Share

ตอนที่ 5 แต่ข้ารักเขา

“ลูกรักเจ้าต้องมั่นใจในตนเองให้มาก ความงามและสติปัญญาของเจ้าเหนือกว่านางมากนัก อย่าได้แยแสต่อบุรุษที่มิเห็นค่าของเจ้า แต่จงยืนให้เหนือผู้ที่ทำร้ายเจ้าเท่านั้น”

            “แต่ข้ารักเขา”

            “ความรักย่อมต้องมิทำให้เกิดความทุกข์ หากมันไร้ซึ่งความสุขมันย่อมมิใช่ความรัก นับจากนี้จงฟังแม่เจ้าต้องใส่ใจเพียงอำนาจในมือ เพราะมันคือสิ่งเดียวที่จะทำให้เจ้าอยู่รอด”

            “แต่ว่า...”

            ชุ่ยเหนียงเฟยยกนิ้วทาบริมฝีปากบุตรสาว ความรักทำให้จ้าวอี้เหมยมองไม่เห็นความเป็นจริง นางผู้เป็นมารดามีหน้าที่ปกป้องลูก ดังนั้นนางจำต้องสอนให้บุตรสาว ยืนอยู่บนความจริงมากกว่าความรู้สึกอันเลื่อนลอย

            เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ใกล้เข้ามา ทำให้สองแม่หยุดการสนทนาลงในทันที เพราะหากเดาไม่ผิดก็คงเป็นจ้าวอ๋องอย่างแน่นอน

            “เกิดเรื่องอันใดขึ้นลูกพ่อ”

            คำถามจากคนด้านหน้าประตูดังขึ้น ก่อนที่เขาจะทันได้ก้าวเข้ามาด้านใน จ้าวอี้เหมยผละออกจากอ้อมกอดของมารดา วิ่งเข้าสวมกอดผู้เป็นพ่อ พร้อมสะอื้อไห้ปานจะขาดใจ

            “น้องหญิงเจ้าเป็นอันใดไป”

            เสียงทุ้มลึกดังมาจากด้านหลังจ้าวอ๋อง ทำให้ชุ่ยเหนียงเฟยรีบตีหน้าเศร้า ก้าวเข้าหาบุตรชาย ที่เดินมาหยุดอยู่ข้างน้องสาวและผู้เป็นพ่อ

            เรื่องราวต่าง ๆ ถูกเล่าออกมาพร้อมเสียงสะอื้นของจ้าวอี้เหมย สี่พ่อแม่ลูกต่างเอ่ยปลอบโยนกันไปมา โดยไม่รู้เลยว่าเรื่องราวนั้นถูกบิดเบือนโดยสองแม่ลูก

            ทว่าคนที่รู้เรื่องราวแท้จริงเป็นอย่างดี ได้หายไปอย่างเงียบ ๆ เพื่อกลับไปแจ้งข่าวแก่ผู้เป็นนาย

จวนแม่ทัพหลี่จ้าน

            จ้าวหลิวหลีนั่งปักผ้าในมืออย่างใจเย็น โดยมีคำรายงานเรื่องราวที่นางมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขัน หญิงสาวหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี นางยังไม่ทันได้ลงมือจริงจังเสียหน่อย

            แต่กลับมีคนเดือดร้อนจนมิอาจนิ่งเฉยได้ ต่อให้เรื่องนี้นางไม่คิดทำอะไร คนเช่นสองแม่ลูกนั้นก็คงหาเรื่องมาให้นางอยู่ดี

            “เรื่องสองแม่ลูกนั้น ให้ผู้เป็นใหญ่จัดการไปเถอะ เอาเรื่องสำคัญที่ข้าเพิ่งรู้มาวันนี้จะดีกว่า บอกแก่อีกาว่าเร่งหายาถอนพิษและคนบงการมาให้ข้า ก่อนที่สามีของข้าจะเข้ามาถึงเมืองหลวง”

            จ้าวหลิวหลีเปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นใบหน้าเคร่งเครียด นางจะให้อิสระของตนเองถูกพรากไปมิได้เป็นอันขาด เพราะหากเกิดสิ่งใดขึ้นกับสามี ความยุ่งยากจะต้องตามมาไม่ขาดสายเป็นแน่

            หลี่จ้านผู้เถรตรงย่อมมีคนต้องการกำจัดเขาอยู่ไม่น้อย และนางก็หวังว่าคงไม่ใช่คนในสายเลือดเดียวกันกับเขาหรือนาง เพราะหากเป็นเช่นนั้นคงยากจะทำใจยอมรับมันได้โดยง่าย

            “นายหญิงโปรดวางใจ ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดีขอรับ”

            ชายหนุ่มในชุดดำประสานมือให้แก่จ้าวหลิวหลี ก่อนจะหายตัวไปทางด้านหลังห้องอย่างรวดเร็ว

            “เสี่ยวเชี่ยน”

            “เจ้าค่ะ”

            “ข้าจะไปอยู่ที่อารามหมิงเหล่ยสักหลายวันหน่อย เพื่อสวดมนต์ให้แก่ดวงวิญญาณของท่านแม่ เจ้านำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่พ่อบ้านเจาที ข้าจะออกเดินทางเย็นนี้เลย”

            เป็นอันรู้กันระหว่างนายบ่าว ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของการเดินทางไปนอกเมืองหลวงในครานี้

            “เสี่ยวเชี่ยนทราบแล้วเจ้าค่ะ”

