อิตาลี
บริษัทXXX
ปังงงงงง
“ถ้าทำชุ่ยๆก็อย่าทำมันเลย”
“ขอโทษค่ะท่านดิฉันจะรีบไปสรุปให้ใหม่ให้ทันส่งวันนี้ค่ะ”
โดมินิคโยนแฟ้มเอกสารบัญชีรายเดือนกระจุยกระจายไปทั่วห้องเพราะไม่พอใจที่มันค่อนข้างที่จะไม่ถูกต้องหลายจุดพร้อมทั้งส่งสายตาที่กำลังไม่พอใจไปยังพนักงานของเขาก่อนจะบอกกับเธอว่าหากไม่ระเอียดรอบคอบในการทำงานขนาดนี้ก็อย่าทำ
พนักงานสาวกลัวจนหัวหดพร้อมทั้งก้มเก็บแฟ้มเอกสารอย่างรนรานบวกกับที่ถูกประธานหนุ่มว่าเธอจึงจะต้องรีบแก้มาส่งใหม่พนักงานสาวกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปด้านนอกด้วยตอนนี้ในห้องกำลังลุกเป็นไฟด้วยโทสะของประธานหนุ่ม
พนักงานของบริษัทของโดมินิคต่างรู้กันว่าประธานหนุ่มของที่นี่เป็นคนใจดีแต่อย่าให้ได้โมโหเพราะจะเขาสามารถทำลายทุกอย่างได้แต่เขาเองก็ไม่ได้โมโหพร่ำเพรื่อนอกจากจะมีเหตุสะกิดใจเขาก็เท่านั้นเห็นจะเป็นเรื่องความเจ้าระเบียบและละเอียดรอบคอบเสียมากที่ชายหนุ่มเคร่งในเรื่องนี้แบบสุดๆ
ด้วยความที่ชายหนุ่มต้องครอบคลุมธุรกิจทั้งหมดของบ้านตั้งแต่พึ่งเรียนจบใหม่ๆเพราะทั้งพ่อละแม่ของเขาเสียเพราะอุบัติเหตุเขาต้องอยู่กับงานและงานเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นจึงทำให้เขาต้องเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตัวเองอย่างมากและมักจะสั่งสอนพนักงานของเขาอยู่เสมอในเรื่องความมีระเบียบละเอียดรอบคอบในการทำงานซึ่งมันจะทำให้การทำงานนั้นราบรื่นและไม่ต้องมีใครมาทำซ้ำใครแก้งานไปแก้งานมาเสียเวลาสู้ตั้งใจทำมันเสียทีแรกจะดีกว่า
ในแวดวงธุรกิจรู้จักชายหนุ่มดีว่าเขานั้นเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ทั้งเก่งฉลาดล้ำมากและเป็นนักธุรกิจที่ใช้เวลาไม่กี่ปีก็ได้ขึ้นโพลเป็นนักธุรกิจแถวหน้าของประเทศอีกทั้งยังหาตัวจับยากเหล่าบรรดาผู้หญิงไฮโซต่างหาวิธีเข้าหาเขากันอย่างสุดชีวิตแต่ก็ไม่ยักว่าจะมีข่าวว่าชายหนุ่มนั้นควงกับคนไหนอยู่ข่าวส่วนมากของชายหนุ่มก็จะขึ้นข่าวเกี่ยวกับธุรกิจเสียมากกว่า
20.00 น.
