Share

ตอนที่24. สิบวันถัดมา

สิบวันถัดมา

            ข่าวการตายท่านอ๋องน้อยสกุลจ้าว และพระชายาในองค์ชายสี่ได้ถูกโจรปล้น ขณะที่ท่านอ๋องน้อยพาน้องสาวไปท่องเที่ยวยังอารามนอกเมือง ยังไม่ทันซา

            ข่าวการสิ้นพระชนขององค์ชายห้าก็แผ่ออกไปทั่วเมืองหลวง องค์ชายห้าเกิดล้มป่วยจนสิ้นพระชนนับเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลย และข่าวที่ชาวเมืองโจษจันไม่แพ้กัน ที่อยู่ ๆ ทางด้านองค์ชายสี่ได้ออกเดินทางสู่ชายแดนเหนือ หลังสูญเสียพระชายา

 ชาวเมืองต่างแสดงความเห็นใจองค์ชาย ที่ทนทำใจกับการตายของพระชายาไม่ได้ จึงทรงเดินทางไปอยู่ชายแดนเพื่อรักษาบาดแผลทางใจ แม้ว่าชาวเมืองบางกลุ่มจะมีความคิดเห็นขัดแย้งอยู่บ้าง

            ส่วนเรื่องของพระนางหรู่เฟย ถูกปิดเป็นความลับ อย่างไรเสียงเรื่องสตรีวังหลังหายตัวไปนับเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พระนางหรู่เฟยทำเรื่องเสื่อมเสีย ย่อมไม่ได้รับให้ฝังในสุสานหลวงอย่างแน่นอน

           

ส่วนจวนแม่ทัพนั้นดูจะหอมอบอวลไปด้วยความสุข เมื่อแม่ทัพหลี่นั้นได้สั่งให้ย้ายข้าวของทั้งหมดจากเรือนหลิวหลี ไปยังเรือนใหญ่ของท่านตนเอง

            เสียงหัวเราะต่อกระซิกดังขึ้นเป็นระยะจากในสวนดอกไม้ คงจะเป็นผู้ใดไปไม่ได้นอกจากเจ้าของจวนทั้งสองหยอกเย้ากันนั้นเอง

            “ท่านพี่มิได้ชังข้าเช่นวันนั้นแล้วหรือเจ้าคะ”

            “ชังเจ้าเช่นนั้นรึ ไม่เคยพี่มิเคยชังเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว”

            “แต่ว่า...”

            หลี่จ้านเชยคางของภรรยาให้เงยขึ้นสบตาเขา ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องราวในค่ำคืนนั้นให้นางได้รับรู้

ในงานเลี้ยงที่จวนหยวนอ๋อง ณ ห้องรอบรองแขก

          สายตาคู่งามมองไปยังเด็กสาวสองคนที่มีวัยไล่เลี่ยกัน แม้จะเกิดจากบิดาเดียวกันแต่ความแตกต่างนั้นมีมากเหลือเกิน บุตรสาวของนางแม้จะงดงามอ่อนหวาน ทว่ากลับมิได้รับโอกาสให้ก้าวสู่ตำแหน่งภรรยาของคนในวัง เพียงเพราะเกิดจากนางผู้เป็นภรรยารอง

          ถึงแม้ในตอนนี้นางจะก้าวขึ้นมาเป็นเอก แต่อำนาจและบารมีของอดีตพระชายาเอกในสวามีนั้น ยังดูจะหนุนนำลูกเลี้ยงของนางให้เหนือกว่าอยู่นับเท่าตัว

          “วันนี้ข้าอยากจะรู้นัก ว่าวิญญาณของแม่เจ้าจะช่วยให้เจ้ารอดจากความตกต่ำได้หรือไม่ จ้าวหลิวหลี”

          หญิงสาวพึมพำกับตนเองเบา ๆ ก่อนจะก้าวตรงไปยังสามีและลูก ที่อยู่ภายในงานด้วยรอยยิ้มสุขใจ

