หงหลินซินหันไปมองราชครูจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังหันมามองนางเช่นกัน หลินซินกะพริบตาให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะพยักพเยิดไปทางสาวใช้ของฮองเฮาที่กำลังก้มหน้าเมื่อพบนาง ราชครูจินที่พึ่งตั้งสติได้ก็หันมาทันที
“ยังไม่รีบคำนับท่านหญิงหงอีก หรือจะต้องให้ข้ารายงานเรื่องนี้กลับไปด้วย”
“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงโปรดอภัย ข้าน้อยซานหวนชิงคารวะท่านหญิงหง”
“ช่างเถอะ เห็นว่าเจ้าไร้มารยาทต่อขุนนางผู้ใหญ่ก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าคงคาดหวังมารยาทอะไรมากไม่ได้เพียงแค่นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย นี่ท่านราชครูจิน”
“ขอรับ”
“เดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์ในวังหลวงหละหลวมแบบนี้เสมอเลยหรือ รับคนแบบนี้เข้าทำงานถึงในตำหนักเต๋อหนิงที่คุมทั้งวังหลัง ข้าคิดว่าวังหลังของท่านพ่อข้า… ยังจัดการดูแลได้ดีกว่านี้หากว่ามีบ่าวคนใดกล้าเสียมารยาท พวกนางคงถูกแส้ม้าฟาดจนปางตายไปแล้ว”
เสียงขู่ที่เรียบเย็นนั้นทำให้ซานหวนชิงรู้สึกสั่นและกลัวขึ้นมา แม้ว่านางจะพึ่งเคยพบหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าท่านหญิงต่างเมืองจะมีท่าทีที่จัดการยากเช่นนี้
“ท่านหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”
“ท่านหญิง ข้าน้อยสั่งลงโทษนางแล้วตอนนี้ท่านโหรก็รอท่านหญิงอยู่ในห้องพิธี เชิญตามข้ามาทางนี้ดีกว่า”
“ท่านสั่งลงโทษนางแบบใด”
“ข้า…”
ซานหวนชิงแอบสั่นเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองทั้งคู่ แม้ว่านางจะกล้าข่มขู่คนทั่วไป แต่ต่อหน้าราชครูจินแม้ว่าเขาจะรูปงามเพียงใดแต่ความโหดเหี้ยมของจินอวี้หาน จะมีผู้ใดในวังไม่รู้บ้าง
“คุกเข่าที่นี่จนกว่าพิธีจะเสร็จ”
“แค่คุกเข่า ไม่โบยงั้นหรือถือว่าโทษเบามาก”
“ท่านหญิง ท่านจะต้องรีบไปเข้าพิธี…”
“เมื่อครู่นางบอกว่าข้ามาที่นี่เพื่อล้างซวย ซึ่งข้าฟังแล้ว… ไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก”
ที่จริงนางมิได้ได้ยินถนัดนักแต่สาวใช้มาบอกนางจึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โชคร้ายที่สาวใช้ในวังต่างล้วนไม่ชอบซานหวนชิงผู้นี้ที่มักอวดเบ่งอำนาจกับสตรีและนางกำนัลในวังจนเป็นที่เกลียดชังไปทั่ว
“ขะ ข้า… ข้าปากไม่ดี พลั้งปากพูดออกไปท่านหญิงโปรดอภัยด้วย”
“อภัยงั้นหรือ เจ้าเสียมารยาทกับขุนนางอาวุโสที่ฝ่าบาทส่งมาดูแลข้า อีกอย่างก็กล่าวว่าข้ามาที่นี่เพื่อล้างซวย ความผิดสองครั้งเช่นนี้หากทำบ่อย ๆ มันจะติดเป็นสันดานนะ ทหาร!!”
“ขอรับ!”
