แน็ทตี้ต้องรีบปรามทั้งสองว่าห้ามเรียกชื่อนี้ของเธอได้แล้วเพราะเธอนั้นไปเปลี่ยนเพศและเปลี่ยนชื่อมาเรียบร้อยแล้วเธอไม่อยากให้ใครมาเรียกชื่อเดิมของเธออีกเพราะตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงสมใจแล้วเพียงแต่ไม่มีมดลูกและเสียงที่ยังแอบห้าวอยู่
“อะ...เอ่อ..โอเค..ไปนั่งคุยกันทางโน้นดีกว่าแก” กอหญ้าเห็นว่าในนี้คนมันค่อนข้างพลุกพล่านและเสียงดนตรีมันก็ดังเลยชวนทั้งสองไปนั่งคุยกันที่ที่มันส่วนตัวกว่านี้จะดีกว่า
“อย่าบอกนะที่แกหายไปเรียนเมืองนอกแกไปแปลงเพศมา” เมื่อออกมาถึงจุดที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวในด้านนอกของโรงแรมแล้วกอหญ้าก็ถือโอกาสถามแน็ทตี้ทันทีว่าที่หายหน้าหายตาไปหลังจากเรียนจบม.ปลายเพื่อนของเธอไปเก็บตัวแปลงเพศทำหน้าใหม่มาทั้งหมดในช่วงเวลานั้นใช่หรือไม่
“ก็ใช่น่ะสิมันเป็นความฝันของฉันเลยพวกแกก็รู้” แน็ตตี้ตอบด้วยความภาคภูมิใจเพราะเขานั้นเคยสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองหลังจากจบม.ปลายแล้วความจริงเขาเองก็ไม่ได้อยากไปเรียนเมืองนอกเมืองนาสักเท่าไรหรอกเพียงแต่ป๊าของเขานั้นเสนอว่าหากยอมไปเรียนแต่โดยดีป๊าของเขาจะยอมตามใจทุกอย่างเลยทำให้เขาต้องไปเรียนเมืองนอกแลกกับการแปลงเพศอัพอึ๋มอัพหน้าใหม่ยังไงล่ะ
“แล้วตอนนี้แกกลับมาอยู่ที่ไทยถาวรเลยหรือเปล่า” มีนชญาถามแน็ทตี้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ถาวรเลยหรือเปล่าเพราะเห็นว่าส่วนมากคนที่ไปเรียนจบเมืองนอกส่วนมากก็จะทำงานที่โน่นกันซะส่วนใหญ่
“อืม...ตอนนี้ฉันอยู่แทบจะถาวรแล้วหละเพราะฉันต้องทำงานอยู่ที่นี่แต่ก็มีกลับไปที่อิตาลีบ้างเพราะผู้ฉันอยู่ที่โน่นอะแก” แน็ตตี้คิดว่าเธอน่าจะอยู่ที่ไทยเป็นการถาวรเพราะเธอได้รับมอบหมายให้ดูงานที่นี่อันที่จริงเธอทำงานอยู่กับบริษัทอสังหาที่อิตาลีแต่เมื่อประธานใหญ่มาลงทุนร่วมหุ้นที่ไทยเธอจึงต้องอยู่ดูงานแทนเขาซะส่วนใหญ่แต่ถ้าว่าก็มีกลับไปที่อิตาลีบ้างเพราะว่าแฟนหนุ่มของเธอยังใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นนั่นเอง
“หืมม...จะอวดว่ามีผู้แล้ววว...เออแล้วแกทำงานอะไรที่ไหนเหรอ” กอหญ้าต้องทำหน้าเบ้หยอกให้เพื่อนเธอเล็กน้อยที่พูดอวดกับพวกเธอว่ามีแฟนแล้วทั้งที่ยังไม่ได้ถามพร้อมถามแน็ทตี้ว่าแล้วเขานั้นทำงานอะไรที่ไหนเพราะเธอก็อยากรู้ชีวิตของเพื่อนเธอที่ไม่เจอกันนาน