คฤหาสน์ฮอปแมน
“นายครับพรุ่งนี้เช้ามีประชุมเรื่องสัญญาเช่าที่แห่งใหม่ช่วงบ่ายมีดูงานที่สาขาใหม่ครับแล้วช่วงเย็นก็มีนัดกับเจ้าของที่ดินที่เราติดต่อซื้อครับ”
เมื่อรถตู้คันหรูของประธานใหญ่กลับถึงคฤหาสน์ของเขาชายหนุ่มลงจากรถมาพร้อมรอฟังรายงานตารางงานของพรุ่งนี้จากชอวมือขวาของเขาทุกวันของการทำงานทั้งสองจะทำแบบนี้เป็นประจำของทุกวันทำงานเพราะโดมินิคนั้นจะได้เตรียมตัวสำหรับวันต่อไปอย่างถูกต้องว่าเขาต้องจัดการอะไรอย่างไรบ้าง
“เฮ้อ...โอเคชอว...นายมาลองเป็นฉันวันนึงไหมชอว”
โดมินิคพยักหน้าให้มือขวาของเขาอย่างหน้าตาเฉยและแอบถอนหายใจเล็กน้อยพร้อมทั้งยังแกล้งพูดเล่นว่าให้มือขวาของเขานั้นมาเป็นเขาแทนดูไหมเพราะตอนนี้ในความคิดของเขานั้นอยากจะนั่งเงียบๆคนเดียวที่ไหนสักแห่งแต่ชีวิตจริงของเขานั้นมันทำแบบนั้นไม่ได้เลยเพราะทุกอย่างจะชะงักไปหมด
“พูดเล่นอีกแล้วนะครับนายผมคงไม่เก่งและไม่เจ้าระเบียบเท่านายหรอกครับ”
ชอวอมยิ้มเล็กน้อยเขารู้ว่าเจ้านายของเขาคงรู้สึกเหนื่อยอยู่มากแต่ถ้าจะให้เขามาเป็นเจ้านายหนุ่มเขาคงทำไม่ได้เพราะเขานั้นรู้ว่าความสามารถตัวเองนั้นไม่ได้ครึ่งของเจ้านายหนุ่มของเขาเลยสักนิดแค่เขานั้นได้มาเป็นมือขวาของเจ้านายหนุ่มเขาเองก็ภูมิใจมากแล้ว
“นายไปพักเถอะวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” โดมินิคเห็นว่าวันนี้มันดึกแล้วเลยให้ชอวไปพักเพราะวันนี้ค่อนข้างเป็นวันที่หนักจริงๆ
โดมินิคเดินเข้าบ้านพร้อมนั่งทานอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้เป็นประจำทุกวันเมนูที่เขาทานนั้นก็จะเป็นเมนูที่ซ้ำๆเดิมๆถ้าถามเขาว่ามันอร่อยไหมเขานั้นตอบไม่ได้เพราะเขาทานอย่างนี้มานานแล้วเขาไม่ได้ทานเพราะมันอร่อยเขาทานเพราะมันเป็นอาหารที่บำรุงร่างกายและสมองและทานเพื่อให้ในหนึ่งวันเขาได้รับอาหารครบห้าหมู่นั่นเอง
ชายหนุ่มอยู่ที่นี่คนเดียวเพราะเขาค่อนข้างที่จะชอบความเป็นส่วนตัวแม่บ้านก็มาแค่ชั่วคราวมาทำความสะอาดตามที่เขาสั่งและจัดการอาหารตามเมนูที่เขาบอกไว้ให้เมื่อถึงเวลาเลิกงานก็ต่างแยกย้ายกันกลับที่พักทำให้ที่นี่ตอนกลางคืนนั้นมีเขาอยู่เพียงแค่คนเดียว
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็นั่งเช็คงานอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อให้อาหารย่อยไปในตัวและขึ้นไปอาบน้ำนอนเขาทำแบบนี้วนไปจนเป็นกิจวัตรประจำวันไปแล้วชีวิตนี้ชายหนุ่มคิดว่าเขาคงจะอุทิศตัวเพื่อการทำงานอย่างเดียวเพราะในหัวของเขามีแต่เรื่องงานเท่านั้นความคิดที่จะมีครอบครัวเป็นศูนย์เพราะเขายังไม่มีใครที่ถูกใจแต่เขาก็ยังต้องคิดว่าวันหนึ่งหากเขานั้นไม่อยู่แล้วยังไงเขาก็ต้องมีทายาทที่สืบทอดกิจการเขาต่อไปแต่ตอนนี้เขาของโฟกัสที่เรื่องของงานก่อนนั่นเอง
ประเทศไทย
19.00 น.
