“อ๋อ...ท่านไม่ค่อยได้มาอยู่น่ะครับเลยปล่อยขายในราคาย่อมเยาอีกอย่างเงินที่ได้ท่านก็แบ่งไปทำบุญด้วยนะครับ” ชายหนุ่มที่เป็นนายหน้ามองหญิงสาวพร้อมยิ้มให้เธอและบอกว่าที่มันถูกก็เพราะเจ้าของบ้านนั้นไม่ค่อยได้มาอยู่เลยตัดสินใจขายและเงินที่ได้เขาก็ให้เอาไปทำบุญ
“อ๋อ...ค่ะเจ้าของบ้านเค้าใจดีจังเลยนะคะ” มีนชญานับถือในน้ำใจของเจ้าของบ้านหลังนี้เสียจริงแต่เธอนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อว่าเขานั้นเป็นใครอยู่ที่ไหนเพราะเธอรู้มาว่าชื่อในใบที่ดินและชื่อเจ้าของบ้านเป็นของคนไทยแต่เจ้าของที่แท้จริงน่าจะเป็นต่างชาติเธอก็ไม่ได้ใส่ใจถามเหมือนกันว่าเขานั้นชื่ออะไรในเมื่อตอนนี้มันเป็นของเธอแล้วเธอก็จะจำแค่เธอเป็นเจ้าของบ้านก็พอ
19.00 น.
กว่ามีนชญาจะกลับมาบ้านก็เป็นเวลาเย็นพอดีตอนนี้ท้องของหญิงสาวก็เริ่มที่จะร้องขึ้นอีกแล้วความหิวของเธอตอนนี้มันอยู่ที่ระดับสิบเพราะทั้งเพลียทั้งหิวบวกกันนั่นเองหญิงสาวจำต้องเดินออกจากบ้านไปนั่งที่ร้านเดิม
“เฮ้อเหนื่อยจังเลย...ป้าคะผัดไทยกุ้งสดจานนึงค่ะ” เมื่อสั่งผัดไทยกุ้งสดเมนูเดิมที่ร้านประจำมันก็พาให้เธอนั้นคิดวนไปเรื่องเดิมๆอีกก็คือวันวานที่เคยนั่งทานอยู่กับแม่ของเธอแต่ตอนนี้เธอเริ่มที่จะดีขึ้นมานิดหน่อยเพราะมีเป้าหมายในชีวิตว่าจะทำอะไรต่อไปเธอเพียงแค่ขอให้แม่ของเธอเป็นกำลังใจมองดูเธออยู่บนสวรรค์ก็พอแล้ว
สิบนาทีผ่านไปหญิงร่างท้วมที่พึ่งทำผัดไทยเสร็จก็เดินมาวางที่โต๊ะของเธอหญิงสาวจึงจัดการกับผัดไทยตรงหน้าอย่างรวดเร็วเพราะความหิว
ชีวิตนี้ของมีนชญาคิดอะไรไม่ออกก็คงจะเข้าร้านผัดไทยอย่างเดียวหญิงสาวคิดถึงตัวเองในใจพรางอมยิ้มออกมาเพราะมันเป็นเมนูเดียวที่เธอนั้นทานได้ทุกวันไม่มีเบื่อเลยจริงๆและยังมีแอบคิดว่าหากเธอนั้นย้ายไปอยู่ที่อื่นจะมีผัดไทยอร่อยถูกปากเธอแบบนี้หรือเปล่า
ติ๊งงงง
ขณะมีนชญากำลังจะเดินกลับบ้านเธอได้ยินเสียงข้อความในมือถือดังขึ้นจึงหยิบขึ้นมาดู
“แกพรุ่งนี้ไปงานเลี้ยงรุ่นกันอย่าลืมล่ะ” ข้อความในมือถือทำให้มีนชญาแทบอยากจะเอามือเขกหัวตัวเองอยู่หลายรอบเพราะเธอเกือบลืมงานเลี้ยงรุ่นพรุ่งนี้แล้วจริงๆช่วงนี้เธอค่อนข้างที่จะอาการหนักเพราะลืมโน่นลืมนี่บ่อยก่อนจะคิดว่าดีอยู่อย่างหนึ่งที่เธอนั้นยังไม่ลืมชื่อตัวเอง
“เออ...เกือบลืมแน่ะดีนะที่แกเตือน”
“ฉันว่าแล้วแกต้องลืม”
มีนชญาขอบคุณกอหญ้าเป็นการใหญ่ที่อุตส่าห์เตือนเธอเพราะเธอรู้อยู่แล้วว่ากอหญ้าคิดว่าเธอต้องลืมเป็นแน่จึงต้องเตือนเธอภูมิใจที่อย่างน้อยเธอก็ยังมีเพื่อนดีๆอยู่เพราะกอหญ้านี่แหละที่ทำให้คนซื่อบื้ออย่างเธอเรียนจบมาได้แถมยังคอยกันคนที่เข้าหาเธออย่างหวังผลประโยชน์อีกด้วยนอกจากแม่แล้วเธอคิดว่ากอหญ้านี่แหละที่จริงใจกับเธอที่สุด
โรงแรมXXX
19.30 น.
