รอยยิ้มอ่อนหวานที่ยั่วยวนนั้นส่งมาให้จินอวี้หานอย่างจงใจ แม้ว่าเขาจะมิได้แสดงท่าทีสนใจนางเลยก็ตาม เมื่อเห็นว่าราชครูหนุ่มไม่ตอบนางจึงค่อย ๆ หุบยิ้มลงไป
“ได้สิ”
“คุณชาย แต่ว่า…” / จื่อรุ่ย
“จื่อรุ่ยเจ้าไปแจ้งใต้เท้าเจิ้งมาเพื่อแจ้งเกี่ยวกับกฎระเบียบของที่นี่ให้ข้าหลวงซานทราบ”
“เอ่อ แต่ว่า…ท่านราชครูนี่ก็ดึกแล้วข้าเกรงว่าใต้เท้าเจิ้งน่าจะเข้านอนแล้วนะเจ้าคะ”
“เจ้าก็รู้ดีนี่ข้าหลวงซานว่าตอนนี้ดึกแล้ว”
“คือว่าข้าคัดอักษรตามที่ท่านสั่งเสร็จแล้วจึงนำมาส่ง ไม่คิดว่าจะดึกขนาดนี้ก็เลยเสียมารยาทดังนั้น…”
“หากเจ้ารู้ว่าเสียมารยาท แล้วเหตุใดจึงมาพบข้าในเวลาเช่นนี้”
“คือว่า!”
“เรื่องของกฎระเบียบพรุ่งนี้ข้าจะให้ใต้เท้าเจิ้งเป็นผู้แจ้งต่อเจ้า หน้าที่ของเจ้าก็แค่มาดูแลท่านหญิง แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปรบกวนนางในเวลาพักผ่อน อีกอย่างหากไม่มีกิจธุระอันใดก็ไม่ควรมาวุ่นวายมาถึงเรือนพักด้านในนี้ จำเอาไว้เพียงแค่นี้ก็พอ”
เมื่อเอ่ยเสร็จแล้วอวี้หานก็เดินผ่านนางไปโดยไม่ใส่ใจอีก แต่ซานหวนชิงยังไม่ยอม นางหันไปเรียกเขาเอาไว้
“ท่านราชครูจิน ท่านคงไม่ลืมว่าท่านเองก็เป็นบุรุษ ท่านหญิงเป็นสตรีท่านก็คงทราบดีว่าฮองเฮาทรงสั่งให้ข้ามาที่นี่เพื่อปกป้องท่านหญิงจากสิ่งใด อะไรและผู้ใดบ้าง”
จื่อรุ่ยหันมามองหน้าอวี้หาน ครั้งนี้ดูเหมือนว่าซานหวนชิงจะพูดผิดเวลาเสียแล้วเพราะใบหน้าของจินอวี้หานตอนนี้พร้อมที่จะฆ่าคนได้เลยทีเดียว หากเขาเป็นนางจะไม่กล้าเอ่ยสิ่งใดนอกจากรับคำและรีบจากไป
“งั้นหรือ ตกลงที่เจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใดกันแน่ เจ้าบอกว่ามาเพื่อดูแลเหตุการณ์ระหว่างที่ท่านหญิงพักอยู่ที่นี่ แต่ข้าอ่านในพระราชเสาวนีย์แล้วกลับบอกเพียงว่าส่งเจ้ามาเพื่อช่วยข้าดูแลท่านหญิง ตกดึกเจ้ากลับมาบอกข้าว่ามาเพื่อปกป้องท่านหญิงจากข้างั้นหรือ”
“มิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ... คือว่าข้าน้อยกล่าวผิดไป ข้าหมายถึงจากชายคนอื่น ๆ”
“ใครล่ะ ใต้เท้าเจิ้งกับใต้เท้าเสิ่นผู้อาวุโสงั้นหรือ นี่เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าจะมีผู้ใดเชื่อสิ่งที่เจ้าพูด ปากเจ้าบอกว่ามาเพื่อปกป้องท่านหญิงแต่แอบลอบมาพบข้าในตอนดึก… ข้าหลวงซานเจ้าคิดสิ่งใดอยู่คงรู้อยู่แก่ใจ ข้าหวังว่าจะไม่พบเจ้าที่นี่ในเวลาเช่นนี้อีก จื่อรุ่ย!”
“ขอรับ”
“สั่งองครักษ์เฟินหลินทุกคน หากพบว่ามีคนลักลอบเข้ามาเรือนด้านหลังนี้นอกจากสาวใช้และคนที่เกี่ยวข้อง… ฆ่าได้ทันที”
“ขอรับ”
“ท่านราชครู ท่านหมายความว่าเช่นไร”
“ยังต้องให้ข้าพูดอีกงั้นหรือ เรือนพักตรงนี้มีองครักษ์เฟินหลินของ "ฝ่าบาท" ดูแลอยู่แล้วและเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของข้า คงไม่ต้องรบกวนนางข้าหลวงของฮองเฮาอย่างเจ้ามาคอยสอดส่องเพิ่มหรอกนะ"
“ข้าเพียงแค่อยากช่วยท่าน”
“หากเจ้าอยากช่วยข้าจริง ๆ ก็ทำตามหน้าที่ของเจ้า ดูแลด้านนอกและปกป้องท่านหญิงจากอันตรายตามคำสั่ง หากเจ้ากล้าสาบานว่าจะทำเช่นนั้นได้จริง ๆ ขอตัวก่อน”
“ท่านราชครู”
“ข้าหลวงซานพอเถอะ เจ้าควรกลับไปได้แล้ว”
“แต่ว่าข้าก็แค่อยากอธิบาย”
“ท่านราชครูสั่งแล้ว เจ้ารีบออกไปจะดีกว่ามิเช่นนั้นข้าเองก็รับรองความปลอดภัยของเจ้าไม่ได้ องครักษ์เฟินหลินรับคำสั่งเพียงแค่ท่านราชครูกับฝ่าบาทเท่านั้นหากท่านอยากจะลองข้าก็ไม่ขวางหรอกนะ”
ซานหวนชิงกำหมัดแน่นก่อนจะเดินสะบัดออกไปพร้อมกับสาวใช้คนอื่น ๆ จื่อรุ่ยเมื่อเห็นว่านางเดินพ้นไปแล้วจึงรีบเดินตามราชครูเข้าไปในเรือนพักทันที หลินซินที่ยืนอยู่ด้านในกลับเข้ามาในห้อง
“นางไปแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู”
“เป้าหมายของนางมิได้มาปกป้องข้าแต่เป็นเขาต่างหาก นางหลงรักจินอวี้หาน”
“อะไรนะเจ้าคะ เช่นนี้นางจะไม่หาเรื่องท่านหรือ”
