สนามบิน
“ชอวที่บ้านนาตาลีจัดการเรียบร้อยใช่ไหม” โดมินิคกำลังนั่งรถตู้คันหรูออกจากสนามบินตอนนี้เขารู้สึกเพลียมากอยากจะนอนพักเขาทำงานเสร็จจากที่โน่นก็ขึ้นเครื่องมาที่ไทยทันทีเพราะว่าต้องกลับมาดูงานให้ทันกำหนดและร่วมประชุมใหญ่ในอีกสองวันข้างหน้าอีกด้วย
“ใช่ครับที่บ้านพักโอเคทุกอย่างแล้วครับและนาตาลีก็พาแม่บ้านเข้ามาวันนี้ด้วยครับ” ชอวรายงานกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าที่บ้านตอนนี้เรียบร้อยดีตามกำหนดทุกอย่างและตอนนี้แน็ทตี้กำลังรออยู่ที่บ้านพร้อมกับแม่บ้านคนใหม่แล้วด้วย
“โอเค...หวังว่าแน็ทตี้คงเทรนงานมาดีแล้วนะ” โดมินิคคิดว่าแม่บ้านคนใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากแน็ทตี้ก็คงจะทำงานได้ดีไม่มีปัญหาเขาจึงเบาใจว่ามีคนคอยดูแลบ้านและตัวของเขาแล้ว
40 นาทีต่อมา
“บอสมาแล้ว” แน็ทตี้เห็นว่ามีรถตู้คันหรูมาจอดที่หน้าบ้านแล้วเขาจึงรีบบอกกับมีนชญาว่าเจ้านายหนุ่มของเขามาถึงแล้วให้เพื่อนของเขาลุกขึ้นเตรียมตัวต้อนรับ
มีนชญาจับตามองที่รถลงคันหรูที่กำลังจอดอยู่หน้าบ้านเธอเห็นว่ามีผู้ชายร่างสูงใส่สูทสีดำลงมาจากหน้ารถพร้อมเดินมายืนข้างๆรถตู้ฝั่งที่ประตูกำลังเลื่อนเปิดเธอเห็นว่าคนที่กำลังจะลงมาจากรถนั้นคือผู้ชายร่างสูงใบหน้าคมเข้มยัยห์ตาหวานที่เธอยกให้เขาเป็นพ่อของลูกเธอนั่นเองตอนนี้เธอได้แต่ยิ้มดีใจที่ตอนนี้ชายหนุ่มกลับมาเสียที
“ยินดีต้อนรับกลับมาค่ะบอส” แน็ทตี้เห็นคนเป็นนายเดินลงมาจากรถเขาจึงรีบเข้าไปทักทาย
“สวัสดีค่ะ” มีนชญาเองก็ยกมือไหว้แบบไทยที่ทำเป็นประจำเมื่อต้องเคารพผู้ใหญ่และก็เป็นเจ้านายด้วย
“ไปคุยกันข้างในจะดีกว่า” โดมินิคเห็นแล้วว่าข้างๆของแน็ทตี้นั้นมีหญิงสาวแต่งชุดแม่บ้านอยู่คราแรกเขาคิดว่าแม่บ้านของเขาที่แน็ทตี้รับมานั้นจะเป็นรุ่นแม่ของเขาแล้วเสียอีกแต่เขาก็ไม่ได้ติดอะไรขอแค่ทำงานดีก็พอพร้อมบอกให้ทั้งสองเข้าไปคุยกันในบ้านจะดีกว่า
“อืม...” มีนชญารู้สึกงงเล็กน้อยเมื่อเธอเดินตามหลังชายหนุ่มเข้ามาพร้อมๆกับแน็ทตี้จู่ๆชายหนุ่มก็ถอดเสื้อสูทของเขาออกพร้อมส่งให้เธอ..หญิงสาวจึงหันหน้าไปมองเพื่อนของเธอเป็นเชิงคำถามว่าแบบนี้ต้องทำยังไง
“รับสิ!!” แน็ทตี้ถลึงตาใส่มีนชญาที่ไม่ยอมรับเสื้อมาจากเจ้านายหนุ่มของเขาเสียทีจนตอนนี้เจ้านายหนุ่มของเขาต้องหันกลับมามองแล้วเขาจึงต้องกระซิบให้เพื่อนสาวของเขานั้นรับเสื้อมาจากเจ้านายหนุ่มของเขานั่นเองแน็ทตี้ถึงกับอยากกุมขมับนี่ขนาดวันแรกนะเนี่ยสิ่งที่เขาเคยสอนเมื่อคืนเธอยังลืม