“นายครับพรุ่งนี้นายจะไปไหนไหมครับเพราะตารางงานว่าง...เอ่อนายหน้าที่ขายบ้านแจ้งผมมาว่ามีคนซื้อบ้านไปแล้วนะครับ” เมื่อเสร็จสิ้นจากงานของวันนี้แล้วชอวจึงเข้ามารายงานกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าพรุ่งนี้เป็นวันว่างหากเจ้านายหนุ่มของเขาอยากจะไปที่ไหนให้สั่งมาได้เลยเพื่อเขานั้นจะได้เตรียมตัวและเตรียมทุกอย่างให้พร้อมและรายงานเรื่องการขายบ้านที่เจ้านายหนุ่มของเขาเปิดขายไปว่าบ้านหลังนั้นได้มีคนติดต่อซื้อไปแล้ว
“พรุ่งนี้ฉันว่าจะพักผ่อนนายจะได้พักด้วย..ส่วนเงินจากการขายบ้านก็บริจาคให้กับมูลนิธิที่ช่วยเหลือเด็กกำพร้าให้หมด”
“ครับนาย”
โดมินิคเห็นว่าเขาเดินทางมาที่ประเทศไทยก็มาทำแต่งานยังไม่ได้มีเวลาพักผ่อนร่างกายเขาเองจึงอยากจะพักและให้ลูกน้องของเขาพักผ่อนไปด้วยเพราะร่างกายคนเราต่อให้แข็งแรงแค่ไหนก็ต้องการการพักผ่อนกันทั้งนั้น
ส่วนเงินที่ได้จากการขายบ้านเป็นปกติแทบทุกที่ที่ชายหนุ่มไปทำงานต่างประเทศเขาก็จะสร้างบ้านไว้และไม่ได้ใส่ชื่อเป็นเจ้าของบ้านเพราะเขานั้นอยู่ไม่นาน
และหลังจากการใช้งานแล้วเขาก็จะขายในราคาถูกๆเพื่อให้ขายออกได้เร็วและเงินที่ได้ก็จะไปช่วยเหลือมูลนิธิต่างๆในประเทศนั้นๆเขาช่วยเหลือแทบทุกมูลนิธิแต่ที่เขาสงสารมากที่สุดเห็นจะเป็นมูลนิธิของเด็กกำพร้าเพราะเขาไม่ชอบเห็นภาพเด็กที่ถูกทอดทิ้งสักเท่าไรเขาอยากให้เด็กๆนั้นได้มีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเมื่อเขามีโอกาสช่วยได้เขาก็จะช่วยเสมอโดยที่ไม่ประสงค์จะออกนามอีกด้วย
เช้าวันต่อมา
07.00 น.
“ห๊าววว...นี่วันนี้เราตื่นเช้าผิดปกติหรือเปล่าเนี่ยย” มีนชญาตื่นขึ้นมาบิดขี้เกียจพรางมองไปที่นาฬิกามันพึ่งจะเจ็ดโมงเธอรู้สึกว่าวันนี้มันช่างแปลกๆสำหรับตัวเธอเองเพราะว่าตื่นเช้ากว่าปกติแต่ก็ไม่ได้นอนต่อแต่อย่างใดเพราะวันนี้เธอคิดว่าจะออกไปข้างนอกเพื่อหาซื้อของเข้าครัวเสียหน่อยอีกอย่างเธอก็จะหาซื้อรองเท้าเพื่อที่จะใส่ไปงานคืนนี้ด้วยตอนนี้ก็เหลือแค่เธอไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็นั่งรถออกไปเธอกะเวลาคร่าวๆแล้วเมื่อไปถึงก็น่าจะเป็นเวลาที่ห้างเปิดพอดี
สวนสาธารณะใจกลางเมือง
โดมินิคเห็นว่าวันนี้เป็นวันหยุดเขาเลยเดินออกมาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับที่พักเขาเสียหน่อยโดยที่ไม่ได้บอกให้พวกลูกน้องของเขาตามมาแต่อย่างใดเพราะเขาต้องการความเป็นส่วนตัวและอีกอย่างที่นี่ก็คงจะไม่อันตรายเพราะไม่ค่อยมีคนรู้จักเขานั่นเอง
ชายหนุ่มวิ่งอยู่ได้ประมาณครึ่งชั่งโมงเขาก็มานั่งจิบน้ำที่เก้าอี้ของสวนสาธารณะเขาสังเกตเห็นว่าคนที่นี่ค่อนข้างที่จะรักสุขภาพอยู่เหมือนกันเขาจึงคิดว่าการที่จะลงทุนในเรื่องธุรกิจสุขภาพน่าจะเป็นผลดีเมื่อสามสี่ปีที่แล้วเขาเคยมาดูงานที่นี่พักโรงแรมที่เดียวกับตอนนี้และเขาก็จะหาเวลามาที่นี่เวลาว่างตอนนั้นเขายังไม่เห็นคนใส่ใจในการออกกำลังกายมากเท่านี้มาก่อน
ตอนนี้เขาจึงคิดเรื่องการทำธุรกิจอะไรใหม่ๆออกและคิดว่าเขาน่าจะทำมันได้ดีอีกด้วยเพราะเขาก็เป็นอีกคนที่รักสุขภาพเหมือนกันแต่เขาคงต้องใช้เวลาอีกสักพักถึงจะลงมือทำเรื่องนี้เพราะเขาพึ่งจะร่วมหุ้นกับคนที่นี่เพื่อทำธุรกิจอสังหาไปหมาดๆเองเขาจึงต้องรอดูผลกำไรที่จะได้มาก่อนไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเงินที่จะลงทุนแต่คนอย่างเขานั้นต้องศึกษาให้แน่ใจและละเอียดรอบคอบก่อนจึงลงมือทำเพราะเขาไม่อยากสูญเงินโดยเปล่าประโยชน์
โดมินิคนั่งพักให้เหงื่อแห้งแล้วจึงเดินกลับมาอาบน้ำที่โรงแรมและแต่งตัวด้วยชุดธรรมดาเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าผ้าใบสลัดคราบนักธุรกิจไปหมดสิ้นเพราะเขาต้องการจะไปหาซื้อหนังสือในห้างสรรพสินค้าแถวนี้อ่านเสียหน่อยถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดของชายหนุ่มแต่เขาก็ไม่ได้อยากทำตัวว่างสักเท่าไรนัก