มีนชญานั่งเขี่ยจานผัดไทยเหม่อลอยไปมาเธอไม่ได้หิวแต่อย่างใดแต่เธอคิดถึงที่ประจำที่เธอเคยนั่งทานข้าวกับแม่ของเธอที่ร้านนี้ต่างหากเป็นเวลาสองเดือนกว่าแล้วที่แม่ของเธอจากไปหญิงสาวจึงเหลือแค่ตัวคนเดียวเพราะตั้งแต่เธอจำความได้เธอก็มีแค่เพียงแม่คนเดียวที่เลี้ยงเธอมาเท่านั้น
“อ้าวมีน...” กอหญ้าที่กำลังเดินอุ้มลูกสาวลงจากรถตู้คันหรูมาซื้อผัดไทร้านโปรดเห็นว่าเพื่อนสาวของเธอนั่งอยู่เลยรีบมาทัก
“กอหญ้า...ไม่ได้เจอตั้งนานคิดถึงจังเลย” มีนชญาหันไปตามเสียงเรียกอันคุ้นหูเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสาวของเธอกำลังอุ้มลูกน้อยมาแถวนี้ก็เลยรีบเดินขึ้นไปทักทายและนั่งคุยกันที่โต๊ะที่เธอนั่งทานผัดไทยอยู่มีนชญาจากที่หน้าตาเศร้าก็เบิกบานขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเจอเพื่อนสนิทสมัยเรียนด้วยกันหลังจากที่เพื่อนของเธอมีครอบครัวทั้งสองก็ไม่ค่อยได้เจอกันอีกเลย
“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน...เป็นยังไงบ้างสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง” กอหญ้าเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนสาวของเธอนั้นยังทำใจเรื่องแม่ไม่ได้อยู่เป็นแน่“ก็ยังทำใจยากอยู่ฉันเคยอยู่กับแม่มาแค่สองคนตอนนี้ก็เหลือตัวคนเดียวมันหดหู่บอกไม่ถูก” เมื่อได้รับคำถามจากเพื่อนสาวหญิงสาวก็รู้ว่าเพื่อนของเธอนั้นยังคอยห่วงใยเธออยู่เหมือนเดิมพร้อมบอกกับเพื่อนสาวของเธอด้วยความรู้สึกในตอนนี้ว่าเธอนั้นยังทำใจกับเรื่องที่แม่เธอจากไปไม่ได้สักเท่าไร“แอ้ๆ”“ว่าไงจ๊ะ..ทักทายน้าเหรอคนเก่ง” จากที่มีนชญากำลังอยู่ในโหมดซึ้งกับเพื่อนสาวแม่หนูน้อยตัวกลมลูกของกอหญ้าก็ส่งเสียงเรียกมาทางเธอเป็นการทักทาย“อิ่มเอมแกคุยเก่งมากนี่ขนาดแค่หกเจ็ดเดือนนะส่งเสียงไม่หยุดเลย” กอหญ้าก้มมองลูกสาวของเธอในอ้อมอกพร้อมอมยิ้มเอ็นดูที่ลูกสาวเธอนั้นช่างเป็นคนที่คุยเก่งเสียเหลือเกิน“ถ้าฉันมีครอบครัวแบบแกก็คงจะดีกว่านี้เนอะ” มีนชญารู้สึกว่าเพื่อนสาวของเธอในตอนนี้นั้นช่างดูมีความสุขเหลือเกินที่มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกอีกอย่างสามีของเพื่อนสาวเธอก็รักเพื่อนเธอมากๆอีกด้วยลูกออกมาก็ยังน่ารักอีกเธออยากเป็นแบบนี้บ้าง
เช้าวันต่อมาห้างสรรพสินค้า“เสร็จเรียบร้อยแล้วแกไปกว่าจะได้เงินนี่หลายขั้นตอนเนอะ” เกือบทั้งวันที่วันนี้มีนชญาไปเดินเรื่องเพื่อจะขึ้นเงินตกเย็นเธอเลยโทรนัดกอหญ้าทานข้าวเพื่อฉลองเมื่อมาถึงห้างเจอหน้าเพื่อนสาวเธอก็ขอแอบบ่นนิดว่าวันนี้มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน“ไป..