Share

ตอนที่ 12  เจ้าบังคับข้าเองนะ

            “เจ้าบีบบังคับข้าเองนะน้องรัก”

            “หุบปากเจ้าซะ! สิ่งเดียวที่เจ้ามีสิทธิ์พูด คือร้องขอความตายจากข้าหลิวหลี”

            เคร้ง! ยังไม่ทันที่ปลายกระบี่จะเฉียดผ่านกายจ้าวหลิวหลี กระบี่คมของเสี่ยวเชี่ยนก็ได้ต้านรับเอาไว้ได้ทัน จ้าวอี้เหมยสบเข้ากับดวงตาสุกใสของเสี่ยวเชี่ยน ที่กำลังยกยิ้มเย้ยหยันตัวนางอยู่ในตอนนี้

            ความกรุ่นโกรธปะทุขึ้นกว่าเดิมนับเท่าตัว จ้าวลู่ถงดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าสาวใช้ข้างกายของพี่สาวนั้น มีฝีมือในการต่อสู้ ซึ่งตลอดเวลาที่เสี่ยวเชี่ยนอยู่ในจวน เขาไม่เคยเห็นนางฝึกฝนกระบี่เลยสักครั้ง จ้าวลู่ถงจำต้องพุ่งเข้าหาเสี่ยวเชี่ยนเพื่อช่วยน้องสาว แต่ทว่า...

            “ท่านอ๋องน้อยเป็นบุรุษ ไยถึงได้กล้าลงมือต่อสตรีบอบบางด้วยเล่าขอรับ”

            เป็นเจาหยางที่เข้ามาขัดขวางชายหนุ่มเอาไว้ ทางด้านจ้าวหลิวหลีนั้น ยังคงนั่งดื่มชาโดยไร้ร่องรอยของคามตื่นตระหนกใด ๆ หวี๊ด! จ้าวลู่ถงเป่าปากเป็นสัญญาณบางอย่าง

            เพียงครู่เดียวได้มีกลุ่มชายชุดดำจำนวนหลายคน ได้พุ่งออกจากราวป่า จ้าวหลิวหลีทำเพียงโยนท่อนฟืนเข้าไปในกองไฟอีกหลายท่อน เพื่อโหมไฟให้ลุกโซนกว่าเดิม

            ชายชุดดำพุ่งเข้าหาจ้าวหลิวหลีที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม หญิงสาวเบี่ยงกายหลบดาบได้ทันท่วงที ทุกการเคลื่อนไหวของนางได้ตกอยู่ในสายตาของสองพี่น้อง

            จ้าวอี้เหมยฉวยจังหวะที่คนของตนเองเข้าช่วยเหลือ ผละจากเสี่ยวเชี่ยนแล้วพุ่งเข้าหาพี่สาวแทน ควับ! เพี๊ยะ! จ้าวอี้เหมยรู้สึกใบหน้าด้านหนึ่งแสบร้อนในทันที

            หญิงสาวได้ใช้มือกุมแก้มของตนเอาไว้ ก่อนจะตวัดสายมองไปยังผู้ที่ลงมือต่อนาง จ้าวอี้เหมยแทบกรีดร้องออกมาด้วยความคลั่งแค้น เมื่อเห็นว่าเวลานี้ในมือของพี่สาวนั้นกำลังถือสิ่งใดอยู่

            แส้สีเงินยวงเมื่อต้องแสงจากกองไฟ  มันกำลังขยับเคลื่อนประหนึ่งอสรพิษร้ายที่พร้อมฉกกัดผู้ที่เข้าใกล้ รอยยิ้มละมุนที่ประดับบนใบหน้าของจ้าวหลิวหลีในตอนนี้ มันมิต่างอะไรกับปีศาจที่พร้อมกลืนกินชีวิตของผู้คนภายในลานกว้างแห่งนี้

            “เป็นไปไม่ได้ เจ้ามันสตรีไร้ค่า”

            จ้าวอี้เหมยพึมพำกับตนเอง เมื่อเห็นว่าศัตรูหัวใจของนาง มิได้มีเพียงความงามที่มัดใจบุรุษ แต่ยังมีฝีมือในการต่อสู้อีกด้วย

            “ข้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาถกเถียงกับคนเช่นเจ้าอีก เมื่อเจ้าเลือกเส้นทางนี้ด้วยตนเอง ข้ามีหน้าที่เพียงทำตามปรารถนาของเจ้าเท่านั้น”

            จ้าวหลิวหลีเอ่ยกับน้องสาว ความอดทนของนางขาดสะบั้นนับตั้งแต่รู้ความจริงเรื่องมารดาแล้ว ถึงจะอย่างนั้นนางยังเมตตามอบทางเลือกให้แก่น้องสาวบ้าง

            ทว่าเมื่ออีกฝ่ายไม่รับ นางก็ไม่จำเป็นต้องสนใจคำว่าสายเลือดเช่นเดียวกัน เจตจำนงของน้องสาวที่มีต่อนางมาตลอดคือลมหายใจ

            “เส้นทางบ้าบออะไร ทางเลือกข้านั้นคือผู้ชนะ ส่วนเจ้าทางเลือกเดียวที่ข้ามีให้ คือความตายเท่านั้นหลิวหลี”

            สิ้นคำพูดจ้าวอี้เหมยได้พุ่งเข้าหาพี่สาวอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าสิ่งที่นางคาดเอาไว้มันไม่เป็นอย่างที่ต้องการ

            จ้าวหลิวหลี ไม่คิดที่จะหยอกเย้าน้องสาวอีกต่อไป แส้ในมือสะบัดออกไปพร้อมพลังแห่งการฆ่าฟัน เสียงแส้แหวกอากาศดัง ไม่ต่างจากมัจจุราชเรียกหาวิญญาณของมวลมนุษย์เลยทีเดียว

