เช้าวันต่อมา
มีนชญากำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวส่วนสองพ่อลูกก็พากันไปนั่งเล่นที่ในสวนหลังบ้านวันนี้นีน่าไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะยังต้องดูอาการก่อนว่าไข้จะไม่ขึ้นมาอีก
“อะไรกันเนี่ย” หลังจากที่ทำอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็หยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านเป็นแบบนี้ทุกวันแล้วเธอก็ต้องเจอข่าวที่ทำให้เธอตกใจเพราะมีรูปของเธอกับนีน่าอยู่ในหนังสือพิมพ์อีกด้วย
“นักธุรกิจหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีแอบซุกลูกกับเมียมาสามปีเต็มๆทำไฮโซสาวหน้าแหกที่เกือบจะเป็นเมียน้อยโดยไม่รู้ตัวโดยชายหนุ่มให้สัมภาษณ์กับทุกสื่อว่าเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกับไฮโซสาวเท่านั้นและกำลังจะจัดงานแต่งกับภรรยาของเขาเร็วๆนี้อีกด้วย” เมื่อมีนชญากวาดสายตาอ่านข้อความอย่างรวดเร็วเธอถึงกับต้องรีบวิ่งไปหาชายหนุ่มที่หลังบ้านทันทีเพราะค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรื่องของเธอไปเป็นข่าวได้อย่างไร
“คุณนิคคะ...ข่าวนี้มันมาได้ยังไงคะแล้วทำไมมีรูปเราเมื่อวานด้วย” มีนชญารีบยื่นหนังสือพิมพ์ให้ชายหนุ่มอ่านอย่างเร่งรีบเพราะเธอคิดว่าเขาอาจจะตกใจกับข่าวนี้เหมือนกันเพราะมันทำให้ภาพพจน์ของเขาเสียหายอีกอย่างในข่าวก็แอบอ้างว่าเขาเป็นคนให้สัมภาษณ์เองทั้งที่มันไม่ใช่เธอรู้ดีเพราะชายหนุ่มจะไปให้สัมภาษณ์ใครตอนไหนเพราะเขาก็อยู่กับเธอตลอด
“ก็ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันจะทำทุกอย่างให้มันชัดเจน....เมื่อกี้เธอเรียกฉันว่าอะไรนะอยากโดนทำโทษอีกหรือไง” โดมินิครีบกุมมือหญิงสาวเอาไว้ให้เธอนั้นเลิกตกใจพร้อมบอกกับเธอว่าเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือของเขาเองลัยังย้ำให้กับคนที่กำลังตกใจว่าให้เรียกเขาให้ถูกไม่อย่างนั้นอาจจะโดนทำโทษแบบเมื่อคืนอีกก็เป็นได้
“เอ่อ...เปล่าค่ะพี่นิคคือมีนยังไม่ชิน” มีนชญาถึงกับหน้าเหวอเมื่อรู้ว่าเรื่องนี้ชายหนุ่มนั้นรู้เห็นด้วยเธอค่อนข้างงงว่าชายหนุ่มไม่กลัวว่าจะเสียภาพพจน์หรืออย่างไรเมื่อข่าวมันออกมาเป็นแบบนี้แต่ก็ต้องหน้าชาเพราะเธอนั้นโดนเตือนเรื่องเรียกเขาผิด
ตอนนี้หญิงสาวนั้นรู้สึกโล่งใจที่เขาทำให้เธอเชื่อว่าเขานั้นพูดจริงแต่เธอก็ยังห่วงชื่อเสียงของเขาอยู่ดีว่าจะเสียหายอีกอย่างเธอเองก็ยังนึกสงสารผู้หญิงที่ให้ข่าวปลอมคนนั้นอยู่เหมือนกันว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
