“รสดีมากเริ่นเจิน เจ้าไม่รีบกินพร้อมกันเสีย”
“ข้าบอกให้ท่านลุกขึ้นมาสู้กับข้า”
“สั่งมาเพิ่มอีกจาน อาหารจานนี้รสดีที่สุด”เริ่นเจิน ตะโกนสั่งอาหาร
“นี่ท่านไม่ได้ยินหรือว่าแกล้งไม่ได้ยิน”
แผดเสียงก้องโรงเต๊๊ยม กระแทกจอกสุราหกเรี่ยราด เหล่าผู้คนต่างรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อรอดูการประลอง หาทำเลที่มองเห็นได้ชัดและไม่เผลอโดนลูกหลง
“สุราเพิ่มอีกเหยือก เจ้าก็ดื่มเสียด้วยกัน เดินทางรอนแรมในป่าเขามานานมื้อนี้ถือว่าเป็นมื้อพิเศษ”
“ท่าน”
ใช้มีดสั้นในมือปามายังปู้ตานซิน ตรงเป้าไม่มีพลาดแต่ทว่ามือเรียวดังมือหญิงสาวกับคว้าด้ามมีดที่ลอยละลิ่วเข้าใส่เขาวางลงบนโต๊ะข้างกายไม่สะทกสะท้าน และไม่แม้แต่จะเหลือบตามองแต่กลับคว้าดามมีดได้พอเหมาะพอดี ผู้คนต่างปรบมือกึกก้อง เจวียนจิ่วหยาถลาเข้าคว้าอาวุธประจำกายปู้ตานซินกลับใช้ตะเกียบในมือตีไปที่หลังมืออย่างแรง
“โอ๊ย เจ็บ”
เริ่นเจินอมยิ้ม อดที่จะสงสารเจวียนจิ่วหยาไม่ได้คงเจ็บน่าดูอาจารย์หาใช่คนที่ออมมือไม่ เห็นได้ชัดว่าคลำหลังมือปรอยๆ แล้วยังเป็นรอยตะเกียบเป็นริ้วสีแดงขึ้นมาทันที
“แม่นางน้อย อาจารย์ข้าไม่มีเวลาเล่นสนุกกับท่านหรอก เราสองคนเดินทางรอนแรมกว่าจะมีโอกาสได้กินอาหารกับสุราเต็มอิ่มสักมื้อหาได้ไม่ง่ายนัก เชิญท่านไปหาคนอื่นเล่นสนุกด้วยเถิด หรือไม่ก็ไปฝึกฝนให้ดีกว่านี้ค่อยกลับมาใหม่”
“เจ้า เข้าก็แค่สุนัขติดตาม แค่เพียงอาจารย์เจ้าเป็นปรมาจารย์อย่ามาทำวางท่า แน่จริงมาประลองกับข้าดูสักตั้ง”
เริ่นเจินส่ายหน้าถอนหายใจลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะปราบพยศนางมารน้อยคนนี้ให้เข็ดหลาบ
ปู้ตานซิน คีบอาหารในจานใส่ปากเคี้ยวไม่สนใจ
“เริ่นเจินรินสุราให้อาจารย์”
จะปล่อยให้เริ่นเจินสั่งสอนก็เกรงว่านางคงปางตาย เคล็ดวิชาของเขา กับฝีมืออ่อนด้อยของนางที่เขาสัมผัสได้ไม่ได้แม้เพียงครึ่งของเริ่นเจินที่เพิ่งจะฝึกมาแค่สองปีด้วยซ้ำไป
“ท่านห้ามศิษย์ของท่าน กลัวว่าเขาจะถูกข้าจัดการไม่เป็นท่าใช่หรือไม่”
“เกรงว่าจะเป็นเจ้าที่ต้อง หยอดน้ำข้าวต้ม”เริ่นเจิ่นพูดยิ้มๆ
เจวียนจิ่วหยาไม่อาจระงับโทสะ รวบรวมกำลังซัดฝ่ามือเข้าใส่ปู้ตานซินนั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน แต่พอเจียนจิ่วหยาใกล้จะถึงตัวเขากับโยกตัวหลบ เพียงเสี่ยวนาทีดึงร่างบางให้ล้มลงก่อนจะใช้หน้าขารับแผ่นหลังของเจวียนจิ่วหยาไว้กลับกลายเป็นร่างบางนอนลงบนตักของปู้ตานซิน เงยหน้าสบกับดวงตาคมหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ที่มิได้แสดงสีหน้าอาการใดๆ เจวียนจิ่วหยาอายจนหน้าแดง เริ่นเจินส่ายหน้าคีบอาหารใส่ปากไม่สนใจสิ่งใดนอกจากสุราอาหารตรงหน้า