“จินอวี้หานรู้เรื่องนี้และมองนางออกตั้งแต่แรก เขาจึงได้สั่งห้ามนางแต่เพราะคำสั่งนี้คิดว่าหลังจากนี้นางคงไม่อยู่เฉยแน่”
“คุณหนูเช่นนี้เรา…”
“ไม่เป็นไร นางก็คงยังไม่กล้าลงมือหรอกหากว่ามีจินอวี้หานอยู่”
“คุณหนูเช่นนั้นเราก็จะออกจากที่นี่ยากขึ้นทุกทีสิเจ้าคะ เช่นนี้จะตามหา…”
“วันนี้พักผ่อนก่อนเถอะเรื่องนี้เอาไว้ข้าจะหลอกถามราชครูจินเอง เขารับปากแล้วว่าจะพาข้าไปเดินเล่นเรายังพอมีเวลา”
“เจ้าค่ะ”
เรือนพักราชครู
“นางไปแล้วหรือ”
“ขอรับดูเหมือนว่านางมาที่นี่เพราะคำสั่งของฮองเฮา แต่คืนนี้น่าจะไม่ใช่เพราะท่านหญิง เป้าหมายที่นางมาคือท่านมากกว่า”
“แต่ก็ต้องขอบคุณนางที่มาได้จังหวะ”
“คุณชาย ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าก็รู้นี่ว่าท่านหญิงหงก็แอบฟังอยู่ที่เรือน”
“ขอรับ ข้าคิดว่านางได้ยินทุกคำที่ท่านพูดกับนางและตอนนี้คงจะไม่กล้าออกจากอารามโดยพลการอีก”
“อย่างน้อยก็ทำให้นางไม่ต้องก่อเรื่องได้อีกสักพัก จริงสิข้าอยากให้เจ้าตามสืบอีกเรื่อง”
“เรื่องใดหรือขอรับ”
“เรื่องในวัยเด็กของท่านหญิงหงผู้นี้”
“คุณชาย นี่ท่านคงจะไม่เริ่มรู้สึกสนใจนางขึ้นมาหรอกใช่หรือไม่ขอรับ”
"เจ้าถามเช่นนี้ทำไม"
“ก็… ก่อนหน้านี้ท่านไม่เคยสนใจสตรีคนใดมาก่อน อีกทั้งข้ายังไม่เคยเห็นท่านมีท่าทางร้อนรนเหมือนตอนที่อุ้มท่านหญิงออกมาจากห้องโถงพิธีวันนี้มาก่อนเลย แม้แต่โหรหลวงท่านก็มิได้ออกมาส่งไปที่เรือนพักจนใต้เท้าเจิ้งเป็นผู้พาท่านโหรไปส่งด้วยตัวเอง”
“ข้า… เพียงแค่สงสัยเท่านั้นว่าเหตุใดนางจึงเป็นโรคแพ้อากาศหนาว ในตอนเด็กทำไมจึงเป็นปอดบวมได้ ดูเหมือนว่านางจะยังเล่าไม่หมดเจ้ารีบไปสืบมาอย่างน้อยพวกเราจะได้เตรียมป้องกันเอาไว้”
“ขอรับ”
“เอารายงานของนางที่เคยส่งมาจากหยุนหนานมาให้ข้าอีกที”
“แต่ท่านบอกว่าไม่น่าสนใจ”
“ข้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนวันนี้อีก หากว่านางเกิดเป็นอะไรขึ้นมาพวกเราทั้งหมดจะต้องหัวหลุดจากบ่าเจ้าไม่เข้าใจหรอกหรือ”
“ทราบแล้วขอรับ”
จื่อรุ่ยรีบเดินออกไปเอารายงานที่เขาสั่งทันที แม้ว่าจะรับคำสั่งแต่จื่อรุ่ยเองก็รับรู้ถึงความผิดปกติของผู้เป็นนาย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยเห็นราชครูจินผู้นี้จะยิ้มเช่นนั้นมาก่อน อีกอย่างวันนี้ราชครูจินไม่จำเป็นจะต้องออกไปตามหาท่านหญิงด้วยตัวเองก็ได้ แต่เขากลับหานางจนพบโดยใช้เวลาไม่นานอีกทั้งยังพานางขี่ม้าตัวเดียวกันกลับมาจนถึงอาราม
“ไม่สนก็ไม่สน ปากแข็งนักสักวันเถิดขอรับคุณชาย หากว่ามีชายอื่นเข้ามาเมื่อไหร่ข้าจะรอดูไหน้ำส้มที่ท่านดองเอาไว้แตกกระจาย”
เมื่อเขานำม้วนรายงานมาวางให้ตามสั่ง จินอวี้หานนั่งอ่านรายงานของท่านหญิงด้วยความสนใจซึ่งก่อนหน้านี้เขาเองก็นำมาให้ราชครูจินอ่านแล้วแต่เขากับหยิบขึ้นมาอ่านเพียงเล็กน้อยและตัดสินนางหลังจากอ่านไปเพียงสามหน้า
“ที่แท้ก็เป็นสตรีน่าเบื่อที่ไม่เอาไหน ขี้โรคและโชคร้ายจะแต่งกับผู้ใดบุรุษผู้นั้นก็ต้องมีอันเป็นไป ไม่น่าสนใจแค่จัดการตามหน้าที่ให้เสร็จก็พอ สามเดือนที่มีค่าของข้าต้องมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเช่นนี้งั้นหรือ ฝ่าบาททรงคิดสิ่งใดอยู่กันแน่นะ”
แต่วันนี้หลังจากที่ท่านหญิงมาพักอยู่นี่เพียงเดือนกว่า ๆ ท่าทางของราชครูจินกลับเปลี่ยนไป นับตั้งแต่ที่เขาไปตามหานางด้วยตนเอง แม้แต่ใต้เท้าเจิ้งและใต้เท้าเสิ่นเองก็ไม่เคยเห็นท่าทางร้อนรนของจินอวี้หานเช่นวันนี้มาก่อน อีกอย่างเขายังกล้าสั่งลงโทษคนของตำหนักเต๋อหนิง ซึ่งถือว่าท้าทายพระราชอำนาจของฮองเฮาอย่างเปิดเผย
“คุณชายท่านยังไม่ง่วงหรือขอรับ”
“เจ้าง่วงก็ไปนอนก่อนเถอะ อีกสักพักข้าจะไปนอนเอง”
“เหตุใดต้องสนใจเรื่องของท่านหญิงถึงเพียงนี้”
“นี่จื่อรุ่ย”
“ขอรับ”
“เจ้าคิดว่าหลังจากที่ท่านหญิงทำพิธีปัดความชั่วร้ายออกไปหมดแล้ว พวกคู่หมั้นเก่าหรือบุรุษอื่นจะกลับมาสนใจท่านหญิงอีกหรือไม่…."