“เป็นวิศวกรคุมงานอยู่บริษัทของเครือฮอปแมนอยู่อิตาลีพอดีบอสใหญ่มาร่วมหุ้นกับคนที่นี่ฉันก็เลยต้องมาคุมงานคาดว่าอีกนานกว่าจะเสร็จเพราะโครงการใหญ่อยู่อะ” แน็ทตี้คิดว่าน่าจะต้องอยู่ที่นี่เป็นการถาวรเพราะเธอมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบงานที่นี่กว่างานนี้จะจบก็คงอีกหลายปีเพราะมีโครงการหลายโครงการที่ประธานใหญ่ร่วมหุ้นเอาไว้
“เดี๋ยว...บริษัทของคุณโดมินิคเหรอ” กอหญ้าได้ยินชื่อเครือบริษัทเธอก็เอะใจขึ้นทันทีเพราะเธอคิดว่าเธอนั้นรู้จักเจ้านายของแน็ทตี้จึงถามเพื่อนเธอว่าเจ้านายของเขานั้นใช่คนเดียวกับคนที่เธอนั้นคิดหรือเปล่า
“ใช่แกรู้จักบอสสุดเนี๊ยบของฉันด้วยเหรอ” แน็ทตี้ต้องหันมาถามกอหญ้าว่าหญิงสาวรู้จักเจ้านายสุดเนี๊ยบของเขาได้อย่างไร
“ใช่รู้จัก...เค้าเป็นลูกค้าวีไอพีของโรงแรมสามีฉันเอง” กอหญ้าเลยต้องอธิบายให้เพื่อนเธอฟังว่าที่มาที่ไปที่เธอรู้จักกับโดมินิคเพราะอะไร
“ทำไมนั่งเงียบอยู่ล่ะยัยมีน” แน็ทตี้เห็นว่ามีนชญานั้นกำลังนั่งทำท่าครุ่นคิดอะไรอยู่เขาจึงถามขึ้นเพราะปกติจะแย่งพวกเขาพูดเป็นต่อยหอยเมื่อตอนที่เรียนด้วยกันสมัยม.ปลาย
“อ๋อ...เอ่อเปล่าก็ฉันเห็นพวกแกคุยกันอยู่ไง” มีนชญาแก้ต่างให้ดูฟังขึ้นทั้งที่ในใจตอนนี้เธอเริ่มคิดได้แล้วว่าเธอนั้นจะเข้าไปใกล้โดมินิคได้อย่างไรและใครจะเป็นคนที่ช่วยเธอได้หญิงสาวยังพูดตอนนี้ไม่ได้เพราะเรื่องนี้เธอจะให้กอหญ้านั้นรู้ไม่ได้ว่าเธอคิดอะไรอยู่
วันต่อมา
08.00 น.
ร้านกาแฟ
“แกนัดฉันมาทำไมแต่เช้าเนี่ยยัยมีนไหนธุระสำคัญอะไรของแกรีบว่ามาเลย” แน็ทตี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อมาตามนัดของมีนชญาที่เธอพึ่งส่งข้อความหาเขาเมื่อคืนว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วยเมื่อมาถึงก็บ่นเพื่อนสาวของเธออุกว่านัดเขาทำไมแต่เช้าทั้งที่วันนี้ก็เป็นวันหยุดของเขาแทนที่จะได้นอนตื่นสาย
“เอ่อ...คือฉันมีเรื่องให้แกช่วยหน่อยอะ..คือว่า....” มีนชญาไม่พูดพร่ำทำเพลงเธอเปิดประเด็นถึงเรื่องที่เธออยากให้แน็ทตี้ช่วยทันทีเพราะหากเธอไม่พูดตอนนี้มันก็จะเสียเวลารอของเธอไปอีกครั้นจะทำการนี้ด้วยตัวเองก็คงจะยากอีกด้วย
