“ข้ามีลูกของเขาอยู่ในครรภ์ กงล้งปล่อยข้าไปเสีย ข้ากับฉูฉางสัญญาจะไม่กลับมาที่นี่อีก ท่านเป็นถึงปรมาจารย์อีกทั้งยังหนุ่มแน่นคาดว่าไม่นานจะต้องพบรักแท้”
“รักแท้ของข้ามีเพียงเจ้าฟูเหยี่ยน หยางหว่าน”
“ท่านแค่เพียงรู้สึกเสียดาย รู้สึกว่าฉูฉางเหนือกว่าท่าน เพราะข้าเลือกเขา หากนานไปท่านก็จะรู้ว่า ยังมีหญิงอื่นที่คู่ควรท่าน ข้าหาคู่ควรไม่ปล่อยข้าไปเสีย”
“ไม่ไม่...ไม่มีทาง" โถมร่างเข้าใส่กอดจูบพัลวัน ร่างเล็กของหยางหว่านไม่อาจต่อต้านขัดขืน
“ได้โปรดกงล้งปล่อยข้าไปเสีย”
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ารักฉูฉาง เจ้าแค่เพียงหาใครสักคนแทนที่ข้า ในเมื่อมีข้าแล้วเขาก็หมดประโยชน์”
หยางหว่านหลับตาลงช้าๆ ไล่หยาดน้ำตาเมื่อร่างใหญ่เปลือยเปล่ากอดรัดอยู่บนแท่นนอน บทรักเร่าร้อนกลายเป็นอ่อนหวานอ่อนโยน ไม่อาจต่อสู้ขัดขืนยอมให้เข้าครอบครองร่างกายแม้จะบอกว่าไม่เต็มใจ แต่ภายในใจกับไม่อาจต้านทาน ไฟเสน่หาทั้งๆ ที่ในครรภ์มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฉูฉางในนั้น สะอื้นไห้ปานจะขาดใจ กงล้งจูบซับน้ำตากอดรวบร่างบาง ด้วยความรักดั่งดวงใจ
“ข้าไม่เคยลืมเจ้า ข้าไม่เคยไม่รักเจ้าฟูเหยี่ยนหยางหว่าน ลืมฉูฉางเสีย แล้วอยู่กับข้า ข้ารับรองจะรักและดูแลเจ้าอย่างดี”
“ท่านแค่เพียง ต้องการเอาชนะฉูฉาง”
“ไม่ไม่จริง หยางหว่านข้ารักเจ้า รักเจ้าดังดวงใจ เห็นไหมเล่า ข้าดีกับเจ้าอ่อนโยนกับเจ้าบทรักเมื่อครู่ยังพิสูจน์ไม่ได้อีกหรือ ว่าข้า...รักเจ้า...เพียงใด”
“ไม่มีประโยชน์ ข้าจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงสองใจ ข้าไม่อาจทำร้ายฉูฉางได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่อาจต่อต้านขัดขืนปล่อยให้ท่านครอบครองร่างกายข้าด้วยความจำใจเป็นข้าเองที่ผิด”หลับตาไล่หยาดน้ำตา
“เจ้าไม่เคยรักข้าเลยหรือไร ฟูเหยี่ยนหยางหว่านบอกข้ามาเจ้าไม่เคยรักข้าเลยหรือ”
“ข้าเคยรักท่าน เคยรักมานานมากแล้ว แต่ตอนนี้ในใจข้ามีแต่ฉูฉาง แม้ท่านจะได้ครอบครองร่างกายของข้า แต่อย่างไรข้าก็ยังจะกลับไปอยู่กับฉูฉาง”
หยางหว่านกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นเมื่อต้องเอ่ยคำพูดฝืนใจ ให้กงล้งตัดใจเสีย
ในเมื่อตระหนักได้ดีว่าในใจของหยางหว่านก็มีกงล้งซ่อนอยู่ในใจเช่นกัน แต่ด้วย มอบร่างกายให้กับฉูฉางไปแล้ว จะคืนคำกลับตัวคงไม่ทัน ใจหญิงยิ่งกว่าไม้เลื้อย รักใคร่เพียงหนึ่งทอดกายถึงสอง จะทำอย่างไรได้ ฟูเหยี่ยนหยางหว่านพลาดไปเสียแล้ว จะปฏิเสธได้อย่างไรว่าในใจไม่มีกงล้ง แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าไม่ได้สงสารฉูฉาง
