หลินเฟิงล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋า และขึ้นไปนั่งบนรถอย่างใจเย็นถังหว่านที่นั่งอยู่ตรงฝั่งข้างคนขับกลับยังคงมองเขาอยู่“คุณหลิน หลี่เหวินเชาคนนั้นคือใคร?”หลินเฟิงก็ไม่ได้เลือกที่จะปิดบัง พูดอย่างตรงไปตรงมา “น้องชายของภรรยาเก่าฉัน”“อ๋อ......แบบนี้นี่เอง”ทันใดนั้นถังหว่านก็ตระหนักขึ้นได้ว่า “ถ้าอย่างนั้นหลี่ฮุ่ยหรานก็คือภรรยาเก่าของคุณ”หลินเฟิงพยักหน้าตอบรับถังหว่านถามด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าระหว่างคุณหลินกับภรรยาเก่าคุณจะจบแบบไม่สวยเท่าไรนัก!”“ต้องการให้ฉันช่วยคุณแก้ปัญหาไหมคะ?”หลินเฟิงเหลือบไปมองเธอ หากให้เธอลงมือ เธอสามารถทำให้ตระกูลหลี่หายไปจากเจียงโจวได้อย่างไร้ร่องรอยถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเกลียดตระกูลหลี่ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่ก็ยังอยู่ ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไรก็ยังต้องรักษาหน้าของคุณปู่ไว้“เรื่องของผมเอง ผมจัดการได้ คงไม่ต้องทำให้คุณถังลำบากใจหรอก”ถังหว่านยิ้มเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว แต่ถ้าคุณหลินพบเจอกับปัญหาอะไรสามารถเรียกฉันได้ตลอดเวลา”เวลาพลบค่ำประตูทางเข้าหลักโรงแรมเทียนอวี่หลี่ฮุ่ยหรานสวมชุดราตรีสีน้ำเงินสวยเพื่อเข้าร่วมงาน
สาวสวยท่านนี้ คุณไม่สนใจผมเกินไปแล้ว”หวางเส้าหลงโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ฉันเป็นถึงคุณชายผู้สูงส่งแห่งตระกูลหวาง สู้คนไร้ค่าอย่างหลินเฟิงไม่ได้ตรงไหน?ถังหว่านพูดอย่างดูถูก “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่สนใจคุณ”มุมปากของหวางเส้าหลงกระตุก มือกำหมัดจนเส้นเลือดขึ้น “คนสวย ผมบอกคุณตรง ๆ นะ นายนี่จนถึงตอนนี้แม้แต่งานจะทำยังไม่มีเลย” “ไม่อย่างนั้นหลี่ฮุ่ยหรานคงไม่หย่ากับเขาหรอก” “นอกจากหน้าตาที่พอไปวัดไปวาได้แล้ว เขาสามารถให้อะไรกับคุณได้บ้าง?”ทันทีที่ได้ยินถังหว่านก็หันไปมองหลินเฟิง และชมว่า “คุณหลินขาดแค่เวลาเท่านั้น ฉันเชื่อว่าแค่ให้เวลาเขาสักหน่อย” “ก้าวนำหน้าตระกูลหวางภายในหนึ่งเดือน ไม่ใช่เรื่องยากเลย” “ฮ่าฮ่าฮ่า...”หวางเส้าหลงรู้สึกขบขันและหัวเราะเสียงดังหนึ่งเดือน เริ่มต้นจากศูนย์และก้าวนำหน้าตระกูลหวาง เป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระที่สุดในโลก “คนสวยคุณนี่พูดจาได้ตลกจริง ๆ”ถังหว่านยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ งั้นเรามาพนันกันไหมล่ะ?” “ถ้าคุณหลินก้าวนำหน้าตระกูลหวางได้ภายในหนึ่งเดือน คุณจะต้องคุกเข่าลงและขอโทษฉัน”หวางเส้าหลงหรี่ตาลงเล็กน้อย และเริ่มรู้ส