“ห้ะ..นี่แกจะบ้าหรือไงยัยมีนแกก็คิดได้นะแบบนี้...ไม่เอาฉันไม่มีทางช่วย” แน็ทตี้ถึงกับอ้าปากตาค้างเมื่อล่วงรู้สิ่งที่เพื่อนสาวของเขานั้นต้องการที่จะให้เขาช่วยเขาเองไม่คิดว่าคำพูดแบบนี้มันจะออกมาจากมีนชญาด้วยซ้ำยังไงเรื่องนี้มันก็ช่วยยากแถมเรื่องแปลกๆแบบนี้มันก็ไม่ค่อยจะมีใครเค้าทำกันด้วย
“ห้าแสนแกจะยอมช่วยไหม” มีนชญาเห็นว่าในเมื่อขอให้ช่วยดีๆเพื่อนเธอไม่เห็นด้วยเธอก็จะลองขอจ้างดูบ้างละกันเพราะเธอรู้ว่าแน็ทตี้นั้นชอบเงินแค่ไหน
“ป๊าฉันให้ฉันเยอะกว่านั้นย่ะ...อีกอย่างนี่แกเห็นว่าฉันเห็นแก่เงินหรือยังไง” แน็ทตี้เบ้หน้ามาทางเพื่อนสาวของเขาเพราะยังไงเขาก็ไม่คิดจะช่วยเพื่อนเธอเรื่องนี้แน่นอนพร้อมต่อว่าเพื่อนสาวว่าเห็นว่าเขาเป็นคนเห็นแก่เงินหรืออย่างไร
“สองล้านโอเคไหม...เอาไปทำหน้าใหม่โดยไม่ต้องทำงานให้เหนื่อยเลยน้าาาา...” มีนชญาคิดว่าที่เธอเสนอเงินให้เพื่อนของเธอมันอาจจะน้อยเกินไปจึงเสนอเพิ่มให้อีกสามเท่าพร้อมพูดเล้าโลมว่าถ้าหากได้เงินก้อนนี้จากเธอไปเขานั้นสามารถที่จะไปทุบหน้าใหม่หรือว่าผ่าตัดกล่องเสียงโดยไม่ต้องทำงานหาเงินไปทำเองให้เหนื่อยอีกด้วย
“อะ...เอ่อ...สองล้าน...อะ..อืมช่วยก็ได้นี่ฉันเห็นว่าแกอยากจะมีความสุขหรอกนะถึงยอมช่วย” แน็ทตี้ถึงกับตาลุกวาวเมื่อเพื่อนของเขาใจปล้ำยอมจ่ายเงินให้เขาเป็นหลักล้านแบบนี้เขาถึงกับกลืนน้ำลายลงคอและยิ่งได้ฟังที่เพื่อนสาวของเธอพูดเรื่องไปทำหน้าใหม่ในหัวของเขาตอนนี้จินตนาการใบหน้าของเขาที่มันจะเหมือนนางเอกหนังฮอลลีวูดไปไกลแล้วพร้อมตอบตกลงเพื่อนของเขาทันทีเอาเรื่องทำสวยมาล่อแบบนี้แน็ทตี้สู้ตายเลยจ้า“ขอบใจจ้า..เพื่อนเลิฟ...เริ่มได้เมื่อไรอะ” มีนชญายิ้มอย่างภูมิใจที่แผนการของเธอสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้นตอนนี้เธอมีตัวช่วยแล้วเหลือก็แต่วันที่เธอพร้อมปฏิบัติการจริงก็เท่านั้นพร้อมถามเพื่อนของเธอด้วยใบหน้าที่มีความหวังว่าเธอสามารถเข้าไปใกล้ชิดกับโดมินิคได้เมื่อไร“คงอีกสามเดือนขางหน้าเพราะตอนนี้บอสฉันเค้าเตรียมตัวกลับอิตาลีแล้วต้องไปดูงานทางโน้นต่อ...แกรออีกหน่อยก็แล้วกันนะแต่เงินจ่ายก่อน”“รู้แล้วน่า...สามเดือนเลยเหรอ..อืมม..รอก็รอ” คำตอบของแน็ทตี้ทำให้มีนชญาหน้าห่อเหี่ยวลงในทันทีเมื่อพึ่งจะรู้ข่าวจากปากแน็ทตี้ว่าชายหนุ่มที่เป็นเป้าหมายของเธอนั้นจะบินกลับไปอิตาลีตั้งสามเดือนแต่จะให้ทำอย่างไรได้เธอก