โดมินิคเองเป็นคนสร้างแผนการนี้ทั้งหมดขึ้นมารวมถึงรูปที่ลงข่าวกับบทสัมภาษณ์ก็เป็นฝีมือของเขาทั้งหมดโดยเขานำข้อมูลให้ชอวนั้นจัดการเรื่องนี้แทนเขาและเขาเองก็ต้องขอบใจชอวจริงๆที่ทำเรื่องนี้ให้เร่งด่วนทันใจเสียเหลือเกิน สมกับที่เขายกให้เป็นตัวแทนของเขาตอนนี้ขาไม่รู้ว่าธุรกิจของเขาที่ทำร่วมกับมาตินจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าเพราะเขานั้นได้แหกหน้าของลูกสาวคนเดียวของมาตินขนาดนั้นแต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่สนแล้วเพราะเคธี่นั้นไม่สนความรู้สึกของเขาก่อน
อิตาลี
“หึ้ยยย....ทำไมเป็นแบบนี้กันนะ” เคธี่นั่งอ่านข่าวสดๆร้อนๆตอนนี้หญิงสาวนั่งกำมือแน่นเพราะข่าวที่ออกมามันทำให้เธอนั้นหน้าแตกไม่เหลือชิ้นดี
“แกมันทำตัวเองฉันเตือนแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง” มาตินเห็นอาการของลูกสาวของเขาก็นึกสมน้ำหน้าเขาดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าโดมินิคนั้นไม่ได้มีท่าทีที่สนใจลูกสาวของเขาสักนิดและเขาก็คอยเตือนลูกสาวของเขาเรื่องทำอะไรเกินหน้าเกินตาแบบนี้หลายครั้งแต่เธอก็ไม่ฟัง
“ก็เคสรักโดมินิคนี่คะ” เคธี่กัดฟันพูดกับคนเป็นพ่ออย่างโมโหสุดขีดเธอทำไปทั้งหมดเพราะความรักทั้งนั้นตั้งแต่เธอรู้จักกับเขามาก็ไม่เห็นว่าเขาจะมีผู้หญิงที่ไหนแต่มาวันนี้กลับมีข่าวว่ามีเมียมีลูกซุกอยู่ตั้งสามปีแล้วยิ่งคิดเธอก็ยิ่งแค้นใจยิ่งนึกถึงบทสัมภาษณ์ของตัวเองตอนนี้เธอถึงกับไม่อยากจะออกจากบ้านไปไหนเพราะรู้สึกอับอายเกินทน
“ฉันไม่เห็นว่าโดมินิคเค้าจะสนใจแกเลยสักนิด...ครั้งนี้ฉันจะไม่เข้าข้างแกเชิญแกจัดการกับชีวิตแกเองแล้วกันฉันขอเตือนให้แกเลิกยุ่งกับโดมินิคซะไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจ้าย” ครั้งนี้มาตินนั้นเหลืออดกับลูกสาวคนเดียวของเขาจริงๆที่ชอบหาเรื่องงามหน้ามาให้ตอนนี้เขาไม่สนใจจะใช้อิทธิพลปิดข่าวนี้แล้วเรื่องนี้เขาจะให้ลูกสาวของเขานั้นได้รับบทเรียนนี้เอง
จะได้รู้เสียทีว่าควรทำอะไรที่มันมีขอบเขตและไม่เอาแต่ใจตัวเองแบบนี้อีกพร้อมกำชับอย่างเอาจริงเอาจังว่าไม่ให้ลูกสาวของเขานั้นไปกวนใจโดมินิคอีกเดินออกไปจากห้องขอลูกสาวของเขาทันที
“คุณพ่อคะ....คุณพ่อ....อร้ายยยย” เคธี่เองถึงกับอาละวาดยกใหญ่เพราะความผิดหวังครั้งนี้เธอผิดหวังไปทุกอย่างทั้งเรื่องผู้ชายและเรื่องที่พ่อของเธอไม่สนใจเธอรู้ว่าคำที่พ่อของเธอขู่เมื่อครู่เขาเอาจริงด้วยนิสัยเอาแต่ใจของหญิงสาวจึงกรี๊ดโวยวายอยู่ในห้องของเธออย่างคลุ้มคลั่งตอนนี้เธอคงต้องเก็บตัวเงียบสักพักให้ข่าวมันซาลงไปก่อน
2 เดือนต่อมา
เกาะเสม็ด
20.00 น.
