Share

ตอนที่ 7. มีคนทรศ

            “แต่ว่า...ฮูหยินมิแปลกใจหรือเจ้าคะ ที่อยู่ ๆ เราก็ถูกคนจำนวนมากโจมตี อันที่จริงแล้วแค่คิดจะสังหารฮูหยิน ใช้คนเพียงหยิบมือก็ทำได้แล้วนะเจ้าคะ”

            “ต่อให้ข้าเลี้ยงหนอนให้อิ่มหนำสำราญเพียงใด ก็ย่อมมีบางตัวชื่นชอบอาหารที่ผู้อื่นหยิบยื่นมาให้มันอยู่ดี”

            จ้าวหลิวหลียังคงไม่มีอาการใด ๆ แสดงออกมาทางน้ำเสียง เป็นเรื่องยากที่เสี่ยวเชี่ยนจะเดาความรู้สึกของผู้เป็นนายออก

            “มีคนทรยศเช่นนั้นหรือเจ้าคะ”

            “จะว่าแบบนั้นก็ย่อมได้ แต่เรายังไม่รู้ว่าแท้จริงเป็นที่คนของเรา หรือเป็นเพราะศัตรูล่วงรู้ด้วยตนเอง ฉะนั้นจงนิ่งเฉยเอาไว้ รอดูผลที่จะปารถกฎในมิช้าจะดีกว่า ไม่ต้องเร่งร้อนที่จะอยากรู้ เรายังมีเรื่องสำคัญกว่านั้นให้ต้องทำ”

            “เจ้าค่ะ”

            หญิงสาวรับคำของผู้เป็นนาย แม้ว่านางจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งใดมากนัก นางก็ไม่คิดที่จะทำสิ่งใดนอกเหนือคำสั่ง ยกเว้นว่ามีอันตรายใดพุ่งตรงมาที่ผู้เป็นนาย สิ่งนั้นนางจะมิรั้งรอให้มันสายจนเกินแก้ไข

            นางพร้อมที่จะลงมือต่อสิ่งเหล่านั้นในทันที ทว่าตราบใดที่นายของนางยังปลอดภัย ทุกคำสั่งที่นางได้รับจะไม่มีคำว่ากระทำการนอกเหนือเป็นอันขาด

            สองนายบ่าวหยุดการสนทนาลง เมื่อจังหวะการขับเคลื่อนของรถม้าได้เพิ่มความเร็วขึ้นอีก แม้ว่าอยากที่จะบอกแก่เจาหยางว่ามิต้องเร่งร้อนไป

            แต่คงไม่เป็นการดีที่จะเพิ่มความหนักใจให้แก่พ่อบ้านสูงวัยในตอนนี้ ความหวาดระแวงว่าจะถูกลอบโจมตีอีกครั้งของเจาหยาง คือสาเหตุที่เขาเร่งการเดินทางในยามค่ำคืน

            ทั้งที่รู้ดีว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควร จ้าวหลิวหลีกล่าวขอโทษเจาหยางและผู้ติดตามอยู่ภายในใจ หากนางมิออกมาในเวลาเช่นนี้ การเดินทางก็คงไม่เพิ่มความเสี่ยง

            ทว่าในความเป็นจริงอีกด้าน ที่นางไม่สามารถบอกทุกคนได้ตรง ๆ ก็สำคัญมิน้อยเช่นกัน ก่อนจะออกเดินทางนางเองก็ได้ชั่งน้ำหนักของความเสียหายเอาไว้แล้วเช่นกัน

            หญิงสาวทำได้เพียงนิ่งเฉย และตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่าคนร้ายที่หมายชีวิตนาง หาได้เป็นศัตรูของนางไม่ แต่มาจากทางด้านฝั่งของสามีเสียมากกว่า

            จะมาจากทิศทางใด นางในตอนนี้ก็พร้อมที่จะรับมือ จ้าวหลิวหลีคนเดิมได้ตายไปแล้วนับตั้งแต่สิ้นมารดา นางคือคนใหม่อย่างแท้จริงหลังจากก้าวพ้นจวนสกุลจ้าวออกมา

จุดพักม้าเมืองเชี่ยหยาง

            หลี่จ้านนั่งหลับตาแน่นอยู่บนเตียง เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้า แม่ทัพหนุ่มกำลังโคจรพลังเพื่อมิให้พิษในกายกำเริบ สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือประคองตนเองให้กลับสู่เมืองหลวง

            เพื่อได้เห็นหน้าของใครอีกคนที่เขาห่วงใย แต่เพราะอำนาจในมือที่เพิ่มขึ้นตามความสำเร็จของเขา ทำให้ต้องห่างสายตา ทั้งยังเพิ่มศัตรูที่มีมากอยู่แล้ว ให้มากกว่าเดิมอีกนับเท่าตัว

            สองเดือนก่อนเขาได้รับพิษจากคนลึกลับ ในขณะที่เขานำกองทัพเข้าปราบโจรป่า ซึ่งแท้จริงแล้วคือกองกำลังลับของสายเลือดมังกรบางคนนั่นเอง

            เพื่อมิให้เรื่องนี้รู้ถึงหูโอรสสวรรค์ ความตายของเขาเท่านั้นที่จะทำให้ความลับคงอยู่ต่อไป ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มแดงก่ำ ความเจ็บปวดไหลซ่านไปทั่วทุกรูขุมขนเลยทีเดียว

            “ท่านแม่ทัพ”

            เสียงเรียกของคนสนิท ทำให้คนที่หลับตานิ่งค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะผ่อนลมหายใจอันหนักหน่วงออกมาด้วยความเหนื่อยล้า

            “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”

            “ข้าน้อยเกรงว่าคืนนี้ท่านแม่ทัพคงต้องรีบพักผ่อนเร็วหน่อยนะขอรับ คือข้าว่า...”