3 เดือนผ่านไปไวเหมือนในนิยายเขาใหญ่มีนชญาที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดดอกไม้ส่งให้ลูกค้าหญิงสาวเพิ่งจะเปิดร้านได้สองเดือนกว่าๆแต่เมื่อทำการตลาดออนไลน์ไปด้วยตอนนี้เลยเริ่มมีลูกค้าเข้ามาอย่างไม่ขาดสายอีกทั้งฝีมือของหญิงสาวก็เป็นที่บอกต่อกันอีกด้วยรูปแบบการจัดก็แปลกตาไปจากร้านอื่นอยู่มากราคาก็ย่อมเยานับว่าการเปิดร้านครั้งนี้เป็นผลสำเร็จของเธออย่างมากอีกหนึ่งเรื่องตอนนี้เธอพึ่งจะรับลูกจ้างมาอีกสองคนเพราะทำคนเดียวคงไม่ทันอีกอย่างอนาคตเธอก็ต้องรับอยู่แล้วเพราะสิ่งที่เธอคิดไว้คือเธอก็คงจะต้องดูแลลูกน้อยอีกเลยรับเสียตอนนี้เลยจะดีกว่าRrrrrrrrrr“ว่าไงแน็ทตี้ฉันกำลังจัดดอกไม้ส่งลูกค้าอยู่มีไรพูดมาด่วน” ในขณะที่มีนชญายุ่งๆอยู่นั้นก็มีสายจากแน็ทตี้เพื่อนของเธอโทรเข้ามาหญิงสาวจึงกดรับทันทีพร้อมเอียงคอแนบมือถือไว้ระหว่างหูและไหล่เพราะมือทั้งสองยังต้องหยิบจับจัดช่อดอกไม้หญิงสาวจึงรีบให้เพื่อนของเธอคุยมาว่ามีอะไรเพราะถ้าไม่สำคัญมันก็คงจะรบกวนเวลาเธออย่างมาก“บอสฉันกำลังกลับมาแล้วด่วนพอไหมข่าวนี้”“หา...เอ่อ...ด่วนมาก...งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันไปหาแกเลย” จากเสียงปลายสายบอกข่าวดีทำให้หญิงสาวต้องละมือจา
“อ้อ...แล้วเรื่องอาหารแกทำอาหารอิตาเลี่ยนเป็นบ้างหรือเปล่า” แน็ทตี้นึกขึ้นได้ว่าส่วนมากเจ้านายหนุ่มของเขานั้นจะชอบทานอาหารบ้านเกิดตัวเองเสียมากกว่าเพราะฉะนั้นเขาจะต้องถามเพื่อนสาวของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนสาวของเขานั้นสามารถทำได้ทุกอย่างตามมาตรฐานของแม่บ้านของบ้านนี้ต้องทำได้“เอ่อ...ไม่เป็นอะแฮร่ๆๆ....แต่ว่าฉันเป็นคนเรียนรู้ได้เร็วฉันดูจากกูเกิลเอาก็ได้” มีนชญาตอบกลับเพื่อนของเธอด้วยสีหน้าที่ยิ้มแหยๆนิดหน่อยเธอไม่เคยทำอาหารอิตาเลี่ยนเลยสักครั้งแต่ถ้าศึกษาเธอคิดว่าเธอก็น่าจะทำได้เพราะเดี๋ยวนี้สื่อการสอนมันหาง่ายจะตายไปแต่เรื่องรสชาติก็ต้องว่ากันอีกทีแต่ถ้าไม่ได้จริงๆเธอก็คงต้องแอบซื้อ“จริงนะ...” แน็ทตี้ชักนึกทะแม่งๆในใจเสียแล้วว่างานนี้จะต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง“จริงสิ...