เราไปทานข้าวกัน” กอหญ้าเห็นหน้าที่ดูเหนื่อยๆของเพื่อนสาวเธอจึงเข้าไปกอดคอมีนชญาเหมือนที่ชอบทำกันบ่อยตอนสมัยเรียนพร้อมรั้งคอเพื่อนสาวของเธอเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่แพงมากที่พวกเธอทั้งสองเคยอยากทานกันมากสมัยเรียนแต่เพราะงบไม่พอจนวันนี้ทั้งสองก็ได้มาทานสมใจอยาก“น้องเอมไม่ได้มาด้วยเหรอ” มีนชญาหันไปถามเพื่อนสาวของเธอว่าไม่ได้เอาลูกมาด้วยหรือเพราะเธอเห็นแค่เพื่อนสาวเธอยืนอยู่คนเดียว“อยู่กับพี่อิทน่ะรายนั้นติดลูกแจเลย...ไปเถอะมื้อนี้ฉันเลี้ยงแกเองฉลองที่เพื่อนถูกหวย” กอหญ้าหันไปยิ้มให้กับเพื่อนสาวพร้อมบอกว่าเธอนั้นจะไปไหนมาไหนก็ได้แล้วเพราะสามีเธอนั้นติดลูกมากและสามารถเลี้ยงลูกเองได้โดยที่เธอนั้นไม่ต้องห่วงอะไรมากนักแค่บอกเวลาไปและเวลากลับก็พอละมื้อนี้เธอก็จะเป็นคนเลี้ยงเพื่อนสาวเธอเองเพราะเธอมีเงินพอที่จะเลี้ยงเพื่อนเธ
“ไอ้เราก็นึกว่าอะไร..แต่..ปฏิเสธซะสียงสูงเลยน้า...ถ้าแกสนใจฉันช่วยแกได้นะจะบอกว่าเค้าโสดอยู่ด้วยแถมทำธุรกิจก็เก่งเป็นที่หนึ่งขนาดพี่อิทยังชมให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆเลย..อีกอย่างเค้าก็สเปกแกด้วยนี่นาสาย ฝ ฮ่าๆๆๆ” กอหญ้าที่ล่วงรู้ความคิดของเพื่อนสาวเธอหญิงสาวเลยรีบพูดถึงโปรไฟล์ของชายหนุ่มว่าเพอเฟคขนาดไหนให้เพื่อนสาวของเธอฟังเผื่อเพื่อนสาวของเธอจะเลิกปากแข็งและยอมรับกับเธอมาตรงๆว่าสนใจเธอจะได้เดินหน้าช่วยเพื่อนเธอเต็มที่นั่นเอง“หยุดพูดเลยใครบอกว่าสนใจ...ไม่ได้สนซะหน่อยดูท่าเค้าเจ้าระเบียบมากเลยเนอะ” มีนชญาแกล้งผลักไหล่เพื่อนสาวของเธอหนึ่งทีพร้อมบอกกับเพื่อนสาวของเธอว่าเธอนั้นไม่ได้สนใจจริงๆและเธอเองก็เห็นว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นคนที่มีนิสัยแตกต่างกับเธอสุดขั้วอีกด้วยดูจากมาดแบบนั้นเธอดูออกว่ายังไงก็ต้องเป็นคนที่เป๊ะทุกกระเบียดนิ้วต่างจากเธอที่เป็นจอมซุ่มซ่ามแถมเรื่องเปิ่นนี่ก็ที่หนึ่งอีกด้วย“อืม...มันแน่อยู่แล้วคนเป็นนักธุรกิจต้องมีระเบียบอยู่แล้วอีกอย่างยิ่งเก่งแค่ไหนยิ่งระเบียบจัดแค่นั้น” กอหญ้าเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุรกิจทุกคนที่ประสบผลสำเร็จในการทำงานจะเจ้าระเบียบและมีวินัยเ
“อ๋อ...ท่านไม่ค่อยได้มาอยู่น่ะครับเลยปล่อยขายในราคาย่อมเยาอีกอย่างเงินที่ได้ท่านก็แบ่งไปทำบุญด้วยนะครับ” ชายหนุ่มที่เป็นนายหน้ามองหญิงสาวพร้อมยิ้มให้เธอและบอกว่าที่มันถูกก็เพราะเจ้าของบ้านนั้นไม่ค่อยได้มาอยู่เลยตัดสินใจขายและเงินที่ได้เขาก็ให้เอาไปทำบุญ“อ๋อ...ค่ะเจ้าของบ้านเค้าใจดีจังเลยนะคะ” มีนชญานับถือในน้ำใจของเจ้าของบ้านหลังนี้เสียจริงแต่เธอนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อว่าเขานั้นเป็นใครอยู่ที่ไหนเพราะเธอรู้มาว่าชื่อในใบที่ดินและชื่อเจ้าของบ้านเป็นของคนไทยแต่เจ้าของที่แท้จริงน่าจะเป็นต่างชาติเธอก็ไม่ได้ใส่ใจถามเหมือนกันว่าเขานั้นชื่ออะไรในเมื่อตอนนี้มันเป็นของเธอแล้วเธอก็จะจำแค่เธอเป็นเจ้าของบ้านก็พอ19.00 น.กว่ามีนชญาจะกลับมาบ้านก็เป็นเวลาเย็นพอดีตอนนี้ท้องของหญิงสาวก็เริ่มที่จะร้องขึ้นอีกแล้วความหิวของเธอตอนนี้มันอยู่ที่ระดับสิบเพราะทั้งเพลียทั้งหิวบวกกันนั่นเองหญิงสาวจำต้องเดินออกจากบ้านไปนั่งที่ร้านเดิม“เฮ้อเหนื่อยจังเลย...ป้าคะผัดไทยกุ้งสดจานนึงค่ะ” เมื่อสั่งผัดไทยกุ้งสดเมนูเดิมที่ร้านประจำมันก็พาให้เธอนั้นคิดวนไปเรื่องเดิมๆอีกก็คือวันวานที่เคยนั่งทานอยู่กับแม่ของเธอแต่ต