“ค่ะ” มีนชญารีบหยิบเสื้อที่ชายหนุ่มส่งให้เธอมาไว้ที่แขนโดยเร็วจากคำสั่งของแน็ทตี้หญิงสาวหน้าเสียเล็กน้อยก็เธอลืมจริงๆนี่นามัวแต่ตื่นเต้นที่เธอนั้นได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มแล้วเรื่องที่แน็ทตี้สอนมาทั้งหมดมันก็อาจจะเลอะเลือนไปบ้าง
“บอสคะนี่แม่บ้านคนใหม่ค่ะเธอทำงานดีมากแน็ทตี้รับรองเลยค่ะ” เมื่อเห็นว่าเจ้านายหนุ่มของเขานั่งพักที่โซฟาแล้วเขาจึงเปิดประเด็นพูดแนะนำตัวมีนชญาในฐานะแม่บ้านคนใหม่กับเจ้านายหนุ่มของเขาทันทีพร้อมใช้เกียรติของตัวเองรับรองว่าหญิงสาวนั้นทำงานดี
“สวัสดีค่ะคุณเจ้านายฉันชื่อมีนชญาชื่อเล่นชื่อมีนค่ะอายุ 28 ปีค่ะ” มีนชญาเองเห็นว่าเพื่อนของเธอแนะนำตัวให้แล้วและตอนนี้ชายหนุ่มก็หันมามองที่เธอแล้วด้วยหญิงสาวจึงรีบแนะนำตัวทันทีว่าเธอชื่ออะไรอายุเท่าไรตามที่นัดกันมากับแน็ทตี้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
“ทำได้ทุกอย่างใช่ไหม” โดมินิคเห็นว่าหญิงสาวนั้นดูอ้อนแอ้นแถมยังดูไม่น่าจะเป็นแม่บ้านได้
“ใช่ค่ะงานบ้านงานเรือนมีนทำเป็นทุกอย่างเลยค่ะมีนทำอาหารอร่อยด้วยนะคะ” มีนชญาตอบชายหนุ่มด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเธอรู้ว่าเขามีท่าทางที่ไม่ค่อยเชื่อนิดหน่อยหญิงสาวเลยรีบบอกกับชายหนุ่มว่าเธอนั้นทำได้ทุกอย่างขอแค่สั่งมา
“เอาล่ะ...วันนี้เธอยังไม่ต้องทำอะไรมากหรอกแค่รอทำอาหารเย็นให้ฉันก็พอ” โดมินิคเห็นว่าหญิงสาวนั้นตอบด้วยความมั่นใจว่าเธอทำได้เขาก็ไม่ได้สัมภาษณ์อะไรเธอมากนักเพราะเห็นว่าเป็นคนที่แน็ทตี้เลือกมาแล้ววันนี้เธอก็คงจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากอาหารเย็นให้เขาคงจะเป็นพรุ่งนี้ที่หญิงสาวจะได้เริ่มงานเต็มตัว
“ค่ะ”
“ตอนนี้เธอไปได้แล้วเดี๋ยวฉันขอคุยกับนาตาลีเรื่องงานสักหน่อย”
“ค่ะ” โดมินิคอยากจะคุยเรื่องงานกับแน็ทตี้เป็นการส่วนตัวเลยให้หญิงสาวนั้นออกไปก่อนชายหนุ่มรู้สึกว่าเขานั้นคุ้นๆหน้าหญิงสาวแต่ตอนนี้เขาก็ยังนึกไม่ออกว่าเขานั้นเคยเจอเธอที่ไหนแต่ก็ไม่ได้สนใจคิดต่อเพราะตอนนี้เขาต้องการรู้ความคืบหน้าของโครงการจากปากของคนที่ดูแลงานแทนเขาอยู่ที่นี่