จื่อรุ่ยถึงกับตาสว่างและหายง่วงเมื่อราชครูจินเอ่ยถามเรื่องนี้ขึ้นมา แม้ว่าเขาจะพยายามปรับน้ำเสียงให้นิ่งแต่อาการมือที่สั่นนั้นกลับปิดไม่มิด“คุณชาย ท่านสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือขอรับ”“ข้าก็แค่อยากรู้ว่าสาเหตุการตายที่แท้จริงของอดีตคู่หมั้นของท่านหญิงเกิดจากโรคภัยหรือว่าสิ่งใดกันแน่ อีกอย่างมีบุรุษหมั้นหมายถึงสามครั้งแต่กลับมิได้แต่งงานด้วยเหตุผลใกล้เคียงกันเจ้าไม่คิดว่ามันน่าสงสัยหรอกหรือ”“พวกเขามิได้น่าสงสัยหรอกขอรับ ท่านต่างหากที่น่าสงสัย”“อะไรนะ เจ้าพึมพำอะไร”“เปล่าขอรับ คู่หมั้นคนแรกของท่านหญิงเป็นกองหน้ารักษาชายแดนใต้ เขาตายเพราะถูกข้าศึกฆ่าระหว่างออกรบ คนต่อมาเห็นว่าถูกสตรีที่เขาไปทำร้ายจิตใจเอาไว้วางยาพิษในสุราหลังจากที่เขาไปนัดดื่มเพื่อบอกลานาง ส่วนคนสุดท้ายเห็นว่ารักสตรีอื่นอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วและอีกฝ่ายกำลังตั้งครรภ์เขาเลยพานางหนีเพราะเกรงกลัวความผิด”“เช่นนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวกับนางเลย โชคร้ายอะไรกันข่าวลือเหล่านั้นช่างเหลวไหลยิ่งนัก นางก็แค่โชคร้ายเท่านั้นเอง ใช่แล้ว”จื่อรุ่ยจับน้ำเสียงที่ระคนความดีใจได้เล็กน้อยซึ่งเขาไม่เคยเห็นจินอวี้หานใช้มาก่อน แต่เมื่อราชครูหันมามองหน้าจ
“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ เอ๊ะผ้าของข้า…”“ไม่ต้องเก็บมันเปื้อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปซื้อในเมืองแต่ตอนนี้ท่านนั่งให้สบายก่อนเถอะ”“เอ่อ ข้าขอโทษที่ทำท่านเดือดร้อน”เขานึกขำกับคำขอโทษของนาง เขาน่ะหรือจะเดือดร้อนทั้ง ๆ ที่นางเป็นคนที่เสียหายจากเรื่องนี้แท้ ๆ เขายิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีระหว่างที่พานางลงเขาไปช้า ๆช่างน่าแปลกที่ทิวทัศน์เดิม ๆ ในวันนี้กลับทำให้เขาไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและสามารถลืมเรื่องราวเคร่งเครียดบางอย่างลงไปได้ชั่วคราว จนเข้ามาถึงในเมืองเขาก็ผูกม้าฝากไว้ที่โรงพักม้าก่อนจะพานางไปซื้อผ้าคลุมหน้าอันใหม่“ว้าว ผืนนี้ปักรูปดอกเหมย ข้าเอาผืนนี้”เขาหยิบเงินจ่ายให้นางก่อนจะรับผ้ามาจากมือนางเพื่อผูกให้ หงหลินซินแทบจะยืนไม่อยู่เมื่อจินอวี้หานเอื้อมมาสวมผ้าคลุมหน้าให้นางอย่างเบามือ“ท่านไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้”“หลินซิน เจ้าว่าอย่างไรนะ”“ท่าน...”“ยังไม่เรียกพี่อวี้หานอีกงั้นหรือ”“ข้า…”เขาต้องดึงนางเข้ามาเพื่อแสร้งทำเป็นผูกผ้าด้านหลังแต่หันมากระซิบ“ออกมาข้างนอกเช่นนี้ท่านจะต้องปกปิดฐานะตัวเอง ดังนั้นทำตามที่ข้าบอกมิเช่นนั้นวันนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าได้พาท่านหญิงออกมาเที่ยว”เขาผูกผ้าคลุม
“เอ่อ ข้า…”“ข้าไม่แปลกใจหรอกหากว่าท่าจะคิดเช่นนั้น เอาล่ะข้าอิ่มแล้ว ไปที่อื่นกันเถอะ”นางหันไปคว้ามือของเขาเพื่อลุกขึ้นแต่เขาดึงนางเข้ามา จังหวะไม่ดีเพราะนางดันหันมาและล้มใส่อ้อมกอดเขาพอซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะดึงนางแรงขนาดนั้น“เอ่อ…ขออภัยข้าก็แค่จะสวมผ้าผูกหน้าให้เจ้าก่อน”เขารีบดึงผ้าคลุมหน้าลายดอกเหมยออกมาในทันที หลินซินรีบถอยออกมาและคว้าผ้าคลุมหน้าไปผูกทันทีเพื่อปิดบังใบหน้าที่แดงจัดของนางตอนนี้ให้ทัน“เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”นางเดินก้มหน้าเพื่อหนีเขาแต่อีกฝ่ายกลับดึงแขนนางและพาเดินออกไปได้อย่างหน้าตาเฉยจนนางนึกเลื่อมใสเขาจริง ๆ เมื่อเดินออกมาเขาก็พานางมาเดินตรอกที่ขายขนมและของเล่น ซึ่งหลินซินถึงกับลืมเรื่องที่จะต้องทำหลังจากนี้ แม้แต่จินอวี้หานเองก็ลืมเรื่องความแค้นและพานางเดินเล่นอีกทั้งยังกินถังหูลู่ที่นางซื้อมาให้อีกด้วย“หวานมากเลยเหตุใดผู้หญิงจึงชอบกินกันนักนะ”“อื้ม…. อร่อย”“อร่อยแล้วทำไมต้องหลับตาเช่นนั้น”“ก็มันเปรี้ยวมาก”เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและเช็ดปากให้นาง หลินซินเริ่มคุ้นชินกับการที่เขามักจะทำเช่นนี้จึงได้แต่ยอมให้เขาเช็ดปากให้ ราวกับเรื่องราวทุกอย่างหยุดนิ่
