หากเขามองไม่ผิดเขาเห็นแววตาผิดหวังอยู่เล็กน้อยจากสายตานาง
“ท่านหญิงเดินทางมาไกล เชิญพักผ่อนก่อนเถอะเอาไว้ตอนเย็นข้าน้อยจะให้คนนำอาหารมาส่ง พรุ่งนี้จะแจ้งเรื่องกำหนดการและพิธีทั้งหมดให้ท่านทราบ”
“ขอบคุณท่านราชครู”
นางคำนับให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตำหนัก ราชครูจินเมื่อส่งนางแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองเรือนข้าง ๆ ทันที
“จื่อรุ่ย”
"ขอรับคุณชาย"
“ส่งคนจับตาดูท่านหญิงหงให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด”
“ขอรับคุณชาย ท่านกำลังสงสัยสกุลหงด้วยหรือขอรับแต่ว่าการตายของนายท่าน…”
“ไม่ว่าคนใดในราชวงศ์ข้าจะต้องสืบให้รู้ทั้งหมด หากว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการตายของท่านพ่อกับท่านแม่แล้วละก็ข้าจะต้องรู้ให้หมด จะได้ไม่ต้องแก้แค้นผิดคน”
“ขอรับ”
“เรื่ององค์ชายสี่ที่ไปสืบไปถึงไหนแล้ว”
“องค์ชายสี่แอบลอบคุยกับแม่ทัพซ่างจริงแต่เห็นบอกว่าเป็นการคุยกันธรรมดาเพราะว่าบุตรสาวของแม่ทัพซ่างเป็นชายาของพระองค์”
“สืบต่อไป”
“ขอรับ”
"จินอวี้หาน" บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตที่ปรึกษาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังจากผลัดแผ่นดินบิดาของเขาและมารดาถูกลอบสังหารอย่างมีเงื่อนงำ แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะสั่งให้เร่งสอบสวนแต่กลับไร้วี่แววคนร้ายที่ก่อเหตุ ในตอนนั้นจินอวี้หานอายุได้เพียงสิบขวบและกำลังศึกษาที่สำนักดาบอันดับหนึ่งที่เมืองหวงโจว เขาจึงเป็นทายาทสกุลจินเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต
จากนั้นฮ่องเต้จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์และให้เขาร่ำเรียนในสำนักศึกษาหลวงร่วมกับองค์ชายคนอื่น ๆ จนสอบเป็นขุนนางระดับเอกด้วยคะแนนสูงสุดที่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทำคะแนนสูงกว่าเขาได้
“คุณชาย การมาของท่านหญิงผู้นี้หรือว่าฝ่าบาทจะตั้งใจทำเพื่อให้ท่านเบี่ยงความสนใจ”
“ข้าไม่สนใจคนในราชวงศ์ พวกเขาไม่ต่างกับศัตรูที่ฆ่าพ่อแม่ของข้าอีกอย่างนางเองก็เป็นบุตรีของท่านอ๋องซึ่งเป็นพระอนุชาของฝ่าบาท แม้จะอยู่ไกลแต่อย่างไรก็ยังเป็นคนในราชวงศ์อยู่ดี”
“แต่การตายของนายท่านกับฮูหยินในครั้งนั้นจะเกี่ยวข้องกับฝ่าบาทหรือไม่เรายังไม่ทราบเลยนะขอรับ อีกอย่างจนถึงบัดนี้ฝ่าบาทเองก็มิได้นิ่งนอนพระทัยในการสืบ”
“กับฝ่าบาทข้าไม่มีความคับข้องใจ แต่กับ…”
“ข้าน้อยทราบแล้ว”
“เรื่องที่ทำให้พ่อข้าตายหากไม่เกี่ยวกับฮ่องเต้ก็ต้องเกี่ยวกับสตรีสูงศักดิ์ในวังหลังผู้นั้น คนที่อยู่หลังม่านใหญ่ที่คอยบงการทุกคน แม้แต่ฝ่าบาทช่วงที่ขึ้นครองบัลลังก์แรก ๆ ก็ยังต้องฟังนาง”
