“555เจ้าเด็กเมื่อวานซืน ดูรึว่าจะสามารถฆ่าข้าได้ไหม”
ฝืนใจลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ รวบรวมลมปราณ เพื่อฟื้นฟูกำลังของตัวเอง ข่มขู่เริ่นเจินที่ลอบกลืนน้ำลายลงคอ
“ก็ได้ ถ้าอาจารย์ไม่สั่งให้ข้ามาช่วยศิษย์พี่หยางหว่าน ข้าไม่มีทางละเว้นชีวิตเจ้า”
“ฉูฉางหลับตาลง จะกังวลไปไย ปู้ตานซินตายเขาก็ค่อยพานางกลับคืน ลบความทรงจำนางเสีย ตอนนี้หากเผยความอ่อนแอให้ศิษย์ของปู้ตานซินรู้ว่าเขาแทบจะทรงกายไม่ไหวไม่เหลือลมปราณแม้เพียงสักนิด มีหวังเหล่าจอมยุทธ์ฝ่ายคุณธรรมต้องรวมหัวกันมากำจัดเขาแน่ๆ
เริ่นเจินไม่ได้คลายจุดที่อาจารย์สกัดหยางหว่านไว้ หอบเอาร่างบาง ขึ้นบนบ่าพากลับไปหาปู้ตานซิน
“คลายจุดให้นางเสีย”
“อาจารย์ไม่กลัวว่าศิษย์พี่จะทำร้ายอาจารย์หรือไร”
“คลายจุดให้นางแล้วเจ้าออกไปเสีย”
“อาจารย์หากศิษย์พี่….ทำร้ายอาจารย์อีกเล่า”ยิ้มเศร้าๆ
“นางจะไม่ทำอย่างนั้น นางจะไม่มีทางทำอย่างนั้น”แม้จะลังเลกับสิ่งที่พูดแต่ เขามั่นใจว่าหยางหว่านจะไม่มีทางทำร้ายเขาอีกแล้ว
เริ่นเจิ่นคลายจุดที่สะกัดไว้
“อาจารย์”หยางหว่านคุกเข่าลงตรงหน้าปู้ตานซิน
“ข้าขอโทษข้าผิดเอง ข้าไม่อาจอยู่ ...กับเจ้าได้แล้วไม่อาจดูแลเจ้า ”ปู้ตานซินยิ้ม
“อาจารย์หยางหว่าน หยางหว่าน….”กลืนน้ำลายลงคอยากเย็นน้ำตาไหลรินคำพูดถูกกลืนลงคอเจ็บจุกที่อกไม่สามารถพูดมันออกมาได้
“เจ้า ยังไม่ได้เคล็ดวิชาจากอาจารย์ ตามที่ตกลงกันไว้ แต่เดิมข้าตั้งใจมอบมันให้เจ้ากับจี้โม่ แต่ทว่าจี้โม่กลับถูกฉูฉางครอบงำเสียแล้ว เหลือเพียงเจ้าหยางหว่าน”
“ข้าไม่ต้องการอะไรไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นต้องการเพียงอยู่เคียงข้างอาจารย์ตราบนานเท่านั้น”ปู้ตานซินยิ้มเศร้าๆ เขาสลายร่างคงพลังทิพย์กลับมาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า อย่างน้อยคำพูดของหยางหว่านในวันนี้ก็ทำให้เขาอิ่มเอมใจ ไหนจะจี้โม๋ที่ไมไ่ด้เห้นว่าเขาคือศัตรูอีกต่อไป แค่นี้ก็ดีแล้วพอแล้วสำหรับปู้ต้านซิน
“อาจารย์อยู่มาหลายปีแล้ว ความจริงตั้งใจให้เจ้าท่องกาลเวลาด้วยกัน ทว่ามีหลายอย่างที่เป็นความลับ กลัวว่าหยางหว่านเมื่อรู้ความจริงจะโกรธเกลียดอาจารย์”
“ไม่มีทาง...หยางหว่านไม่มีทางจะเกลียดอาจารย์”
“ดีใจที่เจ้ายังจำความสัมพันธ์ของข้ากับเจ้าได้ ฉูฉางเพียงลบความทรงจำของเจ้าเพื่อเขาจะได้ครอบครองกายและใจของเจ้า หยางหว่านอาจารย์ตามหาเจ้ามาเนิ่นนานกลัวเหลือเกินว่าเจ้าจะมีใจให้ฉูฉาง จนวันนี้ถึงได้รู้ว่าแม้จะถูกลบความทรงจำ
แต่ในใจของเจ้าลึกๆ ก็ยังมีอาจารย์”
“หยางหว่านไม่เคยลืมเลือน ความสัมพันธ์ของเรา”ปล่อยน้ำตาร่วงริน