“ปล่อยข้า”ปู้ตานซินลุกขึ้นยืนปล่อยให้เจวียนจิ่วหยาล่วงลงบนพื้นเสียดังอั๊ก ทั้งเจ็บทั้งจุกทั้งอาย
“ยอม”
“แต่ข้าไม่ยอมแพ้ ข้าเจอท่านแล้ว ต่อแต่นี้ทุกสามเดือนข้าจะท้าประลองกับท่านจนกว่าจะสามารถปลิดชีพท่านได้ หากไม่สามารถชนะท่านและปลิดชีพท่านได้ข้าก็จะติดตามท่านไปตลอดแบบนี้”
“โง่หรือว่าดื้อดึง”ปูต้านชินพูดด้วยร้ำเสียงเรียบเฉยรำคาญตัวภาระพวกนี้สิ้นดี เริ่นเจินรีบรินสุราเลื่อนไปตรงหน้าให้กับปู้ต้านซิน
“ชะรอยจะโง่เสียมากกว่าพูดว่าตัวเองเป็นศิษย์ของจอมมารที่เก่งกาจแต่กลับต้องติดตามอาาจารย์ราวกับสมุน”เริ่นเจินพูดยิ้มๆ เจวียนจิ่วหยากัดฟันแน่น
“ข้าจะตามแบบนี้ไปจนกว่าจะเอาชนะท่านได้”
ปู้ตานซินนั่งลง คีบอาหารใส่ปากไม่แม้แต่จะมองหน้าของเจวียนจิ่วหยา
“อาจารย์ ให้นางร่วมทางได้หรือ”เริ่นเจินถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
ไม่มีคำกล่าวใด ปู้ตานซินวางก้อนเงินลงบนโต๊ะอาหาร ก้าวขาออกจากร้านไป เจวียนจิ่วหยาอมยิ้ม ก่อนจะก้าวขาตามไป
“อาจารย์ ห้ามนางอย่าให้นางตามเรามา”
ปู้ตานซิน หันหน้ามาชนเข้ากับร่างบางของเจียนจิ่วหยาที่ตามมาติดๆ ผลักร่างเล็กจนเซถลาปะทะเอากับร่างของเริ่นเจินที่คว้าไหล่ไว้ได้ทันก่อนที่เจวียนจิ่วหยาจะลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้า
“เจ้ารับหน้าที่ไล่นาง”
“ได้ ในเมื่ออาจารย์มีคำสั่งมาแบบนี้”
“เจ้าไปเสียนางมารน้อย เราไม่ร่วมเดินทางกับคนไร้วรยุทธ์และไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี”เจวียนจิ่วหยาทำตาโต
“ข้าไม่ไป”“ข้ากับอาจารย์ไม่ต้อนรับเจ้า” เอาตัวเข้าขวางไว้เมื่อปู้ตานซินเดินไปข้างหน้าแล้วเจวียนจิ่วหยาทำท่าจะเดินตาม“ข้าจะบอกอะไรให้ พูดแล้วจะหาว่าคุย ข้าสืบเรื่องราวของท่านมาทั้งหมดแล้ว รู้อะไรไหม ข้ากับกระบี่เจียงเฉียงเราสองคนเป็นดั่งพี่น้อง ตอนนี้ท่านทั้งสองตามรอยนางข้าสามารถพาท่านตามจนพบนางได้ไม่ยาก” ปู้ตานซิน หยุดก้าวเดิน“อาจารย์ นางบอกว่าจะพาเราตามหากระบี่เจียงเฉียง”“ไล่นางไปเสีย”“ดะดะเดี๋ยวข้าจะบอกอะไรให้ กระบี่เจียงเฉียง นางใช้เคล็ดวิชาที่ท่านจอมมารถ่ายทอดในการหลบหลีกเร้นกาย"กอดอกทำสีหน้า