“แต่จู่ ๆ ฝ่าบาทก็มอบหมายให้ท่านมาดูแลท่านหญิงอับโชคผู้นี้เพราะเหตุใดกันขอรับ”
“นั่นเพราะว่ามีบางคนเริ่มระแคะระคายว่าข้าจะเริ่มสืบความจากองค์ชายสี่ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของฮองเฮา จึงทูลขอให้ฝ่าบาทส่งข้ามาทำงานน่าเบื่อนี่”
“นั่นสิขอรับเดิมทีหน้าที่นี้ไม่ควรจะต้องถึงมือราชครูอย่างท่านเลยด้วยซ้ำ ดูแลท่านหญิงเพียงคนเดียวแต่กลับใช้ขุนนางใหญ่ในราชสำนักถึงสามคน นี่มันก็ออกจะเกินไปหน่อยจริง ๆ"
“เจ้าไม่รู้หรือว่านางมีความสำคัญอย่างไร”
“จื่อรุ่ย” องครักษ์ข้างกายของจินอวี้หานหันมามองผู้เป็นนายด้วยท่าทีแปลกใจ
“ข้าน้อยโง่เขลา หรือว่าท่านหญิงผู้นี้จะมีความสำคัญมากกว่านั้นหรือขอรับ”
“นางเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาทซึ่งฮองเฮารู้ว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานนางมากเพียงใด เพื่อมิให้ข้าตามสืบเรื่องราวในอดีตจึงได้ทูลฝ่าบาทให้ข้ามาเป็นผู้ดูแลนางจนไม่มีเวลาไปตามสืบเรื่องอื่นอย่างไรเล่า”
“แผนการของพระนางช่างแยบยลยิ่งนัก เช่นนี้การที่ท่านหญิงผู้นี้เดินทางมาที่นี่ในตอนนี้ก็เป็นฝีมือฮองเฮาด้วยหรือขอรับ”
“เรื่องนี้ข้าไม่แน่ใจแต่จู่ ๆ ก็ส่งท่านหญิงต่างเมืองมาให้ข้าดูแลนั่นก็ชัดเจนว่าต้องการยับยั้งบางอย่าง ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงจะไปแตะฝ่าเท้าผู้ใดเข้าเป็นแน่ถึงได้รีบดิ้นรนราวถูกน้ำร้อนลวกเช่นนี้”
“แล้วจะให้ทำเช่นไรกับนางขอรับ”
“ดูไปก่อน ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ยังไม่มีภัยอะไรกับพวกเรา”
“ขอรับ”
สายตานิ่งเรียบดุจกระบี่มองไปยังเรือนดอกเหมยที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นภารกิจที่เขาไม่เต็มใจรับแต่ในเมื่อเป็นพระประสงค์และคำสั่งของฝ่าบาทเขาจึงมิกล้าขัด อย่างน้อยเขาก็ยังมีฝ่าบาทที่คอยหนุนอยู่แม้ว่าฝั่งวังหลังจะพยายามขัดขวางการสืบคดีของเขาอยู่ก็ตาม
“หงหลินซิน ต้องติดอยู่กับเจ้าไปอีกสามเดือนช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อยิ่งนัก คิดว่าขังข้าเอาไว้ที่อารามเช่นนี้แล้วข้าจะทำอะไรไม่ได้งั้นหรือ พวกท่านประเมินข้าต่ำเกินไปแล้ว”
เย็นวันนั้น
จินอวี้หานเดินเข้ามาพบกับท่านหญิงหงด้านในเรือนพัก เขาทราบว่านางพึ่งกินข้าวเย็นเสร็จจึงได้มานั่งรอ ไม่นานนางก็เดินออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่ได้สวมผ้าคลุมหน้าและต้องทำให้เขาตะลึงไปชั่วขณะ เพราะใบหน้าที่ปราศจากสิ่งปกปิดนั้นงดงามกว่าที่เขาเคยคิดเอาไว้มากนัก ทั้งดูไร้เดียงสา น่าหลงใหลและยังดูลึกลับมีความนัยอย่างที่เขาก็มิอาจจะอธิบายได้หมด
“ท่านราชครูจิน”
“ท่านหญิง! ขออภัยข้าน้อยเสียมารยาทแล้ว”
“ท่านคิดอะไรอยู่ถึงได้เหม่อลอยเช่นนั้นข้าเรียกท่านตั้งนานแล้ว”