3 ชั่วโมงต่อมาห้างสรรพสินค้า“ถึงแล้ว...วันนี้แม่จะช้อปให้สะใจไปเลยงบสี่พันพอเนอะ” เมื่อลงจากแท็กซี่มีนชญาก็มองไปที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่ว่ากันว่าที่นี่มีแต่คนมีเงินเดินเธอเองคิดว่าวันนี้จะใช้เงินช้อปปิ้งไร้สาระที่เยอะที่สุดในชีวิตที่เคยใช้มาจำนวนสี่พันบาทนั่นเองถึงเงินแค่นี้ในการช้อปปิ้งของเธอคนอื่นจะมองว่าน้อยแต่เธอนั้นโคตรเสียดายมันสุดๆกับการช้อปปิ้งไร้สาระกับเงินสี่พันแต่อีกใจหญิงสาวก็บอกกับตัวเองว่าถือเป็นการให้ความสุขกับตัวเธอเองสักวันก็แล้วกัน“คู่ไหนดีน้า” มีนชญาเข้ามาในร้านรองเท้าแบรนด์หนึ่งซึ่งเงินที่เธอจำกัดวันนี้ก็น่าจะเอื้อมถึงเพราะเธอดูจากราคาแล้วเธอนั้นซื้อได้แถมเงินที่จำกัดมาสี่พันยังเหลือด้วย“หืมม...สวยทั้งคู่เลย...สีเงิน..สีชมพู..สีเงิน...สีชมพู..อืมม..สีเงินดีกว่า...ฉันเอาสีเงินเบอร์37คู่นึงค่ะ”มีนชญากำลังตัดสินใจเลือกรองเท้าส้นสูงสามนิ้วหัวแหลมราคาคู่ละ2500บาทเธอกำลังชั่งใจอยู่ว่าเธอนั้นจะซื้อสีเงินหรือสีชมพูดีหญิงสาวนึกถึงชุดที่เธอจะใส่คืนนี้มันเป็นสีชมพูอ่อนหากเธอเลือกสีชมพูไปมันก็จะชมพูทั้งชุดเธอจึงคิดว่าเอาสีเงินจะดีกว่าจึงบอกพนักงานว่าเธอรับคู่สีเงินเบ
5 นาทีต่อมา“เอ๋..มือถือล่ะ...หรือว่า..โอ้ยแกนี่มันจริงๆเลยยัยมีน”หลังจากที่เดินออกจากร้านหนังสือมาสักพักมีนชญาก็กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วแต่เมื่อล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อคลุมของเธอกลับไม่เจอพอนึกไปนึกมาเธอคิดว่าจะเป็นช่วงที่เธอจ่ายเงินค่าหนังสือแล้วทำหล่นแน่เลยเธอชอบเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำหญิงสาวเตือนตัวเองหลายรอบแล้วว่าอย่าเอามือถือใส่รวมกับเงินแต่ก็ลืมทุกทีตอนนี้เธอก็ทำได้แต่วิ่งหลับไปที่ร้านหนังสือดังเดิมเพื่อที่จะไปตามมือถือของเธอคืนนั่นเอง“ขอโทษนะคะไม่ทราบว่ามีคนเจอมือถือเครื่องสีชมพูที่ใส่เคสยูนิคอร์นบ้างหรือเปล่าคะ”มีนชญาวิ่งพุ่งตรงมาที่เคาเตอร์สอบถามพนักงานเรื่องมือถือของเธอทันทีเพราะคิดว่าหากมีคนเก็บได้ในร้านก็คงจะเอามาฝากที่พนักงานเป็นแน่หรืออีกอย่างก็คือเอาไปเลยอันนั้นมันก็เป็นความซวยของเธอแล้วหละถึงแม้เธอจะมีเงินซื้อใหม่แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมเพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องที่แม่ของเธอซื้อให้ก่อนท่านจะเสียนั่นเอง“เครื่องนี้ใช่ไหมคะ”“ใช่ค่ะ...ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” หลังจากที่ใจไม่ดีอยู่นานมีนชญาก็โล่งใจเพราะพนักงานหยิบมือถือของเธอขึ้นมาจากหลังเคาเตอร์พร้