          “เจ้าดีขึ้นแล้วหรือ ไยมินอนพักต่ออีกสักหน่อยเล่า กว่าที่เราจะกลับจวนคงดึกหน้าดู”

          จ้าวอ๋องเอ่ยถามภรรยาด้วยความเป็นห่วง เพียงงานเลี้ยงเริ่มขึ้นได้มินาน ภรรยาของเขาได้บอกว่ารู้สึกวิงเวียนต้องการพักสักครู่ หยวนอ๋องจึงได้ให้คนพานางไปพักยังเรือนรับรอง

          “ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ข้าเป็นห่วงท่านพี่กับลูก ๆ เลยออกมาอยู่ด้วยเจ้าค่ะ”

          ชุ่ยเหนียงเฟยเอ่ยตอบสวามี พร้อมส่งสายตายั่วเย้าให้แก่สวามี แน่นอนว่าหากเขายังอยู่กับลูก ๆ ตรงนี้ แผนการของนางหาได้สำเร็จ ดังนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาห่างจากลูกได้

          ย่อมต้องมีสิ่งดึงดูดใจ มือบางวางยังท่อนแขนแกร่ง ก่อนจะลูบเบา ๆ เป็นการสื่อถึงความนัย ซึ่งเป็นอันรู้กันดีระหว่างเขาและนาง

          “พวกเจ้ารอพ่อกับแม่อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน พ่อจะพาแม่เจ้าออกไปเดินรับลมสักหน่อย”

          “เจ้าค่ะ/ขอรับ”

          สามพี่น้องรับคำบิดา ก่อนจะหันมาสนใจอาหารตรงหน้า สองสามีภรรยาเดินหายออกไปจากงานเลี้ยง เหลือไว้เพียงบุตรชายหญิงเท่านั้น

          เวลาผ่านไปได้เพียงครู่เดียว สาวใช้ของพระชายาชุ่ยเหนียงเฟย ได้เดินเข้ามากระซิบบางอย่างกับท่านหญิงรองจ้าวอี้เหมย

          “พี่หญิง เราออกไปเดินเล่นกันดีหรือไม่เจ้าคะ อี้เหมยรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลยเจ้าค่ะ”

          จ้าวอี้เหมยคลึงขมับตนเองเบา ๆ พร้อมส่งสาวตาเว้าวอนให้แก่ผู้เป็นพี่สาว

          “ไปสิ”

          จ้าวหลิวหลีแสดงความเป็นห่วงในตัวน้องสาว หญิงสาวคว้าจับข้อมือบางของจ้าวอี้เหมย ก่อนจะพากันเดินหายออกจากงานเลี้ยงไป เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อแม่ เหลือไว้เพียงจ้าวลู่ถงที่ต้องนั่งอยู่เพียงลำพัง

          สองพี่น้องเดินออกมายังสวนดอกไม้ ที่อยู่ทางด้านเรือนรับรองอีกฝั่งของจวน ยังคงมีแขกในงานที่พากันเดินออกมาร่วมชมดอกไม้ยามค่ำคืนอยู่หลายคน

          เป็นอันรู้กันว่ามันคือเวลาสร้างสัมพันธ์อันดีของคู่หนุ่มสาว นางสองพี่น้องได้ผ่านการปักปิ่นมาแล้วทั้งคู่ รอเพียงเวลาที่จะออกเรือน สองพี่น้องหัวเราะคิกคักหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน

          หลังจากที่ได้รับอากาศสดชื่นในยามค่ำคืน จ้าวหลิวหลีนั่งลงยังศาลาพักผ่อนริมสระบัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยเข้าจมูก มันคือกลิ่นของดอกไม้กลางคืน แต่ทว่า...