โดมินิคเลือกจัดงานแต่งงานเรียบๆบนชายหาดที่อ่าวแห่งหนึ่งบนเกาะเสม็ดเพราะหญิงสาวต้องการจัดงานแต่งแบบเงียบๆมีเพียงแค่เพื่อนๆคนสนิทเท่านั้น
“วู้ววส์....ดื่มให้บ่าวสาวกันหน่อยค่ะทุกคน” แขกที่นั่งอยูบนโต๊ะอาหารประมาณสิบกว่าคนจะเป็นพวกเพื่อนๆของหญิงสาวเสียส่วนใหญ่ส่งเสียงเชียร์ให้ทุกคนดื่มให้กับบ่าวสาวโดยภาพบรรยากาศในงานจะมีชอวเป็นคนถือกล้องเก็บภาพไว้ทั้งหมด
“ฉันมีความสุขมากๆเลยมีน” โดมินิคที่ยืนอยู่ในซุ้มดอกไม้หน้างานกอดกับเจ้าสาวของเขาพร้อมกระซิบข้างหูของเธอว่าเขานั้นมีความสุขกับวันนี้มาก
“มีนก็มีความสุขค่ะ” มีนชญาเองก็หุบยิ้มให้กับงานวันนี้ไม่ได้จริงๆเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเธอจะมาถึงจุดนี้กับชายหนุ่มด้วยความคิดบ้าๆบอๆของเธอแท้ๆทำให้เธอนั้นมาลงเอยกับเขาได้
“บอสคะแน็ทตี้ขอยืมตัวเจ้าสาวหน่อยนะคะ” แน็ทตี้เดินมาหาเจ้าสาวคนสวยที่ยืนคุยอยู่กับเจ้าบ่าวกระหนุงกระหนิงอยู่สองคนโดยไม่สนใจแขกในงานเพราะมัวแต่หวานกันแน็ทตี้จึงต้องเขามาดึงตัวเจ้าสาวให้เข้าไปคุยกับเพื่อนฝูงบ้าง
“ได้สิตามสบายเลยแต่ต้องส่งคืนก่อนเข้าหอนะ” โดมินิคเองก็กักตัวเจ้าสาวของเขาเสียเพลินจนลืมไปว่าเพื่อนของหญิงสาวนั้นมากันหลายคนเธอก็ควรที่จะไปทักทายกับเพื่อนบ้างพร้อมย้ำกับแน็ทตี้ว่าให้พาตัวหญิงสาวกลับมาส่งให้เขาก่อนเวลาเข้าหอ
“โอเคค่ะ” แน็ทตี้เองอดทำหน้าอิจฉาความหวานของคู่นี้ไม่ได้เธอรีบดึงเพื่อนสาวของเธอมานนั่งที่โต๊ะกับกลุ่มเพื่อนๆทันทีเพราะนานๆทีจะเจอกัน
“ยืนหวานกันอยู่ได้แล้วหลานฉันไปไหนล่ะตั้งแต่มายังไม่เห็นเลย” แน็ทตี้พาเพื่อนสาวของเขามานั่งที่โต๊ะได้ก็ถามหาหลานสาวคนโปรดของเขาทันทีเพราะตั้งแต่มามองหาเท่าไรก็ไม่เห็นเสียที
“โถ่....กว่าแกจะมาวุ้นเส้นก็พานีน่าไปนอนแล้วไหมล่ะ” มีนชญาถึงกับขำก็เพื่อนเธอเล่นมาซะดึกจนเลยเวลานอนของนีนาไปแล้วเธอจึงให้วุ้นเส้นพานีน่าไปนอนก่อนที่แน็ทตี้จะมาคลาดกันนิดเดียว
“โทษทีแกก็ฉันมัวแต่หาชุดอยู่” แน็ทตี้ถึงกับมีสีหน้าเจื่อนลงเพราะเธอเองก็มาสายจริงๆเพราะมัวแต่หาชุดใส่อยู่
