Share

ตอนที่ 3. เผชิญหน้า (อีกครั้ง)

จ้าวหลิวหลีหันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่ออีกครั้ง นางอาจดูโง่เขลาเมื่อครั้งในอดีต แต่นั้นมันเมื่อก่อนมิใช่ปัจจุบัน ที่นางไม่มีคำว่ายินยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกต่อไป

            “เพราะอี้เหมยเห็นแก่คำว่าพี่น้อง เรื่องนี้นางจึงยังมิได้ทูลให้องค์ชายสี่ได้ทรงทราบ”

            เป็นชุ่ยเหนียงเฟย พระชายาเอกคนปัจจุบันในจ้าวอ๋องกล่าวแทรกขึ้นมา เมื่อเห็นพระสวามีเริ่มจนในคำพูด

            “ไม่มีความจำเป็นที่นางต้องทำเช่นนั้น เพราะการวางยาหมายกำจัดสายเลือดมังกร นับเป็นเรื่องใหญ่ที่มิอาจปล่อยผ่านไปได้ มิเว้นแม้แต่สายเลือดเดียวกัน คำว่าพี่น้องมิใช่ข้ออ้างให้ท่านอ๋องกับพระชายา มากล่าวหาข้าโดยไร้มูลความจริงอยู่อย่างนี้”

            “เอ่อ...”

            สองสามีภรรยาจนในคำพูด เมื่อเจ้าของบ้านตอบกลับมาด้วยเหตุผลที่หนักแน่นกว่า จ้าวอ๋องมองไปยังภรรยาที่ตอนนี้เอาแต่หลบสายตาของบุตรสาว

            แม้แต่เขาที่เป็นพ่อ ยังไม่หาญกล้าที่จะมองตาเอาเรื่องของบุตรสาวคนโตได้เลย คราแรกเขานับว่าถือหมากเหนือกว่า ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นเขาที่ตกเป็นรองในคำพูด

            “จะอย่างไรเรื่องนี้ ข้าก็ต้องหาความจริงให้จงได้”

            “หึ ๆ อย่าลืมหาเผื่อข้าด้วยนะเจ้าคะ ท่านอ๋อง”

            เอ่ยจบร่างระหงได้เดินจากคนทั้งคู่ โดยไม่คิดแยแสต่อความรู้สึกของผู้เป็นพ่อ ในวันที่นางซอกซ้ำทั้งร่างกายและจิตใจ สิ่งเดียวที่นางต้องการหาได้เป็นสิ่งของใดเลย มีเพียงอ้อมกอดของบิดาเท่านั้นที่นางโหยหา แต่ไม่เลยนางมิเคยได้รับมันแม้เพียงเศษเสี้ยว

            วันนี้ยิ่งกระจ่างชัดถึงความรู้สึกของบิดา ว่าที่ผ่านมานั้นเขาคิดเช่นใดต่อนางกันแน่ ด้วยคำว่าพ่อลูกทำให้นางเพียรพยายามเข้าข้างตนเองว่าบิดาเพียงเลอะเลือน ไปชั่วขณะเท่านั้น

            นางคิดผิดมาโดยตลอด นอกจากจะมิได้เลอะเลือนแล้ว บิดายังจงใจที่จะใช้นางเป็นเพียงบันไดส่งให้บุตรสาวอันเป็นที่รักของเขา ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่เหนือกว่าสตรีใดในแผ่นดิน

            “ท่านพี่อย่าได้มีโทสะไปเลยนะเจ้าคะ เป็นข้าที่อบรมนางไม่ดีเอง จึงทำให้หลิวหลีคิดเสมอว่าข้าลำเอียงกับนางมาตลอด”

            ชุ่ยเหนียงเฟยวางมือบนท่อนแขนของสามี พร้อมเอ่ยปลอบโยนพร้อมแสดงความสำนึกผิด

            “เรื่องนี้เจ้าไม่ผิด แต่เพราะนางมิรักดีเอง ตัวนางเกิดมาพร้อมสรรพทุกสิ่งอย่าง แต่กลับริษยาน้องสาวแท้ ๆ จนทำให้ตัวเองและครอบครัวต้องอับอาย”

            จ้าวหลิวหลีที่ยังเดินออกไปไม่ห่างมากนัก ยกยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นพ่อ หญิงสาวทำได้เพียงปล่อยความรู้สึกทั้งหมดทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง นับแต่วันนี้นางและสกุลจ้าว คงเป็นเพียงเส้นขนานเท่านั้น มิอาจเกื้อหนุนกันได้อย่างสนิทใจแล้ว

            “ฮูหยินเจ้าคะ”

            “ข้าไม่เป็นไรเสี่ยวเชี่ยน เรื่องนี้มิใช่ปัญหาของข้าผู้เดียว อีกไม่กี่วันท่านแม่ทัพก็กลับมาแล้ว ต่อให้เขาชิงชังข้าเพียงใด ข้าก็มั่นใจว่าในฐานะสามีเขาจะปกป้องข้าจนถึงที่สุดเช่นกัน”

            จ้าวหลิวหลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้า มิว่าสีหน้าหรือความรู้สึกภายในของนางในตอนนี้นั้น หาได้แตกต่างกันสักนิด นางไม่คิดใส่ใจกับสิ่งที่บิดากล่าวหา