ถังหว่านเดินเข้ามาใกล้ ๆ ท่ามกลางฝูงคนที่รายล้อมหลี่ฮุ่ยหรานตกใจจนตัวแข็งเมื่อเห็นพฤติกรรมที่คนรอบตัวปฏิบัติต่อเธอ บุคคลนี้แท้จริงแล้วก็คือคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถังหลี่ฮุ่ยหรานที่ก่อนหน้านี้ยังปฏิบัติต่อเธออย่างดูถูกเหยียดหยามก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันทีผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีแค่รูปร่างหน้าตาที่ดีและเพียบพร้อมกว่าฉันเท่านั้น ขนาดฐานะทางบ้านของเธอฉันเองยังเทียบไม่ติดเลยสักนิดตอนนี้เธอเพิ่งจะเข้าใจประโยคที่ถังหว่านบอกว่าตัวเธอเองนั่นแหละที่จะต้องขายหน้านั้นหมายความว่าอย่างไรถ้ามีเธออยู่ ฉันจะสามารถคว้าโครงการของตระกูลถังมาได้ยังไงหวางเส้าหลงพูดจาตะกุกตะกักไปในทันที “คุณ... คุณคือคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถังหรอ?” “ทำไม ฉันเป็นคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถัง ทำให้คุณผิดหวังมากเลยหรอ?”ถังหว่านมองเขาอย่างหยอกล้อ “เมื่อกี้คุณใช่ไหมที่ดูถูกคุณหลิน?” “หึเขาไม่มีอะไรดีสักอย่างก็สมควรแล้วที่ผมจะดูถูก”หวางเส้าหลงพูดหน้าตาเฉยในสายตาของเขาหลินเฟิงก็เป็นแค่ขยะไร้ค่าเท่านั้นปีนสูงขึ้นไปเทียบขั้นคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถัง ก็คงจะเป็นได้แค่ของเล่นของถังหว่านเท่านั้นถ้าหากว่าถังหว่านถึงกับยอมออกหน้าเพื่อปกป้อ
สุดท้ายบทเรียนในอดีตก็ได้สอนบางอย่างให้กับเราทำให้เธอนึกถึงก่อนที่เธอจะเข้าไปในงานเลี้ยง คำพูดที่ถังหว่านพูดกับเธอโครงการที่ซีเฉิงในครั้งนี้ ตัวเธอเองคงจะพลาดไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะหน้ามืดขึ้นมาทันทีหวางเส้าหลงในเวลานี้พูดด้วยสีหน้ามึนตึง “ไม่ต้องกังวล ไอ้ขยะนั่นเป็นได้แค่ผู้ชายที่เกาะถังหว่านกินเท่านั้น” “และอีกอย่างพ่อของผมกับคุณปู่ตระกูลถังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แค่เพียงโทรเจรจานิดหน่อย คุณปู่ตระกูลถังจะต้องเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน”จางกุ้ยหลานเพิ่งจะนึกได้ว่า ยังมีหวางเส้าหลงอยู่นี่“ในช่วงเวลาวิกฤต ยังไงก็ต้องดูแลคุณหวางให้ดี!”หลี่ฮุ่ยหรานที่ในตอนนี้หันไปมองเขาอย่างน่าสงสาร “คุณหวางครั้งนี้คงต้องลำบากคุณแล้วจริง ๆ”ตอนนี้เธอไม่กล้าฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หลินเฟิงแล้วโครงการที่ซีเฉิงเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในอนาคตของหลี่ซื่อกรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษหวางเส้าหลงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หามุมเงียบสงบเพื่อโทรหาพ่อของเขาไม่ช้าเสียงของหวางเจิ้นไห่ผู้นำตระกูลหวางก็ดังมาจากปลายสายอีกด้าน “เฮ้ มีเรื่องอะไร? โทรมาหาฉันดึกข
หลังจากที่คิดทบทวนอยู่หลายครั้งหลินเฟิงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “การตัดช่องทางการทำเงินของคนอื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าพ่อแม่ตัวเอง”“ในเมื่อคุณถังก็พิจารณาหลี่ซื่อกรุ๊ปไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วผมจะไปทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปอีกทำไม”ถังหว่านมองไปที่หลินเฟิงอย่างยิ้ม ๆ “ฉันว่าคุณหลินน่าจะไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้มากกว่าใช่ไหมคะ” “เพราะว่าคุณยังรักคุณหลี่อยู่ใช่ไหม?”