"หงหลินซิน" ท่านหญิงอับโชคแห่งหยุนหนาน ที่ต้องเดินทางมาทำพิธีล้างความโชคร้าย โดยคำสั่งของฝ่าบาทที่ส่งเขา.... "จินอวี้หาน" ราชครูหนุ่มซึ่งควบตำแหน่ง "ที่ปรึกษา"ส่วนพระองค์ของฝ่าบาท ราชครูผู้เย็นชา ดุดันและเข้มงวดในกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เมื่อทั้งคู่มาพบกัน ต่างฝ่ายก็ไม่ชอบหน้ากันเท่าใดนัก จินอวี้หาน : "ก็แค่สตรีน่าคาญเพียงคนเดียวทำให้ข้าต้องมาทำหน้าที่ไร้สาระนี่ถึงสามเดือน เสียเวลายิ่งนัก" หงหลินซิน : “มาถึงก็สั่งโน่นสั่งนี่ทำนั่นทำนี่ไม่ถามความเห็นข้าสักคำ เป็นคนที่มีนิสัยขัดกับหน้าตาจริง ๆ” เมื่อความไม่ชอบหน้า แต่เมื่อทั้งสองต้องอยู่ร่วมกันถึงสามเดือน ความสัมพันธ์จึงค่อย ๆ พัฒนาขึ้น(กับผีน่ะสิ) “ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้” “ข้าไม่ได้…” “เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอินกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้า จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”
View Moreห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ
“องค์หญิงห้าปากดีเกินไปแล้ว ข้าน่ะหรือจะเป็นคนขี้ขลาดถึงเพียงนั้น”"จ้าวหนานเซิ่ง" พี่ชายของจ้าวเซี่ยจวินฮองเฮาเดินออกมาพร้อมกับรองแม่ทัพและหน่วยคุ้มกัน เมื่อเห็นว่าทั้งหมดถูกล้อมเอาไว้เขาจึงคิดแผนการใหม่ให้ล่าถอยออกไปเพื่อตั้งทัพใหม่เข้าวังหลวง“ไม่พบกันนาน นึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะทรงตั้งท่านให้ขึ้นมาคุมกองทัพองครักษ์ป้ายทองจริง ๆ”“เฮ้อ.. ท่านเองก็โง่ดักดานอยู่เมืองใต้เสียนาน แม้ว่าจะแจ้งความผิดของน้องสาวท่านไปแล้วก็ยังไม่ยอมรับ ยังหาว่าเสด็จพ่อกลั่นแกล้งนาง ทั้ง ๆ ที่นางจิตใจเหี้ยมโหด หลายปีมานี้ก็สั่งฆ่าคนไปไม่น้อย ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่เคยสำนึกเลยสินะ”“คนที่สมควรตายก็ต้องตาย มีเรื่องอันใดไม่สมเหตุผลกันเล่าองค์หญิง ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ท่านรู้กฎข้อนี้ดีนี่”“เพราะข้ารู้ถึงได้มาล้อมพวกเจ้าเอาไว้ที่นี่”“ฮ่า ๆ ๆ ดูท่าว่าจะเสียแรงเปล่าแล้วล่ะองค์หญิง แม้ว่าจะหยุดยั้งกองทัพของข้าได้ แต่จะหยุดกองทัพที่เหลือของสกุลจ้าวที่มุ่งหน้าเข้าวังหลวงได้เช่นไรกัน”“ท่านหมายถึงกองทัพที่กลับออกไปทางอารามหย่งอันงั้นหรือ เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่าแผนการของท่านไม่สำเร็จเสียแล้ว”“เจ้า!!… ราชครูจิน จินอว
หงหลินซินนั่งนิ่งเมื่อหันไปมองสายตาที่ตื่นกลัวแต่ยังกล้าข่มขู่นางอยู่ด้านใน “เจ้าแน่ใจหรือคุณหนูหลี่ว่าจะฆ่าข้าได้”“พรึด!”“โอ๊ย!!”มีดคมกริบพาดไปที่แขนของหลินซินจนเป็นรอย เลือดค่อย ๆ เริ่มไหลออกมาทีละนิด หลี่ชิงเหมยราวกับคนเสียสติเมื่อหันมามองนาง“ทีนี้เจ้ายังกล้าถามอยู่หรือไม่ว่าข้ากล้าแทงเจ้าหรือเปล่า”“เหตุใดเจ้าต้องกลัวลนลานเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเราจะชนะ… ครั้งนี้เป็นแผนการของเจ้ากับองค์ชายสามสินะ”“เจ้าหุบปากนะ!!”