“พรุ่งนี้ค่อยตื่นมาเล่นกับหลานก็แล้วกัน...แล้วกอหญ้าไปไหนล่ะ” มีนชญาเองคราแรกยังเห็นกอหญ้านั่งอยู่กับน้องเอมและอิทธิพลอยู่เลยตอนนี้ไม่เห็นแล้วว่าสามคนพ่อแม่ลูกอยู่ไหนกันจึงถามหา
“พาน้องเอมไปนอนแล้วเหมือนกัน” แน็ทตี้บอกหญิงสาวพลางปัดมือไปที่ห้องพักบนพร้อมบอกว่าสองคนนั้นเค้าพาลูกไปนอนเหมือนกัน
“เม้ามอยอะไรกันยะ” ทั้งแน็ทตี้และมีนชญาคุยกับเพื่อนๆในกลุ่มสัพเพเหระจนพักใหญ่กอหญ้าก็พึ่งจะเดินออกมาเห็นสี่ห้าคนบนโต๊ะนั่งคุยหัวเราะกันอย่างออกรสเธอจึงรีบเข้ามานั่งคุยด้วยเพราะตอนนี้น้องเอมลูกสาวของเธอหลับไปเรียบร้อยแล้วเธอจึงออกมาด้านนอกได้
“เรื่องทั่วไปนั่นแหละ” แน็ทตี้เห็นกอหญ้าเดินเข้ามาก็ตอบคำถามเพื่อนสาของเขาว่าที่คุยกันมันก็เป็นเร่องทั่วไปตามประสาเพื่อนที่นานๆเจอกันและจะมีเวลาคุยกันแบบนี้นานๆเสียทีเมื่อกลุ่มเพื่อนนั่งคุยกันได้พักใหญ่ต่างก็แยกย้ายกันไปเดินชมวิวทะเลยามค่ำคืนเพราะงานแต่งของหญิงสาวจัดเป็นคบเพลิงปักอยู่เต็มอ่าวทุกคนเลยเดินไปถ่ายรูปกันตอนนี้ก็เหลือแต่กอหญ้าที่นั่งอยู่กับแน็ทตี้และมีนชญา“ได้คุยกันแบบนี้ก็ดีนะมีนยินดีด้วยนะฉันดีใจที่เห็นแกมีวันนี้นะ” กอหญ้าเองเห็นเพื่อนสาวของเธอมีวันนี้ก็ดีใจที่เรื่องวุ่นๆมันจบลงด้วยดีแถมเพื่อนของเธอก็มีครอบครัวที่มีความสุขอีกด้วย“ขอบใจนะกอหญ้า...ต้องขอบคุณแน็ทตี้ที่ช่วยฉันทำแผนนั้นขึ้นมา”“อุ้ยย”มีนชญาพูดแซวไปถึงวีรกรรมที่ตัวเองและแน็ทตี้รวมกันทำเอาไว้พร้อมหัวเราะออกมาที่ตอนนี้เธอนั้นเห็นว่ามันเป็นเรื่องตลกที่เธอเองนั้นสร้างวีรกรรมสุดน่าปวดหัวนี้มาแน็ทตี้เองได้ยินเรื่องนี้ก็หันหน้าหนีทันทีเพราะเขาก็ไม่ได้อยากร่วมวีรกรรมนี้สักเท่าไรถ้าตอนนั้นไม่เห็นแก่เงิน“อย่าพูดถึงเรื่องนี้นะมีน...ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งอยากจะตีแกเล่นอะไรบ้าๆจนวุ่นวายไปหมดดีนะที่วันนี้เรื่องทุกอย่างจบล