            เมื่อน้องสาวและมารดาเลี้ยงชื่นชอบความยิ่งใหญ่ นางจะจัดให้อย่างสาแก่ใจเช่นกัน สองนายบ่าวก้าวออกจากเรือน ตรงไปยังหน้าจวนด้วยความเบิกบาน หาได้สนใจความกรุ่นโกรธที่อยู่เบื้องหลังไม่

จวนองค์ชายสี่ เสวี่ยเฟิง

            ณ เรือนอี้เหมย เพร้ง! เสียงเครื่องกระเบื้องแตกอยู่ด้านในห้องโถง บรรดานางกำนัลต่างพากันก้มหน้านิ่งเงียบอยู่ด้านนอก แม้เสียงร้องไห้คร่ำครวญของพระชายาเอกจะดังออกมาเป็นระยะ ทว่าพวกนางไม่มีสิทธิ์จะก้าวเข้าไปด้านในได้เลย

            “เจ้าสร้างเรื่องใส่ความผู้อื่น แล้วยังมีหน้ามาร้องขอความเมตตาจากข้าเช่นนั้นรึ”

            ชายหนุ่มขบกรามแน่นมองไปยังภรรยา ที่ตอนนี้นั่งอยู่กับพื้นด้วยน้ำตานองหน้า สิ่งที่เขาได้รู้มาในวันนี้ มันช่างน่าขันนัก ทุกครั้งเขาหลับตาข้างหนึ่งเสมอต่อสิ่งที่ภรรยาได้กระทำ

            แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เช่นที่ผ่านมา มันมีหลายเรื่องที่พัวพันจนเขาอยากที่จะตัดสัมพันธ์สามีภรรยากับนางยิ่งนัก 

            “หม่อมฉันถูกใส่ความเพคะองค์ชาย หม่อมฉันไม่เคยที่จะกล่าวหาพี่หญิงเลยสักครั้งนะเพคะ”

            “เจ้าเห็นข้าเป็นลาโง่เช่นนั้นรึ จึงได้คิดว่าข้าไม่เคยรู้เห็นในสิ่งที่เจ้าทำ คนภายนอกอาจไม่รู้ แต่ข้าคือผู้ใดกัน เจ้าก่อเรื่องภายใต้จมูกของข้ามานับครั้งมิถ้วน ข้าแสร้งมองไม่เห็นมาตลอด แต่ครั้งนี้ข้าไม่อาจทนนิ่งเฉยต่อไปได้”

            “หากสตรีผู้นั้นมิใช่พี่หญิง องค์ชายคงมิเป็นเดือดเป็นร้อนถึงปานนี้สินะเพคะ ไยจึงได้ปกป้องนางทั้งที่นางคือภรรยาของผู้อื่น แล้วข้าเล่าข้าที่เป็นภรรยาของพระองค์ ไยจึงมองข้ามข้าอยู่ร่ำไปเพคะ”

            จ้าวอี้เหมยเอ่ยถามพระสวามีด้วยแววตาอันร้าวราน นางทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ ยินยอมแม้แต่ลงมือสังหารผู้คน เพื่อให้ได้เคียงข้างเขา เหตุใดในใจของเขาจึงได้มีเพียงพี่สาวผู้โง่เขลาของนางเท่านั้น

            “ฮึ! จ้าวอี้เหมย เจ้ามันดวงตามืดบอด จิตใจเต็มไปด้วยความคิดริษยา จนมองไม่เห็นถึงความเป็นจริงในปัจจุบัน ถึงข้าไม่ได้รักเจ้าแต่ก็มิเคยทำลายน้ำใจของเจ้าสักครั้ง ถนอมเจ้าเสมือนหยกเนื้อบาง เจ้าเคยรู้บ้างหรือไม่ ว่าพี่สาวของเจ้ามิเคยอยากที่จะยืนในจุดที่เจ้าอยู่ในตอนนี้เลยสักครั้ง”

            เสวี่ยเฟิง ข่มกลั้นโทสะเพื่อบอกถึงความเป็นจริง ที่ภรรยาของเขามองข้ามมันมาโดยตลอด เขาไม่มีสิทธิ์เลือกหัวใจตนเอง เพียงเพราะคำว่าองค์ชายที่ต้องช่วงชิงจุดยืนให้กับตนเองและพระมารดา

            สตรีที่เหมาะสมเท่านั้นจึงจะส่งเสริมเขา จ้าวอี้เหมยนั้นตามความเป็นจริง นางไม่มีสิทธิ์ที่จะยืนในตำแหน่งพระชายาเอกเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะจ้าวหลิวหลีอดีตคู่หมายของเขา กลายเป็นภรรยาของหลี่จ้าน

            เขาที่ต้องการผู้หนุนอำนาจเพื่อช่วงชิงตำแหน่งองค์รัชทายาท จำต้องมีสกุลจ้าวคอยเป็นฐาน เขาจึงเลือกจ้าวอี้เหมยมาทดแทนจ้าวหลิวหลี

            เขาไม่ปฏิเสธว่ารักในตัวของอดีตคู่หมาย สตรีที่หัวอ่อนเช่นจ้าวหลิวหลี เหมาะที่จะเป็นสตรีเคียงข้างเขา ตั้งแต่เล็กจนโตนางจะอ่อนโยน เห็นใจผู้อื่นอยู่เสมอ ความงามหาได้เป็นรองผู้ใด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status