“เอ่อ ท่านหญิงเหตุใดจึงไม่สวมผ้าคลุมหน้า”
“ผ้านั่นน่ะหรือ ก็เพราะข้าหายใจไม่ออกน่ะสิจะให้ใส่ทุกเวลาตลอดสามเดือนคงไม่ใช่กระมังท่านราชครู อย่างน้อยเวลาเข้าเฝ้าฝ่าบาทอย่างไรเสียก็ต้องถอดอยู่ดี ข้าก็แค่สวมมันตอนที่เข้าเมืองกับ… เอ่อ ช่างเถอะเห็นเนี่ยถงบอกว่าท่านมารอพบข้ามิใช่หรือ”
“นี่คือกำหนดการที่ท่านโหรหลวงส่งมาให้ พิธีเหล่านี้มิได้ทำภายในวันเดียวแต่บางอย่างก็ต้องทำเกือบทุกวันอย่างเช่นการสวดมนต์”
“สวดมนต์ อาบน้ำท่ามกลางแสงจันทรา ทำพิธีปัดรังควานแล้วยังมี… ไหว้ฟ้าดินเพื่อขอขมาทวยเทพ”
“อาจจะยุ่งยากไปหน่อยแต่ต้องทำให้ครบทั้งแผ่นดินเบื้องล่างและสวรรค์เบื้องบน เบื้องหน้าคือบุพการีเบื้องหลังคือบรรพชนผู้ล่วงลับ ดังนั้นจึงต้องทำอย่างเคร่งครัด ไม่ต้องห่วงเพราะข้าจะอยู่กับท่าน”
“ไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นแต่ว่าส่วนใหญ่พิธีพวกนี้ทำไมต้องทำในตอนกลางคืนด้วยเล่า”
“แล้วท่านไม่อยากทำกลางคืนเพราะอะไรกันล่ะ”
“หมดสนุกกันพอดี นี่ท่านราชครูท่านเคยได้ยินหรือไม่ว่าในเมืองหลวงนี้มีสถานที่หนึ่งซึ่งข้าอยากไปมาก ๆ และมันก็น่าจะเปิดในเวลากลางคืน”
“ท่านหมายถึงที่ใดกัน”
หงหลินซินยิ้มให้เขาอีกครั้ง รอยยิ้มของนางทำเอาหัวใจของราชครูหนุ่มกระตุกเล็กน้อย เขาที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับอิสตรีมาก่อนแทบจะตั้งสติไม่อยู่แม้ว่าสตรีในเมืองหลวงที่งดงามจะมีมากและเขาเองก็เป็นที่หมายปองจากพวกนางหลาย ๆ คนแต่ยังไม่เคยรู้สึกใจเต้นกับผู้หญิงคนใดมาก่อนเลย
“ท่านเป็นชายอาจจะไม่สนใจสถานที่แบบนี้แต่ข้าน่ะ อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศเช่นนั้นสักครั้ง”
“ท่านหญิง นี่ท่านคงจะมิได้หมายถึง… หอคณิกาชายที่เขตท้ายเมืองนั่นหรอกนะ"
“ท่านก็รู้จักหรอกหรือ คิดว่าท่านเป็นถึงราชครูคงจะฝักใฝ่แต่เรื่องการเรียนและเคร่งเรื่องธรรมเนียมตามแบบชาววังเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะรู้จัก เช่นนั้นท่าน…”“เหตุใดท่านหญิงจึงได้สนใจสถานที่เช่นนั้น ที่นั่นไม่เหมาะกับสตรีสูงศักดิ์เช่นท่าน”“ข้าก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้เข้ามาถึงเมืองหลวง อีกอย่างก็ไม่ต้องวุ่นวายอยู่ในวังข้าเองก็แค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เท่านั้นเอง”“ข้าคิดว่าท่านหญิงควรเอาเวลาที่คิดจะทำเรื่องเหล่านั้นมาตั้งใจประกอบพิธีที่ทางท่านโหรจัดทำมาให้จะดีกว่า ข้าน้อยจะได้ไปทูลฝ่าบาทได้เรื่องความคืบหน้าเรื่องพิธีล้างความอับโชคของท่าน”“แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามให้ข้าออกไปข้างนอกนี่จริงหรือไม่”“เอ่อ เรื่องนั้น…”“เอาเถอะ ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ว่าจะไปวันนี้และไม่อยากทำให้ท่านราชครูต้องลำบากใจนักหรอกเอาเป็นว่าข้ายินดีที่จะตามพิธีการที่ท่านว่ามาทุกอย่างแต่ท่านก็ช่วยข้าสักหน่อย หากว่าข้าอยากจะไปที่ใดท่านก็แค่…”“หากมิใช่สถานที่ที่ไม่สมควร ข้าน้อยย่อมช่วยเหลือได้อยู่แล้วหากว่าท่านหญิงไม่มีเรื่องใดจะสอบถามเช่นนั้นคืนนี้ก็พักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องสวดมนต์ตอนเช้าครึ่งชั่วยา
หงหลินซินอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครแต่เมื่อเขาดึงนางเข้าไปจนชิดและกระซิบมาที่ข้างหูนางจึงได้รู้ทันทีว่าเขาคือราชครูจินจอมโหดที่นางไม่อยากเจอที่นี่มากที่สุด“สนุกมากพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที”“คือว่า…ว้าย!!”“เจ้าจ่ายเงินแล้วรีบตามมา”“เอ่อ…เจ้าค่ะ!”ท่านหญิงหันไปกะพริบตาและส่งสัญญาณอันตรายให้สาวใช้ทราบนางจึงรู้ทันทีว่าผู้ที่มาอุ้มท่านหญิงไปคือผู้ใด เมื่อราชครูจินอุ้มนางออกมาจากหอฉินหลันก็รีบพาขึ้นม้าและตามขึ้นไปทันที“ท่านหญิง ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้”“ข้าไม่ได้…”“เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอันกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้าแล้วห้ามเถียง จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”“ท่าน!!”"อยากจะลองดูก็ได้ ข้ารับคำสั่งฝ่าบาทให้มาดูแลปกป้องความปลอดภัยมิใช่ให้มาคอยเอาใจและตามใจท่าน"“…”หลินซินทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ราชครูจินควบม้ากลับอารามด้วยความเร็ว นางไม่กล้าถามเขาเสียด้วยซ้ำว่าสาวใช้ขอ
หงหลินซินหันไปมองราชครูจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังหันมามองนางเช่นกัน หลินซินกะพริบตาให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะพยักพเยิดไปทางสาวใช้ของฮองเฮาที่กำลังก้มหน้าเมื่อพบนาง ราชครูจินที่พึ่งตั้งสติได้ก็หันมาทันที“ยังไม่รีบคำนับท่านหญิงหงอีก หรือจะต้องให้ข้ารายงานเรื่องนี้กลับไปด้วย”“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงโปรดอภัย ข้าน้อยซานหวนชิงคารวะท่านหญิงหง”“ช่างเถอะ เห็นว่าเจ้าไร้มารยาทต่อขุนนางผู้ใหญ่ก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าคงคาดหวังมารยาทอะไรมากไม่ได้เพียงแค่นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย นี่ท่านราชครูจิน”“ขอรับ”“เดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์ในวังหลวงหละหลวมแบบนี้เสมอเลยหรือ รับคนแบบนี้เข้าทำงานถึงในตำหนักเต๋อหนิงที่คุมทั้งวังหลัง ข้าคิดว่าวังหลังของท่านพ่อข้า… ยังจัดการดูแลได้ดีกว่านี้หากว่ามีบ่าวคนใดกล้าเสียมารยาท พวกนางคงถูกแส้ม้าฟาดจนปางตายไปแล้ว”เสียงขู่ที่เรียบเย็นนั้นทำให้ซานหวนชิงรู้สึกสั่นและกลัวขึ้นมา แม้ว่านางจะพึ่งเคยพบหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าท่านหญิงต่างเมืองจะมีท่าทีที่จัดการยากเช่นนี้“ท่านหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”“ท่านหญิง ข้าน้อยสั่งลงโทษนางแล้วตอนนี้ท่านโหรก็รอท่านหญิงอยู่ในห้องพิธี เชิญตามข้ามาทางนี้ดี
