Share

ตอนที่ 4  ที่เคยสัมผัส

ทว่ารอยยิ้มที่เขาเคยเห็นได้หายไปทีละน้อย นับตั้งแต่อดีตพระชายาเอกในจ้าวอ๋องตายไป ทุกอย่างเริ่มแปรเปลี่ยนแต่จ้าวหลิวหลียังคงเป็นหนึ่งดวงใจของเขาเช่นเดิม

            แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่วางเอาไว้ พระมารดาของเขาจึงได้ทำการสู่ขอจ้าวอี้เหมยเข้าจวนแทน พระมารดาคอยย้ำให้เขามองถึงจุดมุ่งหมายมากกว่าเรื่องความรัก ดังนั้นเขาจึงต้องปิดหูปิดตากับสิ่งที่จ้าวอี้เหมยทำมาโดยตลอด

            “ยังทรงเชื่อความเสแสร้งของนางอยู่อีกหรือเพคะ หม่อมฉันมีตรงไหนสู้นางมิได้บ้างเพคะ”

            จ้าวอี้เหมยเหมือนจะเริ่มควบคุมตนเองเอาไว้ไม่ได้บ้างแล้ว หญิงสาวหาญกล้าที่จะเอ่ยถามพระสวามี ที่เอาแต่โทษนางว่าทำเพียงเรื่องเลวร้าย โดยที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า ที่ผ่านมาเขาเองก็ใช้นางเป็นเพียงสะพานมุ่งสู่อำนาจเดียวเช่นกัน

            “เจ้าคิดเช่นนั้นหรืออี้เหมย หากเจ้ามิเพียบพร้อมข้าจะเลือกเจ้ามายืนในฐานะพระชายาเอกของข้าจนถึงทุกวันนี้หรือ”

            เสวี่ยเฟิงพยายามลดโทสะของตนเองลง เขายังไม่อยากให้เกิดความแตกหักขึ้นในตอนนี้ แต่ดูเหมือนจ้าวอี้เหมยจะรู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน นางจึงใช้สิ่งนี้บีบบังคับเขาอยู่กลาย ๆ

            “แล้วเหตุใดจึงมิทรงเชื่อคำของหม่อมฉันบ้างเล่าเพคะ”

            จ้าวอี้เหมยฉวยจังหวะเหล็กร้อนให้รีบตี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เช่นที่นางคาดการณ์เอาไว้ แม้ว่ามันจะผิดพลาดตรงที่พระสวามีรู้เรื่องนี้ก่อนที่นางจะทำสำเร็จก็ตามที

            เมื่อเขาล่วงรู้เรื่องนี้แล้ว นางก็แค่เพียงพลิกวิกฤตที่เกิดขึ้น ให้เป็นโอกาสอันดีแทนเสียเลย อย่างไรเสียพระสวามีก็มิอาจตัดขาดจากนางได้ในเวลานี้ นางจะทนรับรู้ถึงการมีอยู่ของจ้าวหลิวหลีอีกสักหน่อยก็มิเป็นไร

            “จ้าวอี้เหมย ถึงเจ้าจะฉลาดเพียงใด จงจำไว้ว่าในโลกนี้ยังมีผู้ที่เหนือกว่าเจ้าและข้าอีกมาก เรื่องนี้ตามจริงเจ้ามิคิดที่จะให้ข้าล่วงรู้ แต่เพราะเหตุใดเล่าจึงมีผู้ส่งข่าวเรื่องนี้มาให้ข้าได้รู้”

            “เป็นนางสินะเพคะ ที่คาบข่าวมาฟ้องพระองค์”

            จ้าวอี้เหมยเชิดใบหน้าขึ้นสูง พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นางไม่คิดเลยว่าจ้าวหลิวหลีคนเขลา จะหาญกล้ามาฟ้องสวามีของนาง เพื่อให้เขามาลงทัณฑ์แก่นางเช่นนี้

            “เจ้าคิดผิดแล้ว! หลิวหลีมิเคยจะสนทนากับข้าเลย นับตั้งแต่นางแต่งแก่สกุลหลี่ และช่างน่าผิดหวังที่เจ้าทำมันจริง ๆ เสียด้วย”

            จ้าวอี้เหมยถึงกับใบหน้าถอดสี เมื่อรู้ว่านางพลาดไปแล้ว แต่ถึงอย่างไรนางก็นับว่าถือหมากเหนือกว่าพระสวามีอยู่ดี เขาจะไม่มีวันตัดขาดนางจากชีวิตได้ ตราบใดที่ยังต้องช่วงชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทอยู่

            “หม่อมฉันไม่ได้ทำ ที่สำคัญพระองค์ทรงรู้ดีว่าข้าเหนือกว่าจ้าวหลิวหลีอยู่แล้ว หากต้องก้าวขึ้นสู่สิ่งที่ทรงวาดฝัน”

            จ้าวอี้เหมยเชิดใบหน้าขึ้นสูง นางยังมีบิดากับพี่ชายเป็นรากฐานสำคัญ ไม่ว่าจะพอใจหรือไม่พระสวามีก็มิอาจหย่าขาดจากนางได้ เพราะเขายังต้องการผู้หนุนหลังอยู่นั่นเอง

            “อย่าได้มั่นใจมากจนเกินไปอี้เหมย ข้าอาจมองข้ามเรื่องครั้งนี้ไปได้ แต่มิใช่ตลอดไป”

