Share

ตอนที่18

“คะ??..ไปเชียงราย??”

//ไม่เห็นรู้เรื่องเลย//

ปรารีทำหน้างงกับเรื่องที่แม่ของเธอพูดเมื่อครู่เล็กน้อย

“อ้าว..พี่เค้ายังไม่ได้บอกหนูอีกเหรอ”

มลฤดีคิดว่าตฤณภพจะบอกกับปรารีแล้วเสียอีกดูหน้าแล้วเธอก็คิดว่าปรารียังไม่รู้ชัวร์

“หึ..ไม่นี่คะคุณแม่”

ปรารีส่ายหัวหงึกหงักเธอไม่เคยรู้เรื่องที่จะไปเชียงรายเลยสักนิด

“ก็พี่เค้าจะไปดูงานที่เชียงรายด้วยตัวเองที่โรงงานทอผ้าของคุณพ่อแล้วจะพาหนูไปด้วย”

“ไม่เห็นพี่ต้นจะบอกอะไรเปาเลยนี่คะ...แต่ก็ดีนะคะเปาจะได้ไปเที่ยวด้วย”

เรื่องบอกไม่บอกตอนนี้ไม่สำคัญแล้วแต่เธอดีใจที่จะได้ไปเที่ยวมากกว่าดีแต่นั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องนี้

“เรื่องนี้ก็ต้องคุยกับพี่เค้าเองแล้วล่ะ...เดี๋ยวแม่ต้องกลับก่อนนะวันนี้ต้องไปธุระหลายที่น่ะจะ”

มลฤดีรู้ว่าปรารีคงจะดีใจที่ได้ไปเที่ยวก็ขอให้ลูกชายของเธอว่างพาเธอเที่ยวบ้างก็แล้วกัน

“ค่ะคุณแม่..รักคุณแม่นะคะ”

ปรารีรู้ว่าแม่ของเธอจะกลับก็รีบเข้าไปสวมกอดให้หายคิดถึงทั้งยังชอบทิ้งลูกอ้อนเหมือนเดิมเป็นปกติ

“แม่ก็รักหนูจะ”

เชียงราย

17.00 น.

ณคุณมาอยู่ที่เชียงรายหลายวันแล้วเขาเรียนรู้งานได้ค่อนข้างเร็วโดยมีผู้ช่วยคนเก่าของคุณปู่ของเขาคอยสอนแถมเขาเองยังพ่วงตำแหน่งคุณหมอที่ดูแลคุณปู่ของเขาอีกด้วย

ธุรกิจที่เขาต้องดูแลแทนปู่ของเขาก็มีดูงานที่ไร่ที่มีเป็นพันๆไร่และไหนจะที่อีกหลายร้อยไร่ที่ปู่ของเขาปลูกต้นไม้เพื่อตัดทำโรงงานเฟอร์นิเจอร์ส่งออกอีกงานที่เรียนรู้จึงค่อนข้างหนักเพราะเขาก็ไม่ได้มีประสบการณ์ด้านนี้เลยแต่ในเมื่อเขาเป็นหลานคนเดียวของคุณปู่ยังไงเขาก็ต้องได้รับหน้าที่นี้อยู่แล้ว

“คุณปู่เป็นยังไงบ้างครับ”

ทุกเย็นณคุณจะมาที่บ้านเรือนไม้สักหลังใหญ่ที่ปู่ของเขาอยู่เพื่อมาดูอาการของปู่ของเขา

“ก็อาการเดิมๆ”

“ยาบำรุงที่ผมให้คุณปู่ทานบ้างหรือเปล่าครับ”

“ทานเท่าไรมันก็ไม่เห็นจะดีขึ้นเลย”

“คุณปู่ก็ต้องเลิกเครียดครับ..ถ้าเครียดมากๆร่างกายก็จะแย่ลงเรื่อยๆยาขนานไหนก็ช่วยไม่ได้หรอกครับ”

ณคุณรู้ว่าส่วนหนึ่งของอาการคุณปู่ของเขาที่มันไม่ดีขึ้นก็เพราะว่าปู่ของเขาไม่มีกะใจที่จะลุกขึ้นมาดูแลตัวเองและสาเหตุหลักๆก็คืออาการเครียดที่เคยทำงานอยู่ทุกวันแต่กลับทำงานไม่ได้เลยทำให้ร่างกายมีแต่แย่กับแย่

“ก็จะไม่ให้ปู่เครียดได้ยังไง...ปู่ทำงานไม่ได้ก็เหมือนเป็นภาระให้ลูกหลาน”

“งั้นคุณปู่ก็ขยันทานยาและออกกำลังกายบ้างตามที่ผมบอกและก็ห้ามเครียดไม่นานคุณปู่ก็จะหายเป็นปกติแล้วก็กลับมาทำงานได้เหมือนเดิมไงครับ”

“อืมๆ...งั้นปู่จะลองดู...แล้วนี่ทำงานเป็นยังไงบ้าง”

ปราการจะลองทำตามที่หลานของเขาบอกดูแต่ที่อยากรู้ตอนนี้ก็คือหลานของเขานั้นเรียนรู้งานได้ถึงไหนแล้วบ้าง

“ก็โอเคขึ้นเยอะครับตอนนี้ผมเข้าใจแทบทุกส่วนแล้ว”

“มานพเค้าเก่งเรียนรู้งานจากเค้าให้ได้เยอะๆล่ะ..อนาคตเราจะต้องเป็นพ่อเลี้ยงที่นี่แทนปู่”

“ครับคุณปู่”

ปราการรู้ว่าณคุณเป็นคนหัวไวไม่ช้าก็จะเรียนรู้ทุกอย่างและทำงานแทนเขาได้อย่างดียิ่งมีมานพคนสนิทของเขาคอยช่วยอยู่ก็ไม่ค่อยห่วงอะไรมากนัก

20.00 น.