อิตาลีบริษัทXXXปังงงงงง“ถ้าทำชุ่ยๆก็อย่าทำมันเลย”“ขอโทษค่ะท่านดิฉันจะรีบไปสรุปให้ใหม่ให้ทันส่งวันนี้ค่ะ” โดมินิคโยนแฟ้มเอกสารบัญชีรายเดือนกระจุยกระจายไปทั่วห้องเพราะไม่พอใจที่มันค่อนข้างที่จะไม่ถูกต้องหลายจุดพร้อมทั้งส่งสายตาที่กำลังไม่พอใจไปยังพนักงานของเขาก่อนจะบอกกับเธอว่าหากไม่ระเอียดรอบคอบในการทำงานขนาดนี้ก็อย่าทำพนักงานสาวกลัวจนหัวหดพร้อมทั้งก้มเก็บแฟ้มเอกสารอย่างรนรานบวกกับที่ถูกประธานหนุ่มว่าเธอจึงจะต้องรีบแก้มาส่งใหม่พนักงานสาวกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปด้านนอกด้วยตอนนี้ในห้องกำลังลุกเป็นไฟด้วยโทสะของประธานหนุ่มพนักงานของบริษัทของโดมินิคต่างรู้กันว่าประธานหนุ่มของที่นี่เป็นคนใจดีแต่อย่าให้ได้โมโหเพราะจะเขาสามารถทำลายทุกอย่างได้แต่เขาเองก็ไม่ได้โมโหพร่ำเพรื่อนอกจากจะมีเหตุสะกิดใจเขาก็เท่านั้นเห็นจะเป็นเรื่องความเจ้าระเบียบและละเอียดรอบคอบเสียมากที่ชายหนุ่มเคร่งในเรื่องนี้แบบสุดๆด้วยความที่ชายหนุ่มต้องครอบคลุมธุรกิจทั้งหมดของบ้านตั้งแต่พึ่งเรียนจบใหม่ๆเพราะทั้งพ่อละแม่ของเขาเสียเพราะอุบัติเหตุเขาต้องอยู่กับงานและงานเพียงอย่างเดียวไม่ได้มีชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นจึงทำให้เขาต้อ
“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน...เป็นยังไงบ้างสบายใจขึ้นบ้างหรือยัง” กอหญ้าเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวเธอก็รู้ได้ในทันทีว่าเพื่อนสาวของเธอนั้นยังทำใจเรื่องแม่ไม่ได้อยู่เป็นแน่“ก็ยังทำใจยากอยู่ฉันเคยอยู่กับแม่มาแค่สองคนตอนนี้ก็เหลือตัวคนเดียวมันหดหู่บอกไม่ถูก” เมื่อได้รับคำถามจากเพื่อนสาวหญิงสาวก็รู้ว่าเพื่อนของเธอนั้นยังคอยห่วงใยเธออยู่เหมือนเดิมพร้อมบอกกับเพื่อนสาวของเธอด้วยความรู้สึกในตอนนี้ว่าเธอนั้นยังทำใจกับเรื่องที่แม่เธอจากไปไม่ได้สักเท่าไร“แอ้ๆ”“ว่าไงจ๊ะ..ทักทายน้าเหรอคนเก่ง” จากที่มีนชญากำลังอยู่ในโหมดซึ้งกับเพื่อนสาวแม่หนูน้อยตัวกลมลูกของกอหญ้าก็ส่งเสียงเรียกมาทางเธอเป็นการทักทาย“อิ่มเอมแกคุยเก่งมากนี่ขนาดแค่หกเจ็ดเดือนนะส่งเสียงไม่หยุดเลย” กอหญ้าก้มมองลูกสาวของเธอในอ้อมอกพร้อมอมยิ้มเอ็นดูที่ลูกสาวเธอนั้นช่างเป็นคนที่คุยเก่งเสียเหลือเกิน“ถ้าฉันมีครอบครัวแบบแกก็คงจะดีกว่านี้เนอะ” มีนชญารู้สึกว่าเพื่อนสาวของเธอในตอนนี้นั้นช่างดูมีความสุขเหลือเกินที่มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกอีกอย่างสามีของเพื่อนสาวเธอก็รักเพื่อนเธอมากๆอีกด้วยลูกออกมาก็ยังน่ารักอีกเธออยากเป็นแบบนี้บ้าง
