Share

ตอนที่ 17 ไม่เคยคิดเลยว่า

ชุ่ยเหนียงเฟยเสมือนคนสติไม่อยู่กับตัว ใบหน้าที่เคยงดงามบัดนี้ดูแทบไม่ได้เลย คำพูดที่พรั่งพรูออกมา ล้วนหยาบคายมิสมฐานะที่เป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย

            “ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดต่ำช้าจากปากพระชายาอ๋องเช่นท่าน และโปรดรู้เอาไว้ด้วยว่าข้าคือสามีของหลีเอ๋อร์ มิใช่คนรักของธิดาท่านอย่างที่กล่าวมา โปรดไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนนะขอรับ จึงค่อยพูดสิ่งใดออกมา”

            หลี่จ้านไม่ได้หันมองภรรยา แต่ทุกถ้อยคำของเขานั้นหนักแน่น สิ่งที่มารดาเลี้ยงของภรรยาพูดมานั้น อาจเป็นฉนวนทำลายเขาได้ทั้งตระกูลเลยทีเดียว

            “อย่าบอกนะว่าเจ้าเสียท่าให้แก่นางแล้ว นางมันนังจิ้กจอก”

            ชุ่ยเหนียงเฟยชี้นิ้วไปยังจ้าวหลิวหลี ที่ยังคงยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องสามี มุมบากอวบอิ่มยกขึ้นน้อย ๆ นางไม่จำเป็นต้องเห็นใจผู้ที่ทำร้ายนางก่อน

            “พระชายาโปรดสำรวมคำพูด ข้าและนางเป็นสามีภรรยา เรื่องในห้องมิจำเป็นต้องประกาศให้ผู้อื่นรู้ หรือท่านชื่นชอบเล่าเรื่องเช่นนั้นให้สหายและชาวเมืองฟังขอรับ”

            “หยุดสามหาวได้แล้วนะหลี่จ้าน”

            ในที่สุดจ้าวอ๋องก็หาเสียงของตนเองเจอ เมื่อภรรยารักไม่ได้รับความเคารพจากบุตรเขย

            “ท่านพ่อตาเองก็ควรที่จะต้องอบรมสั่งสอน พระชายาจ้าวด้วยนะขอรับ มิใช่ปล่อยให้มากล่าวหา หรือจิกหัวเรียกผู้อื่นด้วยถ้อยคำต่ำช้าเช่นนี้ ประเดี๋ยวผู้คนจะเอาไปพูดได้ ว่าพระชายาเป็นสตรีร้านตลาด”

            “จะมากเกินไปแล้วนะ”

            จ้าวอ๋องสะบัดมือให้หลุดจากการจับของบุตรเขย ก่อนจะเข้าไปโอบประคองชายาของตนเอง ดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก มองตรงไปยังบุตรสาวคนโต

            ที่ยืนทำหน้าไร้ความรู้สึกอยู่ด้านหลังแม่ทัพหนุ่ม จ้าวอ๋องขบกรามแน่นด้วยความคลั่งแค้น เขาไม่คิดมาก่อนว่าจ้าวหลิวหลีจะไร้หัวใจถึงเพียงนี้

            “เจ้าทำได้อย่างไรหลิวหลี นั้นน้องของเจ้านะ”

            “ทำอันใดเจ้าคะ ข้ามิเห็นรู้เรื่องเลย ตัวข้าไปสวดมนต์ให้ท่านแม่ยังอารามนอกเมือง แล้วมันเกิดสิ่งใดขึ้นกับน้อง ๆ หรือเจ้าคะ”

            จ้าวหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้นสูง หญิงสาวแสดงสีหน้าใคร่สงสัยกับคำพูดของบิดายิ่งนัก ใบหน้างามที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืน ช่างบาดลึกหัวใจของจ้าวอ๋องและพระชายายิ่งนัก

            “เจ้ารู้ดีอยู่แก่ใจหลิวหลี ข้าไม่คิดเลยว่าความริษยาที่เจ้ามีจะอำมหิตถึงเพียงนี้”

            “ท่านพ่อ! หากข้าเป็นเช่นนั้นจริง ตัวท่านและครอบครัวมิยิ่งกว่าข้าเสียอีกหรือเจ้าคะ แม้ในตอนนั้นข้าจะยังเล็ก แต่ข้ามิได้หูหนวกตาบอดจนไม่รู้เห็นสิ่งใด”

            จ้าวอ๋องถึงกับชาหนึบไปทั้งใบหน้า แม้สิ่งที่บุตรสาวพูดมาจะเป็นความจริง แล้วอย่างไรเล่าเขามิยอมรับมันเสียอย่าง

            “ความคิดเหลวไหลใดกันที่เจ้าว่าข้าเช่นนั้น”

            “อย่าให้ข้าต้องพูดเลย เอาเป็นว่าตอนนี้ข้ากับท่านแม่ทัพเหนื่อยมากแล้ว มิอยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระนี่อีกต่อไป หลิวหลีส่งท่านพ่อกับพระชายาเสียตรงนี้นะเจ้าคะ”

            หญิงสาวแตะท่อนแขนสามีเบา ๆ เป็นการบอกถึงความต้องการของนาง หลี่จ้านเลื่อนมือโอบประคองเอวคอดของภรรยา หมับ! ทั้งคู่เดินได้เพียงสองก้าว ก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยมือเรียว ที่กำลังสั่นระริกของชายาในจ้าวอ๋อง