3 ชั่วโมงต่อมาห้างสรรพสินค้า“ถึงแล้ว...วันนี้แม่จะช้อปให้สะใจไปเลยงบสี่พันพอเนอะ” เมื่อลงจากแท็กซี่มีนชญาก็มองไปที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่ว่ากันว่าที่นี่มีแต่คนมีเงินเดินเธอเองคิดว่าวันนี้จะใช้เงินช้อปปิ้งไร้สาระที่เยอะที่สุดในชีวิตที่เคยใช้มาจำนวนสี่พันบาทนั่นเองถึงเงินแค่นี้ในการช้อปปิ้งของเธอคนอื่นจะมองว่าน้อยแต่เธอนั้นโคตรเสียดายมันสุดๆกับการช้อปปิ้งไร้สาระกับเงินสี่พันแต่อีกใจหญิงสาวก็บอกกับตัวเองว่าถือเป็นการให้ความสุขกับตัวเธอเองสักวันก็แล้วกัน“คู่ไหนดีน้า” มีนชญาเข้ามาในร้านรองเท้าแบรนด์หนึ่งซึ่งเงินที่เธอจำกัดวันนี้ก็น่าจะเอื้อมถึงเพราะเธอดูจากราคาแล้วเธอนั้นซื้อได้แถมเงินที่จำกัดมาสี่พันยังเหลือด้วย“หืมม...สวยทั้งคู่เลย...สีเงิน..สีชมพู..สีเงิน...สีชมพู..อืมม..สีเงินดีกว่า...ฉันเอาสีเงินเบอร์37คู่นึงค่ะ”มีนชญากำลังตัดสินใจเลือกรองเท้าส้นสูงสามนิ้วหัวแหลมราคาคู่ละ2500บาทเธอกำลังชั่งใจอยู่ว่าเธอนั้นจะซื้อสีเงินหรือสีชมพูดีหญิงสาวนึกถึงชุดที่เธอจะใส่คืนนี้มันเป็นสีชมพูอ่อนหากเธอเลือกสีชมพูไปมันก็จะชมพูทั้งชุดเธอจึงคิดว่าเอาสีเงินจะดีกว่าจึงบอกพนักงานว่าเธอรับคู่สีเงินเบ
5 นาทีต่อมา“เอ๋..มือถือล่ะ...หรือว่า..โอ้ยแกนี่มันจริงๆเลยยัยมีน”หลังจากที่เดินออกจากร้านหนังสือมาสักพักมีนชญาก็กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วแต่เมื่อล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อคลุมของเธอกลับไม่เจอพอนึกไปนึกมาเธอคิดว่าจะเป็นช่วงที่เธอจ่ายเงินค่าหนังสือแล้วทำหล่นแน่เลยเธอชอบเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำหญิงสาวเตือนตัวเองหลายรอบแล้วว่าอย่าเอามือถือใส่รวมกับเงินแต่ก็ลืมทุกทีตอนนี้เธอก็ทำได้แต่วิ่งหลับไปที่ร้านหนังสือดังเดิมเพื่อที่จะไปตามมือถือของเธอคืนนั่นเอง“ขอโทษนะคะไม่ทราบว่ามีคนเจอมือถือเครื่องสีชมพูที่ใส่เคสยูนิคอร์นบ้างหรือเปล่าคะ”มีนชญาวิ่งพุ่งตรงมาที่เคาเตอร์สอบถามพนักงานเรื่องมือถือของเธอทันทีเพราะคิดว่าหากมีคนเก็บได้ในร้านก็คงจะเอามาฝากที่พนักงานเป็นแน่หรืออีกอย่างก็คือเอาไปเลยอันนั้นมันก็เป็นความซวยของเธอแล้วหละถึงแม้เธอจะมีเงินซื้อใหม่แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมเพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องที่แม่ของเธอซื้อให้ก่อนท่านจะเสียนั่นเอง“เครื่องนี้ใช่ไหมคะ”“ใช่ค่ะ...ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” หลังจากที่ใจไม่ดีอยู่นานมีนชญาก็โล่งใจเพราะพนักงานหยิบมือถือของเธอขึ้นมาจากหลังเคาเตอร์พร้
แน็ทตี้ต้องรีบปรามทั้งสองว่าห้ามเรียกชื่อนี้ของเธอได้แล้วเพราะเธอนั้นไปเปลี่ยนเพศและเปลี่ยนชื่อมาเรียบร้อยแล้วเธอไม่อยากให้ใครมาเรียกชื่อเดิมของเธออีกเพราะตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงสมใจแล้วเพียงแต่ไม่มีมดลูกและเสียงที่ยังแอบห้าวอยู่“อะ...เอ่อ..โอเค..ไปนั่งคุยกันทางโน้นดีกว่าแก” กอหญ้าเห็นว่าในนี้คนมันค่อนข้างพลุกพล่านและเสียงดนตรีมันก็ดังเลยชวนทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ที่มันส่วนตัวกว่านี้จะดีกว่า“อย่าบอกนะที่แกหายไปเรียนเมืองนอกแกไปแปลงเพศมา” เมื่อออกมาถึงจุดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวในด้านนอกของโรงแรมแล้วกอหญ้าก็ถือโอกาสถามแน็ทตี้ทันทีว่าที่หายหน้าหายตาไปหลังจากเรียนจบม.ปลายเพื่อนของเธอไปเก็บตัวแปลงเพศทำหน้าใหม่มาทั้งหมดในช่วงเวลานั้นใช่หรือไม่“ก็ใช่น่ะสิมันเป็นความฝันของฉันเลยพวกแกก็รู้” แน็ตตี้ตอบด้วยความภาคภูมิใจเพราะเขานั้นเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากจบม.ปลายแล้วความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเรียนเมืองนอกเมืองนาสักเท่าไรหรอกเพียงแต่ป๊าของเขานั้นเสนอว่าหากยอมไปเรียนแต่โดยดีป๊าของเขาจะยอมตามใจทุกอย่างเลยทำให้เขาต้องไปเรียนเมืองนอกแลกกับการแปลงเพศอัพอึ๋มอัพหน้าใหม
