Share

ตอนที่ 19. เมื่อทำผิด

            “คนเราเมื่อทำผิด ก็ต้องยอมรับผิด มิใช่หนีอย่างคนขี้ขลาด”

            ชายสวมหน้ากากเอ่ยเสียงเรียบ มีเพียงดวงตาที่ฉายแววเยาะหยัน เสมือนการเพิ่มโทสะให้แก่องครักษ์หนุ่มนับเท่าทวีคูณ

            “เจ้าหลอกข้า”

            “เรื่องใดที่ข้าหลอกเจ้า ตำแหน่งของเจ้าเป็นถึงองครักษ์หลวง สติปัญญามิน่าจะดอยกว่าผู้ใด มีหรือคนเช่นข้าจะไปล่อลวงเจ้าได้”

            ชายหนุ่มขบกรามแน่น ตอนนี้นอกจากเขาจะหนีไม่ได้ ทหารได้เข้ามาคุมตัวของพระนางหรู่เฟยแล้วเช่นกัน

            “ปล่อยข้า”

            ชายหนุ่มพยายามที่จะให้ตนเองหลุดจากการควบคุม แต่ก็ไม่อาจทำได้แววตาโกรธแค้นมองไปยังชายสวมหน้ากาก

            “เจ้าทำตัวเองทั้งนั้น”

            ชายสวมหน้ากากเอ่ยขึ้น ขณะก้าวผ่านองครักษ์หนุ่มเพื่อไปหาพระสนมคนงาม ที่ตอนนี้เอาแต่ร้องไห้ฟูมฟาย ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

            “นายข้าแค่ส่งดาบคืนแก่ท่าน พระนางหรู่เฟย จุ๊ ๆ สิ่งที่ท่านรู้มันจะตายไปพร้อมตัวท่านเอง”

            ชายสวมหน้ากากเอ่ยเบา ๆ ข้างหูของพระสนมที่ตอนนี้ได้แต่ดวงตาเบิกกว้าง เมื่อฟังคำของชายสวมหน้ากากจบ

            “เป็นฝีมือนังแพศยานั้นสินะ”

            “สำรวมหน่อยพระนาง มิใช่ท่านหรอกรึที่เพียรลงมือต่อผู้อื่น มือท่านเองนะที่ล้มกระดานหมากของตนเอง ยังไม่ทันเดินหมากก็พ่ายแล้ว”

            พระนางหรู่เฟยได้แต่กำหมัดแน่น นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะพลาดพลั้งให้แก่เด็กปากมิสิ้นกลิ่นน้ำนม เมื่อจ้าวหลิวหลีหมายทำลายนาง เช่นนั้นสิ่งที่นางเพิ่งรู้ก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

            “ข้าจะทำให้นางอยู่ไม่สุขอีกต่อไป”

            “หากนายข้าอ่อนหัดถึงปานนั้น คงอยู่มาไม่ได้ถึงวันนี้ คิดจะลงมือต่อผู้ใด ทรงดูว่ามือเท้าของอีกฝ่ายมีสิ่งใดรองรับบ้าง มิใช่ดึงดันโดยมิเหลียวมองตนเองเสียก่อน”

            ทุกถ้อยคำของชายสวมหน้ากาก เป็นการบอกถึงความเป็นจริงที่นางกำลังเผชิญอยู่ โทษของนางมิพ้นความตาย และแน่นอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมิจำเป็นต้องไต่สวน เพราะผู้ที่พบเห็นคือพระสวามีของนางเอง

            “ตู้กงกงข้ามิรบกวนแล้ว เชิญท่านทำตามหน้าที่เถิด”

            ชายสวมหน้ากากหันไปเอ่ยกับตู้กงกง ที่ได้รับคำสั่งให้จัดการเรื่องนี้ เมื่อคำสั่งเด็ดขาดจากผู้เป็นนายได้ประกาศิตมาแล้ว ทุกอย่างต้องเสร็จสิ้นตามนั้น

            มันคือความมักมากของพระนางหรู่เฟยและองครักษ์ผู้นี้ จะโทษผู้ใดได้ แค่เขาคอยทำให้ทุกอย่างสำหรับทั้งสองดูเป็นความลับมาตลอดเท่านั้นเอง มันก็แค่เพียงรอเวลาที่จะลงมือ มิใช่เห็นดีเห็นงามกับเรื่องต่ำช้าเช่นนี้

          ‘ยังเหลือเจ้าเกาจิ้ง ข้าจะตอบแทนความโอหังของเจ้าอย่างไรดีนะ’

            ชายหนุ่มคิดพร้อมกับก้าวจากไปอย่างใจเย็น โดยไม่สนใจว่าด้านหลังนั้นจะเกิดสิ่งใดขึ้น หน้าที่ของเขาในวังหลวงสิ้นสุดลงเท่านี้

จวนจ้าวอ๋อง

            เสียงวิ่งด้วยความร้อนใจดังขึ้นจากด้านหน้าเรือน จ้าวอ๋องขมวดคิ้วเป็นปม เขาไม่อยากที่จะรับรู้เรื่องใดอีกแล้วในตอนนี้ ทั้งใจของเขาเหนื่อยล้าเหลือเกิน ร่างกายแทบจะหมดสิ้นเรี่ยวแรงเสียให้ได้

            “เรียนท่านอ๋อง คือว่า...”

