เริ่นเจิน เดินนำหวังต้าฉินและเจวียนจิ่วหยาเข้ามา เจวียนจิ่วหยามองหยางหว่านที่ซบลงบนอกกว้างของปู้ตานซินด้วยความงงงัน
หวังต้าฉินถลาเข้าพยุงปู้ต้านซินให้ลุกขึ้น สีหน้าแสงความกังวลไม่น้อย
“อาจารย์ท่านบาดเจ็บสาหัสข้าไม่เคยจะเห็นว่าอาจารย์ต้องมาเป็นแบบนี้มาก่อน”หวังต้าฉิน ขมวดคิ้วด้วยความหนักใจ ปู้ตานซินยิ้มเศร้าๆ
“ครั้งนี้คงต้องอาศัยเจ้าแล้วต้าฉินข้าเองไม่อยากให้ใครเห็นข้าในแบบนี้”
“อาจารย์ศิษย์พร้อมถ่ายลมปราณ”
“พวกเจ้าออกไปก่อน ข้าจะต้องอาศัยหวังต้าฉินที่มีลมปราณยี่สิบปีของสำนักเกาซิ่งถ่ายลมปราณให้ข้า ระหว่างนี้ห้ามใครรบกวนเด็ดขาด อีกทั้งเริ่นเจินเจ้าคุ้มครองศิษย์พี่หยางหว่านของเจ้าด้วย”
“อาจารย์ ข้าอยากอยู่กับท่านที่นี่”
“หยางหว่าน แล้วเราจะได้พบกันใหม่เจ้าออกไปก่อน”
“อาจารย์ข้ารอท่าน รอท่านเสมอ”
ปู้ตานซินยิ้มเป็นยิ้มที่พยายามฝืนอย่างเต็มที่ในเมื่อตอนนี้ร่างใกล้จะสลายไปเต็มทีแล้ว
คนอื่นออกไปจนสิ้นเหลือเพียงหวังต้าฉินเท่านั้น
“อาจารย์มาเถอิข้าพร้อมแ้ลวช้าไปไม่ดีแน่”หวังต้าฉินกุลีกุจอ
“ไม่มีการถ่ายลมปราณไม่มีอะไรที่ช่วยได้ อาจารย์ไม่อาจทนพิษบาดแผลคงจะต้องสละร่างเสียที”
“อาจารย์” หวังต้าฉินถลาเข้าไปคุกเข่าตรงหน้าปู้ตานซิน
“อย่าเสียใจไปหวังต้าฉิน สำนักเกาซิ่งอยู่ในมือเจ้าแล้ว ต้องดูแลให้ดีดังที่เคยทำมาก่อน อาจารย์บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้แค่เพียงรอให้เจ้ามาก็ทรมานเหลือเกินแล้ว”
“อาจารย์ ให้ข้าได้ช่วย ถ่ายลมปราณให้ท่าน ทั้งหมดของข้า ข้าก็ยอมแม้ต้องตายข้าก็ยอม”ปาดน้ำตาอย่างที่ไม่อาจสะกดกลั้นมันไว้ได้
“ไม่มีประโยชน์ หวังต้าฉิน ข้าเพียงอยากให้เจ้าช่วยดูแลหยางหว่าน จนกว่าเหล่าจอมยุทธ์ฝ่ายคุณธรรมทั้งหลายจะหาวิธีกำจัดฉูฉางได้ ระหว่างนี้ผนึกหยางหว่านไว้เสียเพื่อความปลอดภัยของหย่างหว่านไม่เช่นนั้นหากปล่อยนางถูกฉูฉางครอบงำด้วยความเสียใจและความผิดหวังที่อาจารย์จากนางไป นางจึงอาจบังเกิดดวงจิตมาร เมื่อนั้นฉูฉางจะครอบงำนางได้ง่าย นางจึงจะกลายเป็นนางมารเต็มตัว เดิมหยางหว่านนางมีจิตใจคุณธรรมแต่เมื่อใดที่คนเราเกิดความโศกเศร้าหรือทุกข์ใจมักจะถูกดวงจิตมารเข้าครอบงำได้ง่ายดายยิ่งนัก”
“อาจารย์ศิษย์น้องจะให้ข้า ผนึกนางง่ายดายหรือไร”
“บอกนางว่าอาจารย์สั่งเสียไว้ก่อนสละร่าง นางคงไม่กล้าขัดเจ้า เพียงแค่โกหกนางเพื่ออาจารย์บอกนางว่าอาจารย์ให้ผนึกนางเพื่อสักวันอาจารย์จะกลับมาพบนางอีกครั้ง”
