเกลียดวิเวียนเพราะผมแต่เธอก็ไม่ควรจะฆ่าใครเป็นผักเป็นปลาใจคอเธอมันโหดเหี้ยมเกินผู้หญิงแล้วครับคุณแม่” เหนือเมฆรู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นความผิดของเขาคราแรกเขาคิดว่าพีรยาจะเลิกยุ่งกับเขาเพราะเห็นว่าอย่างไรเขาก็ไม่สนใจแต่ไม่คิดว่าหญิงสาวจะใจคอโหดเหี้ยมจนสั่งฆ่าเพื่อนสนิทตัวเองได้“แม่จะคุยกับทางนั้นเพื่อยกเลิกงานแต่งแต่แม่ก็ต้องรีบหาผู้หญิงคนใหม่ให้เราอยู่ดี” วารุณีเอ่ยออกมาตามที่เธอตั้งใจแม้นเธอจะเสียสะใภ้คนนี้ไปแต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะหาผู้หญิงให้ลูกชายเธอไม่ได้“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณแม่ถึงอยากเร่งเร้าให้ผมแต่งงานนักหนา” เหนือเมฆเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าอ่อนใจ“แม่ก็แค่อยากอุ้มหลานอยากเห็นเราเป็นฝั่งเป็นฝาเสียทีไงตาเหนือ”
16.00 น.วัดxx"เจอกันอีกแล้วนะครับ" ปกรณ์เข้ามาที่วัดในช่วงวันหยุดเมื่อออกจากไหว้พระในโบสถ์ได้เขาก็เห็นหญิงสาวคนที่อยากเจอนั่งเล่นอยู่ที่ศาลาริมสระน้ำจึงรีบเดินปรี่เข้ามาคุยกับเธอ"คุณกร" สาวเจ้ายิ้มร่าเมื่อวันนี้บังเอิญได้มาเจอกับปกรณ์อีกครั้งหลังจากที่นั่งคุยกันได้พักใหญ่ปกรณ์ก็ถือโอกาสชวนสาวน้อยไปทานข้าวเพราะเขาอยากหาโอกาสนี้ชวนเธอมานานแล้วร้านอาหาร"เอยได้ยินข่าวมาบ้างคุณกรคงเครียดมากเลยสินะคะ" เจ้าเอยได้ยินข่าวของพีรยามาบ้างจึงเอ่ยถามปกรณ์ด้วยความเห็นอกเห็นใจเพราะรู้ดีว่าหากเกิดปัญหาขึ้นจากคนในครอบครัวคงทำให้ปกรณ์เครียดไม่น้อย"ครับแต่ตอนนี้โอเคขึ้นมากแล้ว" ปกรณ์ยิ้มอ่อนเอ็นดูหญิงสาวไม่น้อยที่เธอมีกะใจที่ห่วงคนนอกอย่างเขา"ดีแล้วล่ะค่ะ" สองหนุ่มสาวในร้านอาหารที่คุยกันหัวร่อต่อกระซิกอยู่ในสายตาของเหนือเมฆทั้งหมดนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะเขาตามเธอมาตั้งแต่อยู่ที่วัดแล้วเอี๊ยดดไม่นานนักทั้งสองก็ทานอาหารกันเรียบร้อยปกรณ์ที่กำลังจะเคลื่อนรถออกจากลานจอดก็มีรถหรูคันหนึ่งขับมาตัดหน้าจนเขาต้องเบรกกะทันหัน“ว้ายย..” สาวเจ้าร้องตกใจและหน้าเสียเล็กน้อย"ไม่ค่ะ..." เจ้าเอยส่ายหั
"อืม.." สาวเจ้าแอบมีเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาบ้าแต่เมื่อมีสติเธอจึงรีบดิ้นหนีด้วยแรงที่มีให้มากที่สุดจนหลุดจากพันธนาการได้เพี๊ยะ มือเรียวยกฟาดใบหน้าคมจนเกิดรอยแดงทันทีที่สิ้นเสียงกระทบ"ดื้อกับฉันนักใช่ไหม""ปล่อยย..อื้ออ" เหนือเมฆอุ้มร่างบางมานอนกอดก่ายขึงเอาไว้แน่นบนเตียงนุ่มสองมือหนาประสานมือเรียวขึงเอาไว้แน่นไม่ให้เธอปัดป่ายไปไหนได้ริมฝีปากหนาซุกไซร้ลำคอระหงส์ดูดึงจนเป็นรอยแดงแสดงความเป็นเจ้าของไล่มาที่ริมฝีปากบางเขาบดจูบเร่าร้อนกว่าคราแรกส่งลิ้นร้ายตวัดฉกชิมริมฝีปากบางก่อนจะตวัดลิ้นของคนพยศมาดูดดึงเล่นในปากทำเอาร่างบางอ่อนระทวยดั่งขี้ผึ้งรนไฟเมื่อสัมผัสวาบหวามค่อยๆทวีคูณขึ้นเรื่อยๆแม้นสมองจะสั่งให้ลืมและต่อต้านเขาอย่างไรแต่ร่างกายและใจเจ้ากรรมกลับเผลอไผลไปกับคนเอาแต่ใจอย่างง่ายดายตามคนที่ลวงล่อด้วยรสสัมผัสที่คุ้นเคย"อืม..." เหนือเมฆที่เห็นสาวเจ้ายอมเขาแต่โดยดีแล้วมือหนาก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของหญิงสาวออกและค่อยๆปลดบราเกาะอกครึ่งตัวสีเนื้อออกจนสองเต้างามเผยและรีบกอบกุมด้วยสองมือหนาบีบเค้นขยำเล่นด้วยความคิดถึงในขณะที่ริมฝีปากหนายังบดจูบอย่างเร่าร้อนอยู่ไม่คลายร่างบางแ