            “หึ ๆ แมลงร้ายคงตามกลิ่นข้ามาจนทันแล้วสินะ”

            “ขอรับ”

            “เอาเถอะ...ข้าจะทำตามที่เจ้าบอกก็แล้วกัน เจ้าเองก็พักผ่อนเสียบ้าง มิใช่เอาแต่ห่วงข้าจนตนเองเจ็บป่วย”

            “ท่านแม่ทัพอย่างแสร้งบ่นข้าอยู่เลยขอรับ รีบเข้านอนพักผ่อนให้มาก พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า คืนนี้ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เองขอรับ”

            หลี่จ้านยกยิ้มน้อย ๆ รองแม่ทัพคนสนิทของเขานั้น มิว่าเวลาจะล่วงเลยมานานเท่าไหร่ คนตรงหน้าก็ยังมองว่าเขาคือคนที่ต้องได้รับการปกป้องอยู่เสมอ

            การกระทำของคนสนิท ทำให้เขานึกถึงใครอีกคน ที่มิว่าเขาจะเติบโตเพียงใดก็ยังคงเป็นเด็กในสายตาคนผู้นั้นอยู่เสมอ

            “ลำบากเจ้าแล้ว”

            หลี่จ้านรับผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้าและร่างกายที่ชื้นเหงื่อ ก่อนจะส่งคืนคนสนิท ชายหนุ่มสวมเสื้อตัวใหม่ที่วางอยู่ข้าง ๆ ก่อนจะเอนกายลงนอนอย่างว่าง่าย

            เขารู้ดีว่าตอนนี้ร่างกายของตนเองมิได้แข็งแรงดังเดิม พิษที่ได้รับมานั้นทำให้เขาอ่อนแรงลงไปหลายส่วน แต่ถึงกระนั้นตัวเขาก็ไม่อาจแสดงความอ่อนแอหรือเจ็บปวดให้ทุกคนในกองทัพได้เห็น

            เพื่อมิให้ทุกคนเสียขวัญ ต่อให้ยามนี้เขาสิ้นแรงเดินก็มิอาจล้มลงได้ รองแม่ทัพดับเทียนบางส่วนลง ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ เพื่อให้คนด้านในพักผ่อน

            “จะนอนจริงหรือขอรับท่านแม่ทัพ”

            เสียงเอ่ยถามดังขึ้นอยู่ห่างไปไม่มากนัก ทำให้คนที่นอนอยู่ทำแค่เพียงถอนหายใจหนัก ๆ เจ้าของเสียงมิต่างจากปีศาจที่คอยสิงอยู่ข้างกายเขาเลยก็ว่าได้

            “ข้าถูกพิษจนเจ็บป่วย จะให้ข้าลุกมาทำสิ่งใดเล่า”

            “อ่อ...เป็นเช่นนั้นหรอกรึ ข้าคิดแค่ว่าท่านแม่ทัพกินเพียงยาบำรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”

คนที่นั่งอยู่ในเงามืดเอ่ยเย้า พร้อมส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ชายหนุ่มจงใจยียวนเจ้าของห้องเพื่อความบันเทิงของเขาเท่านั้น

“หากเจ้าคิดว่าข้าเสแสร้ง ไยมิป่าวประกาศให้ผู้อื่นรู้เสียเลยเล่า”

“ช่างประชดประชันเช่นภรรยาของท่านไม่มีผิด”

คนในเงามืดยังคงจิกกัดคนบนเตียงอย่างรื่นเริง ชายหนุ่มรู้ดีว่าตอนนี้คนที่ยังเอนกายอยู่บนเตียง กำลังถูกไล่ล่าอย่างหนัก เขาที่ได้รับคำสั่งให้คุ้มกันแม่ทัพหลี่ จำต้องมาคอยนั่งเฝ้ามิให้เกิดสิ่งใดผิดพลาด

ทั้งคู่เงียบเสียงลง เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติด้านนอก แน่นอนว่าคงมิใช่เรื่องธรรมดาทั่วไปของจุดพักม้าแห่งนี้

อาวุธในมือถูกนำออกมาวางไว้ตรงหน้า เพื่อที่จะสะดวกต่อการใช้งาน หลี่จ้านเองก็หาได้นิ่งเฉย ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้งทว่ามือหนาได้กระชับอาวุธที่วางอยู่ข้างกายเอาไว้แน่นเช่นกัน

“อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น ที่เหลือข้าจัดการเอง”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status