            เอ่ยจบร่างสูงได้ก้าวจากไปในทัน โดยไม่สนใจถึงอาการของพระชายา คราแรกเขาตั้งใจจะอ่อนข้อลงให้นางสักหลายส่วน เพื่อรักษาความรู้สึกมิให้แตกหักไปกว่านี้

            แต่ด้วยนิสัยหยิ่งผยองของนางทำให้เขาต้องรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ปีศาจในกายจะสำแดงออกมาให้นางได้เห็น

            “กรี๊ดดดด”

            เสียงกรีดดังขึ้นเมื่อลับร่างของพระสวามีไปแล้ว จ้าวอี้เหมยรู้สึกชาหนึบไปทั้งร่าง สิ่งที่สวามีของนางได้กระทำนั้น มันไม่ต่างจากการเอามีดกรีดใจนาง

            ‘ข้าแพ้เจ้าตรงไหนนังหลิวหลี ข้าไม่ดีตรงที่ใด ไยเขาจึงไม่เคยมองเห็นความรักของข้าบางเลย’

            จ้าวอี้เหมยใช้หลังมือปาดน้ำตาก่อนจะก้าวไปยังห้องนอน นางจะทำให้พี่สาวตัวดีหายไปจากสาวตาของทุกคนให้เร็วที่สุด มีนางต้องไม่มีคนเช่นจ้าวหลิวหลี

จวนจ้าวอ๋อง

            รถม้าคันหรูจอกเทียบหน้าบันได ก่อนที่ร่างระหงของธิดาคนรองของสกุลจ้าวจะก้าวลงจากรถม้า หญิงสาวไม่สนใจทหารยามและบ่าวไพร่ที่เอ่ยทำความเคารพ

            หญิงสาวเร่งก้าวตรงไปยังเรือนของมารดา เวลานี้ความชอกช้ำใจที่นางได้รับมา จำต้องได้รับการเยียวยาให้เร็วที่สุด และสิ่งนั้นคือความพินาศจ้าวหลิวหลีเท่านั้น

            “ท่านแม่!”

            จ้าวอี้เหมยวิ่งเข้าสวมกอดมารดา เมื่อก้าวพ้นประตูเรือนเข้าไปด้านใน หญิงสาวส่งเสียงสะอื้นเบา ๆ กับอกของผู้เป็นแม่ ความอัดอั้นที่นางเพียรเก็บเอาไว้มาโดยตลอด เวลานี้มันไม่อาจทานทนได้อีกต่อไปแล้ว

            “เกิดสิ่งใดขึ้น ไยเจ้าจึงร้องปานขาดใจเช่นนี้ลูกรัก”

            “เพราะมันคนเดียวท่านแม่ฮือ ๆ องค์ชายทรงรู้เรืองนั้นแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่...”

            เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะมายังจวนของมารดา ได้พรั่งพรูออกมาดั่งสายน้ำ ใบหน้าของชุ่ยเหนียงเฟยแสดงออกถึงความเจ็บแค้นแทนบุตรสาว มิว่าเวลาจะผ่านมานานเพียงใด

            ยังไม่อาจลบความเป็นจริงเรื่องชาติกำเนิดของจ้าวอี้เหมยได้ แม้ว่าเวลานี้นางจะยืนในตำแหน่งชายาเอก แต่ความเป็นจริงก่อนที่นางจะก้าวสู่จุดนี้ได้ นางก็เป็นเพียงสนมลำดับท้าย ๆ

            แต่เพราะนางเป็นที่เอ็นดูของอดีตพระชายาเอก จึงได้ชิดใกล้จ้าวอ๋องจนให้กำเนิดบุตรชาย ฐานะของนางจึงก้าวสู่คำว่าพระชายารอง จนเมื่อสิ้นอดีตพระชายาเอก

            นางจึงก้าวสู่คำว่าพระชายาเอกแทนในทันที ส่วนสนมคนอื่นนางหาได้เก็บไว้เป็นเสี้ยนหนามแม้แต่คนเดียว จะมีเพียงจ้าวหลิวหลี ที่นางไม่อาจแตะต้องได้อย่างโจ่งแจ้ง

            ด้วยความที่มารดาของจ้าวหลิวหลี คือพระนัดดาในฮองไทเฮา นางจึงต้องกลายเป็นมารดาเลี้ยงผู้เอ็นดูจ้าวหลิวหลีประหนึ่งลูกในอุทรชาติกำเนิดที่แตกต่าง ทำให้ผู้คนหันความสำคัญไปที่ลูกเลี้ยงของนางเสียหมด

            ขนาดจ้าวหลิวหลีทำเรื่องเสื่อมเสีย ทว่าหญิงสาวยังคงเชิดหน้าอยู่ในตำแหน่งฮูหยินแม่ทัพได้โดยไร้คำติเตียน

            ‘เจ้ามันตายยากเหลือเกินนักนะหลิวหลี ผู้ใดที่ทำให้ลูกของข้าชอกช้ำ มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต’

            “ไม่ต้องร้องลูกแม่ เรื่องนี้เจ้าวางใจแม่จะจัดการทุกอย่างให้เอง”

            ชุ่ยเหนียงเฟยลูบแผนหลังของบุตรสาวเบา ๆ พร้อมเอ่ยปลอบโยน นางต้องเร่งลงมือต่อลูกเลี้ยงให้เร็วที่สุด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายจนเกินแก้ไข

            “ข้าไม่ดีตรงไหนหรือเจ้าคะท่านแม่”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status