          “อื้อ! ปวดหัวจัง”

          ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย เมื่อรู้สึกถึงความหนักอึ้งที่อยู่ในหัว เพียงลืมตาขึ้นยังมิทันได้เรียกสติให้เป็นปกติ เพี๊ยะ! ใบหน้างามสะบัดตามแรงฝ่ามือที่กระทบผิวอ่อนนุ่มของนาง

          “ต่ำช้านัก! เป็นถึงท่านหญิงสูงศักดิ์กลับทำตัวเยี่ยงคณิกา”

          เสียงที่แผดก้องอยู่ตรงหน้า ทำให้จ้าวหลิวหลีที่ยังคงอยู่ในอาการมึนงง รู้สึกใบหน้าชาวูบ นางไม่เข้าใจว่าไยบิดาจึงได้กล่าวหานางรุนแรงถึงเพียงนี้

          “ทะ...ท่านพ่อ นี่มันเรื่องอันใดกันเจ้าคะ”

          จ้าวหลิวหลีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงุนงง ก่อนจะมองเลยไปด้านหลังของบิดา ซึ่งมีผู้คนที่นางคุ้นเคยยืนอยู่ไม่น้อยเลย ไหนจะน้องสาวที่ยืนซับน้ำตาอยู่ในอ้อมแขนของมารดาเลี้ยงนั้นอีกเล่า

          ‘มันเรื่องอันใดกัน’

          หญิงสาวยังคงพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น หมับ! ฝ่ามือของจ้าวอ๋องชะงักค้างอยู่ห่างใบหน้าของจ้าวหลิวหลีเพียงเล็กน้อย หญิงสาวค่อย ๆ เบนสายตาไปยังเจ้าของมืออย่างช้า ๆ

          หญิงสาวถึงกับดวงตาเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าเป็นมือของผู้ใด ‘หลี่จาน’จ้าวหลิวหลีสั่นเทาไปทั้งร่าง เมื่อสบเข้ากับสายตาไร้ความรู้สึกของชายหนุ่ม ดวงตาที่เคยสดใสดังแก้วเนื้อดี เวลานี้กลับมีน้ำใส ๆ เอ่อคลอเต็มหน่วยตา ก่อนที่จะไหลอาบแก้ม

          “เกิดอะไรขึ้นกัน”

          หญิงสาวพูดออกมาเหมือนคนกำลังสติเลื่อนลอย หลี่จ้านคือคนรักของน้องสาว แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเขาและนางจึงได้ร่วมเตียงกันเช่นนี้ หญิงสาวซุกใบหน้าลงกับฝ่ามือ พร้อมกับสะอื้นไห้ด้วยความร้าวราน

          “ไยเจ้าทำเช่นนี้หลิวหลี มิเห็นแก่น้องสาวเจ้าก็ควรเห็นแก่หน้าท่านอ๋องบ้าง เพียงอยากจะช่วงชิงทุกอย่างให้เหนืออี้เหมย มิเห็นต้องพลีกายให้แก่บุรุษเช่นนี้เลย”

          ชุ่ยเหนียงเฟยเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด มือบางลูบหลังบุตรสาวเพื่อปลอบโยน ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มด้วยความสาแก่ใจ สภาพของลูกเลี้ยงในตอนนี้ เรียกได้ว่าไร้ซึ่งโอกาสเชิดหน้าในสังคมได้อีกต่อไป

          “ไม่จริงนะเจ้าคะ หลิวหลีมิเคยคิดเช่นนั้นเลยสักครั้ง”

          จ้าวหลิวหลีพยายามที่จะปฏิเสธในคำพูดของมารดาเลี้ยง นางไม่เคยคิดเช่นนั้นต่อน้องสาวเลยสักครั้ง แล้วเหตุใดมารดาเลี้ยงจึงได้กล่าวหานางด้วยเล่า

          “ถึงข้าจะเป็นมารดาเลี้ยง แต่ข้ารักเจ้าเสมือนลูกแท้ ๆ มาตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะพาตนเองลงต่ำ เพียงเพื่อการเอาชนะแบบสิ้นคิดเช่นนี้ได้”

            ชุ่ยเหนียงเฟยยังคงพูดย้ำให้ทุกคนได้ยิน แม้ว่าในใจของนางจะรู้สึกหวั่นเกรงต่อสายตาของชายหนุ่ม ที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงเคียงข้างจ้าวหลิวหลีอยู่ในตอนนี้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status