“ในตู้เย็นไม่มีอะไรอยู่เลยนี่นา...แล้วจะทำกับข้าวยังไงล่ะ” มีนชญาเข้ามานั่งอยู่ในห้องครัวเพราะเธอไม่รู้ว่าจะไปนั่งที่ไหนอีกทั้งเธอก็ยังลืมไปเสียสนิทเลยว่าที่นี่ไม่มีของสดแล้วเธอก็รับปากว่าจะทำอาหารเย็นให้เจ้านายคนใหม่ของเอแล้วด้วยแบบนี้เธอก็จะต้องออกไปหาซื้อของด้วยตัวเองแต่คงต้องรออีกสักพักให้แน็ทตี้คุยกับชายหนุ่มให้เรียบร้อยเสียก่อนเธอจึงค่อยเข้าไปขออนุญาตเจ้าของบ้านนี้ออกไปซื้อของข้างนอก
เป็นเวลาเกือบครึ่งชั่วโมงที่แน็ทตี้นั้นคุยงานอยู่กับโดมินิคเพราะชายหนุ่มเขาต้องการทราบรายละเอียดของงานตั้งแต่ตอนที่เขาไม่อยู่ทั้งหมดแม้ว่าแน็ทตี้นั้นจะรายงานเป็นรายอาทิตย์ตามที่เขาต้องการแล้วก็ตามแต่เขานั้นก็อยากคุยกับคนดูงานโดยตรงอยู่ดี
“นับว่างานคืบหน้าได้อย่างรวดเร็วเลยค่ะบอส”
“คุณต้องคอยดูวัสดุที่ใช้ได้มาตรฐานทุกอย่างหรือเปล่างานเสร็จเร็วแต่ไม่ได้คุณภาพผมก็ไม่โอเคเท่าไร”
“ค่ะบอส..แน็ทตี้ตรวจดูเองทุกอย่างค่ะเรื่องนี้หายห่วงส่วนหุ้นส่วนอีกฝ่ายเค้าก็ดูจะให้เราตัดสินใจเองทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็ดีนะคะ”
“ดี” โดมินิคค่อนข้างหมดห่วงกับเรื่องงานเมื่อได้ฟังแน็ทตี้นั้นลงมือดูงานเองทั้งหมดอย่างรอบคอบเขาไว้ใจคนให้ดูแลไม่ผิดจริงๆ
แน็ทตี้นั้นเป็นเด็กรุ่นใหม่ไฟแรงที่เก่งและรอบคอบคนหนึ่งจากที่เขาเห็นผลงานการทำงานของแน็ทตี้เขาไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองว่าบริษัทของเขาใช้สาวสองมาทำงานแล้วมันจะไม่มีความน่าเชื่อถือแต่เขามองว่าสมัยนี้โลกมันเปิดกว้างแล้วและอีกอย่างเขาก็มองคนที่ความสามารถอีกด้วย
“แล้วแม่บ้านคุณไปหามาจากไหนเหรอ”
“แล้วแม่บ้านคุณไปหามาจากไหนเหรอ”“อ๋อ...เอ่อ..พอดีแน็ทตี้ลงรับสมัครในเว็บน่ะค่ะมีนเค้าก็เลยมาสมัครแล้วจากที่แน็ทตี้ให้เธอทดลองงานให้ดูเธอทำงานได้ดีเลยนะคะอีกอย่างตอนนี้เธอก็เหลือตัวคนเดียวและก็ตกงานแน็ทตี้ก็เลยให้เธอลองมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ...บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ”แน็ทตี้ปั้นหน้ายิ้มพร้อมพูดแถกับประธานหนุ่มให้เนียนและเหมือนจริงที่สุดเท่าที่จะเนียนได้การที่เขานั้นทำงานที่นี่มานานเขาย่อมรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มของเขาเชื่อถือคำพูดแบบไหนนั่นเองและยิ่งการที่บอกกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าหญิงสาวนั้นเหลือตัวคนเดียวมันก็ยิ่งทำให้เจ้านายหนุ่มนึกสงสารหญิงสาวเพราะเธอรู้ว่าจุดอ่อนของคนตรงหน้าอยู่ตรงไหนนี่แหละคือความฉลาดที่เธอมีมาตั้งแต่เกิด“อะ..