Share

ตอนที่ 6. เพียงครู่เดียว

            ฟิ้ว! มีเสียงบางอย่างแหวงอากาศมาจากข้างทาง ทำให้ทุกความคิดของเจาหยางยุติลง มือหนาที่กรำศึกมานานคว้าจับสิ่งนั้นเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่มันจะพุ่งผ่านเขาไปยังรถม้าของผู้เป็นนาย

            เพียงครู่เดียวเสียงอาวุธกระทบกันเกิดขึ้นจากรอบด้าน เจาหยางเหินกายงจากหลังม้า เพื่อคุ้มกันรถม้าเอาไว้ โดยมีผู้ติดตามกว่าห้าคนล้อมรถม้าเอาไว้

            ชายชุดดำจำนวนหลายคน พยายามที่จะฝ่าเข้ามาให้ถึงรถม้า ทำให้ทหารคุ้มกันบาดเจ็บล้มตายบ้างแล้ว

            “ฮูหยิน รอเสี่ยวเชี่ยนก่อนนะเจ้าคะ”

            เสี่ยวเชี่ยนคว้าอาวุธ ซึ่งซ่อนอยู่ใต้ที่นั่งในรถม้าออกมาถือไว้ในมือ ก่อนที่ร่างงามจะก้าวออกจากรถม้า หญิงสาวดึงกระบี่ออกจากฝัก พร้อมกับพุ่งเข้าหาคนร้ายด้วยความดุดัน

            เชร้ง! เสียงอาวุธกระทบกันจากทางด้านหลัง เรียกสายตาของเจาหยางในทันที ดวงตาของพ่อบ้านสูงวัยเบิกกว้าง เมื่อเห็นว่าผู้ที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขาในตอนนี้คือเสี่ยวเชี่ยน

            ไม่มีคำพูดใดจากคนทั้งคู่ ด้วยเวลานี้คนร้ายเหมือนจะได้เปรียบพวกเขาอยู่ไม่น้อย เสี่ยวเชี่ยนคอยมองไปยังรถม้าอยู่บ่อยครั้ง นางรู้ดีว่าผู้เป็นนายนั้นจะปลอดภัย

            แต่หากการต่อสู้ยังยืดเยื้ออยู่เช่นนี้ คงมิพ้นคนด้านในต้องออกมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน และหากเป็นเช่นนั้นความลับของฮูหยินคงมิใช่ความลับอีกต่อไปเป็นแน่

            จ้าวหลิวหลีกระชับแส้ในมือแน่น นางรู้ดีว่าการโจมตีครั้งนี้หวังผลเพียงอย่างเดียวคือลมหายใจของทุกคนในคณะ คนที่อยู่เบื้องหลังช่างลงทุนเหลือเกิน ส่งนักฆ่าชั้นสูงจำนวนไม่น้อย เพื่อมาปลิดชีพภรรยาแม่ทัพเช่นนาง

            นี่ขนาดคนพวกนั้นไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนาง ยังใช้คนจำนวนมากโจมตี หากรู้ความจริงที่แอบซ่อนอยู่ของนางเล่า มิยกมาทั้งสำนักเลยหรืออย่างไร หญิงสาวคิดขบขันอยู่ภายในใจ ก่อนที่ร่างระหงจะก้าวออกไปยังด้านนอก

            การต่อสู้ยังคงดุเดือด ความมืดที่ปกคลุมมิใช่อุปสรรคของทั้งสองฝ่ายเลย ขวับ! เสียงแส้แหวกอากาศกระทบเข้าร่างของชายชุดดำ เรียกสายตาจากใครหลายคนจากทั้งสองฝ่าย

            จ้าวหลิวหลีหาได้สนใจสายตาเหล่านั้นไม่ หญิงสาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จนเหล่าชายชุดดำตั้งรับแทบไม่ทัน

            เจาหยางเก็บงำความตื่นตกใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้าสงบนิ่ง หลังจากการโจมตีครั้งนี้ เขามั่นใจว่าคงต้องมีเรื่องราวอีกมากติดตามมาเป็นแน่

            “ไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าท่านหญิงจ้าวจะมากด้วยสามารถเช่นนี้”

            หนึ่งในชายชุดดำที่กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับจ้าวหลิวหลี เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งเยาะหยัน ซึ่งภายใต้ความขบขันนั้นแฝงไปด้วยความตื่นตกใจอยู่มากทีเดียว

            “หึ ๆ เป็นข้ามากกว่ากระมังที่ควรชื่นชมนายของพวกเจ้า ที่อุตส่าห์ส่งคนมาช่วงชิงลมหายใจของข้าเสียมากมายเช่นนี้ เหมือนนกรู้เลยเจ้าว่าไหม”

            ชายชุดดำหรี่ตามองไปยังหญิงสาวตรงหน้า เขาไม่แน่ใจเท่าใดนักว่าสิ่งที่นางพูดมานั้นเป็นสิ่งที่นางรู้จริง ๆ หรือเพียงหลอกล่อให้เขาหลงกลเท่านั้น

            “ดูเหมือนท่านหญิงใหญ่ จะชื่นชอบการล่อลวงนะขอรับ”

            “ขอบใจเจ้ามากที่ชม”