แน็ทตี้ต้องรีบปรามทั้งสองว่าห้ามเรียกชื่อนี้ของเธอได้แล้วเพราะเธอนั้นไปเปลี่ยนเพศและเปลี่ยนชื่อมาเรียบร้อยแล้วเธอไม่อยากให้ใครมาเรียกชื่อเดิมของเธออีกเพราะตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงสมใจแล้วเพียงแต่ไม่มีมดลูกและเสียงที่ยังแอบห้าวอยู่“อะ...เอ่อ..โอเค..ไปนั่งคุยกันทางโน้นดีกว่าแก” กอหญ้าเห็นว่าในนี้คนมันค่อนข้างพลุกพล่านและเสียงดนตรีมันก็ดังเลยชวนทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ที่มันส่วนตัวกว่านี้จะดีกว่า“อย่าบอกนะที่แกหายไปเรียนเมืองนอกแกไปแปลงเพศมา” เมื่อออกมาถึงจุดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวในด้านนอกของโรงแรมแล้วกอหญ้าก็ถือโอกาสถามแน็ทตี้ทันทีว่าที่หายหน้าหายตาไปหลังจากเรียนจบม.ปลายเพื่อนของเธอไปเก็บตัวแปลงเพศทำหน้าใหม่มาทั้งหมดในช่วงเวลานั้นใช่หรือไม่“ก็ใช่น่ะสิมันเป็นความฝันของฉันเลยพวกแกก็รู้” แน็ตตี้ตอบด้วยความภาคภูมิใจเพราะเขานั้นเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากจบม.ปลายแล้วความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเรียนเมืองนอกเมืองนาสักเท่าไรหรอกเพียงแต่ป๊าของเขานั้นเสนอว่าหากยอมไปเรียนแต่โดยดีป๊าของเขาจะยอมตามใจทุกอย่างเลยทำให้เขาต้องไปเรียนเมืองนอกแลกกับการแปลงเพศอัพอึ๋มอัพหน้าใหม
“อะ...เอ่อ...สองล้าน...อะ..อืมช่วยก็ได้นี่ฉันเห็นว่าแกอยากจะมีความสุขหรอกนะถึงยอมช่วย” แน็ทตี้ถึงกับตาลุกวาวเมื่อเพื่อนของเขาใจปล้ำยอมจ่ายเงินให้เขาเป็นหลักล้านแบบนี้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอและยิ่งได้ฟังที่เพื่อนสาวของเธอพูดเรื่องไปทำหน้าใหม่ในหัวของเขาตอนนี้จินตนาการใบหน้าของเขาที่มันจะเหมือนนางเอกหนังฮอลลีวูดไปไกลแล้วพร้อมตอบตกลงเพื่อนของเขาทันทีเอาเรื่องทำสวยมาล่อแบบนี้แน็ทตี้สู้ตายเลยจ้า“ขอบใจจ้า..เพื่อนเลิฟ...เริ่มได้เมื่อไรอะ” มีนชญายิ้มอย่างภูมิใจที่แผนการของเธอสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้นตอนนี้เธอมีตัวช่วยแล้วเหลือก็แต่วันที่เธอพร้อมปฏิบัติการจริงก็เท่านั้นพร้อมถามเพื่อนของเธอด้วยใบหน้าที่มีความหวังว่าเธอสามารถเข้าไปใกล้ชิดกับโดมินิคได้เมื่อไร“คงอีกสามเดือนขางหน้าเพราะตอนนี้บอสฉันเค้าเตรียมตัวกลับอิตาลีแล้วต้องไปดูงานทางโน้นต่อ...แกรออีกหน่อยก็แล้วกันนะแต่เงินจ่ายก่อน”“รู้แล้วน่า...สามเดือนเลยเหรอ..อืมม..รอก็รอ” คำตอบของแน็ทตี้ทำให้มีนชญาหน้าห่อเหี่ยวลงในทันทีเมื่อพึ่งจะรู้ข่าวจากปากแน็ทตี้ว่าชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอนั้นจะบินกลับไปอิตาลีตั้งสามเดือนแต่จะให้ทำอย่างไรได้เธอก