อมภูมิ“แล้วข้าก็เป็นคนผู้หนึ่งที่สามารถใช้เคล็ดวิชาในการหากระบี่เจียงเฉียงได้ตลอดเวลา”กอดอกด้วยท่าที่หยิ่งผยอง“ไล่นางไปเสีย”“เอ้า จริงๆ นะข้าไม่ได้โกหก”“เจ้าไปเสีย”เริ่นเจินไล่ เจวียนจิ่วหยาเงื้อไม้เงื้อมือด้วยความเคยตัว“ข้าจะหักนิ้วท่านเสีย ข้อหากล้าปฏิเสธข้า”คว้ามือปู้ตานซิน ตั้งจะจะหักนิ้วเหมือนที่เคยทำกับคนอื่น แต่ทว่าไม่ว่าจะออกแรงอย่างไรก็ไม่อาจ หักนิ้วของปู้ตานซินได้ปู้ตานซินผลักร่างบางลงไปกองกับพื้น คราวนี้เริ่นเจินไม่รับไว้เหมือนคราวก่อนลงไปนั่งกับพื้นก้นจ่ำเบ้า ดึงมีดสั
ที่ประชุมชาวยุทธ์จากสำนักต่างๆ ทั่วยุทธภพที่ต่างมารวมตัวกันที่ เรือนอารักขาหน้าถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางพร้อมกับร่างเหี่ยวแห้งไร้ดวงจิต“จอมมารฉูฉางเหิมเกริม เข่นฆ่าชาวบ้านจับตัวดื่มเลือดสูบเนื้อล้มตายนับไม่ถ้วน ยิ่งนานวันยิ่งแผ่ขยายอำนาจจนน่ากลัว สามปีมานี้เกินที่จะทนแล้ว”หวังต้าฉินนั่งในแถวรอฟังเหล่าปรมาจารย์หารือกัน“เดิมเป็น ท่านปรมาจารย์กงล้งที่สละร่างผนึกจอมมารไว้ ว่าคราวนี้กลับมาอีกครั้งกับผนึกร่างกับศิษย์ของสำนักเกาซิ่งจี้โม่ยิ่งเพิ่มความเหิมเกริม”“เห็นที่จะต้องรวบรวมผู้กล้าจัดการจอมมารเสีย หากยิ่งนานวันยิ่ง จะมีพลังแก่กล้า”ป้อก้านออกความเห็น“ปรมาจารย์หนุ่มปู้ตานซิน ได้ข่าวว่าออกตามล่าจอมมารฉูฉางถึงสามปีมานี้ยังไม่อาจโค่นล้มจอมมารลงได้ ไหนหลายคนต่างยกย่องให้เป็นยอดปรมาจารย์”เสียง เหน็บจากปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กที่เคยไปช่วงชิงป้ายสำนัก เกาซิ่ง“ใช่ๆๆ ”หลายเสียงเห็นพ้อง“ ปรมาจารย์อาวุโสเง็กเต็กท่านไม่แยกแยะถูกผิดชั่วดี เอาความแค้นส่วนตัวมา พูดจาให้ผู้อื่นเข้าใจอาจารย์ข้าผิดไป ตอนนี้อาจารย์กำลังหาทางกำจัดจอมมารสืบหาเคล็ดวิชาทั่วหล้า หาได้นิ่งดูดายไม่ อีกอย่างเมื่อครั้งที่ปีศาจพ
“ ศิษย์พี่” เจวียนจิ่วหยาดึงมือหยางหว่าน เมื่อเห็นว่าอีกคนตะลึงตาค้าง“ข้าทำอะไรลงไป”หลุดคำพูดจากใจออกมา“ศิษย์พี่ท่านทำได้แล้ว ท่านจอมมารจะต้องชื่นชมท่าน”เจวียนจิ่วหยากืนน้ำลายลงคอช้าๆ ในใจรู้สึกเหมือนหัวใจถูกตัดเฉือนออกไป ปากกับใจไม่ตรงกัน หันหน้าหันหลังมอง เริ่นเจินที่หอบร่างปู้ตานซินหายลับไปกับตา“กลับขึ้นเขาหนึ่งแสนคนชั่วกันก่อนดีกว่า