เมืองหลวงแคว้นชิงโจว “นั่นอย่างไรขบวนรถม้าของ “ท่านหญิงหง” ท่านหญิงอับโชคเมืองหยุนหนานที่พึ่งถูกหงชิงอ๋องส่งเข้ามาชำระล้างโชคร้ายที่อารามหย่งอัน"“ตายจริง เห็นว่าคู่หมั้นที่จะหมั้นหมายของนางสองคนจู่ ๆ ก็ตายอย่างไร้เหตุผล คนที่สามเกรงว่าจะอับโชคเลยชิงแต่งงานกับสตรีอื่นสุดท้ายถูกนางจับได้จึงได้พากันหนี”เสียงซุบซิบของเหล่าชาวบ้านยังคงดังแว่วเข้ามาในรถม้าของสตรีสูงศักดิ์ นับตั้งแต่เข้าประตูเมืองหลวงมาก็ไม่พ้นคำนินทาเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง“เฮ้อ อันปากคนไม่ว่าจะอยู่หนใดเรื่องของผู้อื่นย่อมน่าสนใจเสมอเลยสินะ”“คุณหนูท่านไม่โกรธพวกเขาหรือเจ้าคะ ข้าฟังแล้วยังรู้สึกโกรธแทนท่านเลย”“เจ้าจะโกรธไปทำไมกันในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร อีกอย่าง… ในที่สุดข้าก็ได้มาเมืองหลวงจริง ๆ เสียที”“คุณหนู เบาหน่อยเจ้าค่ะท่านอย่าลืมสิเจ้าคะว่าท่านป่วยอยู่”“จริงด้วย ๆ แคก แคก”รถม้าผ่านเข้าเมืองมาแล้วจนถึงด้านหน้า "อารามหย่งอัน" ซึ่งเป็นที่ที่นางต้องมาพักอยู่ประมาณสี่เดือนนับจากนี้“คุณหนู อารามอยู่ข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรีบเอาผ้าผูกหน้ามาให้ข้าเร็ว ๆ เข้า”“เจ้าค่ะ”
หงหลินซินหันไปมองราชครูจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังหันมามองนางเช่นกัน หลินซินกะพริบตาให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะพยักพเยิดไปทางสาวใช้ของฮองเฮาที่กำลังก้มหน้าเมื่อพบนาง ราชครูจินที่พึ่งตั้งสติได้ก็หันมาทันที“ยังไม่รีบคำนับท่านหญิงหงอีก หรือจะต้องให้ข้ารายงานเรื่องนี้กลับไปด้วย”“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงโปรดอภัย ข้าน้อยซานหวนชิงคารวะท่านหญิงหง”“ช่างเถอะ เห็นว่าเจ้าไร้มารยาทต่อขุนนางผู้ใหญ่ก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าคงคาดหวังมารยาทอะไรมากไม่ได้เพียงแค่นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย นี่ท่านราชครูจิน”“ขอรับ”“เดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์ในวังหลวงหละหลวมแบบนี้เสมอเลยหรือ รับคนแบบนี้เข้าทำงานถึงในตำหนักเต๋อหนิงที่คุมทั้งวังหลัง ข้าคิดว่าวังหลังของท่านพ่อข้า… ยังจัดการดูแลได้ดีกว่านี้หากว่ามีบ่าวคนใดกล้าเสียมารยาท พวกนางคงถูกแส้ม้าฟาดจนปางตายไปแล้ว”เสียงขู่ที่เรียบเย็นนั้นทำให้ซานหวนชิงรู้สึกสั่นและกลัวขึ้นมา แม้ว่านางจะพึ่งเคยพบหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าท่านหญิงต่างเมืองจะมีท่าทีที่จัดการยากเช่นนี้“ท่านหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”“ท่านหญิง ข้าน้อยสั่งลงโทษนางแล้วตอนนี้ท่านโหรก็รอท่านหญิงอยู่ในห้องพิธี เชิญตามข้ามาทางนี้ดี
หงหลินซินอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครแต่เมื่อเขาดึงนางเข้าไปจนชิดและกระซิบมาที่ข้างหูนางจึงได้รู้ทันทีว่าเขาคือราชครูจินจอมโหดที่นางไม่อยากเจอที่นี่มากที่สุด“สนุกมากพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที”“คือว่า…ว้าย!!”“เจ้าจ่ายเงินแล้วรีบตามมา”“เอ่อ…เจ้าค่ะ!”ท่านหญิงหันไปกะพริบตาและส่งสัญญาณอันตรายให้สาวใช้ทราบนางจึงรู้ทันทีว่าผู้ที่มาอุ้มท่านหญิงไปคือผู้ใด เมื่อราชครูจินอุ้มนางออกมาจากหอฉินหลันก็รีบพาขึ้นม้าและตามขึ้นไปทันที“ท่านหญิง ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้”“ข้าไม่ได้…”“เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอันกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้าแล้วห้ามเถียง จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”“ท่าน!!”"อยากจะลองดูก็ได้ ข้ารับคำสั่งฝ่าบาทให้มาดูแลปกป้องความปลอดภัยมิใช่ให้มาคอยเอาใจและตามใจท่าน"“…”หลินซินทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ราชครูจินควบม้ากลับอารามด้วยความเร็ว นางไม่กล้าถามเขาเสียด้วยซ้ำว่าสาวใช้ขอ
“ท่านก็รู้จักหรอกหรือ คิดว่าท่านเป็นถึงราชครูคงจะฝักใฝ่แต่เรื่องการเรียนและเคร่งเรื่องธรรมเนียมตามแบบชาววังเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะรู้จัก เช่นนั้นท่าน…”“เหตุใดท่านหญิงจึงได้สนใจสถานที่เช่นนั้น ที่นั่นไม่เหมาะกับสตรีสูงศักดิ์เช่นท่าน”“ข้าก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้เข้ามาถึงเมืองหลวง อีกอย่างก็ไม่ต้องวุ่นวายอยู่ในวังข้าเองก็แค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เท่านั้นเอง”“ข้าคิดว่าท่านหญิงควรเอาเวลาที่คิดจะทำเรื่องเหล่านั้นมาตั้งใจประกอบพิธีที่ทางท่านโหรจัดทำมาให้จะดีกว่า ข้าน้อยจะได้ไปทูลฝ่าบาทได้เรื่องความคืบหน้าเรื่องพิธีล้างความอับโชคของท่าน”“แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามให้ข้าออกไปข้างนอกนี่จริงหรือไม่”“เอ่อ เรื่องนั้น…”“เอาเถอะ ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ว่าจะไปวันนี้และไม่อยากทำให้ท่านราชครูต้องลำบากใจนักหรอกเอาเป็นว่าข้ายินดีที่จะตามพิธีการที่ท่านว่ามาทุกอย่างแต่ท่านก็ช่วยข้าสักหน่อย หากว่าข้าอยากจะไปที่ใดท่านก็แค่…”“หากมิใช่สถานที่ที่ไม่สมควร ข้าน้อยย่อมช่วยเหลือได้อยู่แล้วหากว่าท่านหญิงไม่มีเรื่องใดจะสอบถามเช่นนั้นคืนนี้ก็พักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องสวดมนต์ตอนเช้าครึ่งชั่วยา