“คุณหนู ไม่นะหากท่านจะโบยก็โบยข้าสิ”“เจ้าไม่ต้องห่วงหากเจ้าอยากถูกโบยข้าก็จะสงเคราะห์ให้”“ช้าก่อนแม่นางซาน ท่านหญิงเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาทเหตุใดท่านสั่งลงโทษโดยพลการเช่นนี้”“ใช่ อย่างน้อยต้องรอท่านราชครูกลับมาก่อนแล้วค่อยแจ้งเขาถึงจะถูก ท่านทำเช่นนี้มิกลัวถูกท่านราชครูตำหนิเอางั้นหรือ”ซานหวนชิงชูพระราชเสาวนีย์ของฮองเฮาขึ้นทำให้ใต้เท้าเจิ้งและใต้เท้าเสิ่นไม่กล้าปริปากอีก“ข้าทำตามบัญชาของฮองเฮา หรือว่าใต้เท้าทั้งสองก็เห็นดีเห็นงามกับการที่ท่านหญิงทำผิดกฎและแอบหนีออกไปเช่นนี้ อีกอย่างนี่ก็น่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำด้วยสินะ”“เอ่อ…”“ข้าหลวงซาน ที่แท้เจ้าก็จ้องจับผิดและหาเรื่องทำโทษข้าอยู่แล้ว เอาสิหากว่าจะทำให้เจ้าหายโมโหเรื่องที่ราชครูจินเมินเฉยต่อเจ้า ข้าเข้าใจว่าเจ้าคงอยากจะระบายความแค้นกับใครสักคน ทำอย่างไรได้เล่าคนที่ไม่รักพยายามเช่นไรเขาก็ไม่ชายตาแลมองหรอก”“ท่านหญิง!! ท่านกำลังท้าทายข้าอยู่งั้นหรือ ดูเหมือนว่าท่านจะไม่กลัวเลยสินะ”“หึ ข้าน่ะหรือจะกลัว คนที่กลัวควรจะต้องเป็นเจ้าต่างหาก”“ฮ่า ๆ ๆ ท่านหญิง ท่านนี่นอกจากจะเป็นตัวซวยแล้วยังเป็นคนที่โง่กว่าที่ข้าคิดเอาไว้เสียอีก
ฝ่าบาทที่ทรงกริ้วจนพระพักตร์แดงจัดอีกทั้งพระหัตถ์ที่กำแน่นด้วยความแค้นหากวันนี้พระองค์มิได้สั่งลงโทษนางข้าหลวงผู้นั้นคงจะไม่หายแค้นพระทัยเป็นแน่แท้“เจ้าลองว่ามา ก่อนที่ข้าจะทนไม่ไหว”“กระหม่อมมีรายงานของหมอหลวงที่เข้าทำการรักษาท่านหญิงเมื่อคืนนี้มาให้ สิ่งนี้เป็นหลักฐานได้ว่านางข้าหลวงชั่วผู้นั้นลงมือโดยพลการ อาศัยความแค้นส่วนตัวและลงมือกับท่านหญิงเพื่อระบายความแค้นพ่ะย่ะค่ะ”“ดี แล้วเช่นไรต่อ ความผิดเพียงเท่านี้ก็เพียงพอให้นางตายได้แล้ว!!”“ฝ่าบาท นางบังอาจแอบอ้างพระราชเสานีย์ของฮองเฮาเพื่อทำร้ายท่านหญิง กระหม่อมเกรงว่าหากมีครั้งแรกคงจะต้องมีครั้งต่อไป”“ข้าเข้าใจเจ้าแล้ว เรื่องนี้ข้าจะสั่งมิให้นางเข้ามายุ่งเกี่ยวอีก”“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ เรื่องสุดท้ายเพื่อมิให้ทั้งสองพระองค์ต้องบาดหมางพระทัย กระหม่อมคิดว่า….”ครึ่งชั่วยามถัดมา เสียงกลองดังขึ้นเป็นสัญญาณในการประชุมราชสำนักช่วงเช้า กงกงเดินออกมาพร้อมกับประกาศต่อหน้าบรรดาขุนนางและนักโทษที่ถูกมัดอยู่ในรถนักโทษพร้อมกับความสงสัยของแต่ละคนที่เดินเข้าในท้องพระโรง แน่นอนว่าข่าวนี้ไปถึงฮองเฮาที่ตำหนักเต๋อหนิงในทันที“ว่าอย่างไรนะ”“ทูลฮองเฮา
“คุณหนูท่านจะบอกข้าว่า ท่านยอมถูกโบยเพื่อจะกำจัดข้าหลวงซานและคนของฮองเฮาออกไปจากอารามหรือเจ้าคะ”หงหลินซินยิ้มออกมาแม้ว่าจะอ่อนแรงแต่ก็เต็มไปด้วยความเลือดเย็นไม่ต่างกับรอยยิ้มของราชครูจิน เนี่ยถงพึ่งเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดก็ตอนนี้เอง ว่าทั้งหมดคงเป็นแผนการของท่านราชครูและท่านหญิงที่ร่วมกันกำจัดนางข้าหลวงไร้มารยาทผู้นั้น“แต่ข้าก็คิดไม่ถึงว่าราชครูจะจัดการนางถึงตายแบบนั้น คิดว่าแค่สั่งโบยและเนรเทศ แต่ก็เข้าใจได้เพราะนางกล้าแอบอ้างคำสั่งฮองเฮาทำร้ายเชื้อพระวงศ์ โทษของนางไม่พ้นตายอยู่แล้ว อีกอย่างไม่คิดว่าฮองเฮาจะแล้งน้ำใจถึงเพียงนี้ นอกจากจะไม่ช่วยนางแล้วยังวางเฉย ถือว่าซานหวนชิงเลือกนายผิดตั้งแต่แรก”“คุณหนู ท่านโหดเหี้ยมพอ ๆ กับท่านราชครูเกินไปแล้วนะเจ้าคะ”“เอายามาทาให้ข้าเถอะเร็วเข้า”“เจ้าค่ะ”เนี่ยถงหันมาหยิบยาที่หมอหลวงผสมเอาไว้ให้ทางไปที่แผลด้านหลังของท่านหญิงที่เริ่มแตก แม้ว่าจะไม่ได้รุนแรงมากเหมือนกับแผลของซานหวงชิง แต่สำหรับสตรีตัวเล็กอย่างหลินซินก็นับว่าหนักหนาพอสมควร“คิดไม่ถึงเลยว่าท่านราชครูที่เห็นว่าใบหน้ารูปงามดุจเซียนปั้นพอจะสวมบทโหดก็น่ากลัวจนไม่กล้าคิด”“เจ้าคิดว่าตำแ