บ้านณคุณ

ณคุณพักอยู่ที่บ้านเรือนไม้หลังเล็กเพราเขาชอบที่นี่มากกว่าจะอยู่เรือนใหญ่มันมีความเป็นส่วนตัวสูงทุกๆวันเมื่อทานข้าวเย็นที่เรือนใหญ่เสร็จเขาก็จะกลับมานอนพักที่เรือนเล็กซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเรือนใหญ่มากนัก

แกร๊กกก

“หืมม...”

ณคุณเข้าบ้านมาเขายังไม่ทันได้เปิดไฟก็ได้ยินเสียงแปลกๆอยู่แถวๆห้องนอนของเขาด้วยความที่ที่นี่กลางคืนจะเงียบมากเขาเลยได้ยินอะไรค่อนข้างที่จะชัดเจน

ชายหนุ่มใช้มือดึงปืนพกที่อยู่ติดตัวของเขาตลอดออกมาพร้อมค่อยๆเดินเข้าไปในห้องแสงจากด้านนอกที่สลัวบวกกับคืนนี้เป็นคืนเดือนหงายทำให้เขาเห็นทางเดินค่อนข้างจะชัดและเห็นว่าประตูห้องนอนของเขาก็เปิดอ้าอยู่ด้วย

“เธอเป็นใคร”

“ว้ายย...ปล่อยหนูนะ”

ณคุณเห็นเป็นผู้หญิงร่างเล็กกำลังค้นของในลิ้นชักที่หัวเตียงของเขาอย่างไม่ระวังเขารู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะไม่ใช่มืออาชีพเพราไม่ได้มีความระวังตัวเอาเสียเลย

เขาเข้าไปรวบตัวเธอเอาไว้พร้อมเปิดไฟให้สว่างจะได้เห็นหน้าแม่หัวขโมยตัวน้อยชัดๆเขาอยากจะรู้นักว่าเธอเป็นลุกเต้าเหล่าใครที่ช่างกล้าได้ขนาดนี้ทั้งที่ในละแวกนี้ใครๆก็รู้ว่าปู่ขอเขามีอิทธิพลที่สุด

“ตัวแค่นี้ริอาจเป็นขโมย...ไปโรงพักกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”

ณคุณเห็นหน้าหญิงสาวหัวขโมยค่อนข้างชัดเมื่อเปิดไฟใบหน้าจิ้มลิ้มนั้นบ่งบอกได้ว่าเธอกำลังกลัวเขาอยู่ไม่น้อยแต่กลัวยังไงถึงได้กล้าเข้ามาขโมยของในบ้านของเขาได้

“ไม่ไปนะคะ...อย่าส่งหนูให้ตำรวจเลยนะหนูไม่ได้ตั้งใจมาขโมยของ..แค่อยากได้เงินไปรักษาพ่อเท่านั้น”

หญิงสาวตัวเล็กส่ายหัวหงึกหงักพร้อมกับมีน้ำตาพรั่งพรูออกมาบอกเหตุผลกับชายหนุ่มว่าเธอทำไมจะต้องทำแบบนี้เธอไม่ได้อยากทำแต่เพราะมีเรื่องจำเป็นจริงๆ

“แม่โจรตัวเล็ก...โดนจับได้ก็หาคำแก้ตัวงั้นก็ไปแก้ตัวในโรงพักก็แล้วกัน”

ณคุณยังไม่เชื่อในสิ่งทีเอพูดเพราะคนที่เป็นหัวขโมยเชื่อถือได้ง่ายเสียที่ไหน

“หนูพูดจริงนะคะ..สงสารหนูเถอะพ่อหนูป่วยจะไม่ไหวอยู่แล้วเค้าเป็นมะเร็งที่ปอดตอนนี้อาการหนักมากเลยค่ะ”

หญิงสาวยกมือไหว้ขอร้องชายหนุ่มให้เชื่อเธอที่เธอพูดมาทั้งหมดคือความจริงหากเธอไม่อับจนหนทางจริงๆเธอคงไม่ต้องทำแบบนี้หรอก

“งั้นพาฉันไปหาพ่อเธอหากเป็นจริงๆฉันจะช่วย...แต่ถ้าไม่...เธอต้องไปโรงพักกับฉัน”

ณคุณจะเชื่อเธอก็ต่อเมื่อเขาเห็นพ่อของเธอป่วยกับตาหากไม่เป็นจริงอย่างที่เธอพูดยังไงเธอก็จะต้องไปโรงพักกับเขา

“ได้ค่ะ...คุณจะช่วยพ่อหนูจริงๆเหรอคะ??”

หญิงสาวดีใจอย่างมากที่ชายหนุ่มเอ่ยมาว่าจะช่วยพ่อของเธอ

“พาฉันไปบ้านเธอ”

ณคุณยังชั่งใจอยู่ห้าสิบห้าสิบว่าเธอจะพูดจริงหรือเปล่าและเขาไปในถิ่นของเธอจะเป็นอันตรายไหมแต่ยังไงเขาก็อยากไปดูให้เห็นกับตาอยู่ดี

“ค่ะ”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status