แชร์

นางมารน้อย

“รสดีมากเริ่นเจิน เจ้าไม่รีบกินพร้อมกันเสีย”

“ข้าบอกให้ท่านลุกขึ้นมาสู้กับข้า”

“สั่งมาเพิ่มอีกจาน อาหารจานนี้รสดีที่สุด”เริ่นเจิน ตะโกนสั่งอาหาร

“นี่ท่านไม่ได้ยินหรือว่าแกล้งไม่ได้ยิน”

แผดเสียงก้องโรงเต๊๊ยม กระแทกจอกสุราหกเรี่ยราด เหล่าผู้คนต่างรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อรอดูการประลอง หาทำเลที่มองเห็นได้ชัดและไม่เผลอโดนลูกหลง

“สุราเพิ่มอีกเหยือก เจ้าก็ดื่มเสียด้วยกัน เดินทางรอนแรมในป่าเขามานานมื้อนี้ถือว่าเป็นมื้อพิเศษ”

“ท่าน”

ใช้มีดสั้นในมือปามายังปู้ตานซิน ตรงเป้าไม่มีพลาดแต่ทว่ามือเรียวดังมือหญิงสาวกับคว้าด้ามมีดที่ลอยละลิ่วเข้าใส่เขาวางลงบนโต๊ะข้างกายไม่สะทกสะท้าน และไม่แม้แต่จะเหลือบตามองแต่กลับคว้าดามมีดได้พอเหมาะพอดี ผู้คนต่างปรบมือกึกก้อง เจวียนจิ่วหยาถลาเข้าคว้าอาวุธประจำกายปู้ตานซินกลับใช้ตะเกียบในมือตีไปที่หลังมืออย่างแรง

“โอ๊ย เจ็บ”

เริ่นเจินอมยิ้ม อดที่จะสงสารเจวียนจิ่วหยาไม่ได้คงเจ็บน่าดูอาจารย์หาใช่คนที่ออมมือไม่ เห็นได้ชัดว่าคลำหลังมือปรอยๆ แล้วยังเป็นรอยตะเกียบเป็นริ้วสีแดงขึ้นมาทันที

“แม่นางน้อย อาจารย์ข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่านหรอก เราสองคนเดินทางรอนแรมกว่าจะมีโอกาสได้กินอาหารกับสุราเต็มอิ่มสักมื้อหาได้ไม่ง่ายนัก เชิญท่านไปหาคนอื่นเล่นสนุกด้วยเถิด หรือไม่ก็ไปฝึกฝนให้ดีกว่านี้ค่อยกลับมาใหม่”

“เจ้า เข้าก็แค่สุนัขติดตาม แค่เพียงอาจารย์เจ้าเป็นปรมาจารย์อย่ามาทำวางท่า แน่จริงมาประลองกับข้าดูสักตั้ง”

เริ่นเจินส่ายหน้าถอนหายใจลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะปราบพยศนางมารน้อยคนนี้ให้เข็ดหลาบ

ปู้ตานซิน คีบอาหารในจานใส่ปากเคี้ยวไม่สนใจ

“เริ่นเจินรินสุราให้อาจารย์”

จะปล่อยให้เริ่นเจินสั่งสอนก็เกรงว่านางคงปางตาย เคล็ดวิชาของเขา กับฝีมืออ่อนด้อยของนางที่เขาสัมผัสได้ไม่ได้แม้เพียงครึ่งของเริ่นเจินที่เพิ่งจะฝึกมาแค่สองปีด้วยซ้ำไป

“ท่านห้ามศิษย์ของท่าน กลัวว่าเขาจะถูกข้าจัดการไม่เป็นท่าใช่หรือไม่”

“เกรงว่าจะเป็นเจ้าที่ต้อง หยอดน้ำข้าวต้ม”เริ่นเจิ่นพูดยิ้มๆ

เจวียนจิ่วหยาไม่อาจระงับโทสะ รวบรวมกำลังซัดฝ่ามือเข้าใส่ปู้ตานซินนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน แต่พอเจียนจิ่วหยาใกล้จะถึงตัวเขากับโยกตัวหลบ เพียงเสี่ยวนาทีดึงร่างบางให้ล้มลงก่อนจะใช้หน้าขารับแผ่นหลังของเจวียนจิ่วหยาไว้กลับกลายเป็นร่างบางนอนลงบนตักของปู้ตานซิน เงยหน้าสบกับดวงตาคมหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ที่มิได้แสดงสีหน้าอาการใดๆ เจวียนจิ่วหยาอายจนหน้าแดง เริ่นเจินส่ายหน้าคีบอาหารใส่ปากไม่สนใจสิ่งใดนอกจากสุราอาหารตรงหน้า

“ปล่อยข้า”ปู้ตานซินลุกขึ้นยืนปล่อยให้เจวียนจิ่วหยาล่วงลงบนพื้นเสียดังอั๊ก ทั้งเจ็บทั้งจุกทั้งอาย

“ยอม”

“แต่ข้าไม่ยอมแพ้ ข้าเจอท่านแล้ว ต่อแต่นี้ทุกสามเดือนข้าจะท้าประลองกับท่านจนกว่าจะสามารถปลิดชีพท่านได้ หากไม่สามารถชนะท่านและปลิดชีพท่านได้ข้าก็จะติดตามท่านไปตลอดแบบนี้”

“โง่หรือว่าดื้อดึง”ปูต้านชินพูดด้วยร้ำเสียงเรียบเฉยรำคาญตัวภาระพวกนี้สิ้นดี เริ่นเจินรีบรินสุราเลื่อนไปตรงหน้าให้กับปู้ต้านซิน

“ชะรอยจะโง่เสียมากกว่าพูดว่าตัวเองเป็นศิษย์ของจอมมารที่เก่งกาจแต่กลับต้องติดตามอาาจารย์ราวกับสมุน”เริ่นเจินพูดยิ้มๆ เจวียนจิ่วหยากัดฟันแน่น

“ข้าจะตามแบบนี้ไปจนกว่าจะเอาชนะท่านได้”

ปู้ตานซินนั่งลง คีบอาหารใส่ปากไม่แม้แต่จะมองหน้าของเจวียนจิ่วหยา

“อาจารย์ ให้นางร่วมทางได้หรือ”เริ่นเจินถามอย่างกล้าๆกลัวๆ

ไม่มีคำกล่าวใด ปู้ตานซินวางก้อนเงินลงบนโต๊ะอาหาร ก้าวขาออกจากร้านไป เจวียนจิ่วหยาอมยิ้ม ก่อนจะก้าวขาตามไป

“อาจารย์ ห้ามนางอย่าให้นางตามเรามา”

ปู้ตานซิน หันหน้ามาชนเข้ากับร่างบางของเจียนจิ่วหยาที่ตามมาติดๆ ผลักร่างเล็กจนเซถลาปะทะเอากับร่างของเริ่นเจินที่คว้าไหล่ไว้ได้ทันก่อนที่เจวียนจิ่วหยาจะลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า

“เจ้ารับหน้าที่ไล่นาง”

“ได้ ในเมื่ออาจารย์มีคำสั่งมาแบบนี้”

“เจ้าไปเสียนางมารน้อย เราไม่ร่วมเดินทางกับคนไร้วรยุทธ์และไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี”เจวียนจิ่วหยาทำตาโต

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status