เอาเป็นว่าเรื่องอาหารแกไว้ใจฉันได้” มีนชญาหันมายิ้มให้แน็ทตี้นั้นสบายใจได้เรื่องอาหารเธอคิดว่าเธอจัดการได้ไม่มีอะไรต้องน่าเป็นห่วง“อืมม...แล้วตามพื้นและยิ่งโต๊ะอาหารนี่ห้ามมีฝุ่นเลยนะ” แน็ทตี้พาเพื่อนสาวของเขาเดินไปรอบๆบ้านพร้อมอธิบายว่าในแต่ละส่วนของบ้านเธอนั้นต้องทำอะไรจัดการ
สนามบิน“ชอวที่บ้านนาตาลีจัดการเรียบร้อยใช่ไหม” โดมินิคกำลังนั่งรถตู้คันหรูออกจากสนามบินตอนนี้เขารู้สึกเพลียมากอยากจะนอนพักเขาทำงานเสร็จจากที่โน่นก็ขึ้นเครื่องมาที่ไทยทันทีเพราะว่าต้องกลับมาดูงานให้ทันกำหนดและร่วมประชุมใหญ่ในอีกสองวันข้างหน้าอีกด้วย“ใช่ครับที่บ้านพักโอเคทุกอย่างแล้วครับและนาตาลีก็พาแม่บ้านเข้ามาวันนี้ด้วยครับ” ชอวรายงานกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าที่บ้านตอนนี้เรียบร้อยดีตามกำหนดทุกอย่างและตอนนี้แน็ทตี้กำลังรออยู่ที่บ้านพร้อมกับแม่บ้านคนใหม่แล้วด้วย“โอเค...หวังว่าแน็ทตี้คงเทรนงานมาดีแล้วนะ” โดมินิคคิดว่าแม่บ้านคนใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกมาจากแน็ทตี้ก็คงจะทำงานได้ดีไม่มีปัญหาเขาจึงเบาใจว่ามีคนคอยดูแลบ้านและตัวของเขาแล้ว40 นาทีต่อมา“บอสมาแล้ว” แน็ทตี้เห็นว่ามีรถตู้คันหรูมาจอดที่หน้าบ้านแล้วเขาจึงรีบบอกกับมีนชญาว่าเจ้านายหนุ่มของเขามาถึงแล้วให้เพื่อนของเขาลุกขึ้นเตรียมตัวต้อนรับมีนชญาจับตามองที่รถลงคันหรูที่กำลังจอดอยู่หน้าบ้านเธอเห็นว่ามีผู้ชายร่างสูงใส่สูทสีดำลงมาจากหน้ารถพร้อมเดินมายืนข้างๆรถตู้ฝั่งที่ประตูกำลังเลื่อนเปิดเธอเห็นว่าคนที่กำลังจะลงมาจากรถนั้นคือผู้ชา
“แล้วแม่บ้านคุณไปหามาจากไหนเหรอ”“อ๋อ...เอ่อ..พอดีแน็ทตี้ลงรับสมัครในเว็บน่ะค่ะมีนเค้าก็เลยมาสมัครแล้วจากที่แน็ทตี้ให้เธอทดลองงานให้ดูเธอทำงานได้ดีเลยนะคะอีกอย่างตอนนี้เธอก็เหลือตัวคนเดียวและก็ตกงานแน็ทตี้ก็เลยให้เธอลองมาทำงานที่นี่น่ะค่ะ...