“หากข้าต้องสละร่าง เจ้าเร่งเดินทางไปหาปรมาจารย์กกก๋งให้ท่านถ่ายทอดเคล็ดวิชาของท่านปรมาจารย์กกก๋งบอกท่านปรมาจารย์ว่าข้าอ่อนด้อยความสามารถสละร่างไปก่อนท่านปรมาจารย์แล้ว ไม่อาจมารับเอาเคล็ดวิชาของท่านปรมาจารย์ไว้ได้ด้วยตัวเองจึงส่งเจ้ามาแทน ในคืนเดือนเพ็ญเดือนสือเอ้อเยว่ในปีที่สี่ เจ้าเร่งเดินทางไปรับเคล็ดวิชาของท่านปรมาจารย์กกก๋ง”
“ไม่..ไม่...ไม่มีทาง อาจารย์อย่าพูดแบบนี้”ปาดน้ำตา ที่ไหลริน
“อาจารย์หากท่านสละร่างทิ้งข้าไป ฉูฉางจะต้องครอบงำข้าอีกครั้ง ท่านยอมได้หรือข้าเป้นของฉูฉางท่านยอมได้หรือ ท่านอยู่ที่นี่เพื่อข้า อย่าเพิ่งจากไปไหน”ปู้ตานซินยิ้ม
“เดิมข้าสละร่างคงกายทิพย์เพื่อกลับมาหาเจ้า เลี้ยงดูและถ่ายทอดวิชาเพื่อให้เจ้า มีใจกับข้า นับว่าเป็นแผนการอันแยบยลของข้า แต่บัดนี้ข้าก็ยังไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้ ครั้งนี้ไม่อาจคงพลังทิพย์ เจ้าอย่าเสียใจไปก่อนนั้นเจ้าโกรธเกลียดข้าอยากให้ข้าตาย ข้ากลับมาครั้งนี้เพื่อเปลี่ยนเจ้าและจี้โม่ แต่สิ่งที่ข้าทำคงผิดกฎสวรรค์ส่งผลให้อย่างไรเสีย ข้าก็ต้องตายเพื่อชดใช้หนีกรรมที่ทำกับเจ้าและจี้โม่ไว้”
“ข้าไม่สนใจว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้น ข้าไม่เชื่อ ไม่จริงอาจารย์ท่านแต่เดิมมักจะอ่อนนอกแข็งใน มักจะทำเป็นไม่แยแส แต่ทว่าในใจห่วงใยผู้อื่น หยางหว่านรู้ดีว่าท่านพูดเพื่อให้ข้ายอมให้ท่านสละร่างไปโดยไม่มีความอาวรณ์”
“หยางหว่านขอบใจเจ้า เดิมข้าคิดว่ามีเพียงศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าหวังต้าฉินที่ออกรับแทนข้าไม่ว่าข้าจะพูดจะทำสิ่งใดเขาจะต้องเคารพในการตัดสินใจของข้า และไม่เคยลังเลต่อสิ่งที่ข้าทำ เขามักจะแก้ตัวแทนข้าทุกครั้งไป”
“อาจารย์ให้ท่านรู้ไว้เถิดว่ายังมีข้าอีกคน”กุมมือหยางหว่านไว้ กระอักเลือดสดๆ ออกมาอีกครั้ง
“อาจารย์ท่านอย่ารีบสละร่าง อยู่กับข้าก่อนจะได้ไหม”
น้ำเสียงออดอ้อน ปู้ตานซินเอื้อมมือลูบหัวหยางหว่านเบาๆ มือซีดขาวสั่นไปมาด้วยระงับความเจ็บปวดในใจ
“หากข้าอยู่ ศิษย์พี่ป้อก้านจะต้องแทบจะอยากฆ่าข้า ได้บุตรีเขาเป็นเมียเสียตั้งนานก็ไม่ยอมสู่ขอนางเสียที แล้วยังสละร่างทิ้งนางอีก”
หยางหว่านกอดปู้ตานซินซบหน้าลงบนอกกว้าง
“อาจารย์ศิษย์พี่หวังต้าฉินมาแล้ว”