“อะ...เอ่อ...สองล้าน...อะ..อืมช่วยก็ได้นี่ฉันเห็นว่าแกอยากจะมีความสุขหรอกนะถึงยอมช่วย” แน็ทตี้ถึงกับตาลุกวาวเมื่อเพื่อนของเขาใจปล้ำยอมจ่ายเงินให้เขาเป็นหลักล้านแบบนี้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอและยิ่งได้ฟังที่เพื่อนสาวของเธอพูดเรื่องไปทำหน้าใหม่ในหัวของเขาตอนนี้จินตนาการใบหน้าของเขาที่มันจะเหมือนนางเอกหนังฮอลลีวูดไปไกลแล้วพร้อมตอบตกลงเพื่อนของเขาทันทีเอาเรื่องทำสวยมาล่อแบบนี้แน็ทตี้สู้ตายเลยจ้า“ขอบใจจ้า..เพื่อนเลิฟ...เริ่มได้เมื่อไรอะ” มีนชญายิ้มอย่างภูมิใจที่แผนการของเธอสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้นตอนนี้เธอมีตัวช่วยแล้วเหลือก็แต่วันที่เธอพร้อมปฏิบัติการจริงก็เท่านั้นพร้อมถามเพื่อนของเธอด้วยใบหน้าที่มีความหวังว่าเธอสามารถเข้าไปใกล้ชิดกับโดมินิคได้เมื่อไร“คงอีกสามเดือนขางหน้าเพราะตอนนี้บอสฉันเค้าเตรียมตัวกลับอิตาลีแล้วต้องไปดูงานทางโน้นต่อ...แกรออีกหน่อยก็แล้วกันนะแต่เงินจ่ายก่อน”“รู้แล้วน่า...สามเดือนเลยเหรอ..อืมม..รอก็รอ” คำตอบของแน็ทตี้ทำให้มีนชญาหน้าห่อเหี่ยวลงในทันทีเมื่อพึ่งจะรู้ข่าวจากปากแน็ทตี้ว่าชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอนั้นจะบินกลับไปอิตาลีตั้งสามเดือนแต่จะให้ทำอย่างไรได้เธอก
3 เดือนผ่านไปไวเหมือนในนิยายเขาใหญ่มีนชญาที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้ส่งให้ลูกค้าหญิงสาวเพิ่งจะเปิดร้านได้สองเดือนกว่าๆแต่เมื่อทำการตลาดออนไลน์ไปด้วยตอนนี้เลยเริ่มมีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสายอีกทั้งฝีมือของหญิงสาวก็เป็นที่บอกต่อกันอีกด้วยรูปแบบการจัดก็แปลกตาไปจากร้านอื่นอยู่มากราคาก็ย่อมเยานับว่าการเปิดร้านครั้งนี้เป็นผลสำเร็จของเธออย่างมากอีกหนึ่งเรื่องตอนนี้เธอพึ่งจะรับลูกจ้างมาอีกสองคนเพราะทำคนเดียวคงไม่ทันอีกอย่างอนาคตเธอก็ต้องรับอยู่แล้วเพราะสิ่งที่เธอคิดไว้คือเธอก็คงจะต้องดูแลลูกน้อยอีกเลยรับเสียตอนนี้เลยจะดีกว่าRrrrrrrrrr“ว่าไงแน็ทตี้ฉันกำลังจัดดอกไม้ส่งลูกค้าอยู่มีไรพูดมาด่วน” ในขณะที่มีนชญายุ่งๆอยู่นั้นก็มีสายจากแน็ทตี้เพื่อนของเธอโทรเข้ามาหญิงสาวจึงกดรับทันทีพร้อมเอียงคอแนบมือถือไว้ระหว่างหูและไหล่เพราะมือทั้งสองยังต้องหยิบจับจัดช่อดอกไม้หญิงสาวจึงรีบให้เพื่อนของเธอคุยมาว่ามีอะไรเพราะถ้าไม่สำคัญมันก็คงจะรบกวนเวลาเธออย่างมาก“บอสฉันกำลังกลับมาแล้วด่วนพอไหมข่าวนี้”“หา...เอ่อ...ด่วนมาก...งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปหาแกเลย” จากเสียงปลายสายบอกข่าวดีทำให้หญิงสาวต้องละมือจา
“อ้อ...แล้วเรื่องอาหารแกทำอาหารอิตาเลี่ยนเป็นบ้างหรือเปล่า” แน็ทตี้นึกขึ้นได้ว่าส่วนมากเจ้านายหนุ่มของเขานั้นจะชอบทานอาหารบ้านเกิดตัวเองเสียมากกว่าเพราะฉะนั้นเขาจะต้องถามเพื่อนสาวของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนสาวของเขานั้นสามารถทำได้ทุกอย่างตามมาตรฐานของแม่บ้านของบ้านนี้ต้องทำได้“เอ่อ...ไม่เป็นอะแฮร่ๆๆ....แต่ว่าฉันเป็นคนเรียนรู้ได้เร็วฉันดูจากกูเกิลเอาก็ได้” มีนชญาตอบกลับเพื่อนของเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแหยๆนิดหน่อยเธอไม่เคยทำอาหารอิตาเลี่ยนเลยสักครั้งแต่ถ้าศึกษาเธอคิดว่าเธอก็น่าจะทำได้เพราะเดี๋ยวนี้สื่อการสอนมันหาง่ายจะตายไปแต่เรื่องรสชาติก็ต้องว่ากันอีกทีแต่ถ้าไม่ได้จริงๆเธอก็คงต้องแอบซื้อ“จริงนะ...” แน็ทตี้ชักนึกทะแม่งๆในใจเสียแล้วว่างานนี้จะต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง“จริงสิ...เอาเป็นว่าเรื่องอาหารแกไว้ใจฉันได้” มีนชญาหันมายิ้มให้แน็ทตี้นั้นสบายใจได้เรื่องอาหารเธอคิดว่าเธอจัดการได้ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง“อืมม...แล้วตามพื้นและยิ่งโต๊ะอาหารนี่ห้ามมีฝุ่นเลยนะ” แน็ทตี้พาเพื่อนสาวของเขาเดินไปรอบๆบ้านพร้อมอธิบายว่าในแต่ละส่วนของบ้านเธอนั้นต้องทำอะไรจัดการ