“ท่านหญิง… เรื่องนี้ให้ข้าจัดการจะดีกว่า ท่านคงยังไม่อยากมีปัญหากับ “ผู้อื่น" หรอกนะขอรับ"
ราชครูจินส่งสายตาห้ามนางเอาไว้ เขาเองไม่เคยรู้ว่าท่านหญิงจะสั่งลงโทษนางแบบใดแต่หากนางเป็นผู้สั่ง หลังจากนี้อารามหย่งอันอย่าหวังจะได้อยู่อย่างสงบซึ่งเขาเองยังไม่นึกอยากจะปวดหัวเพิ่มขึ้น
“เช่นนั้นก็ฝากท่านราชครูจัดการด้วย ข้าขอตัวก่อน”
“ขอบคุณท่านหญิงที่ปรานี”
“ท่านหญิง เชิญ”
หงหลินซินเดินตามราชครูจินเข้าไปในห้องพิธีแล้ว ข้าหลวงซานที่นั่งคุกเข่าพร้อมกับกำหมัดแน่นและมองนางด้วยความเกลียดชังอย่างสุดซึ้ง
“กล้าทำให้ข้าขายหน้าต่อหน้าท่านราชครู หงหลินซินหลังจากนี้ข้าจะทำให้เจ้าพบกับคำว่านรกบนดิน”
หลินซินเดินตามราชครูจินเข้าไปด้านใน ก่อนที่จะเข้าไปในโถงพิธีเขาก็หยุดโดยที่หลินซินไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับแผ่นหลังของเขา
“โอ๊ย! เหตุใดท่านหยุดจึงไม่บอกข้าก่อนเล่าราชครูจิน”
จินอวี้หานมือสั่นไปเล็กน้อยเพราะเขาเองก็ไม่คิดว่านางจะเดินชนเขาเข้าพอดี ท่าทีของนางเมื่อครู่นี้ทำเอาหัวใจเขาปั่นป่วนจนเริ่มทำตัวไม่ถูก แม้เขาจะไม่ชอบสตรีเช่นนางและไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์แต่กับนางเขากลับรู้สึกปั่นป่วนแม้จะนึกรำคาญอยู่นิด ๆ ก็ตาม
“ขออภัยท่านหญิง แต่ก่อนจะเข้าไปข้าน้อยขอพูดบางอย่างกับท่านหญิงสักครู่”
เขาหันมาและโบกมือให้สาวใช้อีกสองคนออกจากห้องและปิดประตูทันที ยิ่งมองนางเช่นนี้เขายิ่งรู้สึกว่าหัวใจเริ่มสั่นแรงขึ้น ลำคอแห้งผากและคำพูดที่จะเอ่ยก็แทบจะถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้น เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับสตรีคนใดมาก่อน
“ท่านราชครู ท่านจะพูดอะไรกับข้างั้นหรือ”
“เอ่อ... นางข้าหลวงผู้นั้นเป็นคนของฮองเฮา แม้วันนี้เราจะหาเรื่องเอาผิดนางได้แต่นางรับคำสั่งของฮองเฮามาเพื่อจับตาดูท่านโดยเฉพาะ หลังจากนี้หากไม่มีข้าอยู่ท่านต้องระวังตัวให้มาก”
หงหลินซินเพียงแค่ชำเลืองไปข้าง ๆ ก่อนจะหันมาคุยกับราชครูจินด้วยสีหน้าระแวงเล็กน้อย สีหน้าเช่นนั้นยิ่งทำให้ราชครูหนุ่มรู้สึกอยากปกป้องและอยากเดินออกไปสั่งให้โบยนางข้าหลวงผู้นั้นเพิ่ม โทษฐานที่กล้ากล่าวหาว่าสตรีงดงามไร้เดียงสาตรงหน้าเขาเป็น “ตัวซวย” ซึ่งแค่ได้ยินเขาก็รู้สึกเกลียดนางจนสั่งให้คุกเข่าครึ่งชั่วยาม
“เมื่อครู่ข้ากล้าไปข่มขู่นางเช่นนั้นท่านว่าหลังจากนี้นางจะอาฆาตแค้นข้าหรือไม่”
“ท่านหญิงอย่าได้กังวลเกินไป ขอเพียงท่านไม่ทำเรื่องยุ่งเช่นวันนี้ขึ้นมา แม้ว่านางจะถูกส่งมาจับผิดท่านก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ แล้วข้าจะรีบเข้าเฝ้าทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทเอง”
“อืม เช่นนั้นข้าเชื่อใจท่านราชครูข้าจะทำตัวดี ๆ ไม่สร้างเรื่องอีกว่าแต่นางจะอยู่อีกกี่วันงั้นหรือ”
