แต่งงานมาสามปี เธอโรจน์รุ่งพุ่งแรง แต่รังเกียจสามีไร้ความสามารถ หลังจากหย่าแล้วถึงรู้ว่าสามีที่ถูกมองว่าไร้อนาคตคนนี้กลับเป็นคนที่สูงเกินเอื้อมสำหรับเธอ
view moreอวี๋จื่อเสวียนวิ่งออกไปบนนถนน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกวักรถแท็กซี่คันหนึ่งก่อนที่จะขึ้นรถ เธอยังไม่ลืมที่จะหันมองไปทางหลินเฟิงและแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้นผ่านกระจกรถ ถึงได้จากไปเมื่อเห็นภาพนี้ หลินเฟิงหางตากระตุก ฉู่ฮวาจิ่นกลับเอามือปิดปากและหัวเราะออกมา“เด็กคนนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ”“เฮ้อ...”หลินเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ถามฉู่ฮวาจิ่น หลินเฟิงก็เข้าใจแล้วเป้าหมายของหลงซิ่วและคนอื่นๆ มารื้อถอนชุมชนกลางเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแอบอ้างการรื้อถอนชุมชนการเมือง เพื่อมาสืบข่าวเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่อย่างอื่น แน่นอนว่าเป็นชีพจรมังกร!ดูท่า พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างได้รับข่าวสารมาว่าชีพจรมังกรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชีพจรมังกรไม่ได้หมายถึงสิ่งของบางอย่าง“แต่เป็นคนตัวเป็นๆ!”อวี๋จื่อเสวียน ก็คือชีพจรมังกรที่พวกเขาต้องการตามหา!ครั้งนี้ ยาที่หลินเฟิงกลั่นออกมา ใช้เลือดของอวี๋จื่อเสวียนก็สามารถผลลัพธ์ที่ดีได้ขนาดนี้ ถึงขั้นที่สามารถกลั่นยาหยกโมราออกมาได้ทั้งหมดนี้ต่างอธิบายได้อวี๋จื่อเสวียนก็คือชีพจรมังกรที่ส
“อาจารย์หลิน ผู้หญิงที่คุณรู้จักแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้นเลย!”อวี๋จื่อเสวียนเอ่ยปากอย่างตกตะลึงด้วยใบหน้าเหลือเชื่อและพูดว่า:“เสน่ห์ของคุณเนี่ยจะสุดยอดเกินไปหน่อยไหม?”หลินเฟิงกลับลูบจมูก และพูดอย่างจนปัญญาว่า:“เธอพูดไร้สาระอีกประโยค ฉันจะจับเธอไปขายซะ”“อุ้บ”ได้ยินคำพูดนี้ อวี๋จื่อเสวียนก็ตกใจจนแลบลิ้นออกมาฉู่ฮวาจิ่นได้ยินคำชมของอวี๋จื่อเสวียน เธอยิ้มแย้มเหมือนดอกไม้ เข้ามาลูบหัวของอวี๋จื่อเสวียนและพูดว่า:“หึหึ จื่อเสวียน เธอก็น่ารักมาก เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้อยู่ในกองถ่าย หานเข่อเอ่อร์ไม่ได้ทำให้เธอไม่พอใจใช่ไหม?”“จะไม่ได้ยังไงคะ? ผู้หญิงคนนั้น...”อวี๋จื่อเสวียนได้ยินคำพูดนี้ทันใดนั้นก็เหมือนกับเปิดประตูของการบ่นโอดครวญ แต่เธอเพิ่งอยากจะตำหนิ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ และถลึงตาโตจ้องมองฉู่ฮวาจิ่นแล้วพูดว่า:“เอ๊ะ คุณรู้จักฉันเหรอ? ยังรู้ว่าช่วงนี้ฉัน...”“เอาล่ะ พวกเราไม่ได้มาพูดคุยกับคุณ”หลินเฟิงชิงพูด และมองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยท่าทางจริงจังและพูดว่า:“ผมอยากถามคุณ ผู้ชายที่ชื่อหลงซิ่วคนนั้นของฝ่ายธุรการแนวหลังสำนักหลงผาน วันนี้เขาพาคนจะไปรื้อถอนชุมชน เรื่องนี้คุณรู้ไหม?”