เอ่อ..เปล่าหรอก” โดมินิคนั้นคิดว่าแม่บ้านสาวคนที่จะมาทำงานที่บ้านของเขาเป็นคนรู้จักกับแน็ทตี้เสียอีกเพราะอายุทั้งคู่เท่ากันอีกอย่างท่าทางของทั้งคู่ก็ดูสนิทกันเกินกว่ารู้จักกันมาแค่ไม่กี่วันอีกต่างหากแต่เมื่อแน็ทตี้ยืนยันว่าเธอรับสมัครจากในเว็บเขาก็อุ่นใจและไม่ได้ติดใจจะถามอะไรต่อเพราะแน็ทตี้ก็ไม่ได้มีเหตุอะไรจะต้องมาโกหกเขาท่าทางที่สนิทนั้นอาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ว
“ครับ” ทั้งสองใช้เวลาอยู่ร่วมชั่งโมงในการเลือกซื้อของเมื่อมีนชญาเห็นว่าของที่จำเป็นน่าจะครบแล้วเธอจึงบอกให้ชอวพาเธอกลับทันทีเพราะมันก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเธอเองจะไปหาอะไรทานด้วย“จะเที่ยงแล้วคุณมีนจะหาอะไรทานก่อนไหมครับ” ชอวขับรถออกมาจากซุปเปอร์มาเก็ตแล้วเมื่อดูเวลาที่หน้าจอของรถมันเกือบเที่ยงแล้วเขากลัวว่าหญิงสาวจะหิวเลยคิดว่าให้หญิงสาวหาอะไรทานก่อนจะดีกว่า“มีนกำลังจะบอกคุณชอวอยู่พอดีเลยค่ะว่าให้พาไปหาซื้ออะไรทาน” คราแรกมีนชญาก็เกรงใจที่จะบอกคนที่ขับรถพาเธอมาซื้อของเล็กน้อยว่าให้พาไปหาอะไรทานแต่เมื่อเขาเอ่ยปากออกมาเองเธอก็โล่งใจเพราะเขานั้นก็คิดเหมือนเธอ“ร้านอยู่ตรงไหนครับบอกผมมาเลย”20 นาทีต่อมา“ร้านนี้เหรอครับ” ชอวขับรถมาตามทางที่หญิงสาวบอกในนี้ค่อนข้างที่จะลึกอยู่พอสมควรหากไม่ใช่คนที่เคยอยู่แถวนี้คงจะไม่รู้ร้านแน่เขาคิดในใจแถมร้านยังไม่น่าใช่จุดสนใจเพราะว่าเป็นแค่เพิงเล็กๆที่มีร้านค้าอยู่แค่สองสาวร้านข้างในก็เป็นหมู่บ้านอีกต่างหากเขาคิดว่าหญิงสาวอาจจะเคยอยู่ในนี้มาก่อนก็ได้“ใช่ค่ะ...ผัดไทที่อร่อยที่สุดในโลกคุณชอวเอาสักห่อไหมคะ” มีนชญาอวยผัดไทร้านปรดของเธอยกใหญ่ว่าเป็นร้าน
“อย่างแรกต้องต้มเส้นก่อน” มีนชญาถือมือถือเพื่อดูสูตรไปพลางๆอย่างแรกที่จะต้องทำคือต้มเส้นสปาเก็ตตี้ก่อนเธอจึงหยิบหม้อใบเล็กที่เหมือนในรูปมาวางบนเตาแล้วใส่น้ำตั้งให้น้ำเดือดแล้วใส่เส้นลงไป“ใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อยตามด้วยเกลือป่นด้วยเหรอ....ตายแล้วไม่ได้ซื้อนี่ใช้น้ำมันปาล์มแทนละกันมันคงเหมือนกันนั่นแหละ...อ้าวแล้วเกลือป่น...เฮ้ออ..