จ้าวหลิวหลีมองมือนั้นด้วยหางตา ก่อนจะสะบัดออกด้วยความชิงชัง ยิ่งเห็นใบหน้าทุกข์ระทมของสตรีผู้นี้ ภาพของมารดาได้ไหลบ่าเข้ามาในห้วงความคิดอย่างมิอาจห้ามได้

            “มือของพระชายามิคู่ควรที่จะถูกตัวข้า เพราะคนที่ทำร้ายได้แม้แต่ผู้ที่เมตตาตนเอง ไม่คู่ควรที่จะให้ผู้ใดนับถือ”

            ชุ่ยเหนียงเฟยผงะถอยหลังด้วยความตกใจ นางไม่เคยเห็นลูกเลี้ยงของนางแสดงกิริยาเช่นนี้มาก่อนเลย ทุกครั้งที่นางต้องการหรือกระทำสิ่งใดต่อจ้าวหลิวหลี นางจะเห็นเพียงสายตาหวาดกลัวเท่านั้น

            “เอาอี้เหมยของข้าคือมา”

            มันไม่ใช่คำขอร้องแต่มันคือการบังคับ ถึงอย่างไรนางก็คือพระชายาในจ้าวอ๋อง ย่อมมีฐานะที่สูงกว่าภรรยาแม่ทัพเช่นจ้าวหลิวหลี

            “นางไม่ได้อยู่กับข้า แล้วจะให้ข้าไปนำตัวนางมาให้ท่านได้อย่างไรกัน”

            “ท่านอ๋อง ลงโทษนางสิเจ้าค่ะ ฮือ ๆ”

            จ้าวอ๋องก้าวเข้าสวมกอดภรรยา ดวงตาที่มองไปยังบุตรสาวดูแข็งกร้าวยิ่งนัก หลี่จ้านลูบเบา ๆ บนแผ่นหลังของภรรยาเพื่อเป็นการปลอบโยน เขาจะไม่ปล่อยให้ผู้ใดแตะต้องนางเช่นกัน

            เพียงแต่ครั้งนี้เขาได้รับสายตาร้องขอจากภรรยา ให้นิ่งเฉยเอาไว้เสียก่อน มิเช่นนั้นพ่อตากับมารดาเลี้ยงของภรรยาคงไม่ได้ยืนอยู่นานขนาดนี้เป็นแน่

            “เจ้าช่างทำตัวก้าวร้าวต่อบิดามารดา คิดว่าตนเองมีสามีเป็นแม่ทัพจะทำสิ่งใดก็ได้เช่นนั้นรึ อีกาที่เกิดในหมู่หงส์เช่นเจ้า ไม่น่าเป็นลูกของข้าเลยจริง ๆ”

            “หึ ๆ ท่านพ่อ ข้าหรืออีกาในหมู่หงส์ ท่านแน่ใจแล้วรึที่พูดแบบนี้ หากไม่มีมารดาผู้เป็นสายเลือดหงส์แต่กำเนิดคอยค้ำจุนท่าน ตำแหน่งอ๋องของท่านจะได้มันมาหรือไม่นะ อย่าให้ข้าผู้เป็นลูกต้องลำลึกความหลังเลยนะเจ้าคะ”

            “สามหาว”

            “นอกจากถ้อยคำเล่านี้ ไม่มีสิ่งอื่นใดจะกล่าวบ้างเลยหรือเจ้าคะ ข้าคิดว่าเวลานี้ท่านพ่อกลับไปพักผ่อนสักหน่อยน่าจะนะเจ้าคะ”

            “สิ่งใดทำให้เจ้าเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้”

            “ข้าไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ แต่การที่ข้านิ่งเฉยมาตลอด เพียงเพื่อรอเวลามิใช่ขลาดกลัวแต่อย่างใด”

            “จะ...เจ้า...”

            จ้าวอ๋องไม่อาจเอ่ยคำพูดใดออกมาได้อีก สองสามีภรรยาได้แต่มองตามหลังแม่ทัพหนุ่มกับจ้าวหลิวหลีไป เสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของพระชายาชุ่ยเหนียงเฟยนั้น

            หาได้เป็นที่สนใจของเจ้าบ้านทั้งสองไม่ จ้าวหลิวหลีมิคิดที่จะไยดีกับเรื่องของคนสกุลจ้าวอีก นางทนมามากพอแล้วกับทุกสิ่ง การที่นางยังไม่ลงมือนั้นเพราะรั้งรอให้สามีทำหน้าที่สำเร็จกลับมาเสียก่อน

            “ข้าใจดำมากหรือเจ้าคะ”

            “แบบไหนกันที่เรียกว่าใจดำ หากสิ่งที่เราทำคือการปกป้องตนเองและครอบครัว ไม่ถือว่าใจดำอันใดเลย”

            หลี่จ้านเอ่ยตอบภรรยาเสียงอ่อนนุ่ม ก่อนจะหันไปสั่งการกับเจาหยางเรื่องอาหารมื้อค่ำ แม้วันนี้เขาจะเหนื่อยล้าแค่ไหน แต่มันคืออาหารมื้อแรกกับภรรยา เขาจะไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปเป็นอันขาด

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status