สนามบิน“ชอวที่บ้านนาตาลีจัดการเรียบร้อยใช่ไหม” โดมินิคกำลังนั่งรถตู้คันหรูออกจากสนามบินตอนนี้เขารู้สึกเพลียมากอยากจะนอนพักเขาทำงานเสร็จจากที่โน่นก็ขึ้นเครื่องมาที่ไทยทันทีเพราะว่าต้องกลับมาดูงานให้ทันกำหนดและร่วมประชุมใหญ่ในอีกสองวันข้างหน้าอีกด้วย“ใช่ครับที่บ้านพักโอเคทุกอย่างแล้วครับและนาตาลีก็พาแม่บ้านเข้ามาวันนี้ด้วยครับ” ชอวรายงานกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าที่บ้านตอนนี้เรียบร้อยดีตามกำหนดทุกอย่างและตอนนี้แน็ทตี้กำลังรออยู่ที่บ้านพร้อมกับแม่บ้านคนใหม่แล้วด้วย“โอเค...หวังว่าแน็ทตี้คงเทรนงานมาดีแล้วนะ” โดมินิคคิดว่าแม่บ้านคนใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากแน็ทตี้ก็คงจะทำงานได้ดีไม่มีปัญหาเขาจึงเบาใจว่ามีคนคอยดูแลบ้านและตัวของเขาแล้ว40 นาทีต่อมา“บอสมาแล้ว” แน็ทตี้เห็นว่ามีรถตู้คันหรูมาจอดที่หน้าบ้านแล้วเขาจึงรีบบอกกับมีนชญาว่าเจ้านายหนุ่มของเขามาถึงแล้วให้เพื่อนของเขาลุกขึ้นเตรียมตัวต้อนรับมีนชญาจับตามองที่รถลงคันหรูที่กำลังจอดอยู่หน้าบ้านเธอเห็นว่ามีผู้ชายร่างสูงใส่สูทสีดำลงมาจากหน้ารถพร้อมเดินมายืนข้างๆรถตู้ฝั่งที่ประตูกำลังเลื่อนเปิดเธอเห็นว่าคนที่กำลังจะลงมาจากรถนั้นคือผู้ชา
“แล้วแม่บ้านคุณไปหามาจากไหนเหรอ”“อ๋อ...เอ่อ..พอดีแน็ทตี้ลงรับสมัครในเว็บน่ะค่ะมีนเค้าก็เลยมาสมัครแล้วจากที่แน็ทตี้ให้เธอทดลองงานให้ดูเธอทำงานได้ดีเลยนะคะอีกอย่างตอนนี้เธอก็เหลือตัวคนเดียวและก็ตกงานแน็ทตี้ก็เลยให้เธอลองมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ...บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ”แน็ทตี้ปั้นหน้ายิ้มพร้อมพูดแถกับประธานหนุ่มให้เนียนและเหมือนจริงที่สุดเท่าที่จะเนียนได้การที่เขานั้นทำงานที่นี่มานานเขาย่อมรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มของเขาเชื่อถือคำพูดแบบไหนนั่นเองและยิ่งการที่บอกกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าหญิงสาวนั้นเหลือตัวคนเดียวมันก็ยิ่งทำให้เจ้านายหนุ่มนึกสงสารหญิงสาวเพราะเธอรู้ว่าจุดอ่อนของคนตรงหน้าอยู่ตรงไหนนี่แหละคือความฉลาดที่เธอมีมาตั้งแต่เกิด“อะ..เอ่อ..เปล่าหรอก” โดมินิคนั้นคิดว่าแม่บ้านสาวคนที่จะมาทำงานที่บ้านของเขาเป็นคนรู้จักกับแน็ทตี้เสียอีกเพราะอายุทั้งคู่เท่ากันอีกอย่างท่าทางของทั้งคู่ก็ดูสนิทกันเกินกว่ารู้จักกันมาแค่ไม่กี่วันอีกต่างหากแต่เมื่อแน็ทตี้ยืนยันว่าเธอรับสมัครจากในเว็บเขาก็อุ่นใจและไม่ได้ติดใจจะถามอะไรต่อเพราะแน็ทตี้ก็ไม่ได้มีเหตุอะไรจะต้องมาโกหกเขาท่าทางที่สนิทนั้นอาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ว
“เรื่องทั่วไปนั่นแหละ” แน็ทตี้เห็นกอหญ้าเดินเข้ามาก็ตอบคำถามเพื่อนสาของเขาว่าที่คุยกันมันก็เป็นเร่องทั่วไปตามประสาเพื่อนที่นานๆเจอกันและจะมีเวลาคุยกันแบบนี้นานๆเสียทีเมื่อกลุ่มเพื่อนนั่งคุยกันได้พักใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไปเดินชมวิวทะเลยามค่ำคืนเพราะงานแต่งของหญิงสาวจัดเป็นคบเพลิงปักอยู่เต็มอ่าวทุกคนเลยเดินไปถ่ายรูปกันตอนนี้ก็เหลือแต่กอหญ้าที่นั่งอยู่กับแน็ทตี้และมีนชญา“ได้คุยกันแบบนี้ก็ดีนะมีนยินดีด้วยนะฉันดีใจที่เห็นแกมีวันนี้นะ” กอหญ้าเองเห็นเพื่อนสาวของเธอมีวันนี้ก็ดีใจที่เรื่องวุ่นๆมันจบลงด้วยดีแถมเพื่อนของเธอก็มีครอบครัวที่มีความสุขอีกด้วย“ขอบใจนะกอหญ้า...