อีกแล้วนะยัยมีนน้ำปลาแทนละกันมันก็ให้ความเค็มเหมือนกันนั่นแหละ” หญิงสาวอ่านวิธีไปเรื่อยๆขณะที่มือก็หยิบวัตถุดิบตามสูตรที่บอกมาวางไว้ที่เคาเตอร์ทำครัวเมื่ออ่านถึงเทคนิคการต้มเส้นสปาเก็ตตี้ว่าให้ใส่น้ำมันมะกอกลงไปและเกลือป่นเล็กน้อยหญิงสาวจึงนึกขี้นได้ว่าเธอลืมหยิบมาเธอหยิบมาแค่น้ำมันปาล์มกับน้ำมันถั่วเหลืองมาแค่นั้นและเธอก็ไม่ได้หยิบเกลือป่นมาด้วยหญิงสาวจึงดัดแปลงใช้น้ำมันเหล่านี้ให้มันเป็นประโยชน์และใช้น้ำปลาแทนเกลือเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ให้ความเค็มเหมือนกัน“หั่นเบคอนเป็นชิ้นเล็กๆเตรียมไว้แล้วก็ตีผสมนมสดกับไข่ไก่เข้าด้วยกัน......” หลังจากที่น้ำเดือดและนำเส้นลงไปต้มแล้วหญิงสาวก็มาอ่านวิธีการทำส่วนประกอบอย่างอื่นต่อยังไงวันนี้เธอก็จะต้องทำเสร็จก่อนที่ชา
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ”มีนชญาเห็นท่าไม่ค่อยดีแล้วถ้าหากเธอไม่นั่งทานอาหารโต๊ะเดียวกันกับเขาตามที่เขาสั่งเธอมีหวังเขาคงไม่พอใจเธอเป็นแน่“เอ่อ...แล้วทำไมสีมันเป็นแบบนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจัดอาหารใส่จานมานั่งทานข้างๆเขาเรียบร้อยแล้วเขาจึงเปิดฝาครอบจานอาหารของเขาขึ้นเขาแปลกใจนิดหน่อยที่สีสันสปาเก็ตตี้จานนี้มันดูแปลกๆค่อนข้างที่จะสีหมองผิดปกติจึงหันไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆว่าทำไมอาหารของเขามันจึงมีหน้าตาและสีสันเป็นแบบนี้“อะ..อ๋อ...มันเป็นสูตรน่ะค่ะอร่อยนะคะคุณเจ้านายลองดู” มีนชญาที่กำลังจะตักผัดไทเข้าปากเธอถึงกับต้องวางช้อนลงทันทีตอนนี้หน้าเธอเจื่อนลงนิดหน่อยเพราะหากจะตอบไปว่าเธอนั้นทำไม่เป็นก็คงจะไม่ได้จึงแกล้งบอกไปว่ามันเป็นสูตรของเธอเองและเธอก็บอกเขาอีกว่ามันอร่อย“เธอเลิกเรียกฉันว่าคุณเจ้านายได้แล้วฟังแล้วมันแปลกๆเรียกว่าคุณนิคก็พอ” โดมินิคไม่ได้สนใจที่จานอาหารของเขาแล้วตอนนี้เขารู้สึกอยากปรับคำพูดให้หญิงสาวมากกว่าเพราะเขานั้นรู้สึกว่าคำที่เธอเรียกเขานั้นมันช่างดูแปลกๆขัดหูอย่างไงบอกไม่ถูกจึงให้เธอเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อเล่นของเขาจะดีกว่า“ก็ได้ค่ะ” มีนชญายิ้มรับที่ชายหนุ่มนั้นย
“ไปกันเถอะ...เดี๋ยวเธอรออยู่ตรงนี้นะฉันไปเอารถออกมาก่อน”“ค่ะ”โดมินิคบอกให้หญิงสาวรออยู่ที่หน้าบ้านพร้อมเดินไปที่โรงจอดรถและขับรถออกมารับเธอ“โห...