“หึหึ นั่นเป็นเรือนหอของวัยรุ่นสองคนนั้น พวกเขาคิดจะรื้อถอนก็รื้อถอนได้งั้นเหรอ?”ได้ยินคำพูดที่ยิ่งอยู่ยิ่งเกินเหตุของคุณลุงคุณป้าที่ด้านหลังหลินเฟิงหางตากระตุก มองไปทางอวี๋จื่อเสวียนที่จับแขนของเขา หัวเราะคิกคัก และแนบชิดอยู่บนร่างของเขาเหมือนกับว่าเธอรู้สึกเพลิดเพลินกับความเข้าใจผิดแบบนี้เป็นอย่างมากในตอนนี้เอง รถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งจู่ๆ ก็ขับมาจากที่ไกลๆ“เอี๊ยดดดด!”รถเพิ่งจอดสนิท วัยรุ่นที่สวมแว่นตาสีแดง ท่าทางกระล่อนลงมาจากรถอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนจากนั้นก็ทำความเคารพหลงซิ่วด้วยความนับถือ“คุณหลงซิ่ว เรื่องราวได้เจรจาเรียบร้อยแล้ว การประชุมทางด้านนั้นยังต้องให้คุณควบคุมสถานการณ์โดยรวม...”หลินเฟิงฟังอย่างตั้งใจได้ยินแค่การประชุมอะไรสักอย่างที่วัยรุ่นคนนั้นเอ่ยขึ้นมาหลงซิ่วยื่นมือออกไปห้ามปรามวัยรุ่นคนนี้ไม่ให้พูดต่อไป เขาพยักหน้าแสดงออกว่าเข้าใจแล้วจากนั้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง และขึ้นรถด้วยความระมัดระวัง และขับรถสปอร์ตคันสีแดงแล่นออกไปหลังจากรายงานเรื่องตรงนี้ให้กับวัยรุ่นคนนั้นหลินเฟิงไม่ได้ขัดขวางที่หลงซิ่วจากไป เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินอย่างชัดเจนมากว่า ห
ตอนนี้อวี๋จื่อเสวียนไออย่างรุนแรงในที่สุดเธอก็ฟื้นสติกลับมาได้“อา…อาจารย์หลิน?”“ฉันเอง”หลินเฟิงลูบผมของเด็กสาวในอ้อมแขน ในสายตากลับเผยความตำหนิ จนปัญญา และความสงสารออกมา“ฮ่า…ฮ่าฮ่า ฉันว่าแล้วเชียว คนที่สามารถกระโดดลงมาจากเครื่องบินได้ เกรงว่ามีแค่อาจารย์หลินเท่านั้นที่สามารถทำได้…”จนถึงตอนนี้อวี๋จื่อเสวียน ยังมีอารมณ์ล้อเล่นหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ก็ทำหน้าเคร่งขรึม“เธอเนี่ยนะ รู้ไหมว่าถ้าหากฉันมาช้าอีกหน่อย ชีวิตน้อยๆของเธอคงจะสูญเสียไปแล้ว!”ถึงแม้เป็นการตำหนิ แต่ในคำพูดกลับเต็มไปด้วยความห่วงใย“ฉันจะคิดเยอะแบบนั้นที่ไหนกัน…พวกเขาจะลงมือแล้ว แค่กแค่กแค่ก…ฉันคงจะมองดูพวกเขารื้อถอนบ้านของฉันเฉยๆ ไม่ได้หรอก นั่นเป็นบ้านเก่าของพ่อกับแม่…”เห็นความดื้อรั้นและความหนักแน่นในดวงตาของอวี๋จื่อเสวียน หลินเฟิงก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“หลังจากนี้ฉันค่อยสอนวิชาการต่อสู้อย่างอื่นให้เธออีกหน่อย”หลินเฟิงวางอวี๋จื่อเสวียนลง และพูดประโยคที่เรียบง่ายแบบนี้“แค่กแค่กแค่ก อาจารย์หลิน ในที่สุดคุณก็มีจิตสำนึกแล้ว”“ผิด ฉันกลัวว่าเธอจะก่อเรื่อง ทุกครั้งยังจะต้องให้ฉันมาตามสะสางให้เธอ
“นังหนู เธอคิดว่าฉันคือคนที่อ่อนแอที่สุดคนนั้นสินะ?”“ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”ขณะพูด ฝ่ามือของหลงซิ่วก็เริ่มออกแรงช้าๆเขาออกแรงไปด้วย และแสยะยิ้มพูดว่า:“มาเถอะ ฉันอยากจะเห็นการดิ้นรนก่อนตายของเธอ ถึงแม้บีบคอเธอให้ตายไปแบบนี้จะน่าเสียดายมาก แต่ใครใช้ให้เธอกำเริบเสิบสานแบบนี้ล่ะ?”“อย่าโทษฉันนะ!”“นังหนูตระกูลอวี๋”“พวกเราย้ายออก พวกเราย้ายออก! ขอร้องคุณล่ะ ปล่อยเด็กคนนั้นไปเถอะ!”“เธอก็แค่วู่วามชั่วขณะ เธอไม่กล้าล่วงเกินตระกูลหลงหรอกนะ!”