หลินเฟิงเหลือบมองไปที่เธอ “ถ้าคุณคิดแบบนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด” “ตอนนี้คุณหลินก็โสดแล้ว ไม่คิดจะมีรักครั้งใหม่บ้างหรอคะ?”หลินเฟิงส่ายหน้า “ไม่อยาก” “คุณหลินนี่น่าเบื่อจริง ๆ”ถังหว่านทำปากมุ่ยน่าผิดหวังอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้เรื่องนี้ต่อหลินเฟิงเพิ่งจะหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานได้สองวัน เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถเร่งรีบได้เธอใช้มือเปิดกล่องผ้าอย่างสบาย ๆ “ฉันว่าคุณหลินสนใจเรื่องยาสมุนไพรมากกว่า” “ถ้าอย่างนั้นเห็ดหลินจืออายุร้อยปีนี้ก็ให้คุณละกัน”ทันทีที่เปิดกล่องผ้า กลิ่นหอมจาง ๆ ก็กระทบเข้ากับจมูกหลินเฟิงเริ่มมีแรงจูงใจขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่ค่อย ๆ สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนถังหว่านยักไหล่ข
นี่ถึงทำให้เธอพบว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ด้านบนศีรษะของเธอจุดไฟสีแดงกระพริบอย่างต่อเนื่อง “บอกตามตรง ฉันไม่อยากให้คุณรับผิดชอบโครงการพัฒนาที่ซีเฉิงเลยจริง ๆ” “แต่น่าเสียดายมีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของคุณต้องล่มสลาย ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!” “สองวันหลังจากนี้มาที่อาคารสำนักงานใหญ่ถังซวนเพื่อเซ็นสัญญาละกัน”เมื่อได้ยินว่าถังหว่านให้ตัวเองเข้าไปเซ็นสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานดีใจไม่ออกไปพักหนึ่งเธอพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณถัง คุณตามดูคนอื่นลับหลังแบบนี้ก็ไม่ดีหรือเปล่า?”ถังหว่านที่อยู่ในห้องวงจรปิดยิ้มเยาะ “ตราบใดที่ฉันต้องการ ทั้งวันคุณเข้าห้องน้ำกี่ครั้งฉันก็สามารถรู้ได้” “ครั้งนี้ ฉันจะยกโทษให้ ครั้งหน้าถ้ายังกล้าพูดถึงฉันไม่ดีลับหลังอีก ระวังฉันจะไม่เกรงใจ” “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานค่อย ๆ วางสายโทรศัพท์ลงจางกุ้ยหลานถามด้วยความสังสัย “ใครหรอ?” “ถังหว่าน” “คุณถังพูดว่าอย่างไรบ้าง?” จางกุ้ยหลานถามด้วยแววตาเป็นประกายทั้งสองข้าง “เธอบอกว่ามีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปต้องล่มสลาย หลังจากนี้สองวันให้ฉันเข้าไปเซ็นสัญญาที่ตึกสำนักงานใหญ่ถังซวน”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเหนื่อยใจถึงแม
หวางเส้าหลงพูดขึ้นทันที “ฮุ่ยหราน พวกเราอย่าเสียเวลาเปลืองน้ำลายไปพูดกับคนบ้านี้เลย” “วันนี้มีเรื่องมากมาย ผมคิดว่าคุณคงเหนื่อยแย่แล้ว” “ผมเปิดห้องวีไอพีไว้ที่โรงแรมเทียนอวี่ คุณกับคุณป้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม?”