เช้าวันต่อมาห้างสรรพสินค้า“เสร็จเรียบร้อยแล้วแกไปกว่าจะได้เงินนี่หลายขั้นตอนเนอะ” เกือบทั้งวันที่วันนี้มีนชญาไปเดินเรื่องเพื่อจะขึ้นเงินตกเย็นเธอเลยโทรนัดกอหญ้าทานข้าวเพื่อฉลองเมื่อมาถึงห้างเจอหน้าเพื่อนสาวเธอก็ขอแอบบ่นนิดว่าวันนี้มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน“ไป..เราไปทานข้าวกัน” กอหญ้าเห็นหน้าที่ดูเหนื่อยๆของเพื่อนสาวเธอจึงเข้าไปกอดคอมีนชญาเหมือนที่ชอบทำกันบ่อยตอนสมัยเรียนพร้อมรั้งคอเพื่อนสาวของเธอเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่แพงมากที่พวกเธอทั้งสองเคยอยากทานกันมากสมัยเรียนแต่เพราะงบไม่พอจนวันนี้ทั้งสองก็ได้มาทานสมใจอยาก“น้องเอมไม่ได้มาด้วยเหรอ” มีนชญาหันไปถามเพื่อนสาวของเธอว่าไม่ได้เอาลูกมาด้วยหรือเพราะเธอเห็นแค่เพื่อนสาวเธอยืนอยู่คนเดียว“อยู่กับพี่อิทน่ะรายนั้นติดลูกแจเลย...ไปเถอะมื้อนี้ฉันเลี้ยงแกเองฉลองที่เพื่อนถูกหวย” กอหญ้าหันไปยิ้มให้กับเพื่อนสาวพร้อมบอกว่าเธอนั้นจะไปไหนมาไหนก็ได้แล้วเพราะสามีเธอนั้นติดลูกมากและสามารถเลี้ยงลูกเองได้โดยที่เธอนั้นไม่ต้องห่วงอะไรมากนักแค่บอกเวลาไปและเวลากลับก็พอละมื้อนี้เธอก็จะเป็นคนเลี้ยงเพื่อนสาวเธอเองเพราะเธอมีเงินพอที่จะเลี้ยงเพื่อนเธ
“ไอ้เราก็นึกว่าอะไร..แต่..ปฏิเสธซะสียงสูงเลยน้า...ถ้าแกสนใจฉันช่วยแกได้นะจะบอกว่าเค้าโสดอยู่ด้วยแถมทำธุรกิจก็เก่งเป็นที่หนึ่งขนาดพี่อิทยังชมให้ฉันฟังอยู่บ่อยๆเลย..อีกอย่างเค้าก็สเปกแกด้วยนี่นาสาย ฝ ฮ่าๆๆๆ” กอหญ้าที่ล่วงรู้ความคิดของเพื่อนสาวเธอหญิงสาวเลยรีบพูดถึงโปรไฟล์ของชายหนุ่มว่าเพอเฟคขนาดไหนให้เพื่อนสาวของเธอฟังเผื่อเพื่อนสาวของเธอจะเลิกปากแข็งและยอมรับกับเธอมาตรงๆว่าสนใจเธอจะได้เดินหน้าช่วยเพื่อนเธอเต็มที่นั่นเอง“หยุดพูดเลยใครบอกว่าสนใจ...