            จ้าวอี้เหมยเม้มริมฝีปากแน่น เพื่อข่มกลั้นความเจ็บปวดจากรอยแส้ของพี่สาว ดวงตาที่เต็มไปด้วยเกลียดชังมองฝ่าความมืดไปยังเป้าหมาย นางจะไม่มีคำว่าพ่ายแพ้เป็นอันขาด

            จ้าวลู่ถงพยายามที่จะผละออกจากเจาหยางให้ได้ แต่ดูเหมือนพ่อบ้านสกุลหลี่ ไม่ได้ล้มลงง่าย ๆ อย่างที่คิด เขาคอยมองการต่อสู้ของน้องสาวกับพี่สาวด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง

            กองไฟที่ได้รับการโหมกระพือจากสุราชั้นยอด ซึ่งอยู่ ๆ มีชายชาวบ้านโผล่ออกมาจากความมืด พร้อมโยนไหสุราเข้าไปในกองไฟ ทำให้รอบบริเวณสว่างจ้าสะท้อนเงาร่างของคนที่กำลังต่อสู้ดันอย่างดุเดือด

            จากการต่อสู้ที่จะได้เปรียบ ในตอนนี้จ้าวลู่ถงจำต้องคิดใหม่แล้ว เพราะจำนวนคนของเขาดูจะค่อย ๆ หายไปทีคนสองคน ทั้งจากฝีมือของพี่สาวและเสี่ยวเชี่ยนแล้ว

            ชายชาวบ้านที่มาใหม่ ดูจะมิใช่เพียงคนยากไร้โดยทั่วไปเสียแล้ว เพราะเพียงไม่กี่กระบวนท่า ชายผู้นั้นสามารถปลิดชีพคนของเขาไปหลายคนเลยทีเดียว

            “อี้เหมย!”

            จ้าวลู่ถงตะโกนเสียงหลง เมื่อเวลานี้ร่างของน้องสาวถูกเหวี่ยงไปชนเข้ากับขอบผาอีกด้านอย่างแรง ก่อนที่ร่างบางจะค่อย ๆ รูดลงกองอยู่กับพื้น ใบหน้าที่เคยเชิดสูงก้มลงจนแทบจะเงยไม่ขึ้น

            ชายหนุ่มสั่นเทาไปทั้งร่าง ความหวาดกลัวน้องสาวจะเป็นอันตราย บวกกับความโกรธที่กำลังปะทุออกมา ทำให้เขาลงมือต่อเจาหยางหนักหน่วงกว่าเดิมหลายเท่า

            ทางด้านเจาหยางนั้น เขายังรับมืออ๋องน้อยสกุลจ้าวได้อย่างสบาย แต่เมื่อเห็นสัญญาณจากฮูหยิน ให้ปล่อยชายหนุ่มไปหาจ้าวอี้เหมย เขาจึงหลบฉากออกไปเสีย

            จ้าวลู่ถงขบกรามแน่น วิ่งตรงเข้าประคองร่างน้องสาว ชายหนุ่มใจหายวาบ เมื่อเห็นสภาพของจ้าวอี้เหมย ใบหน้าที่เคยงดงามราวเทพธิดา บัดนี้แตกยับเสียไม่มีชิ้นดี ลมหายใจของน้องสาวแผ่วเบาราวปุยนุ่น

            “อำมหิตเกินไปแล้วหลิวหลี เจ้ามันคนไร้หัวใจ”

            จ้าวลู่ถงคำรามก้อง ดวงตาแข็งกร้าวมองไปยังพี่สาวต่างมารดา ที่ยังคงยืนนิ่งมิห่างออกไป

            “หึ ๆ ช่างมิอายปากนะน้องรัก ใช้สมองอันชาญฉลาดของเขาตรองสักหน่อยเถิด ว่าเป็นพี่สาวผู้นี้หรือใครกันแน่ที่เป็นเช่นนั้น”

            จ้าวลู่ถงใบหน้าชาหนึบ เมื่อถูกพี่สาวย้อนถาม แน่นอนว่าเขารู้มาโดยตลอดในเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพี่สาว แต่ไม่คิดว่าวันนี้เขาจะไม่ได้เห็นมุมอ่อนแอของนางอีก

            แม้น้องสาวของเขา จะทำผิดต่อจ้าวหลิวหลีมากมายเพียงใดก็ตาม แต่เขาผู้ในฐานะพี่ชายร่วมมารดา จะไม่มีวันยินยอมให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายนางได้เช่นกัน

            “อย่าหาว่าข้ามิเกรงใจ”

            “เจ้าไม่จำเป็นต้องคิดเช่นนั้นลู่ถง ข้ามิได้ดวงตามืดบอดจนมองไม่เห็นในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำต่อข้า การนิ่งเฉยของข้ามิใช่เกรงกลัว แต่เพียงแค่รอเวลาเท่านั้น ในเมื่อวันนี้พวกเจ้าเลือกเส้นทางที่จะตัดขาด ข้าก็จะชำระให้สิ้นไปเสียแต่ตอนนี้ ส่วนคนที่กระทำต่อมารดาข้า ข้าสาบานว่ามันจะได้รับผลที่ทำอย่างสาสม”

            น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของจ้าวหลิวหลี มิต่างอะไรจากประกาศิตที่ตัดสินชีวิตของสองพี่น้อง คนที่น่ากลัวคือรู้จักการเฝ้ารอเวลาอย่างใจเย็น เพียงเพื่อผลลัพธ์เดียวที่คุ้มค่า

           

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status