บอสมีอะไรหรือเปล่าคะ”แน็ทตี้ปั้นหน้ายิ้มพร้อมพูดแถกับประธานหนุ่มให้เนียนและเหมือนจริงที่สุดเท่าที่จะเนียนได้การที่เขานั้นทำงานที่นี่มานานเขาย่อมรู้ดีว่าเจ้านายหนุ่มของเขาเชื่อถือคำพูดแบบไหนนั่นเองและยิ่งการที่บอกกับเจ้านายหนุ่มของเขาว่าหญิงสาวนั้นเหลือตัวคนเดียวมันก็ยิ่งทำให้เจ้านายหนุ่มนึกสงสารหญิงสาวเพราะเธอรู้ว่าจุดอ่อนของคนตรงหน้าอยู่ตรงไหนนี่แหละคือความฉลาดที่เธอมีมาตั้งแต่เกิด“อะ..เอ่อ..เปล่าหรอก” โดมินิคนั้นคิดว่าแม่บ้านสาวคนที่จะมาทำงานที่บ้านของเขาเป็นคนรู้จักกับแน็ทตี้เสียอีกเพราะอายุทั้งคู่เท่ากันอีกอย่างท่าทางของทั้งคู่ก็ดูสนิทกันเกินกว่ารู้จักกันมาแค่ไม่กี่วันอีกต่างหากแต่เมื่อแน็ทตี้ยืนยันว่าเธอรับสมัครจากในเว็บเขาก็อุ่นใจและไม่ได้ติดใจจะถามอะไรต่อเพราะแน็ทตี้ก็ไม่ได้มีเหตุอะไรจะต้องมาโกหกเขาท่าทางที่สนิทนั้นอาจจะเป็นเพราะทั้งคู่ว
“ครับ” ทั้งสองใช้เวลาอยู่ร่วมชั่งโมงในการเลือกซื้อของเมื่อมีนชญาเห็นว่าของที่จำเป็นน่าจะครบแล้วเธอจึงบอกให้ชอวพาเธอกลับทันทีเพราะมันก็ใกล้จะเที่ยงแล้วเธอเองจะไปหาอะไรทานด้วย“จะเที่ยงแล้วคุณมีนจะหาอะไรทานก่อนไหมครับ” ชอวขับรถออกมาจากซุปเปอร์มาเก็ตแล้วเมื่อดูเวลาที่หน้าจอของรถมันเกือบเที่ยงแล้วเขากลัวว่าหญิงสาวจะหิวเลยคิดว่าให้หญิงสาวหาอะไรทานก่อนจะดีกว่า“มีนกำลังจะบอกคุณชอวอยู่พอดีเลยค่ะว่าให้พาไปหาซื้ออะไรทาน” คราแรกมีนชญาก็เกรงใจที่จะบอกคนที่ขับรถพาเธอมาซื้อของเล็กน้อยว่าให้พาไปหาอะไรทานแต่เมื่อเขาเอ่ยปากออกมาเองเธอก็โล่งใจเพราะเขานั้นก็คิดเหมือนเธอ“ร้านอยู่ตรงไหนครับบอกผมมาเลย”20 นาทีต่อมา“ร้านนี้เหรอครับ” ชอวขับรถมาตามทางที่หญิงสาวบอกในนี้ค่อนข้างที่จะลึกอยู่พอสมควรหากไม่ใช่คนที่เคยอยู่แถวนี้คงจะไม่รู้ร้านแน่เขาคิดในใจแถมร้านยังไม่น่าใช่จุดสนใจเพราะว่าเป็นแค่เพิงเล็กๆที่มีร้านค้าอยู่แค่สองสาวร้านข้างในก็เป็นหมู่บ้านอีกต่างหากเขาคิดว่าหญิงสาวอาจจะเคยอยู่ในนี้มาก่อนก็ได้“ใช่ค่ะ...ผัดไทที่อร่อยที่สุดในโลกคุณชอวเอาสักห่อไหมคะ” มีนชญาอวยผัดไทร้านปรดของเธอยกใหญ่ว่าเป็นร้าน
“อย่างแรกต้องต้มเส้นก่อน” มีนชญาถือมือถือเพื่อดูสูตรไปพลางๆอย่างแรกที่จะต้องทำคือต้มเส้นสปาเก็ตตี้ก่อนเธอจึงหยิบหม้อใบเล็กที่เหมือนในรูปมาวางบนเตาแล้วใส่น้ำตั้งให้น้ำเดือดแล้วใส่เส้นลงไป“ใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อยตามด้วยเกลือป่นด้วยเหรอ....