ราชครูจินหันมากางพระราชเสาวนีย์ออกมาและดูข้อความที่ลงอักษรในนั้นก่อนจะพับเก็บตามเดิม สีหน้ามิได้บ่งบอกถึงความดีใจแม้แต่น้อย
“นางจะอยู่จนกว่าพิธีการทุกอย่างจะเสร็จสิ้น จนส่งท่านกลับเมืองหยุนหนาน”
“ให้ตายเถอะเช่นนั้นข้าก็ต้องทนอยู่กับสายตาเช่นนั้นตลอดสามเดือนงั้นหรือ ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด”
“ท่านหญิง ตราบใดที่ข้ายังอยู่จะไม่ปล่อยให้นางมาทำร้ายท่านได้”
ชั่วขณะนั้นหลังจากที่จินอวี้หานกล่าวจบ หัวใจของสตรีที่พึ่งพ้นวัยปักปิ่นมาได้เพียงสองปีอย่างหงหลินซินก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ใบหน้านางร้อนผ่าวอีกทั้งดวงตาเริ่มร้อนแต่มิใช่เพราะอากาศ ดูเหมือนว่าจินอวี้หานเองก็พึ่งรู้สึกเช่นกันว่าเผลอพูดบางอย่างออกไป
“เอ่อ ข้าน้อยหมายถึงข้ารับบัญชาฝ่าบาทมาเพื่อดูแลปกป้องท่านหญิงให้ทำพิธีอย่างราบรื่น ย่อมไม่ยอมให้ผู้ใดเข้ามาทำร้ายหรือคิดร้ายกับท่าน”
แม้คำพูดจะมิได้รุนแรงหรือข่มขู่แต่หลินซินกลับรู้สึกเจ็บวาบไปที่หัวใจแปลก ๆ ก่อนจะหลุดยิ้มประหลาดออกมาและเบือนหน้าหนีเขาทันที
“อ่อ เป็นเช่นนี้เองเช่นนั้นก็รีบเข้าไปเถอะ ท่านโหรหลวงคงรอทำพิธีอยู่นานแล้ว”
“เชิญท่านหญิง”
พิธีสวดมนต์และรดน้ำมงคลในโถงที่จัดขึ้นเป็นพิเศษในอารามด้านในแม้จะมีเพียงใต้เท้าทั้งสองที่คอยอยู่และโหรหลวงผู้ร่วมพิธีกับราชครูจิน แต่เมื่อสวดมนต์จนจบ ใต้เท้าทั้งสองก็ถูกราชครูจินสั่งให้ออกไปรอข้างนอก เหลือเพียงเขา ท่านหญิงและโหรหลวงที่อยู่ในห้อง
“ท่านหญิง พิธีต่อไปท่านหญิงต้องอาบน้ำมงคลที่ผ่านพิธีบวงสรวงจากโหรหลวงเจ็ดคนในคืนจันทราเต็มดวง ท่านหญิงโปรดเข้าไปด้านใน”
“อะไรนะ ต้องทำอย่างไร”
“ท่านหญิงไม่ต้องห่วง กระหม่อมจะทำพิธีอยู่ด้านนอก ด้านในจะมีสาวใช้อยู่และ…เอ่อ..”
โหรหลวงหันมามองราชครูจิน เขาพยักหน้าให้ก่อนจะหันมามองหน้าหงหลินซินที่ยืนอยู่ด้านหน้ากระโจมม่านสีขาวที่มีถังน้ำอยู่ด้านใน
“ท่านหญิง ท่านต้องถอดชุดออกและให้สาวใช้นำน้ำมงคลในถังราดตั้งแต่ศีรษะลงไป ไม่ต้องกังวลเพราะข้าจะรออยู่ด้านนอก หลังจากเสร็จพิธีข้าจะเป็นคนพาท่านไปส่งด้วยตัวเอง”
“อะไรนะราชครูจิน ให้ข้า… ถอดชุดทั้งหมดเลยงั้นหรือ”
เมืองหลวงแคว้นชิงโจว “นั่นอย่างไรขบวนรถม้าของ “ท่านหญิงหง” ท่านหญิงอับโชคเมืองหยุนหนานที่พึ่งถูกหงชิงอ๋องส่งเข้ามาชำระล้างโชคร้ายที่อารามหย่งอัน"“ตายจริง เห็นว่าคู่หมั้นที่จะหมั้นหมายของนางสองคนจู่ ๆ ก็ตายอย่างไร้เหตุผล คนที่สามเกรงว่าจะอับโชคเลยชิงแต่งงานกับสตรีอื่นสุดท้ายถูกนางจับได้จึงได้พากันหนี”เสียงซุบซิบของเหล่าชาวบ้านยังคงดังแว่วเข้ามาในรถม้าของสตรีสูงศักดิ์ นับตั้งแต่เข้าประตูเมืองหลวงมาก็ไม่พ้นคำนินทาเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง“เฮ้อ อันปากคนไม่ว่าจะอยู่หนใดเรื่องของผู้อื่นย่อมน่าสนใจเสมอเลยสินะ”“คุณหนูท่านไม่โกรธพวกเขาหรือเจ้าคะ ข้าฟังแล้วยังรู้สึกโกรธแทนท่านเลย”“เจ้าจะโกรธไปทำไมกันในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร อีกอย่าง… ในที่สุดข้าก็ได้มาเมืองหลวงจริง ๆ เสียที”“คุณหนู เบาหน่อยเจ้าค่ะท่านอย่าลืมสิเจ้าคะว่าท่านป่วยอยู่”“จริงด้วย ๆ แคก แคก”รถม้าผ่านเข้าเมืองมาแล้วจนถึงด้านหน้า "อารามหย่งอัน" ซึ่งเป็นที่ที่นางต้องมาพักอยู่ประมาณสี่เดือนนับจากนี้“คุณหนู อารามอยู่ข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรีบเอาผ้าผูกหน้ามาให้ข้าเร็ว ๆ เข้า”“เจ้าค่ะ”
หากเขามองไม่ผิดเขาเห็นแววตาผิดหวังอยู่เล็กน้อยจากสายตานาง “ท่านหญิงเดินทางมาไกล เชิญพักผ่อนก่อนเถอะเอาไว้ตอนเย็นข้าน้อยจะให้คนนำอาหารมาส่ง พรุ่งนี้จะแจ้งเรื่องกำหนดการและพิธีทั้งหมดให้ท่านทราบ”“ขอบคุณท่านราชครู”นางคำนับให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตำหนัก ราชครูจินเมื่อส่งนางแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองเรือนข้าง ๆ ทันที“จื่อรุ่ย”"ขอรับคุณชาย"“ส่งคนจับตาดูท่านหญิงหงให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด”“ขอรับคุณชาย ท่านกำลังสงสัยสกุลหงด้วยหรือขอรับแต่ว่าการตายของนายท่าน…”“ไม่ว่าคนใดในราชวงศ์ข้าจะต้องสืบให้รู้ทั้งหมด หากว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการตายของท่านพ่อกับท่านแม่แล้วละก็ข้าจะต้องรู้ให้หมด จะได้ไม่ต้องแก้แค้นผิดคน”“ขอรับ”“เรื่ององค์ชายสี่ที่ไปสืบไปถึงไหนแล้ว”“องค์ชายสี่แอบลอบคุยกับแม่ทัพซ่างจริงแต่เห็นบอกว่าเป็นการคุยกันธรรมดาเพราะว่าบุตรสาวของแม่ทัพซ่างเป็นชายาของพระองค์”“สืบต่อไป”“ขอรับ”"จินอวี้หาน" บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตที่ปรึกษาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังจากผลัดแผ่นดินบิดาของเขาและมารดาถูกลอบสังหารอย่างมีเงื่อนงำ แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะสั่งให้เร่งสอบสวน
“ท่านก็รู้จักหรอกหรือ คิดว่าท่านเป็นถึงราชครูคงจะฝักใฝ่แต่เรื่องการเรียนและเคร่งเรื่องธรรมเนียมตามแบบชาววังเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะรู้จัก เช่นนั้นท่าน…”“เหตุใดท่านหญิงจึงได้สนใจสถานที่เช่นนั้น ที่นั่นไม่เหมาะกับสตรีสูงศักดิ์เช่นท่าน”“ข้าก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้เข้ามาถึงเมืองหลวง อีกอย่างก็ไม่ต้องวุ่นวายอยู่ในวังข้าเองก็แค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เท่านั้นเอง”“ข้าคิดว่าท่านหญิงควรเอาเวลาที่คิดจะทำเรื่องเหล่านั้นมาตั้งใจประกอบพิธีที่ทางท่านโหรจัดทำมาให้จะดีกว่า