“ท่านหญิง ท่านโกรธข้างั้นหรือที่ทำเช่นนี้ ข้าให้นางรับโทษตาย...”“ราชครูจิน ท่านเป็นคนฉลาดแม้ข้าจะร่วมเล่นละครไปกับท่านเพราะตัวข้าเองก็ต้องการที่จะกำจัดนาง แต่ข้าก็ไม่คิดว่าท่านจะลงโทษนางถึงตาย”“ถึงข้าไม่ทำ ฝ่าบาทก็ต้องตัดสินพระทัยเช่นนี้ ร่างกายท่านมีค่าดุจทองพันชั่งถึงอย่างไรคนเช่นนางก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง”“ท่านน่ากลัวเกินไป ข้าไม่รู้ว่าในใจของท่านมีเรื่องใดอยู่ในนั้นบ้าง ท่านเป็นคนที่ข้าเข้าไม่ถึง ไม่เข้าใจและตอนนี้ท่านทำให้ข้าเริ่มกลัว”“หากท่านอยากรู้เรื่องของตัวข้า หลังจากนี้ข้า…”“ช่างเถอะถือว่าข้ามิได้พูด จินอวี้หานคนที่พาข้าเที่ยวในเมืองเมื่อวานกับราชครูจิน...ช่างแตกต่างกันมากจริง ๆ”“ฝ่าบาทเป็นห่วงอาการของท่านมาก ยังเหลือเวลาอีกประมาณสองเดือนหลังจากนี้ที่ท่านต้องทำพิธีให้ครบถ้วนตามกำหนดการเดิมของโหรหลวงและกรมวัง แม้ว่าท่านไม่อยากทำแต่เรื่องนี้ก็ได้ดำเนินการไปกว่าครึ่งแล้ว หากท่านทำพิธีเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้วท่านยังอยากจะจากไป ถึงเวลานั้นข้าจะไม่รั้งท่านอีก แต่ข้าขอร้องท่าน…”“ก็ได้ ข้าจะอยู่ทำพิธีจนครบตามคำสั่งฝ่าบาท ท่านคงไม่ลืมเรื่องที่รับปากข้าเอาไว้”“ข้าจะพยายามหาเวลาให้ท่
“อะไรนะขอรับ! นี่หมายความว่า…”“พระชายาของท่านอ๋องเป็นบุตรีของอดีตเสนาบดีในเมืองหลวงและเป็นอดีตคนที่ฝ่าบาทคิดจะอภิเษกด้วย แต่ว่าพระชายาเลือกอภิเษกกับท่านอ๋อง ทั้งคู่รักกันมาก่อน แต่ครั้งนั้นจ้าวเซี่ยจวินซึ่งถูกแต่งตั้งเข้าวังเพราะเป็นบุตรสาวแม่ทัพใหญ่นางจึงได้เป็นชายาองค์รัชทายาทเพราะอดีตฮ่องเต้ต้องใช้กำลังทหารสกุลจ้าวร่วมทำศึก”“ดังนั้นฝ่าบาทจึงสั่งให้ท่านมาดูแลท่านหญิงเพียงเพราะว่านาง…”“ฝ่าบาทมิได้คิดอะไรกับชายาท่านอ๋องแล้วแต่ผู้ที่มีใจริษยาอย่างฮองเฮาต่างหากที่ไม่ยอมรามือ ดังนั้นท่านอ๋องในตอนนั้นยังเป็นองค์ชายรองจึงขอไปปกครองหยุนหนานเพื่อลดความขัดแย้งระหว่างรัชทายาทกับพระชายา แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอดีตฮ่องเต้จะมาสิ้นพระชนม์ก่อนหน้านั้นไม่นาน พวกพระองค์จึงต้องรั้งอยู่ที่เมืองหลวงอีกสามปีให้ผ่านช่วงไว้ทุกข์ไปก่อน”“หรือว่าในวันที่อดีตฮ่องเต้สวรรคตจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นายท่านที่อยู่ในเหตุการณ์จึงถูกพระชายาองค์รัชทายาทสั่งกำจัดหลังจากผลัดแผ่นดิน”“นี่คือสิ่งที่ข้าตามสืบอยู่กว่าสิบปี แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์นั้นล้วนแต่สิ้นชีพไปจนหมดแล้วดังนั้นเบาะแสในช่วงเวลานั้นก็มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้”
ห้องอาบน้ำ “มาแล้ว ๆ อวี้หยวนเจ้าอย่าเล่นขี้โกงมานี่เลยยังไม่ได้ขัดหลังเดี๋ยวท่านแม่จะบ่นเอาได้นะมานี่เร็ว ๆ เข้าพ่อจะขัดหลังให้”“ท่านพ่อเบา ๆ ขอรับ แม่นมชอบใช้บวบนั่นมาขัดให้ข้ามันเจ็บมากแต่ข้าก็อดทน แม่นมหลงบอกว่ามันจะทำให้คราบไคลที่สกปรกออกไปได้”“แม่นมพูดถูกต้องแล้ว พ่อรับปากว่าจะทำเบา ๆ”“แต่ข้ารู้สึกว่าเวลาที่ท่านแม่อาบน้ำให้ข้าจะเบามือมากกว่านี้เยอะเลย ข้าอยากจะอาบน้ำกับท่านแม่อีกขอรับ”มือของอวี้หานชะงักไปเล็กน้อยและหันไปมองหน้าลูกชายที่กำลังเพลิดเพลินกับการอาบน้ำและลอยของเล่นในสระกว้างแต่ไม่ทันสังเกตแววตาตึงเครียดของบิดาที่มองมาที่เขา“เจ้า... เคยให้ท่านแม่อาบน้ำให้งั้นหรือ”“ขอรับ”“แล้วนางอาบกับเจ้านานหรือไม่”“ก็นานนะขอรับ”“แล้วแม่ของเจ้า…”“ท่านแม่ทำไมหรือขอรับ”“แม่ของเจ้าถอดชุดหรือไม่ตอนที่อาบน้ำให้เจ้า”“ถอดขอรับ นางสวมเพียงชั้นในและอาบน้ำให้ข้า”“ตอนไหน”“ก็ตอนที่ท่านพ่อไปประชุมในวังหลวง”“กี่ครั้ง”“ก็… บ่อยอยู่นะขอรับ ท่านพ่อ…ท่านถามเช่นนี้ทำไม โอ๊ย!!”