“อาจารย์ท่าน ไม่คงพลังทิพย์ไว้แล้วกลับมาเสียจริงๆ ”
“เจ้าคิดว่าอาจารย์ไม่อยากกลับมาหรือไร ไม่อยากกลับมาเจอพวกเจ้าอีกหรือไร แต่ด้วยการประมือกับจอมมารในครั้งนี้ อาจารย์ไม่เหลือลมปราณเพื่อคงกายทิพย์ พูดไปก็อายเสียเปล่าๆ หวังต้าฉินเจ้าอย่าได้นำเรื่องนี้ไปเล่าต่ออาจารย์อายเหล่าปรมาจารย์ด้วยกันฮ่าาๆๆ หากผู้คนรู้ว่าข้าไม่อาจต่อกรกับจอมมารฉูฉางได้”
“อาจารย์”หวังต้าฉิน ปาดน้ำตา
“อาจารย์พอแล้วอย่าได้หาคำพูดให้ข้าขบขันอีกเลย ตอนนี้ข้าอย่างไรก็หัวเราะไม่ออก อาจารย์อายุ28ปีเป็นปรมาจารย์ที่เก่งกาจ แต่ยังไม่เท่ากับความกล้าที่กล้าต่อกรกับจอมมารอายุสี่พันปี อาจารย์ศิษย์เช่นไรจะไม่กล้านำเรื่องกล้าหาญนี้ของอาจารย์ไปเล่าให้คนอื่นฟัง เรื่องเล่านี้ยิ่งจะทำให้ผู้คนกล่าวขวัญยิ่งกว่าเรื่องการปลดป้ายสำนัก”
“หวังต้าฉินอาจารย์ขอบใจเจ้าที่อยู่ข้างอาจารย์มาตลอด หากยังเชื่อฟังอาจารย์ทำอย่างที่อาจารย์สั่งไว้ผนึกหยางหว่านเสีย”กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“หวังต้าฉินน้อมรับคำสั่ง”เสียงสั่นเครือ
“อีกอย่างเจ้ารับนางมารน้อยเจวียนจิ่วหยาเป็นศิษย์น้องให้จงได้ ดึงจิตใจคุณธรรมของนางคืนมา อย่าให้นางกลับขึ้นเขาหนึ่งแสนคนชั่วได้อีกเป็นอันขาด ถือว่าอาจารย์ขอร้อง”
“อาจารย์ลุงทั้งสองพานางขึ้นเขาไปหาข้าตอนนั้นนางได้คารวะอาจารย์ลุงทั้งสองเป็นอาจารย์ไปแล้ว”ปู้ตานซินยิ้ม
“นางไม่ควรเป็นมาร”
“อาจารย์ให้ข้าเรียกศิษย์น้องเข้ามาจะดีไหม”โบกมือช้าๆ กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“ข้าไม่อยากเห็นน้ำตาของหยางหว่านอีกแล้ว”หลับตาลงช้าๆ หวังต้าฉินทรุดกายลงก้มศีรษะจรดพื้นปล่อยน้ำตาร่วงรินเหมือนเด็กๆ
“ไม่ ….อาจารย์ไม่ ข้าไปใม่ให้ท่านจากไป”
หยางหว่านทรุดกายลงกอดร่าง แน่นิ่งของปู้ตานซินไว้แน่นน้ำตาหลั่งรินปานสายเลือดแต่ ก็ไม่อาจรั้งปู้ตานซินให้หวนคืน……………………………………………………………………………………
“ศิษย์น้องหยางหว่านอาจารย์ให้ข้าผนึกเจ้าเสีย”“ศิษย์พี่ต้าฉิน หยางหว่านไร้คำกล่าวใดหากไร้ซึ่งอาจารย์ข้าก็ไม่อาจมีชีวิต”“ข้าเสียใจไม่น้อยไปกว่าเจ้าแต่ด้วยคำสั่งเสียของอาจารย์นับต่อแต่นี้เจ้าจงอยู่ในผนึกรอเพื่อจอมมารฉูฉางที่กำลังจะฟื้นกำลังขึ้นมาไม่อาจหาเจ้าจนพบ ข้ากับเหล่าจอมยุทธ์คงต้องเผชิญชะตากรรมกันเพียงลำพังต่อแต่นี้ อีกกี่ปีจึงจะมีผู้ที่สามารถผนึกฉูฉางไว้ได้อีก”“ไม่สู้ข้าตายไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ที่จะต้องกลายเป็นมารเช่นเดียวกับฉูฉาง”หยางหว่านพูดขึ้นดังๆ“ครั้งนั้นเป็นเพราะจอมมาร