ข้าน้อยจะได้ไปทูลฝ่าบาทได้เรื่องความคืบหน้าเรื่องพิธีล้างความอับโชคของท่าน”“แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามให้ข้าออกไปข้างนอกนี่จริงหรือไม่”“เอ่อ เรื่องนั้น…”“เอาเถอะ ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ว่าจะไปวันนี้และไม่อยากทำให้ท่านราชครูต้องลำบากใจนักหรอกเอาเป็นว่าข้ายินดีที่จะตามพิธีการที่ท่านว่ามาทุกอย่างแต่ท่านก็ช่วยข้าสักหน่อย หากว่าข้าอยากจะไปที่ใดท่านก็แค่…”“หากมิใช่สถานที่ที่ไม่สมควร ข้าน้อยย่อมช่วยเหลือได้อยู่แล้วหากว่าท่านหญิงไม่มีเรื่องใดจะสอบถามเช่นนั้นคืนนี้ก็พักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องสวดมนต์ตอนเช้าครึ่งชั่วยา
หงหลินซินอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครแต่เมื่อเขาดึงนางเข้าไปจนชิดและกระซิบมาที่ข้างหูนางจึงได้รู้ทันทีว่าเขาคือราชครูจินจอมโหดที่นางไม่อยากเจอที่นี่มากที่สุด“สนุกมากพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที”“คือว่า…ว้าย!!”“เจ้าจ่ายเงินแล้วรีบตามมา”“เอ่อ…เจ้าค่ะ!”ท่านหญิงหันไปกะพริบตาและส่งสัญญาณอันตรายให้สาวใช้ทราบนางจึงรู้ทันทีว่าผู้ที่มาอุ้มท่านหญิงไปคือผู้ใด เมื่อราชครูจินอุ้มนางออกมาจากหอฉินหลันก็รีบพาขึ้นม้าและตามขึ้นไปทันที“ท่านหญิง ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้”“ข้าไม่ได้…”“เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอันกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้าแล้วห้ามเถียง จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”“ท่าน!!”"อยากจะลองดูก็ได้ ข้ารับคำสั่งฝ่าบาทให้มาดูแลปกป้องความปลอดภัยมิใช่ให้มาคอยเอาใจและตามใจท่าน"“…”หลินซินทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ราชครูจินควบม้ากลับอารามด้วยความเร็ว นางไม่กล้าถามเขาเสียด้วยซ้ำว่าสาวใช้ขอ
หงหลินซินหันไปมองราชครูจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังหันมามองนางเช่นกัน หลินซินกะพริบตาให้เขาข้างหนึ่งก่อนจะพยักพเยิดไปทางสาวใช้ของฮองเฮาที่กำลังก้มหน้าเมื่อพบนาง ราชครูจินที่พึ่งตั้งสติได้ก็หันมาทันที“ยังไม่รีบคำนับท่านหญิงหงอีก หรือจะต้องให้ข้ารายงานเรื่องนี้กลับไปด้วย”“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงโปรดอภัย ข้าน้อยซานหวนชิงคารวะท่านหญิงหง”“ช่างเถอะ เห็นว่าเจ้าไร้มารยาทต่อขุนนางผู้ใหญ่ก่อนหน้านี้ก็พอรู้ว่าคงคาดหวังมารยาทอะไรมากไม่ได้เพียงแค่นึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย นี่ท่านราชครูจิน”“ขอรับ”“เดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์ในวังหลวงหละหลวมแบบนี้เสมอเลยหรือ รับคนแบบนี้เข้าทำงานถึงในตำหนักเต๋อหนิงที่คุมทั้งวังหลัง ข้าคิดว่าวังหลังของท่านพ่อข้า… ยังจัดการดูแลได้ดีกว่านี้หากว่ามีบ่าวคนใดกล้าเสียมารยาท พวกนางคงถูกแส้ม้าฟาดจนปางตายไปแล้ว”เสียงขู่ที่เรียบเย็นนั้นทำให้ซานหวนชิงรู้สึกสั่นและกลัวขึ้นมา แม้ว่านางจะพึ่งเคยพบหน้า แต่ก็ไม่คิดว่าท่านหญิงต่างเมืองจะมีท่าทีที่จัดการยากเช่นนี้“ท่านหญิงโปรดอภัยด้วยเจ้าค่ะ”“ท่านหญิง ข้าน้อยสั่งลงโทษนางแล้วตอนนี้ท่านโหรก็รอท่านหญิงอยู่ในห้องพิธี เชิญตามข้ามาทางนี้ดี