เริ่นเจิน เดินนำหวังต้าฉินและเจวียนจิ่วหยาเข้ามา เจวียนจิ่วหยามองหยางหว่านที่ซบลงบนอกกว้างของปู้ตานซินด้วยความงงงันหวังต้าฉินถลาเข้าพยุงปู้ต้านซินให้ลุกขึ้น สีหน้าแสงความกังวลไม่น้อย“อาจารย์ท่านบาดเจ็บสาหัสข้าไม่เคยจะเห็นว่าอาจารย์ต้องมาเป็นแบบนี้มาก่อน”หวังต้าฉิน ขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ ปู้ตานซินยิ้มเศร้าๆ“ครั้งนี้คงต้องอาศัยเจ้าแล้วต้าฉินข้าเองไม่อยากให้ใครเห็นข้าในแบบนี้”“อาจารย์ศิษย์พร้อมถ่ายลมปราณ”“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะต้องอาศัยหวังต้าฉินที่มีลมปราณยี่สิบปีของสำนักเกาซิ่งถ่ายลมปราณให้ข้า ระหว่างนี้ห้ามใครรบกวนเด็ดขาด อีกทั้งเริ่นเจินเจ้าคุ้มครองศิษย์พี่หยางหว่านของเจ้าด้วย”“อาจารย์ ข้าอยากอยู่กับท่านที่นี่”“หยางหว่าน แล้วเราจะได้พบกันใหม่เจ้าออกไปก่อน”“อาจารย์ข้ารอท่าน รอท่านเสมอ”ปู้ตานซินยิ้มเป็นยิ้มที่พยายามฝืนอย่างเต็มที่ในเมื่อตอนนี้ร่างใกล้จะสลายไปเต็มทีแล้วคนอื่นออกไปจนสิ้นเหลือเพียงหวังต้าฉินเท่านั้น“อาจารย์มาเถอิข้าพร้อมแ้ลวช้าไปไม่ดีแน่”หวังต้าฉินกุลีกุจอ“ไม่มีการถ่ายลมปราณไม่มีอะไรที่ช่วยได้ อาจารย์ไม่อาจทนพิษบาดแผลคงจะต้องสละร่างเสียที”“อาจารย์” หวังต้าฉิน
“ศิษย์น้องหยางหว่านอาจารย์ให้ข้าผนึกเจ้าเสีย”“ศิษย์พี่ต้าฉิน หยางหว่านไร้คำกล่าวใดหากไร้ซึ่งอาจารย์ข้าก็ไม่อาจมีชีวิต”“ข้าเสียใจไม่น้อยไปกว่าเจ้าแต่ด้วยคำสั่งเสียของอาจารย์นับต่อแต่นี้เจ้าจงอยู่ในผนึกรอเพื่อจอมมารฉูฉางที่กำลังจะฟื้นกำลังขึ้นมาไม่อาจหาเจ้าจนพบ ข้ากับเหล่าจอมยุทธ์คงต้องเผชิญชะตากรรมกันเพียงลำพังต่อแต่นี้ อีกกี่ปีจึงจะมีผู้ที่สามารถผนึกฉูฉางไว้ได้อีก”“ไม่สู้ข้าตายไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ที่จะต้องกลายเป็นมารเช่นเดียวกับฉูฉาง”หยางหว่านพูดขึ้นดังๆ“ครั้งนั้นเป็นเพราะจอมมาร ใช้วิชาสลายความจำของเจ้า จึงทำให้เจ้า ทำผิดพลาดไปช่วยคัดคนบริสุทธิ์ให้จอมมารดื่มเลือดสูบเนื้อ”“ควรเป็นข้าที่ต้องตาย คนเช่นอาจารย์ไม่ควรที่จะต้องมาสละร่าง ศิษย์พี่ท่านฆ่าข้าเสียอย่าต้องใช้ลมปราณของท่านโดยเปล่าประโยชน์เพื่อผนึกข้าอีกเลย”“หยางหว่าน อาจารย์ให้ผนึกเจ้าเพื่อที่รอคอยว่าอาจารย์จะหวนคืนอีกครั้ง”หยางหว่านหลับตาไล่หยาดน้ำตา“ศิษย์พี่ อาจารย์ให้ท่านมาล่อหลอกข้าใช่หรือไม่ หยางหว่านมิใช่เด็กสี่ขวบเช่นตอนที่พบอาจารย์ในครั้งแรก ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า อาจารย์ไม่มีทางหวนคืนท่านฆ่าข้าเสียจึงดี ข้าคือสาเหตุทั้ง