หากเขามองไม่ผิดเขาเห็นแววตาผิดหวังอยู่เล็กน้อยจากสายตานาง “ท่านหญิงเดินทางมาไกล เชิญพักผ่อนก่อนเถอะเอาไว้ตอนเย็นข้าน้อยจะให้คนนำอาหารมาส่ง พรุ่งนี้จะแจ้งเรื่องกำหนดการและพิธีทั้งหมดให้ท่านทราบ”“ขอบคุณท่านราชครู”นางคำนับให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตำหนัก ราชครูจินเมื่อส่งนางแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองเรือนข้าง ๆ ทันที“จื่อรุ่ย”"ขอรับคุณชาย"“ส่งคนจับตาดูท่านหญิงหงให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด”“ขอรับคุณชาย ท่านกำลังสงสัยสกุลหงด้วยหรือขอรับแต่ว่าการตายของนายท่าน…”“ไม่ว่าคนใดในราชวงศ์ข้าจะต้องสืบให้รู้ทั้งหมด หากว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการตายของท่านพ่อกับท่านแม่แล้วละก็ข้าจะต้องรู้ให้หมด จะได้ไม่ต้องแก้แค้นผิดคน”“ขอรับ”“เรื่ององค์ชายสี่ที่ไปสืบไปถึงไหนแล้ว”“องค์ชายสี่แอบลอบคุยกับแม่ทัพซ่างจริงแต่เห็นบอกว่าเป็นการคุยกันธรรมดาเพราะว่าบุตรสาวของแม่ทัพซ่างเป็นชายาของพระองค์”“สืบต่อไป”“ขอรับ”"จินอวี้หาน" บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตที่ปรึกษาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังจากผลัดแผ่นดินบิดาของเขาและมารดาถูกลอบสังหารอย่างมีเงื่อนงำ แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะสั่งให้เร่งสอบสวน
เมืองหลวงแคว้นชิงโจว “นั่นอย่างไรขบวนรถม้าของ “ท่านหญิงหง” ท่านหญิงอับโชคเมืองหยุนหนานที่พึ่งถูกหงชิงอ๋องส่งเข้ามาชำระล้างโชคร้ายที่อารามหย่งอัน"“ตายจริง เห็นว่าคู่หมั้นที่จะหมั้นหมายของนางสองคนจู่ ๆ ก็ตายอย่างไร้เหตุผล คนที่สามเกรงว่าจะอับโชคเลยชิงแต่งงานกับสตรีอื่นสุดท้ายถูกนางจับได้จึงได้พากันหนี”เสียงซุบซิบของเหล่าชาวบ้านยังคงดังแว่วเข้ามาในรถม้าของสตรีสูงศักดิ์ นับตั้งแต่เข้าประตูเมืองหลวงมาก็ไม่พ้นคำนินทาเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง“เฮ้อ อันปากคนไม่ว่าจะอยู่หนใดเรื่องของผู้อื่นย่อมน่าสนใจเสมอเลยสินะ”“คุณหนูท่านไม่โกรธพวกเขาหรือเจ้าคะ ข้าฟังแล้วยังรู้สึกโกรธแทนท่านเลย”“เจ้าจะโกรธไปทำไมกันในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร อีกอย่าง… ในที่สุดข้าก็ได้มาเมืองหลวงจริง ๆ เสียที”“คุณหนู เบาหน่อยเจ้าค่ะท่านอย่าลืมสิเจ้าคะว่าท่านป่วยอยู่”“จริงด้วย ๆ แคก แคก”รถม้าผ่านเข้าเมืองมาแล้วจนถึงด้านหน้า "อารามหย่งอัน" ซึ่งเป็นที่ที่นางต้องมาพักอยู่ประมาณสี่เดือนนับจากนี้“คุณหนู อารามอยู่ข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรีบเอาผ้าผูกหน้ามาให้ข้าเร็ว ๆ เข้า”“เจ้าค่ะ”