“ท่านปรมาจารย์ไท่จืออาการสาหัส ท่านโปรดถ่ายลมปราณช่วยเขาด้วย”
ปู้ตานซินนั่งลงบนแท่นนั่ง หลับตาลงไม่โต้ตอบ คำพูดของฮ่องเต้ได้ฟังก็ดีไม่ได้ฟังก็ไม่รู้สึกอะไร รับปากแล้วอย่างไรก็ต้องทำ
หลับตารวบรวมลมปราณไว้ที่ฝ่ามือ ขันทีจับร่างของหลงตั๋วให้นั่งหันหลัง ปู้ตานซินสลัดฝ่ามือเดินลมปราณของตัวเองเข้าสู้ร่างกายของหลงตั๋วรักษาอาการบาดเจ็บภายใน ร่างเปลือยท่อนบนของหลงตั่วสะดุ้งสุดตัว ปู้ตานซินยังหลับตานิ่งทั้งๆ ที่รู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่างซึมซับเอาอาการเจ็บปวดของหลงตั่วมาไว้ที่ตัวเองจนสิ้น
“อีกหนึ่งชั่วยามเขาจะฟื้นขึ้นมา ให้เขากินยาเม็ดนี้แล้วพัก ระหว่างนี้ห้ามขยับกายจนกว่าจะหายดี”
ยื่นส่งยาในมือให้กับ หลินอี้หลิว ก่อนจะก้าวขาออกไปอย่างรวดเร็วแต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเพียงรักษาท่าทีสูงส่งไว้ ไม่เอ่ยปากว่าเจ็บเจียนตาย ออกมาพ้นเขตวังหลวงปู้ตานซินกระอักสดๆออกมาก่อนจะ ล้มลงไปบนพื้นหมดสติทันที
“ท่านเจ้าสำนัก คนผู้นั้นบาดเจ็บสาหัส”ป้อก้าน ขมวดคิ้วจ้องมองไปตามสายตาของศิษย์เอก
“ปู้ตานซิน นั่นมันปูต้านชิน ช่วยเขาเร่งมือเข้า”ลูกศิษย์ต่างช่วยกันพยุงร่างไร้สติกลับไปยังสำนักป้อหยางของป้อก้านและป้อคุน
“ท่านพ่อ อาจารย์เกิดอะไรขึ้นกับอาจารย์”
“ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าเขาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร”ป้อคุนเข้ามาจับชีพจร
“สูญเสียกำลังลมปราณไปมาก ศิษย์พี่ท่านต้องช่วยเขา”
“ปู้ตานซินเป็นถึงปรมาจารย์ เขาใช้ลมปราณเพื่อสิ่งใดกันจึง ทำให้บาดเจ็บเพียงนี้”
“อาจารยบอกข้าว่าจะไปตามหา ศิษย์น้องจี้โม่”
“จี้โม่ ช้าไปแล้วจี้โม่แอบเข้าไปในถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉาง ตอนนี้หนีหายไปไม่มีผู้ใดพบเห็น”“ศิษย์พี่ท่านว่ามีความเป็นไปได้เพียงใด ที่จี้โม่จะเป็นผู้ทำร้ายปู้ตานซิน”ป้อก้านส่ายหน้าไปมา“จี้โม่ จะต่อกรกับปู้ตานซินที่เป็นอาจารย์ได้อย่างไร นอกจาก…จะได้พลังมารจากจอมมารฉูฉาง”“ศิษย์พี่ อย่างนั้นแสดงว่าปู้ตานซินรู้เรื่องนี้ดี”“ปิดสำนักสร้างค่ายกล ป้องกันสำนักไว้ ข้าจำต้องช่วยปู้ตานซินเสียเดี๋ยวนี้ หากจี่โม่หรือจอมมารฉูฉางมาตามหาปู้ตานซินที่นี่เกรงว่าเราไม่อาจปกป้องเขา”“ท่านพ่อจะช่วยอาจารย์ได้อย่างไร”หยางหว่านสีหน้าเป็นกังวล“ข้าจะต้องถ่ายลมปราณบางส่วนให้เขา