หงหลินซินอ้าปากค้างเพราะไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครแต่เมื่อเขาดึงนางเข้าไปจนชิดและกระซิบมาที่ข้างหูนางจึงได้รู้ทันทีว่าเขาคือราชครูจินจอมโหดที่นางไม่อยากเจอที่นี่มากที่สุด“สนุกมากพอแล้ว ได้เวลากลับเสียที”“คือว่า…ว้าย!!”“เจ้าจ่ายเงินแล้วรีบตามมา”“เอ่อ…เจ้าค่ะ!”ท่านหญิงหันไปกะพริบตาและส่งสัญญาณอันตรายให้สาวใช้ทราบนางจึงรู้ทันทีว่าผู้ที่มาอุ้มท่านหญิงไปคือผู้ใด เมื่อราชครูจินอุ้มนางออกมาจากหอฉินหลันก็รีบพาขึ้นม้าและตามขึ้นไปทันที“ท่านหญิง ดูเหมือนว่าข้าเคยเตือนแล้วว่าสถานที่เช่นนี้ไม่เหมาะที่จะมาเที่ยวเล่น หากว่ามีใครพบท่านที่นี่เข้าท่านจะเดือดร้อนได้”“ข้าไม่ได้…”“เงียบเถอะแล้วฟังข้าให้ดี ตอนนี้ที่อารามหย่งอันกำลังจะเดือดร้อนเพราะการกระทำของท่าน หากยังอยากรอดอยู่ก็ฟังข้าแล้วห้ามเถียง จากนี้หากกล้าออกมาโดยพลการอีก ข้าจะไม่ไว้หน้าแม้ว่าท่านจะเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท”“ท่าน!!”"อยากจะลองดูก็ได้ ข้ารับคำสั่งฝ่าบาทให้มาดูแลปกป้องความปลอดภัยมิใช่ให้มาคอยเอาใจและตามใจท่าน"“…”หลินซินทำได้เพียงแค่นั่งนิ่ง ๆ ปล่อยให้ราชครูจินควบม้ากลับอารามด้วยความเร็ว นางไม่กล้าถามเขาเสียด้วยซ้ำว่าสาวใช้ขอ
“ท่านก็รู้จักหรอกหรือ คิดว่าท่านเป็นถึงราชครูคงจะฝักใฝ่แต่เรื่องการเรียนและเคร่งเรื่องธรรมเนียมตามแบบชาววังเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะรู้จัก เช่นนั้นท่าน…”“เหตุใดท่านหญิงจึงได้สนใจสถานที่เช่นนั้น ที่นั่นไม่เหมาะกับสตรีสูงศักดิ์เช่นท่าน”“ข้าก็แค่อยากรู้ว่ามันเป็นอย่างไร ไหน ๆ ก็มีโอกาสได้เข้ามาถึงเมืองหลวง อีกอย่างก็ไม่ต้องวุ่นวายอยู่ในวังข้าเองก็แค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็เท่านั้นเอง”“ข้าคิดว่าท่านหญิงควรเอาเวลาที่คิดจะทำเรื่องเหล่านั้นมาตั้งใจประกอบพิธีที่ทางท่านโหรจัดทำมาให้จะดีกว่า ข้าน้อยจะได้ไปทูลฝ่าบาทได้เรื่องความคืบหน้าเรื่องพิธีล้างความอับโชคของท่าน”“แต่ท่านก็ไม่ได้ห้ามให้ข้าออกไปข้างนอกนี่จริงหรือไม่”“เอ่อ เรื่องนั้น…”“เอาเถอะ ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ว่าจะไปวันนี้และไม่อยากทำให้ท่านราชครูต้องลำบากใจนักหรอกเอาเป็นว่าข้ายินดีที่จะตามพิธีการที่ท่านว่ามาทุกอย่างแต่ท่านก็ช่วยข้าสักหน่อย หากว่าข้าอยากจะไปที่ใดท่านก็แค่…”“หากมิใช่สถานที่ที่ไม่สมควร ข้าน้อยย่อมช่วยเหลือได้อยู่แล้วหากว่าท่านหญิงไม่มีเรื่องใดจะสอบถามเช่นนั้นคืนนี้ก็พักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องสวดมนต์ตอนเช้าครึ่งชั่วยา