            เสี่ยวเชี่ยนรับคำของผู้เป็นนาย ก่อนจะรีบออกก้าวออกจากห้องไปในทันที

            จ้าวหลิวหลีรู้ดี ว่าการเดินทางออกจากเมืองหลวงเวลานี้ ดูจะไม่เหมาะเท่าใดนัก แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อศัตรูหมายจะปลิดชีพนาง จะให้นั่งรออยู่ภายในจวน แล้วเบื้องหลังอีกด้านของนางถูกค้นพบเช่นนั้นหรือ นางไม่มีวันให้เกิดขึ้นเสียล่ะ และนางก็ไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผลที่แท้จริงแก่ผู้ใดเช่นกัน

            ใช้เวลาเพียงไม่นานรถม้าจวนหลี่ได้เคลื่อนออกนอกประตูเมือง โดยมีทหารคุ้มกันติดตามไปหลายคน แม้ว่าพ่อบ้านเจาพยายามทัดทานฮูหยิน แต่เขาก็มิอาจเปลี่ยนใจผู้เป็นนายสาวได้เลย

            พ่อบ้านเจาจึงตัดสินใจ ติดตามฮูหยินไปยังอารามนอกเมืองหลวง ด้วยคำสั่งของท่านแม่ทัพ คือความปลอดภัยของฮูหยินมาเป็นที่หนึ่ง เขาไม่อาจวางใจในผู้อื่นได้ จำต้องติดตามอารักษ์ขานางด้วยตนเอง

            “ข้าจะบาปหรือไม่นะ ที่พาคนแก่มาลำบากด้วยเช่นนี้”

            จ้าวหลิวหลีเอ่ยทีเล่นทีจริงกับเสี่ยวเชี่ยน นางไม่ได้อยากที่จะให้ผู้ใดมาลำบากด้วย ต่อให้นางเดินทางมาเพียงสองคนกับเสี่ยวเชี่ยน นางก็มั่นใจว่าจะไร้รอยขีดข่วนจากศัตรู และยิ่งจะเป็นการดีที่พวกนางลงมือต่อผู้ไม่หวังดีได้อย่างสะดวก

            แต่เมื่อหลีกเลี่ยงคนเช่นเจาหยางมิได้ พวกนางทำได้เพียงนิ่งเงียบเอาไว้เท่านั้น แน่นอนว่าทหารของสกุลหลี่ คงไม่ชอบใจกับความดื้อรั้นของนางในวันนี้เท่าใดนัก

            จะชอบหรือไม่นางไม่คิดจะใส่ใจ เพราะตอนนี้หมากในกระดานเริ่มขยับบ้างแล้ว นางจำต้องกำจัดเบี้ยของศัตรูทิ้งไปเสียบ้าง จะได้มิรกกระดานจนเกินไป

            “ไม่หรอกเจ้าค่ะ ท่านลุงเจาแม้ภายนอกจะดูชรา แต่ฝีมือยังคงเดิมอยู่นะเจ้าคะ”

            เสี่ยวเชี่ยนตอบผู้เป็นนายพร้อมส่งเสียงหัวเราะคิกคัก ทำให้จ้าวหลิวหลีเอ็นดูกับความสดใสของสาวใช้ข้างกายยิ่งนัก

            “ช่างคิดนะเจ้า”

            สองนายบ่าวเงียบเสียงลง เมื่อรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติที่อยู่ด้านนอก รถม้ามุ่งตรงไปตามเส้นทางป่าไผ่ ความเร็วที่ใช้เสมือนการแข่งขันกับดวงตะวันที่กำลังลับเหลี่ยมเขา

            เจาหยางหันมองรถม้าเป็นระยะ พ่อบ้านสูงวัยเก็บงำความสงสัยเอาไว้ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบ แม้ว่าเขาต้องการที่จะรู้ในสิ่งที่ผู้เป็นนายกำลังคิดจะกระทำให้มากกว่านี้ แต่ด้วยฐานะเพียงพ่อบ้านของเขาก็มิอาจก้าวล่วงความคิดของผู้เป็นนายได้

            แม้ว่าการออกเดินทางในวันนี้นั้น นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาของฮูหยิน ที่ไปพำนักยังอารามนอกเมือง เพื่อสวดมนต์ให้แก่ดวงวิญญาณอดีตพระชายาเอกในจ้าวอ๋อง แต่ที่ต่างออกไปจากทุกครั้งคือความเร่งรีบในการเดินทาง ในทุกปีนั้นฮูหยินจะบอกเขาล่วงหน้าอยู่หลายวันก่อนออกเดินทาง

            แต่ในวันนี้กลับสั่งการ โดยไม่ใส่ใจคำทัดทานของเขาเลยแม้แต่น้อย ยามนี้ท่านแม่ทัพหาได้ไร้ซึ่งศัตรูไม่ อันตรายย่อมมีมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

            แต่ก็น่าแปลกใจที่ครั้งนี้ฮูหยิน เลือกที่จะออกไปนอกเมืองในขณะที่ขบวนทัพของท่านแม่ทัพ กำลังมุ่งหน้าสู่เมืองหลวงด้วยเส้นทางนี้เช่นเดียวกัน

            หรือฮูหยินต้องการออกมารอรับท่านแม่ทัพยังนอกเมือง ซึ่งความห่างไกลกันอาจทำให้นางคิดถึงผู้เป็นนายของเขาขึ้นมาก็เป็นได้ จนมิอาจทนรออยู่แต่ภายในจวนได้

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status