Share

ตอนที่2 เกรี้ยวกราด

“หลิวหลีคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ”

            จ้าวหลิหลีย่อกายให้แก่ผู้เป็นบิดา ที่ดูเหมือนกำลังมีโทสะ และนางมิจำเป็นต้องคาดเดา ว่าผู้ใดคือต้นเหตุของความกรุ่นโกรธในครั้งนี้  คงหนีไม่พ้นนางบุตรสาวผู้น่าชังอย่างแน่นอน

            “ฮึ ! ยังมีหน้าเรียกข้าว่าพ่ออยู่เช่นนั้นรึ”

            จ้าวอ๋องตอบกลับบุตรสาวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ถึงแม้จะแสดงออกถึงความโกรธกริ้วมากเพียงใด ทว่าคนตรงหน้ากลับยังคงมีใบหน้าเรียบเฉย

            ยิ่งเป็นการเพิ่มไฟโทสะให้แก่จ้าวอ๋อง นับเท่าทวีคูณเลยก็ว่าได้ ที่บุตรสาวหาได้ยำเกรงต่อตนเองไม่

            “มิทราบว่าท่านอ๋อง มีเรื่องอันใดกับข้าน้อยเช่นนั้นรึเจ้าคะ”

            จ้าวหลิวหลีเปลี่ยนคำเรียกขานบิดาในทันที นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้เป็นพ่อที่เคยมีความฉลาดรอบรู้ มีความเที่ยงธรรมจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้

            แม้แต่ตอนที่นางถูกใส่ความ จนต้องแต่งแก่แม่ทัพหลี่จ้าน บิดาไม่แม้แต่จะคิดสืบหาความจริง ซ้ำยังมิเคยเหลียวแลนางแม้แต่หางตา ทุกคำของมารดาเลี้ยงและน้องสาวคือความถูกต้อง ส่วนคำของนางนั้น เป็นเพียงเรื่องเหลวไหลของบุตรสาวผู้ไม่รักดีไปเสียหมด

            ทุกอย่างเปลี่ยนไปมิใช่เพราะความรัก ที่บิดามีต่อมารดาเลี้ยงเท่านั้น แต่มันคืออำนาจที่บิดาของนาง พร้อมอ้าแขนรับ เมื่อมันถูกหยิบยื่นมา โดยแลกกับทั้งชีวิตของนาง ที่ต้องกลายเป็นความอัปยศของสกุลจ้าว หากบิดามีความเที่ยงธรรมสักหน่อย ถึงแม้นางมิได้แต่งเข้าจวนองค์ชายสี่ อย่างน้อยนางก็คงมิต้องแบกความเสื่อมเกียรตินี้ไปชั่วชีวิตเพียงลำพัง

            แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นนางคือผู้กระทำเรื่องไร้ยางอาย แย่งคนรักของน้องสาว เพียงเพราะอยากเอาชนะจ้า;อี้เหมย ที่มีความงดงามและสมบูรณ์แบบกว่า

            คงมีเพียงคนจิตใจคับแคบเท่านั้น ที่มองเห็นว่ามันเป็นเช่นนั้น นางไม่เคยคิดจะไขว่คว้าสิ่งเกินตัวให้มันเหนื่อยยากเลยสักนิด นางรักที่จะอยู่อย่างสงบนับตั้งแต่มารดาสิ้นไป

            ทว่าสิ่งที่นางได้รับนั้น เป็นเพราะความเหมาะสมที่ถูกวางเอาไว้นับตั้งแต่นางถือกำเนิด ในฐานธิดาคนโตในชายาเอกของจ้าวอ๋อง มิใช่ความต้องการของนางเลยแม้แต่น้อย

            การแต่งงานของนาง ในวันนั้น เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกได้ ถึงอิสระในชีวิตใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว นางสบายใจเป็นที่สุด มิใช่เพราะได้สามีเป็นหลี่จ้าน แต่เพราะนางมิต้องก้าวเข้าสู่วังวนแห่งอำนาจหรือการแย่งชิง ในฐานะพระชายา

            “เมื่อไหร่ที่เจ้าจะเลิกริษยาในตัวอี้เหมยเสียที เจ้ากล้าดีเยี่ยงไรที่ส่งยาขับเลือดปนไปกับยาบำรุงของอี้เหมย”

            จ้าวอ๋องชี้นิ้วอันสั่นเทามายังจ้าวหลิวหลี สายตาชิงชังนั้นไม่มีคำว่าปิดบังเลยสักนิดเดียว

            “มีเรื่องเช่นนั้นด้วยหรือเจ้าคะ ว่าอย่างไรเสี่ยวเชี่ยนเจ้าได้รู้เห็นเรื่องนี้บ้างหรือไม่”

            จ้าวหลิวหลีเลิกคิ้วขึ้นสูงพร้อมตั้งคำถามกับผู้เป็นพ่อ ก่อนที่จะหันไปถามสาวใช้ข้างกาย ก่อนจะมองกลับไปยังบิดาอีกครั้ง

            “เรียนฮูหยิน ย่อมไม่มีเรื่องเช่นนั้นอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ เสี่ยวเชี่ยนเป็นพยานได้เจ้าค่ะ ว่าฮูหยินไม่เคยส่งสิ่งใดไปให้แก่พระชายาสี่เลยเจ้าค่ะ”