รถสปอร์ตเป็นบุญของเราเหมือนกันนะ” มีนชญายืนรอชายหนุ่มไปขับรถออกมาจากโรงรถด้วยสีหน้าที่แอบเซ็งนิดหน่อยแต่เมื่อได้ยินเสียงของรถเธอจึงหันไปมองภาพตรงหน้าของเธอคือชายหนุ่มขับรถสปอร์ตคันหรูของเขาออกมาเพื่อที่จะไปส่งเธอหญิงสาวถึงกับตาลุกวาวพร้อมบอกกับตัวเองว่าเป็นบุญของเธอที่ได้นั่งรถแพงๆแบบนี้อย่างน้อยเรื่องที่เธอแอบเซ็งอยู่ตอนนี้มันก็ผ่อนคลายหายไปบ้างเมื่อรู้ว่าตัวเองจะได้นั่งรถหรูข้างๆกับผู้ชายที่สุดเพอร์เฟค30 นาทีต่อมา“โห...ตรงนี้เค้ามีจัดงานด้วย...คุณนิคคะจอดตรงนี้แปปนึงสิคะ” เมื่อชายหนุ่มขับรถพามีนชญาออกมาได้พักใหญ่หญิงสาวเห็นว่าที่ข้างทางนั้นเหมือนมีงานวัดอยู่เธอเห็นว่ามีร้านลูกโป่งที่เธอชอบมากๆตั้งแต่เด็กยันโตจึงเอ่ยปากบอกให้ชายหนุ่มนั้นจอดรถให้เธอ“ได้สิ” โดมินิคนั้นไม่รู้ว่าหญิงสาวจะให้เขาจอดรถเพื่ออะไรแต่เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่มองไปที่ข้างทางเขาจึงต้องจอดให้เธอ“ซื้อลูกโป่งเนี่ยนะ” โดมินิคจอดรถได้หญิงสาวก็ลงจากรถทันทีเขามองไ
โดมินิคคิดว่าหากหญิงสาวตัวคนเดียวจะอยู่ในพื้นที่แบบนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่เขาจึงบอกให้เธอย้ายมาอยู่ที่บ้านของเขาเพราะมันปลอดภัยกว่าการอยู่ที่นี่คนเดียวอีกอย่างก็ไม่ต้องไปๆกลับๆด้วยเขาให้เธอมาอยู่ห้องของชอวเพราะห้องนั้นก็ไม่มีใครอยู่อยู่แล้ว“ให้มีนพักที่นั่นได้เหรอคะ...ขอบคุณนะคะคุณนิค...เดี๋ยวมีนแบ่งลูกโป่งให้คุณเป็นการตอบแทนนะคะ” มีนชญาถึงกับตาลุกวาวเกี่ยวกับข้อเสนอของชายหนุ่มที่ให้เธอมาเพราะนี่คือโอกาสของเธอที่จะได้อยู่ใกล้ชายหนุ่มแทบจะตลอดเวลาแล้วหญิงสาวรีบขอบคุณชายหนุ่มยกใหญ่พร้อมทั้งทำสีหน้าสำนึกในบุญคุณอย่างเห็นได้ชัดตอนนี้เธอนั้นอยากจะนั่งขอบคุณเขาสักชั่งโมงแต่มันก็น่าจะเสียเวลาเกินไปเมื่อเห็นว่าลูกโป่งของเธอนั้นมันก็ซื้อมาเยอะอยู่เธอจึงคิดว่าควรจะแบ่งให้เขานั้นเอาไปดูเล่นบ้างจะดีกว่าเผื่อหน้าตาของเขาจะสดใสมากกว่านี้“เธอเอากลับไปให้หมดนั่นแหละ...ฉันไม่รู้ว่าจะเอาลูกโป่งไปทำอะไร” โดมินิครีบปฏิเสธหญิงสาวทันทีเพราะเขาไม่ได้ชอบของอะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว“เอาไปเถอะค่ะ...มันจะทำคุณนิคยิ้มง่ายนะคะดูสิคะมันโคตรน่ารักเลย...นี่ค่ะมีนให้คุณนิคมีนไปแล้วนะคะบ๊ายบายค่ะ”มีนชญาพยายา