ใช้วิชาสลายความจำของเจ้า จึงทำให้เจ้า ทำผิดพลาดไปช่วยคัดคนบริสุทธิ์ให้จอมมารดื่มเลือดสูบเนื้อ”“ควรเป็นข้าที่ต้องตาย คนเช่นอาจารย์ไม่ควรที่จะต้องมาสละร่าง ศิษย์พี่ท่านฆ่าข้าเสียอย่าต้องใช้ลมปราณของท่านโดยเปล่าประโยชน์เพื่อผนึกข้าอีกเลย”“หยางหว่าน อาจารย์ให้ผนึกเจ้าเพื่อที่รอคอยว่าอาจารย์จะหวนคืนอีกครั้ง”หยางหว่านหลับตาไล่หยาดน้ำตา“ศิษย์พี่ อาจารย์ให้ท่านมาล่อหลอกข้าใช่หรือไม่ หยางหว่านมิใช่เด็กสี่ขวบเช่นตอนที่พบอาจารย์ในครั้งแรก ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่า อาจารย์ไม่มีทางหวนคืนท่านฆ่าข้าเสียจึงดี ข้าคือสาเหตุทั้ง
“หากท่านพบอาจารย์ ช่วยบอกอาจารย์ด้วยว่า ...ข้าขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”รอยยิ้ม หม่นหมองของเจวียนจิ่วหยาที่หยางหว่านไม่เคยเห็นมาก่อน หยางหว่านโอบรอบตัวของเจวียนจิ่วหยา“เราสองคนต่างเป็นคนที่หวังดีต่อท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน ศิษย์พี่ท่านคงไม่ว่าหากข้าจะบอกว่าข้าเองก็ชอบท่านปรมาจารย์ปู้ตานซินเช่นกันแต่เมื่อข้าเห็นว่าท่านร้องไห้ปานจะขาดใจ เมื่อท่านปรมาจารย์จากไปถึงได้เข้าใจว่าถึงข้าจะชอบท่านปรมาจารย์เพียงใดก็คงไม่เท่ากับที่ท่านรักท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน” หยางหว่านยิ้มบางๆ“ข้ายินดีหากพบอาจารย์จะเร่งบอกเขาตามที่เจ้าต้องการ”“เริ่นเจินเจ้าเดินทางพร้อมกับศิษย์พี่เพื่อพบกับอาจารย์ปู่กกก๋ง ศิษย์พี่ข้าลาแล้ว”หยางหว่านและเริ่นเจิน ประสานมือตรงหน้าหวังต้าฉิน“ศิษย์น้อง ศิษย์น้องหลงตั๋วได้ส่งคนของเขาให้ติดตามเจ้าไปในครั้งนี้ด้วย”หลงตั๋วยิ้มอยู่ไม่ห่าง“ศิษย์น้องเจ้าไม่น่าต้องลำบาก”“ศิษย์พี่เกรงใจไปแล้วความจริงข้าอยากติดตามท่าน ผิดที่ชายาเอกของข้ากำลังตั้งครรภ์จึงไม่อาจช่วยแบ่งเบาท่านได้ ข้าเพียงแต่หวังว่าท่านจะพบอาจารย์ปู่โดยเร็ว”คนมาส่งพร้อมหน้า คนกำลังจะจากไปก็พร้อมแล้ว จี้โม๋ยิ้มในร่างของฉ
“เคล็ดวิชาท่องกาลเวลา ในยุทธภพนี้มีข้า ปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงและอาจารย์เจ้าเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้ ปู้ตานซินแต่เดิมมีเคล็ดวิชาอ่านใจผู้คน แต่เขาเก็บงำเป็นความลับแต่เมื่อเขาสละร่างไปแล้ว ข้าจึงไม่จำเป็นต้องรักษาความลับให้เขาอีกต่อไป