ต้องขอบคุณแน็ทตี้ที่ช่วยฉันทำแผนนั้นขึ้นมา”“อุ้ยย”มีนชญาพูดแซวไปถึงวีรกรรมที่ตัวเองและแน็ทตี้รวมกันทำเอาไว้พร้อมหัวเราะออกมาที่ตอนนี้เธอนั้นเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เธอเองนั้นสร้างวีรกรรมสุดน่าปวดหัวนี้มาแน็ทตี้เองได้ยินเรื่องนี้ก็หันหน้าหนีทันทีเพราะเขาก็ไม่ได้อยากร่วมวีรกรรมนี้สักเท่าไรถ้าตอนนั้นไม่เห็นแก่เงิน“อย่าพูดถึงเรื่องนี้นะมีน...ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งอยากจะตีแกเล่นอะไรบ้าๆจนวุ่นวายไปหมดดีนะที่วันนี้เรื่องทุกอย่างจบล
เช้าวันต่อมามีนชญากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวส่วนสองพ่อลูกก็พากันไปนั่งเล่นที่ในสวนหลังบ้านวันนี้นีน่าไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะยังต้องดูอาการก่อนว่าไข้จะไม่ขึ้นมาอีก“อะไรกันเนี่ย” หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านเป็นแบบนี้ทุกวันแล้วเธอก็ต้องเจอข่าวที่ทำให้เธอตกใจเพราะมีรูปของเธอกับนีน่าอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย“นักธุรกิจหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีแอบซุกลูกกับเมียมาสามปีเต็มๆทำไฮโซสาวหน้าแหกที่เกือบจะเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวโดยชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อว่าเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกับไฮโซสาวเท่านั้นและกำลังจะจัดงานแต่งกับภรรยาของเขาเร็วๆนี้อีกด้วย” เมื่อมีนชญากวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วเธอถึงกับต้องรีบวิ่งไปหาชายหนุ่มที่หลังบ้านทันทีเพราะค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรื่องของเธอไปเป็นข่าวได้อย่างไร“คุณนิคคะ...ข่าวนี้มันมาได้ยังไงคะแล้วทำไมมีรูปเราเมื่อวานด้วย” มีนชญารีบยื่นหนังสือพิมพ์ให้ชายหนุ่มอ่านอย่างเร่งรีบเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะตกใจกับข่าวนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายอีกอย่างในข่าวก็แอบอ้างว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองทั้งที่มั
“ฉันอยากให้เธอเรียกฉันเหมือนที่เรียกไอ้หมอนั่น” เมื่อดึงหญิงสาวออกมานอกห้องได้แล้วโดมินิคก็พูดเรื่องความต้องการของเขาทันทีเขาอยากให้เอเรียกเขาแบบสนิทสนมเหมือนกับที่เธอนั้นเรียกหมอรวิชเพราะเขาไม่อยากให้เธอนั้นดูสนิทกับผู้ชายคนไหนมากไปกว่าตัวเขาเอง“หมอนั่น...พี่หมอน่ะเหรอคะ...มีนเรียกคุณนิคแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วค่ะ” มีนชญาไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มนั้นจะมาหาเรื่องอะไรเธอกับเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่องด้วยจู่ๆชายหนุ่มก็มาอยากให้เธอเรียกเขาแบบที่เธอเรียกหมอรวิชเสียแบบนั้นเธอรู้สึกว่าเธอเรียกเขาแบบเดิมมันก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรนอกจากตอนนี้ชายหนุ่มจะทำให้มันเป็นปัญหาเสียเอง“ไม่ได้เธอต้องเรียกฉันว่าพี่นิค” โดมินิคต้องใช้ลูกบังคับเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นไม่ยอมทำตามที่เขาสั่งแต่โดยดี“ทำไมต้องบังคับมีนด้วยคะ” มีนชญาไม่เห็นว่าเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้เขาจะต้องมาบังคับเธอด้วยตอนนี้เธอเลยมีสีหน้าที่ไม่พอใจอยู่เหมือนกัน“จะเรียกไหม” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ยอมทำตามที่เขาบอกแถมยังถียงเขาไม่ขาดคำเขาจึงต้องใช้ไม้เด็ดในการทำให้เธอยอมแต่โดยดีโดยการใช้มือทั้งสองของเขาจับไปที่ใบหน้าของหญิงสาวรั้งให้ใบหน้าเ