“อวี้หยวน! เจ้าเป็นผู้ชายนับจากนี้ไปนอกจากแม่นมและข้าเจ้าห้ามอาบน้ำกับท่านแม่ของเจ้าอีกเข้าใจหรือไม่”“ทำไมเล่าข
ห้าเดือนถัดมา หงหลินซินคลอดลูกชายได้เกือบสองเดือนแล้วเมื่อท่านอ๋องส่งข่าวมาให้จินอวี้หานทราบว่ากำลังจะเดินทางมาเยี่ยมพวกเขาที่เมืองหลวง ตอนนางคลอดจำได้ว่าองค์รัชทายาทกับพระชายามาเยี่ยมพร้อมกับมอบหยกประดับและดาบที่ทำจากทองเล็ก ๆ มามอบให้เป็นของรับขวัญหลานชาย“ไหน หลานข้าเล่าอยู่ที่ใด”“ท่านพ่อพระทัยเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้หลินซินกำลังให้นมอยู่ข้างใน”“งั้นหรือ เหนื่อยเจ้าแล้วนะอวี้หาน เห็นบอกว่าเจ้าตัวเล็ก “อวี้หยวน” ตัวแสบร้องกวนทั้งคืนแล้วยังไม่ยอมอยู่ห่างอกมารดาด้วยงั้นหรือ แม่นมสามคนก็เอาไม่อยู่ช่างร้ายกาจจริง ๆ”“พ่ะย่ะค่ะติดแม่เอาเรื่องเหมือนกัน กว่าที่หลินซินจะได้พักก็ตอนที่อวี้หยวนหลับพ่ะย่ะค่ะ”“เลี้ยงยากเอาการเหมือนเจ้าเลยนะนี่ ตอนที่จินฮูหยินคลอดเจ้าออกมาก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน ข้าจำได้ว่าตอนนั้นหล่าจินน่ะต้องวิ่งเต้นหาหมอและแม่นมมาช่วยนาง เฮ้อ… มาตอนนี้ดูแล้วลูกชายจะได้เจ้ามาเต็ม ๆ เลยนะ เพราะตอนที่ซินเอ๋อร์คลอดนางแทบจะไม่กวนมารดาของนางเลย”“จริงหรือพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าน่ะอยู่เห็นเจ้าคลอด ตอนนั้นเหล่าจินรีบกลับมาที่จวนเพราะทราบว่าฮูหยินคลอดบุตรชาย ตัวเจ้ากลมเหมือนแป้งทำขนม พวกเร
หลังจากเหตุการณ์ร้ายได้ผ่านพ้นไปกว่าสามเดือน ฝ่าบาทจึงได้แต่งตั้งองค์ชายสี่ “หมิงหรงผิงจวิ้น” ขึ้นเป็นองค์รัชทายาทแห่งชิงโจว หลังจากนั้นก็เริ่มให้องค์รัชทายาทดูแลเรื่องราชกิจบ้านเมืองและมอบตราพยัคฆ์ซึ่งเดิมทีเป็นของแม่ทัพจ้าวหนานเซิ่ง กลับมาให้องค์รัชทายาทดูแล “พระชายาซ่างกวนฉินเลื่อนยศเป็นพระชายาองค์รัชทายาท ส่วนแม่ทัพซ่างผู้เป็นบิดาก็เลื่อนยศเป็นแม่ทัพกององครักษ์เกราะขาวแทนองค์รัชทายาท”“เช่นนั้นฝ่าบาทก็ทรงลดบทบาทหน้าที่ลงไปมากแล้วสินะเจ้าคะ ท่านพี่แล้วท่านเล่าได้เลื่อนยศกับเขาด้วยหรือไม่”“ข้าน่ะหรือ ที่จริงก็อยากเป็นแค่ราชครูเช่นเดิมอยู่หรอกแต่ว่าฝ่าบาทกับท่านพ่อไม่ยอม ดังนั้นจึงต้องเป็นอัครมหาเสนาบดีแทนใต้เท้าหลี่ที่ขอลาออกไปใช้ชีวิตที่เหลือที่บ้านเกิด”“ใต้เท้าหลี่ ข้าได้ข่าวว่าเขานำเถ้ากระดูกของหลี่ชิงเหมยกลับซางโจวบ้านเกิดด้วยเห็นว่าจะพาไปฝังที่เดียวกับมารดาของนาง”“ใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนี่ดิ้นเก่งไม่เบาเลย เมื่อคืนข้าลูบท้องเจ้าดูยังถูกเขาถีบตั้งหลายครั้ง ข้าสงสารเจ้าเหลือเกินแล้วฮูหยิน”“อีกไม่กี่เดือนก็คลอด ไม่เป็นไรเจ้าค่ะตอนนี้ท่านพ่อก็กลับไปที่หนานหย