            เคร้ง! ชายชุดดำถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว เมื่ออาวุธของเขาถูกต้านรับเอาไว้ได้ทัน เขาหวังฉวยโอกาสตอนที่หญิงสาวเผลอลงมือ แต่ไม่คิดว่านอกจากอีกฝ่ายจะตั้งรับได้อย่างรวดเร็วแล้ว แส้ที่อยู่ในมือนางหาได้เป็นเพียงเชือกธรรมดา ทว่ามันกลับเป็นเหล็กกล้าชั้นดีที่ได้ถักทอมาอย่างประณีตและแข็งแรง

            การต่อสู้ของทั้งคู่หาได้ออมมือต่อกันอีก จ้าวหลิวหลีมิคิดเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงอย่างเดียว การรุกไล่ศัตรูเป็นไปอย่างมีชั้นเชิง จนในที่สุดชายชุดดำก็ได้พลาดพลั้งเป็นฝ่ายที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้

            “ไม่ธรรมดาจริง ๆ ท่านหญิงใหญ่ อึก!”

            ชายชุดดำกระอักเลือดสีเข้มออกมา เขาไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ พ่ายให้แก่ยอดฝีมือนั้นจะมิรู้สึกอับอายเท่ากับพ่ายแก่สตรีในหอห้อง ซ้ำยังเป็นหญิงที่ถูกกล่าวขานว่าไร้ยางอาย

            “จำเอาไว้ว่าอย่าได้เชื่อเพียงสิ่งที่ดวงตาของเจ้ามองเห็น แต่จงเชื่อเมื่อได้สัมผัสถึงความเป็นจริงเท่านั้น”

            ฉึก! สิ้นคำพูดลมหายใจของชายชุดดำได้หายไปด้วยเช่นกัน จ้าวหลิวหลีสะบัดแส้ในมือไปยังคนร้ายที่ยังเหลืออยู่ คนของสามีมีล้มตายกันไปบ้างแล้ว ถึงแม้นางจะรู้สึกผิดที่พาพวกเขามาสู่อันตราย

            แต่หากนางรับมืออยู่ภายในจวน ย่อมเกิดการสูญเสียมากกว่านี้อีกหลายเท่าตัว หญิงสาวสลัดทุกความคิดออกจากหัว ก่อนจะเร่งลงมือต่อศัตรูอย่างรวดเร็ว

            เวลาผ่านไปกว่าครึ่งก้านธูป การต่อสู้จึงได้จบลง จ้าวหลิวหลีก้าวตรงไปยังพ่อบ้านของจวน

            “ฮูหยินบาดเจ็บที่ใดหรือไม่ขอรับ”

            เจาหยางพยายามเพ่งสายตาฝ่าความมืดสลัวในยามพลบค่ำ เพื่อมองสำรวจผู้เป็นนายหญิง เขาต้องแน่ใจว่านางปลอดภัยดีแล้วเท่านั้นจึงจะวางใจได้

            “ท่านลุงเจาอย่าได้เป็นกังวล ข้าปลอดภัยดี ท่านลุงเร่งจัดการทุกอย่างเสียก่อนเถิด ที่เหลือค่อยคุยกันเมื่อถึงอารามแล้ว”

            “ขอรับฮูหยิน”

            เจาหยางรีบจัดการทุกอย่างตามที่ผู้เป็นนายบอก เขาใช้เวลาเพียงไม่นาน ขบวนรถม้าก็ได้ออกเดินทางต่อ เหลือไว้เพียงความว่างเปล่าเอาไว้ข้างหลัง

            เจาหยางยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม แม้มีหลายสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ แต่ในเวลานี้คงไม่เหมาะเท่าใดนักที่จะเอ่ยปากถามคนในรถม้า

            “ฮูหยิน เราจะทำยังไงกับท่านลุงเจาและทหารที่เหลือเจ้าคะ”

            เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกเป็นกังวล ที่ความลับของผู้เป็นนายถูกพบเจอ นานหลายปีที่นางและนายสาวปกปิดตัวตนอีกด้านเอาไว้ ทว่าวันนี้เหตุใดกันผู้เป็นนายจึงยินยอมให้เจาหยางและทหารจวนสกุลหลี่ได้ล่วงรู้

            “นิ่งเสียเสี่ยวเชี่ยน เจาหยางจะไม่ทำสิ่งใดหรือปล่อยให้เรื่องนี้หลุดรอดออกไปอย่างแน่นอน ตราบใดที่ข้ายังเป็นนายหญิงของจวนสกุลหลี่ ทุกอย่างจะเงียบหายเสมือนสายน้ำที่มิไหลย้อนคืน”

            จ้าวหลิวหลีเอ่ยกับเสี่ยวเชี่ยนด้วยความมั่นใจ นางรู้ดีว่าเหตุใดเจาหยางจึงกล้าทิ้งจวน เพื่อติดตามนางออกมายังนอกเมือง ซึ่งในทุกปีเขาจะมาส่งนางยังหน้าประตูเมือง

            อดีตขุนพลที่กรำศึกมานานเช่นเจาหยาง ย่อมต้องรับรู้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ที่นางประสงค์จะออกเดินทางในยามบ่ายแล้วนั้นเอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status