จางกุ้ยหลานตอบตกลงอยู่หลายครั้ง “ดีเลย ดีเลย วันนี้ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” “ลูกสาว พวกเราไปกันเถอะ”จางกุ้ยหลานดึงมือลูกสาวอย่างเร่งเร้าหลี่ฮุ่ยหรานยืนนิ่งอยู่กับที่ “แม่คะช่างมันเถอะ”เธอรู้ดีว่าหวางเส้าหลงกำลังคิดอะไรอยู่แต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่จางกุ้ยหลานเหลือบมองไปที่หลินเฟิง “ช่างมันอะไรกัน ลูกจะรีบกลับบ้านเร็วไปทำไม? ยังไงเสียที่บ้านก็ไม่มีผู้ชาย”เมื่อหวางเส้าหลงเห็นแบบนั้น เขาก็รีบตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ “ใช่แล้ว ฮุ่ยหราน ดีเลยคืนนี้พวกเราจะได้คุยกันต่อเรื่องการเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้”ในเวลานี้ หลินเฟิงลุกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ “หลี่ฮุ่ยหราน ผมแนะนำให้คุณรีบกลับบ้านอย่าเถลไถลไปไหน”ภรรยาของตัวเองที่เพิ่งจะหย่าได้สองวัน จะไปเปิดห้องกับชายอื่นเสียแล้วในใจของหลินเฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม
ภายในห้องมีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งในตอนนี้หลายคนก็ได้นั่งไปแล้วถังหว่านยิ้มและพูดว่า “หลินเฟิง ฉันขอแนะนำคุณสักหน่อย” “ท่านนี้คือผู้ว่าเมืองเจียงโจว หลิวกั๋วฮุย”ท่านแรกเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าทรงเหลี่ยมน่าเกรงขามพยักหน้าให้เล็กน้อยหลินเฟิงยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า “ผมเคยพบกับท่านผู้ว่าหลิวแล้ว”จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ไล่แนะนำต่อไปเรื่อย ๆ “ท่านนี้คือประธานหอการค้าเจียงโจว ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตา ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว...”หลังจากแนะนำไปแล้วรอบหนึ่ง ผู้คนบนโต๊ะเกือบทั้งหมดต่างก็เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองเจียงโจวหลินเฟิงคำนับทักทายพวกเขาทีละคนสุดท้ายถังหว่านก็ได้แนะนำเขาให้ทุกคนรู้จัก “ท่านนี้ก็คือหลินเฟิงที่ฉันพูดถึง”ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตากล่าวขึ้นทันที “ดูจากมารยาทของคุณหลินแล้ว คงจะเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอยู่บ้าง”หลินเฟิงกล่าวอย่างถ่อมตัว “พอรู้แค่เล็กน้อย ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไรหรอกครับ”เกี่ยวกับเรื่องที่หลินเฟิงฝึกพัฒนาหัตถ์สายฟ้า ถังหว่านยังไม่ได้พูดขึ้นมาให้ใครฟังและก็ยังสั่งให้ฉินอิ๋งเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเด็ดขาด
“ไส...ไสหัวไป?”ซือหม่าเหวินเกือบจะระเบิดโมโหแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าทำได้แค่ประสานมือไปทางหลินเฟิง เหลือบมองสวี่หรงเหิง และหนีไปโดยไม่หันหน้ากลับมามองอีกถูกต้อง หนีไปแล้วซือหม่าเหวินในตอนนี้ เห็นหลินเฟิงก็เหมือนกับหนูเห็นแมว ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอะไรอีกแล้วโดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่ปู่ของเขาบังคับตระกูลซือหม่าไม่ให้เกิดการปะทะกับหลินเฟิงถึงแม้เขาจะคับแค้นใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้แค่แอบด่าในใจและเมื่อมองซือหม่าเหวินหนีไปด้วยความแค้นใจ คนของทั้งกองถ่ายไม่กล้าหายใจแรง ทุกคนต่างสั่นเทากันหมดแม่เจ้า พ่อหนุ่มคนนี้มีเบื้องหลังอะไรกันแน่นะ?