จวนราชครู “อาจารย์ท่านจะมาตั้งสำนักอยู่ที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือเจ้าคะ เช่นนั้นข้าก็ไม่เหงาแล้ว”“แน่นอนนี่เสี่ยวซิน ข้ากับอาจารย์ตกลงกับท่านอ๋องเอาไว้แล้ว จากเมืองหลวงถึงหนานหยางไม่ได้ไกลมากหากว่าเจ้าทะเลาะกับเจ้าศิษย์เขยนั่นเมื่อไหร่ข้าก็จะพาเจ้าหนีกลับหนานหยางได้ทันที”“อะแฮ่ม… พวกเจ้าเสียมารยาทจริง ๆ อาซินเจ้าต้องเข้าวังอีกมิใช่หรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ แต่ว่ารออวี้หานอยู่เขาบอกว่าจะพาคนมาพบท่านเจ้าค่ะ”“ใครหรือเสี่ยวซิน”“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นอย่างไรพวกเขามาแล้ว เอ๊ะ… สุ่ยเฉียนคงงั้นหรือ”“ใครหรือ”“เอ่อ…”จินอวี้หานและจื่อรุ่ยพาตัวสุ่ยเฉียนคงที่แต่งกายสุภาพด้วยชุดบัณฑิตสีขาวเดินตามพวกเขามาด้านหลัง สร้างความประหลาดใจให้กับหลินซินไม่น้อยเพราะจากนายบำเรอกลายเป็นบัณฑิตเช่นนี้ก็ทำให้สุ่ยเฉียนคงดูดีขึ้นไม่น้อย“นี่อาจารย์เต๋อหราน จากนี้ท่านรับปากว่าจะรับเจ้าเป็นศิษย์คอยช่วยดูแลสำนักที่เมืองหลวง”“ข้าน้อยสุ่ยเฉียนคงคารวะท่านอาจารย์เต๋อหราน จากนี้หากว่ามีสิ่งใดสั่งสอนหรือชี้แนะโปรดแนะนำได้เต็มที่ ศิษย์จะตั้งใจศึกษาวิถีแห่งปราชญ์และจะไม่ออกนอกลู่นอกทางอีกขอรับ”“อืม ดีแล้ว ดียิ่งนักต้าจื่
หลินซินถึงกับยืนไม่อยู่เมื่อได้รับรู้เรื่องนี้ จินอวี้หานรีบพยุงนางเอาไว้ทันทีแม้ว่าเขาเองก็จะตกใจไม่น้อยไปกว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้เช่นกัน“อะไรนะ นางตั้งครรภ์หรือ”"ใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจแต่ว่าระหว่างทางนางจะอาเจียนอยู่หลายครั้งแต่ก็กลั้นเอาไว้ได้ แต่ข้าแยกไปที่อารามหย่งอันจึงได้ให้นางมากับพวกท่านแทนก็เลยไม่ทันได้บอก“ข้าผิดไปแล้ว ข้าทำร้ายนาง…”“ไม่หลินซิน ท่านไม่ผิดอะไรเลยตลอดจนถึงตอนที่นางตัดสินใจบุตรในครรภ์ของนางยังปลอดภัยอยู่”“ใช่แล้วเสี่ยวซินเจ้าอย่าได้โทษตัวเองเป็นอันขาดนะ เรื่องนี้นางต่างหากที่คิดจะเอาชีวิตเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า”“ข้าจะพาท่านกลับไปพักที่จวน”หลินซินทำได้เพียงกอดรอบคอของเขาเอาไว้เพื่อให้จินอวี้หานอุ้มนางกลับไปก่อนจะบอกลาทุกคนที่อยู่ตรงนั้น อาจารย์และต้าจื่อตามท่านอ๋องกลับไปพักในวังตามคำสั่งของฝ่าบาทพร้อมกับเปิดตำหนักหลวงให้กับสำนักเทียนหลางได้พักผ่อนคืนนี้จวนราชครู “เหตุใดท่านพาข้ามาที่นี่”“ข้าจะพาท่านมาแช่น้ำอุ่นและจิบชาเพื่อผ่อนคลายกับเรื่องที่เจอ อีกอย่างจะได้ทำแผลให้ท่านด้วย”“แผลนี่น่ะหรือ ไม่ได้มากเท่าใดนักหรอกอวี้หานข้าควรจะรู้สึกเช่นไรดี”“เรื่องใดหรือ
ทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่คุกหลวงแล้ว เหลือเพียงหลี่ชิงเหมยที่ถูกจับอยู่ในรถม้า เสนาบดีหลี่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ได้แต่คร่ำครวญเพราะนางบาดเจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหว“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับบุตรสาวของข้าล่ะนี่ ผู้ใดทำเจ้ากันเหมยเอ๋อร์”“นางเจ้าค่ะ… นางทำร้ายข้าเจ้าค่ะท่านพ่อ นางช่างร้ายกาจนัก ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะเจ้าคะ”เสนาบดีหลี่เซินหันไปมองหงหลินซินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ จินอวี้หานก็เริ่มทำให้เขาเกิดความโกรธขึ้นมา ซึ่งจินอวี้หานรู้ดีและรีบเดินออกมากันเขาเอาไว้“เจ้าหรือ เหตุใดต้องทำร้ายลูกสาวข้า นาง...”“เสนาบดีหลี่!! ฟังข้าพูดก่อนเถอะขอรับ”“ราชครูจิน ท่านคงมิได้เห็นดีเห็นงามไปกับสิ่งที่คู่หมั้นท่านทำทุกเรื่องหรอกนะ ท่านรู้หรือไม่ว่าเพียงเท่านี้เหมยเอ๋อร์ก็ช้ำใจเพราะท่านมามากพอแล้ว”“ท่านเสนาบดีเองก็คงไม่ได้หลงเชื่อทุกสิ่งที่บุตรสาวท่านพูดโดยที่ไม่ฟังความจริงที่เกิดขึ้นหรอกกระมัง ท่านเป็นขุนนางผู้ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าคนเช่นข้าไม่เคยให้ร้ายผู้อื่น โดยเฉพาะกับสตรีเช่นนาง”“ข้า…เอ่อ คือว่า…”“ท่านพ่อ!! อย่าไปเชื่อพวกเขา ราชครูจินเองก็ทำร้ายข้าด้วยเช่นกัน”“อะไรนะ ท่าน!”“คุณหนูหลี่เหตุใดท่านไม่พูดให้จบ