เมื่อเห็นว่าแรงที่อวี๋จื่อเสวียนดิ้นรนยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง เพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไปก็ร้อนใจจนหัวปั่นถึงขั้นที่มีเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกับอาอวี๋ ร้องไห้ออกมาทันที“ฮัลโหล ฉันเองเหล่าอวี๋ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนน่ะ?!”“โอ๊ย ลูกชายนายจะถูกคนบีบคอตายแล้ว!”“ฉันโกหกนายทำไม! นังหนูนั่น…เฮ้อ นังหนูนั่นออกหน้าเพื่อพวกเรา ปรากฏว่า…”“นายรีบมาเถอะ!”“อะไรนะ? นายอยู่ที่เมืองเจิ้งเต๋อ?”ท่ามกลางเสียงอึกทึก แสงสว่างในดวงตากลมโตของอวี๋จื่อเสวียนค่อยๆ ริบหรี่ และแทบจะหยุดการดิ้นรนลงถึงขั้นที่เพียงแค่หลงซิ่วออกแรงอีกเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้อวี๋จื่อเสวียน
ในที่สุดหลังจากที่วัยรุ่นประมาณสิบกว่าคนเข้าร่วมกันต่อสู้ อวี๋จื่อเสวียนอาศัยกำลังของตัวเอง ล้มนักเลงอย่างน้อยยี่สิบกว่าคนนักเลงพวกนี้ถึงขั้นที่ยังพกมีดสปาต้ากับมีดกริชมาด้วยอวี๋จื่อเสวียนไม่ทันได้ระวัง บนแขนถูกมีดกรีดจนเป็นแผลใหญ่ และมีเลือดสดไหลออกมา“แฮ่ก…แฮ่ก…”อวี๋จือเสวียนหายใจหอบเมื่อเธอมองไปรอบๆ นักเลงที่เพิ่งพุ่งเข้ามาในที่สุดก็ถูกพวกเขาจัดการได้แต่อวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้ เกือบจะถึงขีดจำกัดแล้ว“ดีมากเลยนังหนู!”“คิดไม่ถึงว่านังหนูตระกูลอวี๋จะสุดยอดขนาดนี้!”“นังหนู แขนของเธอเลือดออกแล้ว เร็ว…รีบทำแผลหน่อย!”ได้ยินเสียงชื่นชมและปรบมือจากรอบๆ ด้าน อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธออกผายไหล่ผึ่ง มองไปทางชายวัยกลางคน“แค่…แค่นี้เนี่ยนะ?”“หึหึหึ…”ชายวัยกลางคนเห็นภาพนี้ก็ไม่ได้รู้สึกโมโห และก็ไม่ได้โทษที่นักเลงเหล่านี้ไร้ความสามารถ แต่กับหัวเราะออกมาในระหว่างที่หัวเราะ เขายังยื่นมือออกไปปรบมือ“ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะกำเริบเสิบสานแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นนักบู๊นี่เอง ถึงแม้จะมีความสามารถแค่นิดหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นนักบู๊!”“รู้แล้วสินะ งั้นก็รีบไสหัวไป!”อวี๋จื่อเสว
ทำได้เพียงเค้นคำพูดออกมาจากไรฟันห้าคำ“ฆ่าเธอให้ฉันซะ!”“ฆ่า!”ได้รับคำสั่งจากชายวัยกลางคน นักเลงเหล่านี้พากันโผเข้าไปหาอวี๋จื่อเสวียน และเพื่อนบ้านที่อยู่ด้านหลังอวี๋จื่อเสวียน แต่ละคนก็เงียบเป็นเป่าสากมองแผ่นหลังที่บอบบางของเด็กคนนี้ด้วยความเป็นห่วงไม้รู้ว่าควรจะหนีหรืออยู่ที่นี่ต่อไป“เฮือกกกก!”อวี๋จื่อเสวียนไม่ได้เลือกรอความตายอยู่ที่เดิม แต่ลงมือตัดกำลังก่อน พุ่งไปทางชายวัยกลางคนคนนั้นทันทีนักเลงคนหนึ่งแสยะยิ้ม ยกไม้กระบองขึ้นฟาดไปทางศีรษะของอวี๋จื่อเสวียนนี่ถ้าหากว่าถูกฟาดเต็มๆ ต่อให้น้ำหนักเบาก็สมองกระทบกระเทือนได้เพื่อนบ้านที่อยู่ด้านหลังต่างก็ทนดูไม่ไหว“เด็กคนนี้…เฮ้อ!”“ถึงแม้จะเลือดร้อน แต่วู่วามเกินไปแล้ว!”ทุกคนกุมมือถอนหายใจแต่ในตอนที่พวกเขาคิดว่าอวี๋จื่อเสวียนจะถูกฟาดอวี๋จื่อเสวียนกลับยืนขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่สอดคล้องกับกฎฟิสิกส์อย่างมากไม้เบสบอลเหล็กถูกเหวี่ยงไปข้างหลัง ฟาดไปที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งของอันธพาลคนนี้อันธพาลคนนี้กรีดร้อง ฟันแถวบนและล่างที่ใบหน้าด้านซ้ายกระเด็นออกมาพร้อมกับเลือดคนทั้งคนหมุนวนอยู่กลางอากาศหลายรอบถึงได้ตกลงบนพื้น“อ๊ะ?!