อาจพอให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นแต่อาจไม่สามารถช่วยได้มากด้วยความที่ปู้ตานซินเป็นถึงปรมาจารย์ลมปราณของเขาสูงส่งกว่าข้าไม่น้อย หากจะให้เขาดีขึ้นจนเป็นปกติจะต้องใช้ลมปราณของ พวกเราถึงสองคน”ป้อคุนรีบออกตัว“ศิษย์พี่ หากจอมมารมาที่นี่เราสองคนไม่มีใครเหลือพลังลมปราณเกรงว่า สำนักป้อหยางของเราจะราบเป็นหน้ากลอง”ป้อก้านพยักหน้าแม้จะห่วงปู้ตานซินแค่ไหนแต่ก็ห่วงสำนักที่สร้างมากับมือมากกว่า“เช่นนั้นให้ข้าถ่ายลมปราณให้เขาเพียงคนเดียวส่วนเจ้าระหว่างนี้
“อาจารย์ ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้สติอาจารย์ทำเรื่องใดก็ไม่ต้องเสียสละรับผิดชอบในตัวเข้าก็ได้ ถือเสียว่าเรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นมาก่อน”แกล้งพูด หยั่งเชิงดูว่าปู้ตานซินจะเป็นบุรุษที่เป็นบุรุษจริงๆหรือไม่เสียที เสียแล้วหยางหว่านในเมื่อปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆบีบรัดดวงจิตเข้าไปอ่านใจที่ภายในนั้นมีแต่ความคิดอยากให้อาจารย์แสดงความรักใคร่ในนั้น ปูู้ตานซินยิ้ม กว้างก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ สมใจแล้วมิใช่หรือ“เช่นนั้นยามนี้ยามที่เจ้ามีสติสมบูรณ์ข้าจัดการ เจ้าเสียให้เจ้าได้รับรู้ว่าเป็นของข้าแล้ว อย่างไม่อาจปฏิเสธ” ก้มลงรั้งร่างบางลงบนแท่นนอนกดริมฝีปากบดเบียดเร่าร้อนด้วยไฟสวาทไม่อาจมอดดับลงง่ายๆในเมื่อปู้ตานซิน ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งรัก“อะ อาจารย์”“ข้าต้องการเจ้าหย่างหว่าน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการข้าอย่าได้ปากแข็งอีกเลย ใจเราสองตรงกันเพียงนี้ เป็นของข้าเสียแล้วอย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้รับรู้ม้น ว่าข้าต้องการเจ้าแค่ไหน อาจารย์ต่อแต่นี้จะรักเจ้าเพียงคนเดียวไม่เกรงว่าจะต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายหรือทุกอย่างจะซ้ำรอยเดิม ขอเพียงให้ได้อยู่กับเจ้าได้มีเจ้าข้างกายไก้กอดจูบเจ้าก็พอแล้ว” ปลดแกะอาภรณ์ทั้งที่เพิ่งจะสวม