"ฉันจะรับผิดชอบเอยทุกอย่างนายไม่ต้องห่วง"เหนือเมฆไม่คิดจะโต้ตอบอิทธิกรเพราะรู้ว่าตัวเองผิดเขายกมือหนาปาดเลือดที่ริมฝีปากและรีบขอรับผิดชอบเจ้าเอยกับอิทธิกรอย่างลูกผู้ชาย"ฉันสัญญาว่าจะดูแลเจ้าเอยอย่างดีและจะไม่มีเรื่องผู้หญิงอีกแน่นอนแล้วฉันจะพาคุณแม่มาสู่ขอให้เร็วที่สุดนายไม่ต้องห่วง" ว่าจบก็เดินหันหลังกลับไปที่รถ"......" อิทธิกรยืนกำมือแน่นน้ำตาคลอตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกซึ่งเรื่องนี้อิทธิกรก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะยังไงเหนือเมฆก็ต้องรับผิดชอบเจ้าเอยในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาจนน้องของเขาตั้งท้องแล้ววันต่อมา"ทำไมทำแบบนี้นะเอย" อิทธิกรกำจดหมายของเจ้าเอยเอาไว้แน่นเมื่อรู้ว่าน้องสาวขอหนีปัญหาไปทำใจไม่เข้าใจว่าเจ้าเอยไม่รู้หรืออย่างไรว่าทำแบบนี้แล้วเขาจะเป็นห่วงแค่ไหน"อย่าพึ่งเครียดไปเลยค่ะโอบเอยบอกเองนี่คะว่าสบายใจแล้วจะกลับมาให้เวลาเอยหน่อยนะคะ"อินทิราเชื่อว่าเจ้าเอยคงจะไม่ทำอะไรที่ทำร้ายตัวเองแน่นอนหากสบายใจขึ้นคงจะกลับมาเอง"เฮ้อ" มือหนายกกุมขมับหนึบตั้งแต่เมื่อคืนเขาก็นอนไม่ค่อยหลับเพราะเป็นห่วงความรู้สึกเจ้าเอยก่อนหน้าเขาคิดว่าจะไม่มีเรื่องอะไรแล้วแท้ๆ11.00
ห้างสรรพสินค้า"แกว่าเอยอยู่ที่ไหน" ทรายแก้วเดินเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้ากับเกวรินทร์ในช่วงหลังเลิกเรียนสองสาวในชุดนักศึกษาตอนนี้กังวลกับเรื่องราวของเจ้าเอยอยู่ไม่น้อยไม่รู้ว่าสภาพจิตใจของเจ้าเอยตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง"เอยคงอยู่ในที่ปลอดภัยนั่นแหละแกก็รู้นี่ว่าเอยคงไม่ทำอะไรที่มันทำร้ายตัวเองหรอกสบายใจแล้วน่าจะกลับมา" เกวรินทร์แม้นจะห่วงความรู้สึกของเจ้าเอยอยู่มากแต่เธอก็ยังเชื่อลึกๆว่าคนอย่างเจ้าเอยคงไม่ทำเรื่องอะไรที่เป็นภัยแก่ตัวเองตอนนี้คงอยากพักใจพักสมองอยู่คนเดียวเท่านั้น"ไปกับพวกผม" ระหว่างที่สองสาวเดินคุยกันอยู่พรางๆจู่ๆก็มีฝรั่งตัวโตใส่ชุดดำสองคนเดินมาประกบพวกเธอก่อนจะเอ่ยสั่งเป็นภาษาไทยเสียงดังฟังชัดจนทรายแก้วตกใจยืนนิ่งอึ้งทำตัวไม่ถูกเพราะไม่รู้จักมาก่อนว่าทั้งสองเป็นใครหรือพวกเขาอาจจะจำคนผิดก็เป็นได้ในส่วนของเกวรินทร์นั้นเธอจำได้ดีว่าสองคนนี้เป็นใครทั้งตกใจไม่น้อยไม่คิดว่าพวกเขาจะตามเธอมาถึงที่นี่ได้"อะไรกันคะพวกเราไม่รู้จักพวกคุณน่าจะจำคนผิดแล้วล่ะค่ะ" ทรายแก้วเอ่ยตอบคนทั้งสองด้วยรอยยิ้มอ่อนเป็นมารยาท"ตำรวจคะ" เกวรินทร์ชี้ไม้ชี้มือก่อนจะตะโกนว่ามีตำรวจเมื่อชายทั้งสอง