“หากท่านพบอาจารย์ ช่วยบอกอาจารย์ด้วยว่า ...ข้าขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”รอยยิ้ม หม่นหมองของเจวียนจิ่วหยาที่หยางหว่านไม่เคยเห็นมาก่อน หยางหว่านโอบรอบตัวของเจวียนจิ่วหยา“เราสองคนต่างเป็นคนที่หวังดีต่อท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน ศิษย์พี่ท่านคงไม่ว่าหากข้าจะบอกว่าข้าเองก็ชอบท่านปรมาจารย์ปู้ตานซินเช่นกันแต่เมื่อข้าเห็นว่าท่านร้องไห้ปานจะขาดใจ เมื่อท่านปรมาจารย์จากไปถึงได้เข้าใจว่าถึงข้าจะชอบท่านปรมาจารย์เพียงใดก็คงไม่เท่ากับที่ท่านรักท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน” หยางหว่านยิ้มบางๆ“ข้ายินดีหากพบอาจารย์จะเร่งบอกเขาตามที่เจ้าต้องการ”“เริ่นเจินเจ้าเดินทางพร้อมกับศิษย์พี่เพื่อพบกับอาจารย์ปู่กกก๋ง ศิษย์พี่ข้าลาแล้ว”หยางหว่านและเริ่นเจิน ประสานมือตรงหน้าหวังต้าฉิน“ศิษย์น้อง ศิษย์น้องหลงตั๋วได้ส่งคนของเขาให้ติดตามเจ้าไปในครั้งนี้ด้วย”หลงตั๋วยิ้มอยู่ไม่ห่าง“ศิษย์น้องเจ้าไม่น่าต้องลำบาก”“ศิษย์พี่เกรงใจไปแล้วความจริงข้าอยากติดตามท่าน ผิดที่ชายาเอกของข้ากำลังตั้งครรภ์จึงไม่อาจช่วยแบ่งเบาท่านได้ ข้าเพียงแต่หวังว่าท่านจะพบอาจารย์ปู่โดยเร็ว”คนมาส่งพร้อมหน้า คนกำลังจะจากไปก็พร้อมแล้ว จี้โม๋ยิ้มในร่างของฉ
“เคล็ดวิชาท่องกาลเวลา ในยุทธภพนี้มีข้า ปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงและอาจารย์เจ้าเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ ปู้ตานซินแต่เดิมมีเคล็ดวิชาอ่านใจผู้คน แต่เขาเก็บงำเป็นความลับแต่เมื่อเขาสละร่างไปแล้ว ข้าจึงไม่จำเป็นต้องรักษาความลับให้เขาอีกต่อไป ข้ากับปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงได้เคล็ดวิชาจากอาจารย์มาต่างกันออกไป เคล็ดวิชาของข้า ที่จะมอบให้เจ้าคือเคล็ดวิชาเปลี่ยนใจผู้คน” (จำได้ไหมตอนที่กกก๋งไปคุยกับปู้ตานซิน ทีแรกปู้ตานซินไม่อยากย้อนไปในตอนที่ต้นเรื่องเขากับฉูฉางแต่ท่านปรมาจารย์กกก๋งใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคนกับปู้ตานซิน)“อาจารย์ปู่ท่าน จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาทั้งสองให้ข้าได้หรือไม่”ปรมาจารย์กกก๋งหลับตาลงช้าๆ“อาจารย์เจ้าสละร่างไปแล้ว เคล็ดวิชาท่องกาลเวลาข้าไม่อาจถ่ายทอดให้ได้ทั้งหมดเจ้าจะต้องศึกษาเองเพียงลำพัง แม้แต่บิดาเจ้าป้อก้านยังไม่อาจได้ไปครอบครอง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถสำเร็จเคล็ดวิชาได้ ส่วนเคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคนนั้น ตอนนี้ข้าไร้ผู้สืบทอดจึงอาจจะยอมมอบมันให้เจ้าเพื่อสืบทอดต่อไป”“ตกลงข้ายินดีให้เจ้าไปด้วย”หยางหว่านใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนใจกับกวงเสี่ยวอึ้ง หยางหว่านบ่นเบาๆ“เจ้ายังอ่อนหัดนักกวงเสี่ยวอึ้งเ