หากเขามองไม่ผิดเขาเห็นแววตาผิดหวังอยู่เล็กน้อยจากสายตานาง “ท่านหญิงเดินทางมาไกล เชิญพักผ่อนก่อนเถอะเอาไว้ตอนเย็นข้าน้อยจะให้คนนำอาหารมาส่ง พรุ่งนี้จะแจ้งเรื่องกำหนดการและพิธีทั้งหมดให้ท่านทราบ”“ขอบคุณท่านราชครู”นางคำนับให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปด้านในตำหนัก ราชครูจินเมื่อส่งนางแล้วก็รีบเดินกลับเข้าไปในห้องพักของตัวเองเรือนข้าง ๆ ทันที“จื่อรุ่ย”"ขอรับคุณชาย"“ส่งคนจับตาดูท่านหญิงหงให้ดีอย่าให้คลาดสายตาเป็นอันขาด”“ขอรับคุณชาย ท่านกำลังสงสัยสกุลหงด้วยหรือขอรับแต่ว่าการตายของนายท่าน…”“ไม่ว่าคนใดในราชวงศ์ข้าจะต้องสืบให้รู้ทั้งหมด หากว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับการตายของท่านพ่อกับท่านแม่แล้วละก็ข้าจะต้องรู้ให้หมด จะได้ไม่ต้องแก้แค้นผิดคน”“ขอรับ”“เรื่ององค์ชายสี่ที่ไปสืบไปถึงไหนแล้ว”“องค์ชายสี่แอบลอบคุยกับแม่ทัพซ่างจริงแต่เห็นบอกว่าเป็นการคุยกันธรรมดาเพราะว่าบุตรสาวของแม่ทัพซ่างเป็นชายาของพระองค์”“สืบต่อไป”“ขอรับ”"จินอวี้หาน" บุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตที่ปรึกษาของฮ่องเต้พระองค์ก่อน หลังจากผลัดแผ่นดินบิดาของเขาและมารดาถูกลอบสังหารอย่างมีเงื่อนงำ แม้แต่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะสั่งให้เร่งสอบสวน
เมืองหลวงแคว้นชิงโจว “นั่นอย่างไรขบวนรถม้าของ “ท่านหญิงหง” ท่านหญิงอับโชคเมืองหยุนหนานที่พึ่งถูกหงชิงอ๋องส่งเข้ามาชำระล้างโชคร้ายที่อารามหย่งอัน"“ตายจริง เห็นว่าคู่หมั้นที่จะหมั้นหมายของนางสองคนจู่ ๆ ก็ตายอย่างไร้เหตุผล คนที่สามเกรงว่าจะอับโชคเลยชิงแต่งงานกับสตรีอื่นสุดท้ายถูกนางจับได้จึงได้พากันหนี”เสียงซุบซิบของเหล่าชาวบ้านยังคงดังแว่วเข้ามาในรถม้าของสตรีสูงศักดิ์ นับตั้งแต่เข้าประตูเมืองหลวงมาก็ไม่พ้นคำนินทาเหล่านี้ซึ่งเป็นเรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง“เฮ้อ อันปากคนไม่ว่าจะอยู่หนใดเรื่องของผู้อื่นย่อมน่าสนใจเสมอเลยสินะ”“คุณหนูท่านไม่โกรธพวกเขาหรือเจ้าคะ ข้าฟังแล้วยังรู้สึกโกรธแทนท่านเลย”“เจ้าจะโกรธไปทำไมกันในเมื่อเราต่างก็รู้ดีว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร อีกอย่าง… ในที่สุดข้าก็ได้มาเมืองหลวงจริง ๆ เสียที”“คุณหนู เบาหน่อยเจ้าค่ะท่านอย่าลืมสิเจ้าคะว่าท่านป่วยอยู่”“จริงด้วย ๆ แคก แคก”รถม้าผ่านเข้าเมืองมาแล้วจนถึงด้านหน้า "อารามหย่งอัน" ซึ่งเป็นที่ที่นางต้องมาพักอยู่ประมาณสี่เดือนนับจากนี้“คุณหนู อารามอยู่ข้างหน้าแล้วเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นรีบเอาผ้าผูกหน้ามาให้ข้าเร็ว ๆ เข้า”“เจ้าค่ะ”