ข้าพาท่านไป”เจวียนจิ่วหยาถูกสอนมาตลอดว่าหยางหว่านเป็นเสมือนนายหญิงเป็นรองเพียงท่านจอมมารเพียงคนเดียวจึงต้องเคารพและให้ความช่วยเหลือหยางหว่านทุกอย่างไม่ว่านางจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ตั้งแต่ขึ้นไปอาศัยอยู่บนเขาหนึ่งแสนคนชั่ว ในตอนที่บิดามารดาขายนางให้กับพ่อค้าทาส เจียนจิ่วหยาใช้มีดแทงยอดอกของพ่อค้าทาส ที่กำลังจะทำมิดีมิร้ายเจวียนจิ่วหยาจนต้องหนีขึ้นมาบนเขาเมื่อมีคนตามจับตัว ตั้งแต่นั้นมาการชิงลงมือก่อนจึงเป็นคติประจำตัว หยางหว่านเป็นดังพี่สาวที่คอยสั่งสอนดูแล หลายครั้งที่ท้ังคู่ร่ายรำกระบี่ด้วยกัน หลายครั้งที่ทั้งคู่ร่ำสุราด้วยกัน“ข้า ทำไมรู้สึกเจ็บปวด”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ เจ็บที่ใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้“ศิษย์พี่ ท่านเพียงแค่ยังไม่เคยลงมือ
“ในที่สุดเจ้าก็ทำได้ กระบี่เจียงเฉียง ข้ามองเจ้าไม่ผิดไปจริงๆ ”ฉูฉางในร่างของจี้โม๋แสดงความพึงพอใจ“ท่านประมุข แล้วทำไมข้าถึงรู้สึก ถึงรู้สึกว่าข้าเสียใจที่ทำร้ายเขา”สับสนจน ไม่อาจปิดบังความรู้สึกภายในจิตใจเผยความนัยออกมาโดยที่ฉูฉางไม่ต้องใช้วิชาอ่านใจเช่นเดียวกับปู้ตานซิน“เป็นธรรมดา เจ้ากับเขารู้จักกันมาก่อน แค่เพียงรู้สึกเสียใจก็เป็นเรื่องธรรมดา”“ข้าๆ”“ หากเขาตาย ข้าเตรียมรางวัลใหญ่สำหรับเจ้า”“อาจารย์ ข้าขอกลับไปแดนใต้ช่วยคัดคนให้อาจารย์เหมือนเดิมดีกว่า”ฉูฉางยิ้มเปล่งเสียง ออกมาดังๆ“ต่อไปเป็นหน้าที่ของเจวียนจิ่วหยา ที่จะทำเรื่องนี้แทนเจ้าหยางหว่านเจ้าควรจะเอาเวลาที่เหลืออยู่ที่นี่ เป็นคนของข้า”“ท่านประมุข หมายความว่าอย่างไร”“หยางหว่านข้ารอเวลานี้มานาน สี่พันปีเพื่อให้ได้พบเจ้าอีกครั้ง”“ท่านมุข หยางหว่านไม่อาจ ทำตามที่อาจารย์กล่าว”“เจ้าเหตุใดถึงปฏิเสธข้าหรือว่า”หลับตาลงช้าๆ สำรวจลมปราณที่อ่อนแรงของปู้ตานซินได้ในทันที“กระบี่เจียงเฉียงข้ารับรู้ได้ว่าเขายังไม่ตาย เจ้าใจดีเกินไปตั้งใจออมมือปล่อยให้ปู้ตานซินรอดชีวิตหรือไร”ส่งเสียงดังกังวานเหมือน เสียงสะท้อนในหุบเขา“หยางหว่านหน
กงล้งซัดฝ่ามือเข้าใส่ฉูฉางจนกระเด็นไปติดผนังถ้ำกระอักเลือดสดๆออกมา ก่อนที่เขาจะฉุดมือหยางหว่านออกจากถ้ำไปหยางหว่านสะบัดแขนอย่างแรงจนหลุดจากการเกาะกุมวิ่งถลาไปหอบร่างอ่อนแรงของฉูฉาง ที่วรยุทธ์ของเขาไม่มีทางสู้กงล้งได้“เจ้าสงสารมันหรือมีใจให้มัน หยางหว่านไปกับข้าเสียไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเขาเสีย”“อย่าทำแบบนั้นกงล้ง