ข้ากับปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงได้เคล็ดวิชาจากอาจารย์มาต่างกันออกไป เคล็ดวิชาของข้า ที่จะมอบให้เจ้าคือเคล็ดวิชาเปลี่ยนใจผู้คน” (จำได้ไหมตอนที่กกก๋งไปคุยกับปู้ตานซิน ทีแรกปู้ตานซินไม่อยากย้อนไปในตอนที่ต้นเรื่องเขากับฉูฉางแต่ท่านปรมาจารย์กกก๋งใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคนกับปู้ตานซิน)“อาจารย์ปู่ท่าน จะถ่ายทอดเคล็ดวิชาทั้งสองให้ข้าได้หรือไม่”ปรมาจารย์กกก๋งหลับตาลงช้าๆ“อาจารย์เจ้าสละร่างไปแล้ว เคล็ดวิชาท่องกาลเวลาข้าไม่อาจถ่ายทอดให้ได้ทั้งหมดเจ้าจะต้องศึกษาเองเพียงลำพัง แม้แต่บิดาเจ้าป้อก้านยังไม่อาจได้ไปครอบครอง เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถสำเร็จเคล็ดวิชาได้ ส่วนเคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคนนั้น ตอนนี้ข้าไร้ผู้สืบทอดจึงอาจจะยอมมอบมันให้เจ้าเพื่อสืบทอดต่อไป”“ตกลงข้ายินดีให้เจ้าไปด้วย”หยางหว่านใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนใจกับกวงเสี่ยวอึ้ง หยางหว่านบ่นเบาๆ“เจ้ายังอ่อนหัดนักกวงเสี่ยวอึ้งเ
กวงเสี่ยวอึ้งเอ๊ยกวงเสี่ยวอึ้งเจ้าพลาดเสียแล้ว มาครั้งนี้หยางหว่านจะจับให้มั่นคั้นให้ตายเสียจะได้ไม่ต้องผิดพลาดเหมือนที่ผ่านมา“เจ้ามีนางร่วมเดินทาง ข้าเองก็มีนางมารน้อยผู้หนึ่งร่วมเดินทางเช่นกัน”หยางหว่านเลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นว่า ร่างบางของอีกคนในอาภรณ์ของบุรุษนั่นคือเจวียนจิ่วหยานั่นเอง“เจวียนจิ่วหยาคารวะท่านพี่ทั้งสองข้าเองตั้งใจท่องยุทธภพกับฉูฉางท่านนี้”“ข้าเองก็ยากที่จะสลัดนางหลุดได้เช่นกัน กวงเสี่ยวอึ้งเราสองคนล้วนมีชะตากรรมเดียวกัน นางมารนี่ตามข้าไม่หยุด”หยางหว่านยิ้มเคล็ดวิชาเปลี่ยนใจคงจะต้องได้ใช้ในอีกไม่นานนี้ในเมื่อตอนนี้ฉูฉางไม่ได้มีใจให้กับเจวียนจิ่วหยาแต่ก่อนจะใช้ต้องอาศัยลิขิตสวรรค์ดูก่อนจึงดี และกวงเสี่ยวอึ้งเองในใจเขาคิดเช่นไร หยางหว่านไม่อาจรู้ได้คงต้องรอให้สวรรค์เป็นผู้กำหนดต่อจากนี้สามปีผ่านไป“กงล้ง ฉูฉางสำเร็จเคล็ดวิชาของสำนักกระบี่ฟ้าแล้วหวังว่าเจ้าทั้งสองจะนำเคล็ดวิชาเหล่านี้ ไปสืบทอดให้กับศิษย์น้องรุ่นต่อๆ ไป”“น้อมคำสั่งอาจารย์”ทั้งสองประสานมือพร้อมกันก่อนจะหันมายิ้มให้กันทั้งคู่“ข้า เพื่อจะบอกกับท่านกงล้งว่าข้ามาถึงเวลาที่ต้องบอกลา เพื่อที่จะใช้โอกาสนี้ท่
