Share

ตอนที่ 9. กรุ่นโกรธ

            “คิดจะเป็นใหญ่ เรื่องเพียงเท่านี้ยังขลาดกลัว เจ้าก็ไม่สมควรจะออกความคิดเห็นใด ๆ อีก”

            ชายหนุ่มถึงกับใบหน้าชาหนึบด้วยความอับอาย แม้ทุกคนจะไม่เอ่ยสิ่งใดต่อเขาอีก ทว่าสายตาที่มองมานั้น มันทิ่มแทงยิ่งกว่าดูถูกที่เอ่ยออกจากปากเสียอีก

            “ข้าจะไม่ทำให้ท่านลุงผิดหวังขอรับ”

            เอ่ยจบร่างสูงได้ลุกขึ้น ประสานมือโค้งตัวให้แก่ทุกคนภายในห้อง ก่อนจะก้าวออกไปด้วยความรู้สึกกรุ่นโกรธ เขาจะเสียหน้าเพียงเพราะสังหารสตรีอ่อนแอผู้เดียวมิได้

            เขาก็คงไม่สมควรที่จะก้าวสู่ตำแหน่งใหญ่โตในภายหน้า อย่างที่ผู้เป็นลุงได้พูดเมื่อครู่นี้จริง ๆ เขาไม่เชื่อว่าหลี่จ้านหายอดฝีมือมาไว้ข้างกายจ้าวหลิวหลีอย่างที่หลายคนคิด

            “จะวางใจเขาได้หรือขอรับท่านผู้นำ”

            หนึ่งในผู้ร่วมประชุมเอ่ยถามขึ้นในที่สุด เขารู้ดีว่าชายหนุ่มนั้นมุทะลุเพียงใด ไร้ประสบการณ์ในแทบทุกเรื่องเลยก็ว่าได้

            “หึ ๆ หรือเจ้าจะเป็นผู้ทำแทนเขา”

            “เอ่อ...คือว่า...”

            “เจ้าควรจดจำเอาไว้บ้าง ว่านกจะบินได้ก็ต่อเมื่อเราฝึกฝนให้มันรู้จักกางปีก”

            เมื่อถูกตำหนิตรง ๆ โดยมิอ้อมค้อมจากผู้นำ ขุนนางที่เอ่ยปากถามด้วยความสนุกปากในคราแรก จำต้องสงบคำด้วยความรู้สึกอับอายต่อสายตาของทุกคน

อารามหมิงเหล่ย

            กว่าสิบวันแล้วที่จ้าวหลิวหลีพักอยู่ในอาราม ในทุกวันของนางไม่มีสิ่งใดแตกต่างจากวันแรกที่มา หญิงสาวสวดมนต์และช่วยเหลือเรื่องข้าวปลาอาหาร สำหรับชาวบ้านที่เข้ามาพึ่งพาอาศัยภายในอาราม

            เจาหยางที่เฝ้าจับตานายหญิงของตน แทบจะมิให้คลาดสายนั้น ได้พยายามครุ่นคิดหาคำตอบที่เขายังคงคาใจอยู่ นับตั้งแต่วันที่เกิดการลอบโจมตี จนถึงวันนี้ความกระจ่างในเรื่องนี้ยังมิคลี่คลาย

            “ท่านลุงเจา มีสิ่งใดอยากจะถามข้าหรือไม่”

            จ้าวหลิวหลีเอ่ยถามพ่อบ้านของสามี เมื่อเห็นสายตามีคำถามของอีกฝ่าย แม้เจาหยางผู้นี้จะคงสีหน้านิ่งเรียบ ทว่าดวงตาของเขานั้นมิอาจปิดบังความสงสัยที่มีต่อนางได้เลย

            “ข้าน้อยมิอาจเอื้อมขอรับ”

            เจ้าหยางยังคงสงวนท่าทีของตนเองเอาไว้ แม้เขาจะอยากรู้มากเท่าใด แต่หากคนตรงหน้ามิคิดที่จะบอกกล่าว เขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของนางได้

            จ้าวหลิวหลียิ้มละมุน ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการบอกให้อีกฝ่ายตามนางไป หญิงสาวเดินไปยังสวนดอกไม้ที่ตอนนี้มีเสี่ยวเชี่ยน กำลังจัดเตรียมน้ำชาเอาไว้รออยู่ก่อนแล้ว

            เจาหยางเดินตามนายหญิงของตนไป พ่อบ้านสูงวัยนับถือในความเยือกเย็นของหญิงสาวยิ่งนัก มีสตรีเพียงไม่กี่นางที่เขาพบเจอ จะมีลักษณะนิสัยสุขุม ทั้งที่เพิ่งผ่านความเป็นความตายมาได้ไม่นาน

            “นั่งดื่มชาเป็นเพื่อนข้าสักหน่อยนะท่านลุง”

            จ้าวหลิวหลีผายมือเชื้อเชิญพ่อบ้านของสามี เมื่อเจาหยางค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณ หญิงสาวได้นั่งลงก่อนตามฐานะความเป็นนายของตนเอง เพื่อมิเป็นการสร้างความลำบากใจให้แก่เจาหยาง

            “ฮูหยินมีสิ่งใดจะกล่าวแก่ข้าหรือขอรับ”