เขาเป็นสหายของท่าน”“เจ้าผิดแล้ว ข้ากับเขาขาดกัน ตั้งแต่วันที่ข้าพบเจ้ามากับเขาในวันนั้น”“ท่านจะทำแบบนี้ไม่ได้ เขาบาดเจ็บสาหัส ให้ข้าพาเขาไปรักษาก่อน”ฉูฉางลืมตาขึ้นมา ในอ้อมกอดของหยางหว่าน“ข้ายอมตายอย่าได้ขอร้องเขาอีกเลย หากเขาต้องการตัวเจ้าจะต้องฆ่าข้าเสียก่อน”ฉูฉางส่งเสียงลอดไรฟัน“ได้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้า ผิดหวัง”รวบรวมลมปราณ ขั้นสูงสุดไว้ที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง ซัดฝ่ามือเข้าใส่ฉูฉาง แต่ลืมว่าหยางหว่านนั่งอยู่ที่นั่นด้วยหยางหว่านหอบร่างไร้เรี่ยวแรงของฉูฉางอยู่ “เจ้าเลือกเองฉูฉางข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว”ซัดฝ่ามือเข้าใส่ ฉูฉางที่ไม่อาจหลบหลีก หยางหว่าน ผลักร่างสูงของฉูฉางให้เซถลา ลมปราณสูงสุดจากฝ่ามือของกงล้งซัดเข้าที่หน้าอกของหยางหว่านเต็มแรง ริมฝีปากบางพ่นเลือดสดๆออกมา กงล้งอ้าป
“ข้ามีเคล็ดวิชาหลากหลาย แค่เพียงเร้นกายง่ายดายกว่าสิ่งใด”“ท่านไปเสียไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าท่านเสีย”ปู้ตานซินยิ้ม“หากข้าจะบอกว่าข้าอ่านใจเจ้าได้เล่า”หยางหว่านถอยห่างไปเรื่อยๆ อีกคนกลับสาวเท้าเข้ามาใกล้“ไม่มีผู้ใดมีเคล็ดวิชาแบบนั้นมาก่อน ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีเคล็ดวิชาอ่านใจข้าไม่เชื่อในใจข้ามีแต่จะคิดฆ่าท่าน”ปู้ตานซินยิ้ม เขาไม่เคยเอ่ยปากบอกใครว่าเขาสามารถอ่านใจคนออก ตามที่ปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงกำชับมา จึงเป็นเพียงเรื่องเล่าขาน หยางหว่านก่อนหน้านั้นเขาก็ใช้เคล้ดวิชานี้กับนางก็หลายหน แต่นางไม่เคยระแคะระคายแม้แต่น้อย“เจ้าเป็นห่วงข้ากลัวว่าจะถูกจอมมารฉูฉางพบเข้า แล้วยังดีใจที่ข้ารอดชีวิตจากคมมีดของเจ้า ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก”พูดไปยิ้มไปหยางหว่านอ้าปากค้าง ในใจนางคิดอย่างนั้นไม่ผิดเพี้ยน“ที่นี่เขาหนึ่งแสนคนชั่ว เช่นไรท่านจะหนีรอดไปได้”หยางหว่านถอยไปชิดติดผนังห้องไม่อาจถอยหนีได้อีกแล้ว ปู้ตานซินอมยิ้ม“ยอมรับมาแล้วหรือว่าเจ้าห่วงข้า ดีใจเสียจริงเจ้าห่วงข้าเพียงนั้น กลัวว่าข้าจะพบกับอันตราย”หยางหว่านค้อนเสียวงใหญ่คนอะไรหลงตัวเองยิ่งนัก“ข้าไม่...อุ๊ป”ปากบางโดนปิดสนิทแน่นบดเบียดอ่อนหวา