            เสี่ยวเชี่ยนยืนยันหนักแน่น ถึงความบริสุทธิ์ของผู้เป็นนาย ซึ่งนางเองคาดไม่ถึงเช่นกันว่าพระชายาสี่จะลงมือได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

            “นายบ่าวย่อมไม่มีทางยอมรับความจริง วันนี้ข้าจะไม่ยินยอมนิ่งเฉยอีกต่อไปแล้ว กี่ครั้งแล้วหลิวหลีที่ข้าทนเงียบกับสิ่งที่เจ้ากระทำต่ออี้เหมย”

            “เป็นข้าสินะเจ้าคะ ที่ลงมือต่อน้องสาวคนดี หากท่านพ่อมิได้ดวงตามืดบอด ก็น่าจะมองเห็นว่าเท็จจริงเป็นเช่นไร ข้าหรือเป็นผู้กระทำ และเป็นข้าอีกเช่นนั้นหรือที่เป็นผู้ริษยา ที่ใดกันท่านพ่อที่ข้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตของข้าจ้าวหลิวหลีในจวนหลี่แห่งนี้ ย่อมสงบสุขหากไม่มีผู้อื่นมาก่อกวนอยู่มิขาดสาย เห็นข้ามิตอบโต้ ใช่ว่าข้าไร้ดวงตาที่จะมองไม่เห็นว่าผู้ใดบ้างหวังดีและหวังร้ายต่อข้า”

            จ้าวอ๋องถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนโต เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจ้าวหลิวหลีจะหาญกล้าต่อคำ เพราะที่ผ่านมามิว่าเกิดเรื่องใดขึ้น นางจะนิ่งเงียบและยอมรับมันแต่โดยดี

            แล้วไยครั้งนี้นางจึงได้ลุกขึ้นตอบโต้เขาได้เล่า แม้จะมีคำถามที่ขัดแย้ง แต่เรื่องที่เกิดต่อบุตรสาวคนเล็กนั้น ส่งผลต่อความมั่นคงของตัวเขาและทุกคนในสกุลจ้าว

            จะใช่เรื่องจริงหรือไม่เขามิคิดจะสนใจ ขอแค่เพียงบุตรสาวคนเล็กพึงพอใจ เขาก็ยินดีที่จะกระทำมัน

            “อย่าคิดสรรหาคำแก้ตัวอีกเลย เจ้ารู้โทษของเรื่องนี้ดีใช่หรือไม่ ผู้ที่คิดทำร้ายสายเลือดมังกรจะต้องแบกรับสิ่งใดบ้าง แต่เพราะเจ้าคือพี่สาวที่พระชายาสี่รัก นางจึงให้เจ้าเลือกออกจากเมืองหลวงไปซะ!”

            ‘หึ ๆ จิตใจของท่านทำด้วยสิ่งใดกันบิดาข้า’

            “เรื่องนี้ข้าคิดว่าควรรอให้สามีของข้ากลับมาก่อนจะดีกว่านะเจ้าคะ เพราะสิ่งใดที่เกิดกับข้านั้น เขาย่อมต้องรับรู้และต้องร่วมออกความคิดเห็นด้วย อีกอย่างนะเจ้าคะ เรื่องนี้ไร้พยานและหลักฐานมายืนยัน กลับพากันกล่าวหาข้าอย่างเลื่อนลอย แล้วหากในวันนี้ข้าบอกว่าพระชายาสี่เป็นผู้ลงมือต่อข้า ท่านผู้เป็นบิดา จะเรียกร้องความเป็นธรรมนี่แก่ข้าบ้างหรือไม่เจ้าคะ”

            จ้าวหลิวหลีไม่คิดสนใจสีหน้าโกรธกริ้วของผู้เป็นพ่ออีกต่อไป หญิงสาวก้าวผ่านจ้าวอ๋องไปอย่างสงบ นางไม่ได้กระทำอย่างที่ถูกกล่าวหา ไยต้องเก็บมาคิดให้เปลืองสมองด้วยเล่า

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ข้าให้เจ้าไปได้แล้วรึ”

            จ้าวอ๋องรู้สึกเสียหน้า ยิ่งเมื่อถูกบ่าวไพร่ภายในจวนหลี่มอง ซึ่งมันไม่ต่างอะไรกับการถูกตบหน้าจนชาหนึบ เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าคนเช่นจ้าวหลิวหลี จะมีชีวิตที่งดงามอยู่ในจวนแห่งนี้ได้

            “เรียนท่านอ๋อง ข้าเป็นเจ้าของบ้าน ย่อมมีสิทธิ์ที่จะเดินไปที่ใดก็ได้ มิเหมือนท่านกับพระชายาที่เป็นคนนอกซึ่งข้ามิได้เชื้อเชิญ”

            “จ้าวหลิวหลี! ต่ำช้านัก ทำความผิดใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ เจ้ายังมีหน้าเอ่ยวาจาสามหาวกับข้าอยู่อีกหรือ”

            “หากมันเป็นเรื่องจริงอย่างที่ท่านอ๋องกล่าวมา เหตุใดองค์ชายสี่ยังคงมิลงมือต่อข้า หรือร้องเรียนต่อฮ่องเต้ ไยยังคงนิ่งเฉยอยู่เช่นนี้ด้วยเล่า นอกเสียจากเรื่องนี้มีสิ่งที่บอกแก่ผู้อื่นมิได้”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status