“องค์หญิงห้าปากดีเกินไปแล้ว ข้าน่ะหรือจะเป็นคนขี้ขลาดถึงเพียงนั้น”"จ้าวหนานเซิ่ง" พี่ชายของจ้าวเซี่ยจวินฮองเฮาเดินออกมาพร้อมกับรองแม่ทัพและหน่วยคุ้มกัน เมื่อเห็นว่าทั้งหมดถูกล้อมเอาไว้เขาจึงคิดแผนการใหม่ให้ล่าถอยออกไปเพื่อตั้งทัพใหม่เข้าวังหลวง“ไม่พบกันนาน นึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะทรงตั้งท่านให้ขึ้นมาคุมกองทัพองครักษ์ป้ายทองจริง ๆ”“เฮ้อ.. ท่านเองก็โง่ดักดานอยู่เมืองใต้เสียนาน แม้ว่าจะแจ้งความผิดของน้องสาวท่านไปแล้วก็ยังไม่ยอมรับ ยังหาว่าเสด็จพ่อกลั่นแกล้งนาง ทั้ง ๆ ที่นางจิตใจเหี้ยมโหด หลายปีมานี้ก็สั่งฆ่าคนไปไม่น้อย ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะไม่เคยสำนึกเลยสินะ”“คนที่สมควรตายก็ต้องตาย มีเรื่องอันใดไม่สมเหตุผลกันเล่าองค์หญิง ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร ท่านรู้กฎข้อนี้ดีนี่”“เพราะข้ารู้ถึงได้มาล้อมพวกเจ้าเอาไว้ที่นี่”“ฮ่า ๆ ๆ ดูท่าว่าจะเสียแรงเปล่าแล้วล่ะองค์หญิง แม้ว่าจะหยุดยั้งกองทัพของข้าได้ แต่จะหยุดกองทัพที่เหลือของสกุลจ้าวที่มุ่งหน้าเข้าวังหลวงได้เช่นไรกัน”“ท่านหมายถึงกองทัพที่กลับออกไปทางอารามหย่งอันงั้นหรือ เสียใจด้วยที่ต้องบอกว่าแผนการของท่านไม่สำเร็จเสียแล้ว”“เจ้า!!… ราชครูจิน จินอว
หงหลินซินนั่งนิ่งเมื่อหันไปมองสายตาที่ตื่นกลัวแต่ยังกล้าข่มขู่นางอยู่ด้านใน “เจ้าแน่ใจหรือคุณหนูหลี่ว่าจะฆ่าข้าได้”“พรึด!”“โอ๊ย!!”มีดคมกริบพาดไปที่แขนของหลินซินจนเป็นรอย เลือดค่อย ๆ เริ่มไหลออกมาทีละนิด หลี่ชิงเหมยราวกับคนเสียสติเมื่อหันมามองนาง“ทีนี้เจ้ายังกล้าถามอยู่หรือไม่ว่าข้ากล้าแทงเจ้าหรือเปล่า”“เหตุใดเจ้าต้องกลัวลนลานเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพวกเราจะชนะ… ครั้งนี้เป็นแผนการของเจ้ากับองค์ชายสามสินะ”“เจ้าหุบปากนะ!!”“หึ ดูเหมือนว่าข้าจะเดาถูกเสียด้วยสินะ เจ้าร่วมกับองค์ชายสามแสดงละครตบตาคน แสร้งว่าโดนจับไปกองทัพของศัตรูหลอกให้จินอวี้หานพาตัวข้ามาแลกเปลี่ยน พอได้โอกาสก็จะสังหารแต่จินอวี้หานกลับเลือกที่จะปกป้องข้าและทำร้ายเจ้า แผนการของเจ้าจึงไม่สำเร็จดังนั้นจึงได้แค้นข้ามาก”“เจ้าหุบปากไปนะ!! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงให้เขาปกป้อง เขาเลือกข้าและพาเจ้ามามอบให้กับศัตรูเจ้ายังโง่เชื่อเขาอยู่งั้นหรือ นี่เจ้ามันโง่จริง ๆ ใช่หรือไม่”“เฮ้อ… หลี่ชิงเหมย คนที่โง่่คือเจ้าต่างหาก”“ฮ่า ๆ ๆ เจ้ามันโง่จริง ๆ หงหลินซิน โง่จนไม่รู้อะไรเลย”“ข้าน่ะหรือ ต่อให้ข้าโง่ก็ยังมีคนที่พร้อมจะปกป้องข้า จิน
“ที่ท่านบอกว่าจะติดตามโดยที่มิให้พวกเขาจับได้ คือแบบนี้น่ะหรือ ท่านแน่ใจแล้วหรือ”“แม้แต่ท่านยังมองไม่ออก เจ้าพวกโง่พวกนั้นก็อย่าหวังจับข้าได้เลย อีกอย่างเจ้าน่ะหลีกไป”“คุณชาย ท่าน…”“เนี่ยถงเจ้าอยู่ที่นี่ข้าจะไปกับต้าจื่อ หากมีเจ้าไปด้วยพวกเขาจะสงสัยและเปรียบเทียบได้”“คุณหนูแต่ว่า…”“เชื่อนางเถอะ ต้าจื่อนี่พลุสัญญาณ”“ขอรับอาจารย์ ว่าแต่คนของสำนักเทียนหลางเตรียมพร้อมแล้วหรือขอรับ”“พวกเขาจะรออยู่ด้านนอกเมืองเพื่อมิให้เป็นที่สนใจ ไม่ต้องห่วงเมื่อถึงเวลาแค่เจ้าจุดพลุสัญญาณนี้ก็ใช้ได้แล้ว”“ทราบแล้วขอรับ เสี่ยวซินไปกันเถอะ”จินอวี้หานพยุงหลินซินขึ้นบนรถม้า นางถือผ้าคลุมหน้าลายดอกเหมยที่เขาซื้อให้ครั้งก่อนมาด้วยและผูกเอาไว้ก่อนที่จะหันมามองหน้าอวี้หาน“ท่านแปลกใจอันใด”“ข้าคิดว่าท่านทิ้งมันไปแล้วเสียอีก ผ้านั่น...”“ท่านตั้งใจซื้อให้ข้า แม้ครั้งหนึ่งมันจะเคยถูกข้าหลวงซานเอามาอุดปากข้าแล้วก็ตาม แต่ก็ยังเป็นผ้าผูกหน้าที่ข้าชอบมากที่สุด คนทั่วเมืองหลวงรู้ว่าข้าขี้โรค ดังนั้นเพื่อความสมจริงครั้งนี้ก็คงต้องใช้สักหน่อย”“ข้า…”“ดูท่านทำหน้าเข้าสิ ท่านมิได้ส่งข้าไปตายเสียหน่อย ครั้งนี้หากท่าน