กวงเสี่ยวอึ้งเอ๊ยกวงเสี่ยวอึ้งเจ้าพลาดเสียแล้ว มาครั้งนี้หยางหว่านจะจับให้มั่นคั้นให้ตายเสียจะได้ไม่ต้องผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา“เจ้ามีนางร่วมเดินทาง ข้าเองก็มีนางมารน้อยผู้หนึ่งร่วมเดินทางเช่นกัน”หยางหว่านเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่า ร่างบางของอีกคนในอาภรณ์ของบุรุษนั่นคือเจวียนจิ่วหยานั่นเอง“เจวียนจิ่วหยาคารวะท่านพี่ทั้งสองข้าเองตั้งใจท่องยุทธภพกับฉูฉางท่านนี้”“ข้าเองก็ยากที่จะสลัดนางหลุดได้เช่นกัน กวงเสี่ยวอึ้งเราสองคนล้วนมีชะตากรรมเดียวกัน นางมารนี่ตามข้าไม่หยุด”หยางหว่านยิ้มเคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคงจะต้องได้ใช้ในอีกไม่นานนี้ในเมื่อตอนนี้ฉูฉางไม่ได้มีใจให้กับเจวียนจิ่วหยาแต่ก่อนจะใช้ต้องอาศัยลิขิตสวรรค์ดูก่อนจึงดี และกวงเสี่ยวอึ้งเองในใจเขาคิดเช่นไร หยางหว่านไม่อาจรู้ได้คงต้องรอให้สวรรค์เป็นผู้กำหนดต่อจากนี้สามปีผ่านไป“กงล้ง ฉูฉางสำเร็จเคล็ดวิชาของสำนักกระบี่ฟ้าแล้วหวังว่าเจ้าทั้งสองจะนำเคล็ดวิชาเหล่านี้ ไปสืบทอดให้กับศิษย์น้องรุ่นต่อๆ ไป”“น้อมคำสั่งอาจารย์”ทั้งสองประสานมือพร้อมกันก่อนจะหันมายิ้มให้กันทั้งคู่“ข้า เพื่อจะบอกกับท่านกงล้งว่าข้ามาถึงเวลาที่ต้องบอกลา เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ท่
“อาจารย์อา..อาจารย์อา...จะต้องตบตูด หยางหว่านให้หลับไปไม่อย่างนั้นข้าก็จะนอนไม่หลับ”หยางหว่านในวัยสี่ขวบพูดเจื้อยแจ้ว“ข้ารู้แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาข้ารู้แล้วว่าจะต้องตบตูดให้พวกเจ้านอนกันเสีย พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าสองคนชมสำนักเกาซิ่ง”จี้โม๋น้อยยิ้มหวาน“อาจารย์อา ข้าเพิ่งจะพบกับศิษย์พี่ เจวียนจิ่วหยา นางอายุอานามไม่ต่างจากเรา อาจารย์ยอมให้นางดื่มน้ำสาบานเป็นสหายข้าสองคนจะได้ไหม”ปู้ตานซินยิ้มลูบหัวจี้โม่กับหยางหว่านพร้อมกันเบาๆ“มานี่เพื่อศึกษาเคล็ดวิชา อาจารย์ไม่ได้พาพวกเจ้ามากักขังเสียหน่อย แค่เพียงดื่มน้ำร่วมสาบานเป็นสหาย ไม่ได้ฆ่าคนวางเพลิง พรุ่งนี้ให้ศิษย์พี่หวังต้าฉินจัดการเรื่องนี้ให้พวกเจ้าทั้งสามคน”“อาจารย์ศิษย์น้องจี้โม๋ ดื่มน้ำสาบานเป็นสหายกับเจวียนจิ่วหยา ข้าหยางหว่านอยากดื่มน้ำสาบานเป็น ภรรยาอาจารย์คอยดูแลอาจารย์ต่อจากนี้จะดีไหม”ปู้ตานซินยิ้ม ก้มลงจุมพิตหน้าผากของ หยางหว่านเบาๆ นี่เขาเลี้ยงต้อยศิษย์ไว้เพื่อเป็นภรรยาหรือไร“ได้สิอาจารย์มัดจำไว้ด้วยจูบนี้ที่หน้าผากเจ้า อีกสิบปีจึงแต่งเป็นภรรยาอาจารย์จะดีไหม”หยางหว่านยิ้ม จี้โม๋เบ้ปากอมยิ้ม ปู้ตานซินถอนหายใจเอนกายลงพิง