            “มีเรื่องอะไรก็ว่ามาสิ แค่นี้ยังไม่มากพออีกหรืออย่างไร”

            “ที่เรือนท่านหญิงรองขอรับ”

            ได้ยินเท่านั้นร่างที่อ่อนแรงพลันลุกขึ้นในทันที ไม่เว้นแม้แต่พระชายาจ้าวที่นอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ ก็ได้ผุดลุกขึ้นจากเตียงเช่นกัน สองสามีภรรยาก้าวออกจากห้อง ตรงไปยังเรือนของบุตรสาว

            ใจของทั้งคู่นั้นเต้นระส่ำด้วยความรู้สึกหลากหลาย ชุ่ยเหนียงเฟยถลาไปยังเตียงนอนของบุตรสาว สิ่งที่เห็นทำให้ร่างงามสั่นเทิ้มจนไม่อาจควบคุมได้ ก่อนที่สติทั้งหมดของนางจะดับวูบลง

            จ้าวอ๋องรับร่างของภรรยาเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะมองยังเตียงของบุตรสาว

            “อ๊ากก ทำไมเป็นแบบนี้ ข้าทำผิดอันใดไยสวรรค์จึงมิเห็นใจ”

            จ้าวอ๋องโทษเทพเซียนที่พรากลูก ๆ ของเขาให้ตายจาก เวลานี้ไม่ใช่เพียงเสียทายาท แม้แต่อำนาจที่พึงมีก็กำลังจะสูญหายไปด้วยเช่นกัน

            สิ้นบุตรสาวอันเป็นที่รัก บารมีที่เขาได้จากตำแหน่งของนาง ก็หายไปด้วยเช่นกัน เวลานี้เขาไม่อาจที่จะเอ่ยได้ว่าตนเองมีพร้อมทุกสิ่ง อนาคตนับจากนี้คงหมดสิ้นแล้วจริง ๆ

            ภาพในอดีตย้อนวนเข้ามาในหัว ทุกคำพูดของบุตรสาวคนโต ทำให้เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว เป็นนางที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง และเป็นนางที่ทำลายเขาเพื่อแก้แค้นแทนแม่ของนาง

            ‘หึ ๆ เจ้าฉลาดเกินไปแล้วหลิวหลี เจ้าปิดทุกเส้นทางของชีวิตข้า เพราะต่อให้ข้ากล่าวหาเจ้าตอนนี้ก็ไร้ผู้รับฟัง ด้วยสิ้นแล้วซึ่งอำนาจในมือ’

          จ้าวอ๋องทำได้เพียงขบขันในโชคชะตาของตนเอง ท่อนแขนที่สิ้นเรี่ยวแรงพยายามที่จะพยุงร่างของภรรยาเอาไว้ในอ้อมแขน เขาผิดที่ทำร้ายอดีตพระชายา ผิดที่มิให้ความเท่าเทียมต่อจ้าวหลิวหลี แต่เขาก็ไม่ผิดที่มิเคยรักมารดาของนางและไม่ต้องการบุตรสาวเช่นนางด้วย

            เสียงคำรามประหนึ่งพยัคฆ์บาดเจ็บของจ้าวอ๋อง ทำให้ใครอีกคนที่ยืนอยู่ภายในความมืดยกยิ้มสาแก่ใจ ร่างสูงก้าวจากไปเมื่อทำอีกหน้าที่ได้สำเร็จแล้ว

            คนพวกนี้มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา ถึงปานนั้นก็ยังมิรู้จักสำนึกใด ๆ เลย เพียรพยายามคิดว่าตนเองนั้นไม่เคยทำผิดต่อผู้อื่น โยนทุกความเลวร้ายออกจากตนเองทั้งที่ผู้ก่อคือตนเองทั้งสิ้น

            บทลงโทษใดจะทรมานเท่าการสูญเสีย นายหญิงของเขาเมตตาต่อคนพวกนี้มิน้อย ที่มอบความเจ็บปวดตลอดชีวิตให้แทนการพรากลมหายใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น

            จ้าวหลิวหลี มองดูคนที่ยังแสร้งหลับอยู่ข้างกาย ท่อนแขนแกร่งยังคงพาดทับตัวนางเอาไว้มิให้ลุกไปไหนได้ เมื่อคืนสามีของนางหาข้ออ้างมากมาย เพื่อที่จะได้นอนร่วมห้องกับนาง ด้วยข้ออ้างว่าเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

อีกทั้งอาการป่วยที่เป็นมานานหลายเดือน แน่นอนว่านางไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ ด้วยฐานะภรรยาจำต้องคอยปรนนิบัติสามียามเจ็บป่วย

ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงข้ออ้าง ซึ่งก็รู้ดีแก่ใจว่าเขานั้นแข็งแรงดี แต่ความรู้สึกลึก ๆ ของนางนั้นไยกับรู้สึกอิ่มเอมมากมายด้วยเล่า ตลอดคืนที่ผ่านมานั้นนางแทบมิได้หลับเลย

ด้วยสามีโอบกอดนางเอาไว้แนบกายทั้งคืน จนตอนนี้เขายังคง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status