ไม่ได้สนซะหน่อยดูท่าเค้าเจ้าระเบียบมากเลยเนอะ” มีนชญาแกล้งผลักไหล่เพื่อนสาวของเธอหนึ่งทีพร้อมบอกกับเพื่อนสาวของเธอว่าเธอนั้นไม่ได้สนใจจริงๆและเธอเองก็เห็นว่าชายหนุ่มน่าจะเป็นคนที่มีนิสัยแตกต่างกับเธอสุดขั้วอีกด้วยดูจากมาดแบบนั้นเธอดูออกว่ายังไงก็ต้องเป็นคนที่เป๊ะทุกกระเบียดนิ้วต่างจากเธอที่เป็นจอมซุ่มซ่ามแถมเรื่องเปิ่นนี่ก็ที่หนึ่งอีกด้วย“อืม...มันแน่อยู่แล้วคนเป็นนักธุรกิจต้องมีระเบียบอยู่แล้วอีกอย่างยิ่งเก่งแค่ไหนยิ่งระเบียบจัดแค่นั้น” กอหญ้าเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักธุรกิจทุกคนที่ประสบผลสำเร็จในการทำงานจะเจ้าระเบียบและมีวินัยเ
“อ๋อ...ท่านไม่ค่อยได้มาอยู่น่ะครับเลยปล่อยขายในราคาย่อมเยาอีกอย่างเงินที่ได้ท่านก็แบ่งไปทำบุญด้วยนะครับ” ชายหนุ่มที่เป็นนายหน้ามองหญิงสาวพร้อมยิ้มให้เธอและบอกว่าที่มันถูกก็เพราะเจ้าของบ้านนั้นไม่ค่อยได้มาอยู่เลยตัดสินใจขายและเงินที่ได้เขาก็ให้เอาไปทำบุญ“อ๋อ...ค่ะเจ้าของบ้านเค้าใจดีจังเลยนะคะ” มีนชญานับถือในน้ำใจของเจ้าของบ้านหลังนี้เสียจริงแต่เธอนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรต่อว่าเขานั้นเป็นใครอยู่ที่ไหนเพราะเธอรู้มาว่าชื่อในใบที่ดินและชื่อเจ้าของบ้านเป็นของคนไทยแต่เจ้าของที่แท้จริงน่าจะเป็นต่างชาติเธอก็ไม่ได้ใส่ใจถามเหมือนกันว่าเขานั้นชื่ออะไรในเมื่อตอนนี้มันเป็นของเธอแล้วเธอก็จะจำแค่เธอเป็นเจ้าของบ้านก็พอ19.00 น.กว่ามีนชญาจะกลับมาบ้านก็เป็นเวลาเย็นพอดีตอนนี้ท้องของหญิงสาวก็เริ่มที่จะร้องขึ้นอีกแล้วความหิวของเธอตอนนี้มันอยู่ที่ระดับสิบเพราะทั้งเพลียทั้งหิวบวกกันนั่นเองหญิงสาวจำต้องเดินออกจากบ้านไปนั่งที่ร้านเดิม“เฮ้อเหนื่อยจังเลย...ป้าคะผัดไทยกุ้งสดจานนึงค่ะ” เมื่อสั่งผัดไทยกุ้งสดเมนูเดิมที่ร้านประจำมันก็พาให้เธอนั้นคิดวนไปเรื่องเดิมๆอีกก็คือวันวานที่เคยนั่งทานอยู่กับแม่ของเธอแต่ต
3 ชั่วโมงต่อมาห้างสรรพสินค้า“ถึงแล้ว...วันนี้แม่จะช้อปให้สะใจไปเลยงบสี่พันพอเนอะ” เมื่อลงจากแท็กซี่มีนชญาก็มองไปที่หน้าห้างสรรพสินค้าที่ว่ากันว่าที่นี่มีแต่คนมีเงินเดินเธอเองคิดว่าวันนี้จะใช้เงินช้อปปิ้งไร้สาระที่เยอะที่สุดในชีวิตที่เคยใช้มาจำนวนสี่พันบาทนั่นเองถึงเงินแค่นี้ในการช้อปปิ้งของเธอคนอื่นจะมองว่าน้อยแต่เธอนั้นโคตรเสียดายมันสุดๆกับการช