“อาจารย์อา..อาจารย์อา...จะต้องตบตูด หยางหว่านให้หลับไปไม่อย่างนั้นข้าก็จะนอนไม่หลับ”หยางหว่านในวัยสี่ขวบพูดเจื้อยแจ้ว“ข้ารู้แล้ว ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาข้ารู้แล้วว่าจะต้องตบตูดให้พวกเจ้านอนกันเสีย พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้าสองคนชมสำนักเกาซิ่ง”จี้โม๋น้อยยิ้มหวาน“อาจารย์อา ข้าเพิ่งจะพบกับศิษย์พี่ เจวียนจิ่วหยา นางอายุอานามไม่ต่างจากเรา อาจารย์ยอมให้นางดื่มน้ำสาบานเป็นสหายข้าสองคนจะได้ไหม”ปู้ตานซินยิ้มลูบหัวจี้โม่กับหยางหว่านพร้อมกันเบาๆ“มานี่เพื่อศึกษาเคล็ดวิชา อาจารย์ไม่ได้พาพวกเจ้ามากักขังเสียหน่อย แค่เพียงดื่มน้ำร่วมสาบานเป็นสหาย ไม่ได้ฆ่าคนวางเพลิง พรุ่งนี้ให้ศิษย์พี่หวังต้าฉินจัดการเรื่องนี้ให้พวกเจ้าทั้งสามคน”“อาจารย์ศิษย์น้องจี้โม๋ ดื่มน้ำสาบานเป็นสหายกับเจวียนจิ่วหยา ข้าหยางหว่านอยากดื่มน้ำสาบานเป็น ภรรยาอาจารย์คอยดูแลอาจารย์ต่อจากนี้จะดีไหม”ปู้ตานซินยิ้ม ก้มลงจุมพิตหน้าผากของ หยางหว่านเบาๆ นี่เขาเลี้ยงต้อยศิษย์ไว้เพื่อเป็นภรรยาหรือไร“ได้สิอาจารย์มัดจำไว้ด้วยจูบนี้ที่หน้าผากเจ้า อีกสิบปีจึงแต่งเป็นภรรยาอาจารย์จะดีไหม”หยางหว่านยิ้ม จี้โม๋เบ้ปากอมยิ้ม ปู้ตานซินถอนหายใจเอนกายลงพิง
หย่างหว่าน กับเริ่นเจินเดินลัดเลาะทุ่งหญ้ากว้างออกเดินทางรอนแรมตามหาท่านปรมาจารย์กกก๋งมานานนับเดือนแต่ไร้วีแวว หุบเขาชุมนุมเซียนที่สูงตะหง่านที่แห่งเดียวที่หย่างหว่านยังมาไม่ถึง“มีเคล็ดวิชาก็ดีสินะอย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินให้เหนื่อย”เรินเจิ่นพูดขึ้นดังๆ เดินเลาะหน้าผาสูงน่าหวาดกลัว“เคล็ดวิชามีผู้สือบทอดก็ต้องมีผู้ริเริ่มคิดค้น เรินเจิ่นเจ้าเหมาะที่จะริเริ่มเคล็ดวิชาใหม่ๆ”“หือเช่นนั้นข้าก็จะได้เป็นปรมาจารย์เลยใช่ไหม”“ก็เหมาะอยู่นะ ศิษย์พี่กำลังคิดว่า การริเริ่มคิดวิชาต่างๆก็ต้องคนที่มีแรงใจในการฝึกฝนและฝึกปรือ”“คิดถึงอาจารย์จริงๆหากอาจารย์อยู่คงให้คำปรึกษาได้ดีกว่านี้แน่”หย่างหว่านยิ้มเศร้าผ่านไปนานแสนนานแล้วแม้ความเศร้าไม่มากเท่ากับวันแรกๆแต่ก้ยังคงคิดถึงอาจารย์ผู้ที่สูงส่งบริสุทธิ์คนนั้น ป่านนี้กำลังทำอะไรอยู่จะหาทางกลับมาเหมือนที่ศิษย์พี่หวังตาฉินพูดไว้หรือเปล่าแล้วทำไมยังไม่มา ถึงจะคิดว่าแค่คำลวงให้หายเศร้าโศกแต่ก็พอให้ได้ชื่นฉ่ำหัวใจ“ศิษย์พี่ ถ้าเราได้เคล็ดวิชามาจากอาจารย์ปู่กกก๋งบางทีข้าอาจท่องกาลเวลา เพื่อหาวิธีริเริ่มเคล็ดวิชาดีไหม”“เรื่องนี้เกินความคาดเดาของศิษย์พี่เรินเจ