“ข้าจะไปตามท่านพ่อ”หยางหว่านแอบดีใจที่ปู้ตานซิน กล้าที่จะสู่ขอหยางหว่านกับป้อก้าน เช่นนั้นแสดงว่าอาจารย์มีใจให้กับหยางหว่านเช่นเดียวกับที่หยางหว่านเฝ้าชื่นชมและแอบหวังว่าสักวันจะได้เคียงข้างปู้ตานซินดึงมือบางไว้ ก่อนจะลุกจากแท่นนอนกำมือของหยางหว่านไว้แน่นพาเดินออกจากห้องตั้งใจจะไปพบกับป้อก้าน พูดจาสู่ขอหยางหว่านทันที“ปู้ตานซิน จี่โม๋มีดวงจิตของจอมมารฉูฉางอยู่ในนั้น กำลังมาที่นี่” ป้อคุนหันหน้าหันหลังวิ่งเข้ามาในห้อง“มีวิธีไหนกำจัดดวงจิตมารให้กับจี้โม่ได้บ้าง ปู้ตานซินเจ้าเป็นถึงปรมาจารย์”ปู้ตานซินถอนหายใจ“ศิษย์พี่ บางอย่างปรมาจารย์ก็ใช่จะสามารถช่วยได้ ข้าเองเป็นปรมาจารย์แต่ก็ยังเป็นมนุษย์”“จี้โม๋เป็นลูกชายคนเดียวของข้า อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของเจ้า ปู้ตานซินเจ้านำเขาไปเลี้ยงดูตั้งแต่ยังเด็ก แต่กลับยอมให้เขากลายเป็นมาร จิตใจเจ้าทำด้วยอะไรเจ้ายอมได้หรือที่ต้องเห็นจี้โม่เข้าสู่ด้านมืด เพียงเพราะเจ้าไม่อาจช่วยเหลือเขาได้”“ศิษย์พี่ข้าจนใจ”เอ่ยปากได้เพียงแค่นั้น ก็รู้สึกถึงแรงกระแทกอย่างจังที่ลำตัว จี้โม่ซัดฝ่ามือเข้าใส่ปู้ตานซิน ไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จะไม่ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้นแต่ร่างส
“อืมการเดินทางเรียบร้อยดีหรือไม่”เริ่นเจินยิ้มกว้างประสานมือคารวะหวังต้าฉินด้วยความยินดีอย่างยิ่ง“อาจารย์ตั้งแต่อาจารย์ลงเขามา อาจารย์ลุงทั้งสองก็แวะเวียนที่สำนักเกาซิ่งอบรมสั่งสอนพวกเราแทนอาจารย์ อีกทั้งยังได้ดูแลสำนักแทนข้า วันนี้ข้าจึงลงมาที่นี่ได้”“ดีแล้วครั้งนั้นถ้าไม่ได้ศิษย์พี่ทั้งสองข้าก็คงแย่ ฟื้นตัวมาเพียงนี้เพราะศิษย์พี่ป้อก้านกับป้อคุน ที่ช่วยกันถ่ายลมปราณจนข้าแข็งแรงดีศิษย์พี่ป้อคุนเข้าใจข้า ข้าก็พอใจแล้ว จะว่าไปจอมมารฉูฉางรวมร่างกับจี้โม่นับว่าเป็นความผิดของข้าเป็นเพราะข้าคาดไม่ถึงว่าจี้โม่จะเป็นดวงจิตมารของฉูฉางอวตารมาเกิด”“อาจารย์พรรคมารของฉูฉางเหิมเกริม สองปีมานี่ออกจับตัวผู้คนไปสังเวยผู้คนล้มตาย เหล่าสำนักต่างๆล้วนหาวิธีกำจัดจอมมาร แต่ไม่เป็นผลยิ่งเพิ่มจำนวนศิษย์เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้พรรคมาร สังหารผู้คนมากมายเพื่อให้คงกระพัน อาจารย์เราจะทำอย่างไรดี”“สามปีมานี้ข้าตามหา หยางหว่านทั่วปฐพีแต่ไม่เคยตามทันนางเชื่อกันว่ามีเคล็ดวิชาหนึ่งที่สามารถเร้นกายได้รวดเร็ว ข้ามป่าเขาได้ราวกับขี้เมฆข้ามฟ้า ฉูฉางอาจ ถ่ายทอดเคล็ดวิชานั้นให้กับนาง ใช้นางให้จับตัวผู้คนไปให้กับฉูฉาง