“แล้วคุณ....” รวิชแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นชายหนุ่มฝรั่งร่างสูงยืนอยู่ที่หลังของหญิงสาวว่าเขานั้นเป็นใคร“เอ่อ...ผมเป็นพ่อของนีน่าสามีของมีนครับ” โดมินิคถือโอกาสแนะนำตัวเองกับหมอหนุ่มโดยการดึงไหล่ของหญิงสาวเข้าไปกอดแสดงความเป็นเจ้าของเพราะเขานั้นไม่ชอบใจในสรรพนามที่ทั้งสองเรียกแทนตัวเองกันสักเท่าไรมันดูสนิทสนมกันเกินหน้าเกินตา“อ่อ...ครับยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”“เช่นกันครับ”รวิชเองดูอาการของอีกฝ่ายออกว่ากำลังหึงภรรยาสาวอยู่เป็นแน่แต่เขาก็ทำตัวทักทายอีกฝ่ายปกติเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับหญิงสาวเขาเห็นเธอเป็นน้องสาวคนนึงเพราะตั้งแต่ที่มีนชญาท้องก็มาหาปรึกษาเขาตลอดจึงทำให้เขากับเธอนั้นสนิทกัน5นาทีต่อมา“นีน่าไข้สูงเหมือนกันนะ...เอาเป็นว่าเดี๋ยวพี่ฉีดยาให้แล้วก็เช็ดตัวดูอาการอยู่ที่นี่สักครึ่งชั่วโมง”“ค่ะพี่หมอ”เมื่อดูอุณหภูมิร่างกายของหนูน้อยที่นอนอยู่บนเตียงแล้วหมอนุ่มเองคิดว่าจะต้องฉีดยาเพราะให้ทานยากับเช็ดตัวคงไม่ทันแน่เพราะว่าอุณหภูมิสูงขนาดนี้อาจจะทำให้ชักได้“คุณแม่ขาไม่ฉีดยา...ฮือๆๆๆ”“ไม่ฉีดไม่ได้หรือไงครับหมอ” เด็กหญิงตัวกลมที่นอนซึมอยู่บนเตียงได้ยินเสียงของลุงหมอของเธอบอกว่าต
เช้าวันต่อมาตั้งแต่เมื่อคืนมีนชญาก็ตึงใส่โดมินิคอยู่ตลอดจนชายหนุ่มนั้นเริ่มอึดอัดแต่เขาเองก็ยังท้อไม่ได้ตอนเช้าเมื่อถึงเวลาอาหารเขาจึงออกมานั่งที่หลังบ้านเพราะไม่อยากให้หญิงสาวทานข้าวไม่อร่อยเมื่อเห็นหน้าของเขา“แดดดี๊ขาคุณแม่บอกให้นีน่ามาตามแดดดี๊ไปทานข้าวเช้าค่ะ”“โอเคค่ะ” เมื่อได้ยินเสียงแหลมๆของลูกสาวตัวกลมของเขาชายหนุ่มก็ถึงกับยิ้มออกที่อย่างน้อยถึงหญิงสาวจะไม่คุยกับเขาก็ยังมีลูกสาวของเขานี่แหละที่คอยเป็นตัวกลางได้และตอนนี้เขาก็รู้ว่าหญิงสาวนั้นยังมีแอบเป็นห่วงเขาอยู่บ้างถึงแม้จะใช้ลูกมาก็เถอะ“ข้าวต้มฝีมือคุณแม่อร่อยมากเลยนะคะนีน่า”“ใช่ค่ะแดดดี๊”“เอ..ข้าวต้มนี้ใส่อะไรลงไปบ้างน้า”“ใส่กุ้ง...ไงคะแดดดี๊”โดมินิคมานั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้าแต่เขาเองก็ได้ยินแต่เสียงของนีน่าลูกสาวของเขาอยู่คนเดียวส่วนคนเป็นแม่นั้นก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาขนาดหน้าของเขาเธอยังไม่คิดที่จะหันมามองเลยสักนิดเดียวเขาจึงต้องหาเรื่องคุยกับนีน่าเพื่อที่จะให้หญิงสาวนั้นได้ร่วมวงสนทนาด้วยแต่กลับเป็นลูกสาวของเขาพูดทุกอย่างเสียเองมีนชญาเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเธอเองก็อดขำในใจไม่ได้พร้อมบอกตัวเองว่าห้ามขำออกมาเด
“ที่นี่ยังเหมือนเดิมเลยนะแถมร่มรื่นกว่าเดิมอีก” โดมินิคขับรถเลี้ยวเข้ามาในรั้วบ้านที่เปิดเป็นร้านดอกไม้เขาก็จำได้ทันทีว่าที่นี่นั้นเคยเป็นบ้านของเขามาก่อนเมื่อลงจากรถสำรวจดูรอบๆเขาก็รู้สึกชอบที่นี่มากกว่าเดิมเสียอีกเพราะมันทั้งร่มรื่นและมีดอกไม้ต่างๆปลูกรอบๆบ้านเป็นภาพที่สวยงามเป็นอาหารตาแก่เขามากที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ในตอนเช้าๆ“คุณนิคเคยมาที่ด้วยเหรอคะ” มีนชญาเห็นว่าชายหนุ่มพูดจาแปลกๆเหมือนเคยมที่นี่ยังไงยังงั้นจึงถามเขาขึ้นให้คลายสงสัย“บ้านหลังนี้เป็นของฉันเอง...ฉันปล่อยขายเมื่อห้าปีที่แล้วโลกกลมจังเลยเนอะ” โดมินิคหันมายิ้มให้กับหญิงสาวพร้อมบอกกับเธอว่าบ้านหลังนี้เป็นของเขาเองและคนที่ซื้อในตอนนั้นก็เป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาคนนี้เขาไม่แปลกใจที่ทำไมหญิงสาวไม่รู้ก็เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้ชื่อของเขาเองเป็นเจ้าของบ้านเขาคิดว่าโลกนี้มันช่างกลมเหลือเกินหรือไม่มันก็เป็นพรหมลิขิตที่ขีดมาให้เขาและเธอได้เจอกันที่ทำให้คนสองคนที่แสนจะแตกต่างกันมาเติมเต็มกันและกันได้“บังเอิญจังเลยนะคะ” มีนชญารู้สึกว่าเรื่องนี้มันช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเธอซื้อบ้านหลังนี้ก่อนที่จะวางแผนไปทำงานที่บ้านของเข