“หึ ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูกเสียด้วยสินะ เจ้าร่วมกับองค์ชายสามแสดงละครตบตาคน แสร้งว่าโดนจับไปกองทัพของศัตรูหลอกให้จินอวี้หานพาตัวข้ามาแลกเปลี่ยน พอได้โอกาสก็จะสังหารแต่จินอวี้หานกลับเลือกที่จะปกป้องข้าและทำร้ายเจ้า แผนการของเจ้าจึงไม่สำเร็จดังนั้นจึงได้แค้นข้ามาก”“เจ้าหุบปากไปนะ!! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงให้เขาปกป้อง เขาเลือกข้าและพาเจ้ามามอบให้กับศัตรูเจ้ายังโง่เชื่อเขาอยู่งั้นหรือ นี่เจ้ามันโง่จริง ๆ ใช่หรือไม่”“เฮ้อ… หลี่ชิงเหมย คนที่โง่่คือเจ้าต่างหาก”“ฮ่า ๆ ๆ เจ้ามันโง่จริง ๆ หงหลินซิน โง่จนไม่รู้อะไรเลย”“ข้าน่ะหรือ ต่อให้ข้าโง่ก็ยังมีคนที่พร้อมจะปกป้องข้า จิน
“ที่ท่านบอกว่าจะติดตามโดยที่มิให้พวกเขาจับได้ คือแบบนี้น่ะหรือ ท่านแน่ใจแล้วหรือ”“แม้แต่ท่านยังมองไม่ออก เจ้าพวกโง่พวกนั้นก็อย่าหวังจับข้าได้เลย อีกอย่างเจ้าน่ะหลีกไป”“คุณชาย ท่าน…”“เนี่ยถงเจ้าอยู่ที่นี่ข้าจะไปกับต้าจื่อ หากมีเจ้าไปด้วยพวกเขาจะสงสัยและเปรียบเทียบได้”“คุณหนูแต่ว่า…”“เชื่อนางเถอะ ต้าจื่อนี่พลุสัญญาณ”“ขอรับอาจารย์ ว่าแต่คนของสำนักเทียนหลางเตรียมพร้อมแล้วหรือขอรับ”“พวกเขาจะรออยู่ด้านนอกเมืองเพื่อมิให้เป็นที่สนใจ ไม่ต้องห่วงเมื่อถึงเวลาแค่เจ้าจุดพลุสัญญาณนี้ก็ใช้ได้แล้ว”“ทราบแล้วขอรับ เสี่ยวซินไปกันเถอะ”จินอวี้หานพยุงหลินซินขึ้นบนรถม้า นางถือผ้าคลุมหน้าลายดอกเหมยที่เขาซื้อให้ครั้งก่อนมาด้วยและผูกเอาไว้ก่อนที่จะหันมามองหน้าอวี้หาน“ท่านแปลกใจอันใด”“ข้าคิดว่าท่านทิ้งมันไปแล้วเสียอีก ผ้านั่น...”“ท่านตั้งใจซื้อให้ข้า แม้ครั้งหนึ่งมันจะเคยถูกข้าหลวงซานเอามาอุดปากข้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นผ้าผูกหน้าที่ข้าชอบมากที่สุด คนทั่วเมืองหลวงรู้ว่าข้าขี้โรค ดังนั้นเพื่อความสมจริงครั้งนี้ก็คงต้องใช้สักหน่อย”“ข้า…”“ดูท่านทำหน้าเข้าสิ ท่านมิได้ส่งข้าไปตายเสียหน่อย ครั้งนี้หากท่าน
เมืองหลวงแคว้นชิงโจว “นั่นอย่างไรขบวนรถม้าของ “ท่านหญิงหง” ท่านหญิงอับโชคเมืองหยุนหนานที่พึ่งถูกหงชิงอ๋องส่งเข้ามาชำระล้างโชคร้ายที่อารามหย่งอัน"“ตายจริง เห็นว่าคู่หมั้นที่จะหมั้นหมายของนางสองคนจู่ ๆ ก็ตายอย่างไร้เหตุผล คนที่สามเกรงว่าจะอับโชคเลยชิงแต่งงานกับสตรีอื่นสุดท้ายถูกนางจับได้จึงได้พากันหนี”เสียงซุบซิบของเหล่าชาวบ้านยังคงดังแว่วเข้ามาในรถม้าของสตรีสูงศักดิ์ นับตั้งแต่เข้าประตูเมืองหลวงมาก็ไม่พ้นคำนินทาเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง“เฮ้อ อันปากคนไม่ว่าจะอยู่หนใดเรื่องของผู้อื่นย่อมน่าสนใจเสมอเลยสินะ”“คุณหนูท่านไม่โกรธพวกเขาหรือเจ้าคะ ข้าฟังแล้วยังรู้สึกโกรธแทนท่านเลย”“เจ้าจะโกรธไปทำไมกันในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร อีกอย่าง… ในที่สุดข้าก็ได้มาเมืองหลวงจริง ๆ เสียที”“คุณหนู เบาหน่อยเจ้าค่ะท่านอย่าลืมสิเจ้าคะว่าท่านป่วยอยู่”“จริงด้วย ๆ แคก แคก”รถม้าผ่านเข้าเมืองมาแล้วจนถึงด้านหน้า "อารามหย่งอัน" ซึ่งเป็นที่ที่นางต้องมาพักอยู่ประมาณสี่เดือนนับจากนี้“คุณหนู อารามอยู่ข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรีบเอาผ้าผูกหน้ามาให้ข้าเร็ว ๆ เข้า”“เจ้าค่ะ”...
Comments