“รสดีมากเริ่นเจิน เจ้าไม่รีบกินพร้อมกันเสีย”“ข้าบอกให้ท่านลุกขึ้นมาสู้กับข้า”“สั่งมาเพิ่มอีกจาน อาหารจานนี้รสดีที่สุด”เริ่นเจิน ตะโกนสั่งอาหาร“นี่ท่านไม่ได้ยินหรือว่าแกล้งไม่ได้ยิน”แผดเสียงก้องโรงเต๊๊ยม กระแทกจอกสุราหกเรี่ยราด เหล่าผู้คนต่างรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อรอดูการประลอง หาทำเลที่มองเห็นได้ชัดและไม่เผลอโดนลูกหลง“สุราเพิ่มอีกเหยือก เจ้าก็ดื่มเสียด้วยกัน เดินทางรอนแรมในป่าเขามานานมื้อนี้ถือว่าเป็นมื้อพิเศษ”“ท่าน”ใช้มีดสั้นในมือปามายังปู้ตานซิน ตรงเป้าไม่มีพลาดแต่ทว่ามือเรียวดังมือหญิงสาวกับคว้าด้ามมีดที่ลอยละลิ่วเข้าใส่เขาวางลงบนโต๊ะข้างกายไม่สะทกสะท้าน และไม่แม้แต่จะเหลือบตามองแต่กลับคว้าดามมีดได้พอเหมาะพอดี ผู้คนต่างปรบมือกึกก้อง เจวียนจิ่วหยาถลาเข้าคว้าอาวุธประจำกายปู้ตานซินกลับใช้ตะเกียบในมือตีไปที่หลังมืออย่างแรง“โอ๊ย เจ็บ”เริ่นเจินอมยิ้ม อดที่จะสงสารเจวียนจิ่วหยาไม่ได้คงเจ็บน่าดูอาจารย์หาใช่คนที่ออมมือไม่ เห็นได้ชัดว่าคลำหลังมือปรอยๆ แล้วยังเป็นรอยตะเกียบเป็นริ้วสีแดงขึ้นมาทันที“แม่นางน้อย อาจารย์ข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่านหรอก เราสองคนเดินทางรอนแรมกว่าจะมีโอกาสได้กิน
“ข้าไม่ไป”“ข้ากับอาจารย์ไม่ต้อนรับเจ้า” เอาตัวเข้าขวางไว้เมื่อปู้ตานซินเดินไปข้างหน้าแล้วเจวียนจิ่วหยาทำท่าจะเดินตาม“ข้าจะบอกอะไรให้ พูดแล้วจะหาว่าคุย ข้าสืบเรื่องราวของท่านมาทั้งหมดแล้ว รู้อะไรไหม ข้ากับกระบี่เจียงเฉียงเราสองคนเป็นดั่งพี่น้อง ตอนนี้ท่านทั้งสองตามรอยนางข้าสามารถพาท่านตามจนพบนางได้ไม่ยาก” ปู้ตานซิน หยุดก้าวเดิน“อาจารย์ นางบอกว่าจะพาเราตามหากระบี่เจียงเฉียง”“ไล่นางไปเสีย”“ดะดะเดี๋ยวข้าจะบอกอะไรให้ กระบี่เจียงเฉียง นางใช้เคล็ดวิชาที่ท่านจอมมารถ่ายทอดในการหลบหลีกเร้นกาย"กอดอกทำสีหน้า อมภูมิ“แล้วข้าก็เป็นคนผู้หนึ่งที่สามารถใช้เคล็ดวิชาในการหากระบี่เจียงเฉียงได้ตลอดเวลา”กอดอกด้วยท่าที่หยิ่งผยอง“ไล่นางไปเสีย”“เอ้า จริงๆ นะข้าไม่ได้โกหก”“เจ้าไปเสีย”เริ่นเจินไล่ เจวียนจิ่วหยาเงื้อไม้เงื้อมือด้วยความเคยตัว“ข้าจะหักนิ้วท่านเสีย ข้อหากล้าปฏิเสธข้า”คว้ามือปู้ตานซิน ตั้งจะจะหักนิ้วเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น แต่ทว่าไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ไม่อาจ หักนิ้วของปู้ตานซินได้ปู้ตานซินผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น คราวนี้เริ่นเจินไม่รับไว้เหมือนคราวก่อนลงไปนั่งกับพื้นก้นจ่ำเบ้า ดึงมีดสั