“ขอบคุณค่ะ” มีนชญารีบรับกุญแจห้องจากชายหนุ่มพร้อมขอบคุณคนตรงหน้าที่ใจดีกับเธอทันที“เดี๋ยวฉันออกไปวิ่งสักครึ่งชั่วโมงเธอเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ฉันด้วยนะ” โดมินิคกำลังจะออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะใกล้ๆพร้อมบอกให้หญิงสาวทำอาหารเขช้ารอเขาไว้ได้เลยเพราะเขาจะไปวิ่งแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น“ค่ะ” มีนชญาถึงกับยิ้มหน้าบานเพราะได้ยินว่าชายหนุ่มนั้นจะออกไปวิ่งตั้งครึ่งชั่วโมงเธอเห็นว่าเป็นการดีที่ชายหนุ่มไม่อยู่ในช่วงเวลาเตรียมอาหารเพราะเธอนั้นจะสั่งจากร้านมาให้เขานั่นเองมาให้เธอนั่งดูสูตรทำอีกเธอกะว่าคงจะไม่รอด“ตอนนี้ก็ต้องสั่งอาหารก่อน” มีนชญามองชายหนุ่มจนเขานั้นเดินออกไปจากตัวบ้านเรียบร้อยแล้วเธอจึงยกมือถือมาโทรสั่งอาหารจากร้านอาหารอิตาเลี่ยนร้านดังมาให้ชายหนุ่มทีเดียวครบทั้งสามมื้อเมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วเธอจึงยกกระเป๋าที่ขนมาเข้าไปเก็บในห้องที่ชายหนุ่มนั้นพึ่งยื่นกุญแจให้กับเธอ20 นาทีผ่านไป“เฮ้อ...เสร็จซะที” หลังจากจัดแจงเก็บของเข้าที่เรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็ทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนุ่มทันทีRrrrrrrrrrrrrr“สวัสดีค่ะ....โอเคค่ะเดี๋ยวฉันออกไปรับ” ขณะที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆหญิงสาว
แบบนี้ก็คงต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรมแล้วหละแต่เมื่อคิดไปคิดมาชุดก็มีตั้งสามชุดชายหนุ่มอาจจะไม่เลือกใส่ชุดที่เธอทำมันไหม้ก็เป็นได้ตอนนี้หญิงสาวเลยปิดเพลงพร้อมตั้งหน้าตั้งตารีดต่อ“เฮ้ยย...นี่มันผ้าอะไรกันเนี่ยรีดทีไรไหม้ทุกที” มีนชญารีดผ้าไปบ่นไปเพราะผ้าที่เธอลงเตารีดนาบไปนั้นมันก็มีรอยไหม้ทันทีจนเธอไม่เข้าใจว่าแล้วผ้าแบบนี้เขาต้องใช้เตารีดอะไรรีดกันแต่มีอย่างหนึ่งที่หญิงสาวลืมไปก็คือการเบาความร้อนของเตารีดนั่นเอง“ถ้าจะไหม้หมดอย่างนี้...ก็คงต้องรีดแค่นี้แล้วแหละ...เฮ้อ..มีนท้อแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าชุดที่รีดไปทั้งสองชุดของชายหนุ่มมีรอยไหม้เกือบจะทุกตัวจนเธอท้อใจไม่อยากจะรีดต่อเพราะไม่อยากจะทำชุดของชายหนุ่มพังเลยปล่อยอีกชุดที่สภาพดีเอาไว้แต่เธอก็ยังไม่ได้รีดพลางคิดในใจว่าหากชายหนุ่มอยากจะใส่ชุดดีๆก็กลับมารีดเองแล้วกันตอนนี้เธอยอมโดนตำหนิแล้วหละเพราะไม่ไหวกับการรีดผ้าแบบนี้เลยจริงๆไม่รู้ว่าเสื้อผ้าชายหนุ่มนั้นสั่งทำด้วยอะไรถึงได้ดูบอบบางแบบนี้เช้าวันต่อมา06.30 น.ปั้งๆๆๆๆ“ฟ้าผ่า...ฟ้าผ่า” มีนชญาถึงกับสะดุ้งตื่นตกใจเพราะสียงดังจากการเคาะประตูห้องของเธอจนคิดว่าวันนี้มีฟ้าผ่าแต่เช้าเมื