ในเมื่อทำดีเพียงนี้ สิ่งที่ได้รับกลับมา ย่ำแย่สิ้นหวัง ระหว่างนางกับคนผู้นั้น เป็นเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ ตัวเขาเล่าเป็นแค่คนชั่วโฉดเขาไม่อาจรั้งม้าหน้าผา กลับตัวได้ทัน ในเมื่อทุกอย่างที่ผ่านมาคิดว่าดีที่สุดแล้วแต่ไยต้องเจ็บช้ำใจไม่เลิกรา ทะเลทุกข์ไม่สิ้นสุดกลับใจคือฟากฝั่งหลับตาไล่ความเจ็บปวดในใจ แม้ที่ผ่านมา ดำเนินชีวิตที่ผ่านมาทั้งมีความสุขทุกข์ปะปนถูกผิด ตอนนี้แก้ไข อะไรได้ ในเมื่อทุกอย่างล้วนผ่านมาแล้ว หากตอนนั้นบังเกิดความโลภติดครอบครองและเป็นใหญ่ในสำนักเพียงผู้เดียว ไม่รับฟังความคิดเห็นของศิษย์พี่ทั้งสองที่ระงับยับยั้งไม่ให้เขา ลงมือกวาดล้าง สำนักนอกรีตด้วยความโหดเหี้ยมไร้ปรานี ในไม่ช้าความขัดแย้งเริ่มรุนแรงเขาไม่ปล่อยโอกาสเคล็ดวิชาที่ท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง ถ่ายทอดยังศิษย์คนสุดท้ายอย่างเขาที่ลงทุนเฝ้าปรนนิบัติท่านปรมาจารย์ในวันที่สละร่างมุ่งสู่สรวงสวรรค์ จนสามารถใช้เคล็ดวิชานั้น เอาชนะศิษย์พี่ทั้งสองได้อย่างง่ายดายเพียงพลิกฝ่ามือแล้วจากนั้นเล่า เขายังทำผิดซ้ำซากเมื่อแทนที่จะตัดรากถอนโคนเขากลับรับเอาเลือดเนื้อเชื้อไขของศิษย์พี่ทั้งสองมาเลี้ยงดู ต้นเหตุของความทุกข์ทรมาน ความขมขื
รับรู้ปัญหา ผ่านมาแล้วครั้งหนึ่ง อีกครั้งจึงเป็นเรื่องง่าย ศิษย์รุ่นแรกถูกรับขึ้นเขา สูงส่งบริสุทธิ์เช่นนี้ ปู้ตานซินไม่จำเป็นต้องเกลือกกลั้วกับหนอนแมลง ปรมาจารย์ปู้ตานซินที่ถูกกล่าวขานในเวลาสามปีให้หลัง ฝึกศิษย์เพียงรุ่นแรกรุ่นเดียว ต่อจากนั้นเป็นศิษย์ที่จะดูแลกันเอง เคล็ดวิชาที่สำคัญ ไม่เคยจะส่งถึงใครรับศิษย์หญิง ปีละสองคน คนหนึ่งซักล้าง อีกคนทำอาหารแจกจ่าย ตัวเขามีเพียงสร้างค่ายกลฝึกศิษย์ สามเดือนปรากฏค่ายกลหนึ่งครั้ง และอาศัยเวลาทั้งหมดสุขสบายบนเขา ค่ายกลมีไว้คัดคน คนไหนอ่อนแอก็แพ้ไป เก็บของลงเขา อย่าได้กลับมาอีก ศิษย์ที่เหลือจึงไร้เทียมทานเป็นที่เล่าขานสืบไป เกาซิ่งจึงโด่งดังในด้านความยากที่จะสำเร็จเพียงได้ยิน ว่าเป็นศิษย์จากสำนักเกาซิ่ง พรรคมารถึงเข่าอ่อนทรุดลงกองกับพื้น แต่ภายใต้หน้ากากเย็นชา ความนึกคิดของเขา ช่างขบขันนักทุกอย่างล้วนน่าขันสำหรับปู้ต้านชิน แต่ถูกค้ำคอด้วย คำว่าสูงส่งบริสุทธิ์“อาจารย์ ฮ่องเต้ส่งไท่จือขึ้นเขาเพื่อฝึกวิชา มีราชสาสน์ส่งมา ไหว้วานฝากฝังให้อาจารย์ดูแลไท่จือ”ปู้ตานซินมีสีหน้าเรียบเฉย อยากให้อยู่สบายจะต้องส่งคนมาร่วมฝึกเพื่อแทรกซึมปกป้อง ใช่จะให้ปรม