หย่างหว่าน กับเริ่นเจินเดินลัดเลาะทุ่งหญ้ากว้างออกเดินทางรอนแรมตามหาท่านปรมาจารย์กกก๋งมานานนับเดือนแต่ไร้วีแวว หุบเขาชุมนุมเซียนที่สูงตะหง่านที่แห่งเดียวที่หย่างหว่านยังมาไม่ถึง“มีเคล็ดวิชาก็ดีสินะอย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย”เรินเจิ่นพูดขึ้นดังๆ เดินเลาะหน้าผาสูงน่าหวาดกลัว“เคล็ดวิชามีผู้สือบทอดก็ต้องมีผู้ริเริ่มคิดค้น เรินเจิ่นเจ้าเหมาะที่จะริเริ่มเคล็ดวิชาใหม่ๆ”“หือเช่นนั้นข้าก็จะได้เป็นปรมาจารย์เลยใช่ไหม”“ก็เหมาะอยู่นะ ศิษย์พี่กำลังคิดว่า การริเริ่มคิดวิชาต่างๆก็ต้องคนที่มีแรงใจในการฝึกฝนและฝึกปรือ”“คิดถึงอาจารย์จริงๆหากอาจารย์อยู่คงให้คำปรึกษาได้ดีกว่านี้แน่”หย่างหว่านยิ้มเศร้าผ่านไปนานแสนนานแล้วแม้ความเศร้าไม่มากเท่ากับวันแรกๆแต่ก้ยังคงคิดถึงอาจารย์ผู้ที่สูงส่งบริสุทธิ์คนนั้น ป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่จะหาทางกลับมาเหมือนที่ศิษย์พี่หวังตาฉินพูดไว้หรือเปล่าแล้วทำไมยังไม่มา ถึงจะคิดว่าแค่คำลวงให้หายเศร้าโศกแต่ก็พอให้ได้ชื่นฉ่ำหัวใจ“ศิษย์พี่ ถ้าเราได้เคล็ดวิชามาจากอาจารย์ปู่กกก๋งบางทีข้าอาจท่องกาลเวลา เพื่อหาวิธีริเริ่มเคล็ดวิชาดีไหม”“เรื่องนี้เกินความคาดเดาของศิษย์พี่เรินเจ
ในเมื่อทำดีเพียงนี้ สิ่งที่ได้รับกลับมา ย่ำแย่สิ้นหวัง ระหว่างนางกับคนผู้นั้น เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ตัวเขาเล่าเป็นแค่คนชั่วโฉดเขาไม่อาจรั้งม้าหน้าผา กลับตัวได้ทัน ในเมื่อทุกอย่างที่ผ่านมาคิดว่าดีที่สุดแล้วแต่ไยต้องเจ็บช้ำใจไม่เลิกรา ทะเลทุกข์ไม่สิ้นสุดกลับใจคือฟากฝั่งหลับตาไล่ความเจ็บปวดในใจ แม้ที่ผ่านมา ดำเนินชีวิตที่ผ่านมาทั้งมีความสุขทุกข์ปะปนถูกผิด ตอนนี้แก้ไข อะไรได้ ในเมื่อทุกอย่างล้วนผ่านมาแล้ว หากตอนนั้นบังเกิดความโลภติดครอบครองและเป็นใหญ่ในสำนักเพียงผู้เดียว ไม่รับฟังความคิดเห็นของศิษย์พี่ทั้งสองที่ระงับยับยั้งไม่ให้เขา ลงมือกวาดล้าง สำนักนอกรีตด้วยความโหดเหี้ยมไร้ปรานี ในไม่ช้าความขัดแย้งเริ่มรุนแรงเขาไม่ปล่อยโอกาสเคล็ดวิชาที่ท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง ถ่ายทอดยังศิษย์คนสุดท้ายอย่างเขาที่ลงทุนเฝ้าปรนนิบัติท่านปรมาจารย์ในวันที่สละร่างมุ่งสู่สรวงสวรรค์ จนสามารถใช้เคล็ดวิชานั้น เอาชนะศิษย์พี่ทั้งสองได้อย่างง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือแล้วจากนั้นเล่า เขายังทำผิดซ้ำซากเมื่อแทนที่จะตัดรากถอนโคนเขากลับรับเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของศิษย์พี่ทั้งสองมาเลี้ยงดู ต้นเหตุของความทุกข์ทรมาน ความขมขื