ที่ประชุมชาวยุทธ์จากสำนักต่างๆ ทั่วยุทธภพที่ต่างมารวมตัวกันที่ เรือนอารักขาหน้าถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางพร้อมกับร่างเหี่ยวแห้งไร้ดวงจิต“จอมมารฉูฉางเหิมเกริม เข่นฆ่าชาวบ้านจับตัวดื่มเลือดสูบเนื้อล้มตายนับไม่ถ้วน ยิ่งนานวันยิ่งแผ่ขยายอำนาจจนน่ากลัว สามปีมานี้เกินที่จะทนแล้ว”หวังต้าฉินนั่งในแถวรอฟังเหล่าปรมาจารย์หารือกัน“เดิมเป็น ท่านปรมาจารย์กงล้งที่สละร่างผนึกจอมมารไว้ ว่าคราวนี้กลับมาอีกครั้งกับผนึกร่างกับศิษย์ของสำนักเกาซิ่งจี้โม่ยิ่งเพิ่มความเหิมเกริม”“เห็นที่จะต้องรวบรวมผู้กล้าจัดการจอมมารเสีย หากยิ่งนานวันยิ่ง จะมีพลังแก่กล้า”ป้อก้านออกความเห็น“ปรมาจารย์หนุ่มปู้ตานซิน ได้ข่าวว่าออกตามล่าจอมมารฉูฉางถึงสามปีมานี้ยังไม่อาจโค่นล้มจอมมารลงได้ ไหนหลายคนต่างยกย่องให้เป็นยอดปรมาจารย์”เสียง เหน็บจากปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กที่เคยไปช่วงชิงป้ายสำนัก เกาซิ่ง“ใช่ๆๆ ”หลายเสียงเห็นพ้อง“ ปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กท่านไม่แยกแยะถูกผิดชั่วดี เอาความแค้นส่วนตัวมา พูดจาให้ผู้อื่นเข้าใจอาจารย์ข้าผิดไป ตอนนี้อาจารย์กำลังหาทางกำจัดจอมมารสืบหาเคล็ดวิชาทั่วหล้า หาได้นิ่งดูดายไม่ อีกอย่างเมื่อครั้งที่ปีศาจพ
“ ศิษย์พี่” เจวียนจิ่วหยาดึงมือหยางหว่าน เมื่อเห็นว่าอีกคนตะลึงตาค้าง“ข้าทำอะไรลงไป”หลุดคำพูดจากใจออกมา“ศิษย์พี่ท่านทำได้แล้ว ท่านจอมมารจะต้องชื่นชมท่าน”เจวียนจิ่วหยากืนน้ำลายลงคอช้าๆ ในใจรู้สึกเหมือนหัวใจถูกตัดเฉือนออกไป ปากกับใจไม่ตรงกัน หันหน้าหันหลังมอง เริ่นเจินที่หอบร่างปู้ตานซินหายลับไปกับตา“กลับขึ้นเขาหนึ่งแสนคนชั่วกันก่อนดีกว่า ข้าพาท่านไป”เจวียนจิ่วหยาถูกสอนมาตลอดว่าหยางหว่านเป็นเสมือนนายหญิงเป็นรองเพียงท่านจอมมารเพียงคนเดียวจึงต้องเคารพและให้ความช่วยเหลือหยางหว่านทุกอย่างไม่ว่านางจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ตั้งแต่ขึ้นไปอาศัยอยู่บนเขาหนึ่งแสนคนชั่ว ในตอนที่บิดามารดาขายนางให้กับพ่อค้าทาส เจียนจิ่วหยาใช้มีดแทงยอดอกของพ่อค้าทาส ที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเจวียนจิ่วหยาจนต้องหนีขึ้นมาบนเขาเมื่อมีคนตามจับตัว ตั้งแต่นั้นมาการชิงลงมือก่อนจึงเป็นคติประจำตัว หยางหว่านเป็นดังพี่สาวที่คอยสั่งสอนดูแล หลายครั้งที่ท้ังคู่ร่ายรำกระบี่ด้วยกัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ร่ำสุราด้วยกัน“ข้า ทำไมรู้สึกเจ็บปวด”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ เจ็บที่ใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้“ศิษย์พี่ ท่านเพียงแค่ยังไม่เคยลงมือ