พวกชาวบ้านคำนวณระดับความไร้ยางอายของคนผู้นี้ผิดไปเห็นเพียงแค่ชายวัยกลางคนดีดนิ้ว ออกคำสั่งพวกนักเลงที่รออยู่ด้วยความหงุดหงิดอยู่ที่ข้างๆ ตั้งนานแล้วด้วยความเย็นชาว่า:“ไล่คนพวกนี้ออกไปให้หมดซะ!”“ถ้าหากไล่ไม่ไป จะฆ่าทิ้งก็ไม่เป็นไร รถแม็คโคร เริ่มรื้อถอนบ้านพวกนี้ได้แล้ว!”“ครับ!”เมื่อเห็นว่าพวกนักเลงที่โหดเหี้ยมทารุณกลุ่มนี้ มือถือกระบองเหล็กกับมีดสปาต้าจะเข้ามาไล่คนอวี๋จื่อเสวียนที่วางสายโทรศัพท์ ก็แทรกออกมาจากด้านหลังสุดของกลุ่มคน“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”บนศีรษะของอวี๋จื่อเสวียนในตอนนี้ยังคงเป็นวิกผมสีขาวของเธอในอดีต ในมือถือไม้เบสบอลโลหะที่มีสติกเกอร์ติดอยู่เต็มไปหมดยืนอยู่ตรงด้านหน้าชาวบ้านที่ตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก ขัดขวางพวกนักเลงที่พุ่งเข้ามาตามลำพังคนเดียว“เอ๊ะ นั่นมัน...ลูกสาวของตระกูลอวี๋!”“เด็กคนนั้นจะทำอะไร อยากตายหรือไง?!”“นังหนู รีบหนีสิ คนพวกนั้นเป็นพวกที่ไม่รักชีวิต!”ในเวลาปกติอวี๋จื่อเสวียนที่ถูกชาวบ้านละแวกใกล้ๆ นินทาต่างๆ นานา ตอนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเหมือนกับวีรบุรุษอวี๋จื่อเสวียนไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของผู้คนที่อยู่ด้านหลังเธอฟาดไม้เบสบอลไปท
“อีกทั้งเขายังให้ฉันบอกเธอว่า เขาพึงพอใจต่อการแสดงออกของคุณในวันนี้เป็นอย่างมากนะ”“อ๊ะ...”ได้ยินความคิดเห็นที่หลินเฟิงมีต่อเธอ หลินเสวี่ยฮุ่ยใบหน้าเล็กแดงระเรื่อนี่เป็นครั้งแรกที่หลินเฟิงชื่นชมเธอแบบนี้......“อาจารย์หลิน เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย!”ภายในเฮลิคอปเตอร์ที่เสียงดังเกรียวกราว ในหูฟังของหลินเฟิงมีเสียงร้อนรนของอวี๋จื่อเสวียนดังขึ้นมา“ยังต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมง”หลินเฟิงตอบกลับอย่างใจเย็น“อาจารย์รีบหน่อยนะ พวกเขาเริ่มไล่คนแล้ว!”พูดได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ อวี๋จื่อเสวียนที่อยู่อีกฝ่ายของโทรศัพท์ก็ร้องอุทานขึ้นมา จากนั้น ก็เป็นเสียงตะโกนด่าของชายกลุ่มหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง“ช่างเถอะ รอคุณไม่ได้แล้ว! อาจารย์หลิน ฉันไม่ลงมือไม่ได้แล้ว ถ้ายังไม่ลงมืออีก บ้านของฉันก็จะหายไปแล้ว!”พูดจบ โทรศัพท์ก็ถูกตัดสายหลินเฟิงนิ่งอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเก็บโทรศัพท์ สีหน้าค่อยๆ เปลี่ยนไปเคร่งขรึมเล็กน้อยเมื่อครู่เขาได้รับสายของอวี๋จื่อเสวียนอวี๋จื่อเสวียนช่วงนี้เป็นเพราะเรื่องถ่ายภาพยนตร์ จึงไปที่เมืองจิงพร้อมกับอิ่นนั่วเจีย และเลือกจุดชมวิวที่มือชื่อเสียงของเมืองจิงมาเป็นฉากถ่า
ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป...
Mga Comments