ตายแล้วไม่ได้ซื้อนี่ใช้น้ำมันปาล์มแทนละกันมันคงเหมือนกันนั่นแหละ...อ้าวแล้วเกลือป่น...เฮ้ออ..อีกแล้วนะยัยมีนน้ำปลาแทนละกันมันก็ให้ความเค็มเหมือนกันนั่นแหละ” หญิงสาวอ่านวิธีไปเรื่อยๆขณะที่มือก็หยิบวัตถุดิบตามสูตรที่บอกมาวางไว้ที่เคาเตอร์ทำครัวเมื่ออ่านถึงเทคนิคการต้มเส้นสปาเก็ตตี้ว่าให้ใส่น้ำมันมะกอกลงไปและเกลือป่นเล็กน้อยหญิงสาวจึงนึกขี้นได้ว่าเธอลืมหยิบมาเธอหยิบมาแค่น้ำมันปาล์มกับน้ำมันถั่วเหลืองมาแค่นั้นและเธอก็ไม่ได้หยิบเกลือป่นมาด้วยหญิงสาวจึงดัดแปลงใช้น้ำมันเหล่านี้ให้มันเป็นประโยชน์และใช้น้ำปลาแทนเกลือเพราะคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ให้ความเค็มเหมือนกัน“หั่นเบคอนเป็นชิ้นเล็กๆเตรียมไว้แล้วก็ตีผสมนมสดกับไข่ไก่เข้าด้วยกัน......” หลังจากที่น้ำเดือดและนำเส้นลงไปต้มแล้วหญิงสาวก็มาอ่านวิธีการทำส่วนประกอบอย่างอื่นต่อยังไงวันนี้เธอก็จะต้องทำเสร็จก่อนที่ชา
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ”มีนชญาเห็นท่าไม่ค่อยดีแล้วถ้าหากเธอไม่นั่งทานอาหารโต๊ะเดียวกันกับเขาตามที่เขาสั่งเธอมีหวังเขาคงไม่พอใจเธอเป็นแน่“เอ่อ...แล้วทำไมสีมันเป็นแบบนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวจัดอาหารใส่จานมานั่งทานข้างๆเขาเรียบร้อยแล้วเขาจึงเปิดฝาครอบจานอาหารของเขาขึ้นเขาแปลกใจนิดหน่อยที่สีสันสปาเก็ตตี้จานนี้มันดูแปลกๆค่อนข้างที่จะสีหมองผิดปกติจึงหันไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆว่าทำไมอาหารของเขามันจึงมีหน้าตาและสีสันเป็นแบบนี้“อะ..อ๋อ...มันเป็นสูตรน่ะค่ะอร่อยนะคะคุณเจ้านายลองดู” มีนชญาที่กำลังจะตักผัดไทเข้าปากเธอถึงกับต้องวางช้อนลงทันทีตอนนี้หน้าเธอเจื่อนลงนิดหน่อยเพราะหากจะตอบไปว่าเธอนั้นทำไม่เป็นก็คงจะไม่ได้จึงแกล้งบอกไปว่ามันเป็นสูตรของเธอเองและเธอก็บอกเขาอีกว่ามันอร่อย“เธอเลิกเรียกฉันว่าคุณเจ้านายได้แล้วฟังแล้วมันแปลกๆเรียกว่าคุณนิคก็พอ” โดมินิคไม่ได้สนใจที่จานอาหารของเขาแล้วตอนนี้เขารู้สึกอยากปรับคำพูดให้หญิงสาวมากกว่าเพราะเขานั้นรู้สึกว่าคำที่เธอเรียกเขานั้นมันช่างดูแปลกๆขัดหูอย่างไงบอกไม่ถูกจึงให้เธอเปลี่ยนเป็นเรียกชื่อเล่นของเขาจะดีกว่า“ก็ได้ค่ะ” มีนชญายิ้มรับที่ชายหนุ่มนั้นย