            “หึ ๆ ข้านึกว่าท่านลุงมีเรื่องอยากถามข้าอยู่มิใช่หรือ เอาเป็นว่าข้าจะไม่อ้อมค้อมให้มากความก็แล้วกัน”

            หญิงสาวสบเข้ากับดวงตามีคำถาม ของคนที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะน้ำชา จ้าวหลิวหลีไม่คิดที่จะปิดบังแต่ใช่ว่านางต้องบอกทุกเรื่องแก่เจาหยาง นางรู้ดีว่าอดีตขุนพลผู้นี้ หากมิกระจ่างใจเขาจะเฝ้ารอเวลาเพื่อค้นหาความจริงต่อไป

            “ท่านลุงทราบดีว่าชีวิตข้านับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา หาได้เป็นชีวิตที่ข้าลิขิตเองไม่ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป ข้าย่อมต้องเติบใหญ่และรู้คิดว่าทำเช่นไรจึงจะมีชีวิตรอด นับตั้งแต่ท่านแม่ของข้าตาย ตัวข้าย่อมต้องฝึกฝนตนเองอย่างหนัก เพื่อต่อลมหายใจ”

            จ้าวหลิวหลียังคงมองตรงไปที่เจาหยาง หญิงสาวยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นความสงสัยในแววตาของเจาหยางคลายลงบ้างแล้ว สมกับที่เป็นอดีตขุนพลผู้เกรียงไกร

นางไม่จำเป็นต้องบอกทุกรายละเอียดให้อีกฝ่ายได้ฟัง เพียงเท่านี้เจาหยางก็คาดเดาความเป็นไปของนางได้จนกระจ่างแล้ว แค่เรื่องการเอาชีวิตรอดจากคนในจวนจ้าว นางไม่ต้องอธิบายสิ่งใดอีก เจาหยางก็รู้แล้วถึงความสงสัยเรื่องวิชาการต่อสู้ของนาง

“ข้าน้อยต้องขอบคุณฮูหยิรขอรับ ที่ได้ให้ความกระจ่างแก่ข้าน้อย”

“ข้ารู้ว่าท่านลุงคงมีอีกหลายเรื่องที่สงสัยในตัวข้า แต่จำเอาไว้เพียงว่าข้ามิเคยคิดร้ายต่อท่านแม่ทัพ แม้เพียงเศษเสี้ยวเดียวของความรู้สึก และท่านลุงมั่นใจได้เลยว่าข้าจะไม่ยินยอมให้ผู้ใดแตะต้องเขาเป็นอันขาด ตราบใดที่ข้ายังคงหายใจอยู่”

เจาหยางทำเพียงค้อมศีรษะเป็นการรับคำของนายหญิง เขาเองก็อยากจะบอกนางเช่นเดียวกันว่าท่านแม่ทัพเอง ก็เคยเอ่ยคำนี้กับเขาก่อนที่จะจากเมืองหลวงไปชายแดน

ช่างเป็นสามีภรรยาที่มิเคยร่วมเตียง แต่กลับห่วงใยกันประหนึ่งรักใครกันมานานแสนนานก็ว่าได้ แม้เขาจะไม่อาจเข้าใจถึงเหตุผลที่ทั้งสองคนทำตัวเสมือนคนเกลียดชังกัน แต่เขายังคงหวังอยู่ลึก ๆ ว่าผู้เป็นนายทั้งสองจะลงเอยกันด้วยดี

จ้าวหลิวหลียังคงเพลิดเพลินกับการดื่มชายามบ่ายของนาง ก่อนจะส่งยิ้มละมุนให้แก่พ่อบ้านของสามี ที่ได้เอ่ยขอตัวไปทำหน้าที่ของเขาต่อ หญิงสาวบอกเพียงว่าบ่ายนี้นางต้องการนั่งชมดอกไม้เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าต่ออีกสักหน่อย

อีกด้านของสวนดอกไม้ มีสองร่างที่ยืนแอบมองหญิงสาวสองนางที่กำลังหัวเราะร่า ด้วยความสบายใจ ซึ่งแตกต่างจากคนมองที่กำลังคลั่งแค้นเป็นที่สุด

“ข้าจะไม่มีวันปล่อยให้นางแพศยานั้นรอดไปได้ มันต้องชดใช้ต่อสิ่งที่ข้าได้รับ”

หญิงสาวในชุดสาวชาว แทบจะถลาเข้าไปหาคนที่อยู่ในสวน ดวงตากร้าวแทบจะลุกเป็นไฟ เมื่อเห็นรอยยิ้มงดงามที่นางแสนจะเกลียดชัง

“อย่าได้รีบร้อน คืนนี้เจ้าต้องใจเย็นให้มาก ปล่อยให้คนของเราลงมือ เจ้าต้องไม่ให้พวกนางเห็นเป็นอันขาด”

“ท่านพี่จะกลัวไปไย ต่อให้มันเห็นเราแล้วอย่างไร ในเมื่อชีวิตของพวกมันต้องจบสิ้นในคืนนี้”

“ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าหลี่จ้านไม่ได้ส่งใครจับตาดูหลิวหลีเอาไว้เล่า”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status