“ทำไมจะทำอะไรไม่ได้เธอรักฉัน..แล้วฉันก็รักเธออย่าหลอกตัวเองเลยนะมีนคนเรามันเท่าเทียมกันอย่าดูถูกตัวเองว่าเธอไม่เหมาะสมกับใครอีกอย่างเราก็มีลูกด้วยกันจนสามขวบแล้วด้วยทำไมฉันจะทำแบบนี้กับเธอไม่ได้” โดมินิคเห็นว่าหญิงสาวจอมซื่อบื้อคนนี้คงจะไม่เข้าใจที่เขาพูดเป็นแน่เขาจึงต้องบอกกับเธอตรงๆว่าเขานั้นรู้สึกอย่างไรพร้อมบอกให้เธอได้รู้ด้วยว่าเขาก็รู้ว่าเธอรู้สึกกับเขาเช่นไรเขาไม่อยากให้เธอดูถูกตัวเองเพราะขนาดเขาก็ยังไม่เคยคิดที่จะดูถูกเธอด้วยซ้ำอีกอย่างมันก็จะดีต่อลูกอีกด้วยถ้าทั้งเขาและเธอหันหน้าปรับความเข้าใจกัน“อะไรนะคะ...อื้มมมม” มีนชญารู้สึกอึ้งเล็กน้อยเมื่อล่วงรู้ว่าชายหนุ่มนั้นคิดกับเธอเช่นไรในขณะที่เธอยังอึ้งอยู่นั้นชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยให้เสียจังหวะเขาพยายามบดจูบหญิงสาวเรียกอารมณ์รักของเธอออกมาเพราะเขานั้นโหยหาร่างกายนี้มานานแสนนานต่อไปนี้เขาจะไม่ยอมปล่อยแม่เมียตัวแสบคนนี้ไปเด็ดขาด“คุณนิค...อื้อ...” มีนชญาถึงกับครางเสียงกระเส่าเพราะชายหนุ่มจูบวนอยู่ที่ลำคอระหงของเธออย่างนุ่มนวลไล่ลงไปที่สองเต้างามสลับกันดูดคลึงเล่นกับมืออย่างสนุกและมอบความเสียวซ่านให้กับหญิงสาวได้อย่างดีโดมินิค
“ค่ะ...วันนี้น่าจะเล่นเยอะจนเพลีย” มีนชญาลุกออกมาจากเตียงพร้อมบอกกับชายหนุ่มว่าวันนี้นีน่าค่อนข้างที่จะหลับไวจากการที่เธอเดาน่าจะเป็นเพราะเล่นกับเพื่อนๆที่โรงเรียนมากไปหน่อยเพราะตั้งแต่ไปโรงเรียนก็หลับง่ายแบบนี้มาสองวันแล้ว“เธอมีอะไรหรือเปล่า” โดมินิคทำหน้างอยู่ดีๆหญิงสาวก็เดินมายืนจ้องหน้าของเขาอยู่ที่หน้าประตูใบหน้าแสดงออกถึงการมีเรื่องอะไรในใจจนเขานั้นจำต้องถามเธอขึ้น“มีนขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมคะ”“งั้นเราไปคุยกันข้างนอกดีกว่านะ” โดมินิคดูจากสีหน้าที่จริงจังของหญิงสาวแล้วเขารู้ว่าเรื่องที่เธอต้องการจะคุยกับเขาต้องเป็นเรื่องที่เธอนั้นซีเรียสอย่ามากเป็นแน่เขาจึงดึงมือเธอให้ตามเขามานั่งคุยในห้องหนังสือของเธอที่เขาพึ่งออกมาเมื่อครู่นี้“คุณนิคคะอย่าหาว่ามีนเห็นแก่ตัวเลยนะคะ...คุณอย่าพานีน่าไปจากที่นี่เลยนะคะไม่อย่างนั้นมีนคงอยู่ไม่ได้แน่” เมื่อเข้ามาในห้องได้หญิงสาวก็ยืนก้มหน้าหลับตาพร้อมขอร้องชายหนุ่มอย่างที่ใจเธอคิดอย่างรวดเร็วและยังยืนก้มหน้าบีบมือรอฟังคำตอบจากชายหนุ่มอยู่“ยังไงฉันก็ยืนยันคำเดิมว่าฉันจะพาลูกไปอยู่กับผม....แต่....ฉันเองก็ไม่เคยพูดนี่ว่าไม่ให้เธอตามไปด้วย” โด
“เอ่อ...คือ...” มีนชญาถึงกับพูดไม่ออกจะเดินออกไปก็กลัวว่าเขาจะพาลูกหนีอีกใจมันก็จริงอย่างที่เขาบอกตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เธอจะต้องทำอาหารเย็นไว้ให้ลูกของเธอแล้วด้วย“ฉันไม่ไปไหนหรอก...นี่กุญแจ” โดมินิครู้ว่าหญิงสาวนั้นคิดอะไรอยู่เขาจึงมองจ้องไปที่หน้าของหญิงสาวพร้อมบอกให้เธอได้ฟังชัดๆว่าเขานั้นจะไม่ไปไหนให้เธอนั้นสบายใจได้พร้อมส่งกุญแจรถหรูวางไว้ที่โต๊ะหน้าโซฟาให้เธอมาหยิบอีกต่างหากเพื่อให้หญิงสาวแน่ใจว่าเขาไม่ได้โกหกเธอ“อืม...เอ่อ...คุณนิคจะทานอะไหมคะเดี๋ยวมีนทำให้ค่ะ” มีนชญาเดินมาหยิบกุญแจรถของชายหนุ่มเอาไว้เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนพร้อมเดินตรงไปที่ครัวแต่เธอก็ต้องชะงักนิดหน่อยเพราะเธอคิดว่าวันนี้เธอก็คงจะต้องทำอาหารเผื่อพ่อของลูกของเธอด้วยจึงถามเขาขึ้นว่าเขานั้นจะทานอะไรอย่างน้อยตอนนี้เขายังใจดีไม่พาลูกหนีไปจากเธอหญิงสาวคิดว่าควรที่จะสร้างไมตรีที่ดีกับชายหนุ่มเอาไว้เผื่อว่าเรื่องที่เธอจะคุยกับเขานั้นง่ายขึ้น“เธอก็รู้ว่าฉันชอบทานอะไร”โดมินิคหันไปบอกหญิงสาวที่ยืนรอคำตอบจากเขาอยู่ว่าเธอรู้ว่าเขานั้นชอบอะไรในใจชายหนุ่มก็อยากจะรู้ว่าเธอนั้นยังจำเรื่องราวตอนที่อยู่กับเขาอยู่ได้หรือเ