“นางเป็นของข้ามาก่อน”“แก้ตัวไปก็ไม่มีประโยชน์ ความแค้นของเราสองคนวันนี้จักต้องสะสางให้หมดไป แต่บอกไว้ก่อนปู้ตานซินข้าดื่มเลือดสูบเนื้อมานาน เคล็ดวิชาสุดยอดนี้ทำให้ข้าเหนือกว่าเจ้าสิบปี ความจริงไม่อาจเปิดเผยแต่เมื่อเห็นว่า เจ้ากำลังจะตายคนตายจึงเป็นคนที่เก็บความลับได้ดีที่สุด”“หากเป็นความลับของเจ้า ถึงข้าตายไปข้าก็จะขอเหยียนหลัวหวางกลับมาเปิดโปงมันเสีย”“ยังไม่เปลี่ยน กงล้งเจ้าเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งใน วาจาแม้ไม่ยี่หระแต่ทว่าน้ำใจงาม ข้าชอบเจ้าเสียจริง เช่นนั้นข้าช่วยให้เจ้าพบเหยียนหลัวหวางได้เร็วขึ้น”ซัดฝ่ามือเข้าใส่ทันทีแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ปู้ตานซินโดนฝ่ามือเข้าเต็มเปาร่างลอยไปชนเข้ากับผนังถ้ำ แต่ยังคงแบกร่างหยางหว่านไว้ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บวางร่างบางของหยางหว่านลงบนพื้นฉูฉางรวบรวมพลังลมปราณซัดฝ่ามือเข้าใส่อีกครั้ง เลือดสดๆถูกพ่นออกมาจากปากของปู้ตานซิน“เจ้าก็ไม่เปลี่ยนฉูฉาง ชอบฉวยโอกาสอย่างไรก็ยังอย่างนั้น” กระอักเลือดออกมาจากปาก“ข้าบอกแล้วอีกสิบปีกว่าเจ้าจะชนะข้า”จ้องเขม็งมาที่ปู้ตานซินความทรงจำบางส่วนของหยางหว่านกลับคืนมา อาจารย์ที่ตบตูดนอน อาจารย์ที่เคยโอบอุ้มด้วยสองมืออบอุ่น อา
ปู้ตานซินกระอักเลือดสดๆออกมาอีกครั้ง เจวียนจิ่วหยามองด้วยสายตาเป็นห่วงเมื่อไม่อาจแบกรับร่างที่หนักอึ้งนั้นได้ ปู้ตานซินเซถลาลงไปนอนหงายกับพื้น“ตาม หวังต้าฉินมีเพียงลมปราณของ เกาซิ่งจึงจะช่วยข้าได้”"แล้วแล้วข้าต้องตาม หวังต้าฉินได้ที่ไหน”“นางมารน้อย สำนักเกาซิ่งเจ้าจะต้องขึ้นเขาไป มีเพียงหยางหว่านข้าหมายถึง กระบี่เจียงเฉียงจึงจะฝ่าด่านค่ายกลของข้า ขึ้นเขาไปได้”“ไม่มีคนอื่นอีกแล้วหรือ นอกจากศิษย์พี่”“เริ่นเจิน เพิ่งจะเป็นศิษย์ข้าแค่เพียง สามปีไม่อาจขึ้นลงเขาได้ตามใจนอกจากข้าจะพาเขาขึ้นไป”“แต่ข้า”“ตาม ป้อก้านกับป้อคุน เจ้าสำนักป้อหยางที่นั่นจะพบกับคนทั้งสองไหว้วานให้เขาขึ้นเขา พาหวังต้าฉินลงมา”“ข้าตามเริ่นเจินให้มาดูแลท่าน ส่วนข้ายินดีไปทำตามสิ่งที่ท่านขอให้ช่วย”เริ่นเจิน ร้อนรนเหมือนไฟลนก้นเมื่อเห็นว่าปู้ตานซินบาดเจ็บสาหัสยิ่งนักร่างกายไม่อาจขยับได้ แม้จะพูดพูดคุยได้บ้างแต่กับกระอักเลือดสดๆ ออกมาเป็นระยะ“อาจารย์ให้ข้าถ่ายลมปราณให้ท่านจะดีไหม”“ลมปราณของเจ้าไม่ได้มีพอที่จะช่วยเหลือผู้ใด เริ่นเจินอาจารย์ยังไม่ตายง่ายๆ หรอกวางใจได้ พอศิษย์พี่ใหญ่เจ้ามาเขาจะถ่ายลมปราณ20ปีของเขาให้