้อปปิ้งไร้สาระกับเงินสี่พันแต่อีกใจหญิงสาวก็บอกกับตัวเองว่าถือเป็นการให้ความสุขกับตัวเธอเองสักวันก็แล้วกัน“คู่ไหนดีน้า” มีนชญาเข้ามาในร้านรองเท้าแบรนด์หนึ่งซึ่งเงินที่เธอจำกัดวันนี้ก็น่าจะเอื้อมถึงเพราะเธอดูจากราคาแล้วเธอนั้นซื้อได้แถมเงินที่จำกัดมาสี่พันยังเหลือด้วย“หืมม...สวยทั้งคู่เลย...สีเงิน..สีชมพู..สีเงิน...สีชมพู..อืมม..สีเงินดีกว่า...ฉันเอาสีเงินเบอร์37คู่นึงค่ะ”มีนชญากำลังตัดสินใจเลือกรองเท้าส้นสูงสามนิ้วหัวแหลมราคาคู่ละ2500บาทเธอกำลังชั่งใจอยู่ว่าเธอนั้นจะซื้อสีเงินหรือสีชมพูดีหญิงสาวนึกถึงชุดที่เธอจะใส่คืนนี้มันเป็นสีชมพูอ่อนหากเธอเลือกสีชมพูไปมันก็จะชมพูทั้งชุดเธอจึงคิดว่าเอาสีเงินจะดีกว่าจึงบอกพนักงานว่าเธอรับคู่สีเงินเบ
5 นาทีต่อมา“เอ๋..มือถือล่ะ...หรือว่า..โอ้ยแกนี่มันจริงๆเลยยัยมีน”หลังจากที่เดินออกจากร้านหนังสือมาสักพักมีนชญาก็กำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาดูว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้วแต่เมื่อล้วงไปที่กระเป๋าเสื้อคลุมของเธอกลับไม่เจอพอนึกไปนึกมาเธอคิดว่าจะเป็นช่วงที่เธอจ่ายเงินค่าหนังสือแล้วทำหล่นแน่เลยเธอชอบเจอเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำหญิงสาวเตือนตัวเองหลายรอบแล้วว่าอย่าเอามือถือใส่รวมกับเงินแต่ก็ลืมทุกทีตอนนี้เธอก็ทำได้แต่วิ่งหลับไปที่ร้านหนังสือดังเดิมเพื่อที่จะไปตามมือถือของเธอคืนนั่นเอง“ขอโทษนะคะไม่ทราบว่ามีคนเจอมือถือเครื่องสีชมพูที่ใส่เคสยูนิคอร์นบ้างหรือเปล่าคะ”มีนชญาวิ่งพุ่งตรงมาที่เคาเตอร์สอบถามพนักงานเรื่องมือถือของเธอทันทีเพราะคิดว่าหากมีคนเก็บได้ในร้านก็คงจะเอามาฝากที่พนักงานเป็นแน่หรืออีกอย่างก็คือเอาไปเลยอันนั้นมันก็เป็นความซวยของเธอแล้วหละถึงแม้เธอจะมีเงินซื้อใหม่แต่มันก็ไม่เหมือนเดิมเพราะเครื่องนี้เป็นเครื่องที่แม่ของเธอซื้อให้ก่อนท่านจะเสียนั่นเอง“เครื่องนี้ใช่ไหมคะ”“ใช่ค่ะ...ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” หลังจากที่ใจไม่ดีอยู่นานมีนชญาก็โล่งใจเพราะพนักงานหยิบมือถือของเธอขึ้นมาจากหลังเคาเตอร์พร้