ถึงได้ทำให้คคุณชายซือหม่าเหวินที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองจิงไสหัวไปได้?!อีกทั้งคุณชายซือหม่าก็ไม่กล้าโมโห ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขา “ไสหัวไป” ด้วยท่าทางหงอยเหงาแบบนี้?!ผู้กำกับกับนักเขียนบทต่างสูดหายใจเข้าลึกๆผู้กำกับคิดได้ว่าเมื่อครู่เขาสั่งรปภ. ให้ช่วยสวี่หรงเหิงจัดการหลินเฟิง ตอนนี้เสียใจจนอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สองครั้ง“คุณผู้ชาย ผม...เมื่อครู่ผม...”ผู้กำกับคุกเข่าให้หลินเฟิง ไม่กล้าหายใจแรง“ไม่ต้อง”
“หือ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?!”ซือหม่าเหวินนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง และโมโหทันทีพูดจาได้โอ้อวดอย่างมากคนที่ให้พ่อของเขาไปขอโทษถึงที่ได้ ทั้งเมืองจิงมีเพียงไม่กี่คนจริงๆในตอนที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ กลับรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย“หึหึ”หลังจากเสียงหัวเราะที่เหมือนกับฝันร้ายนี้ดังขึ้น ซือหม่าเหวินตัวสั่นเทาไปหมดเป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากเขามองไปตามทางที่สวี่หรงเหิงชี้ไป ก็คือผู้ชายที่หัวเราะเยาะคนนั้นหลินเฟิง!พัดที่อยู่ในมือซือหม่าเหวินก็หยุดลง หนังหน้าเริ่มกระตุกอย่างรุนแรงความหวาดกลัวที่หลินเฟิงทิ้งไว้ให้เขา ทำให้เขามีปฏิกิริยาจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ในตอนนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงของหลินเฟิง เขาก็ตกใจจนแทบคุกเข่าลงบนพื้นซือหมาเหวินกว่าจะยืนมั่นคงได้ สวี่หรงเหิงที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มคุยโม้พูดพร่ำไม่หยุด และร้องเอะอะใส่หลินเฟิง:“ไอ้หนุ่ม นายไม่ใช่ว่าไม่กลัวตระกูลซือหม่าไม่ใช่เหรอ?”“ตอนนี้คุณชายซือหม่าเหวินมาแล้ว ฉันดูสิว่าแกจะกล้าคุยโวอีกไหม!”“คุณชายซือหม่าเหวิน คุณอย่าปล่อยไอ้หมอนี่ไปเด็ดขาดนะครับ เขาไม่เห็นตระกูลซือหม่าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ คุณจะต้อง...”“หุบปาก”“เอ๊ะ?”ส
ในตอนนี้ พนักงานของกองถ่ายที่มีความรู้กว้างขวางอุทานออกมา“อะไรนะ?!”ผู้กำกับและนักเขียนบทต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก“หึ”หลินเฟิงมองดูคุณชายสวี่ที่ถอยหลังไม่หยุด และในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็เดินเข้าไปโดยตรง จับคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า:“นายเป็นคนของตระกูลซือหม่า?”“ใช่...ใช่!”นึกถึงตระกูลซือหม่า ใบหน้าของคุณชายสวี่ที่กระวนกระวายก็เผยความหวังขึ้นมาทันทีใช่สินะ เขาเป็นคนของตระกูลซือหม่า!”ต่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นนักบู๊ เขาอยู่ต่อหน้าตระกูลซือหม่าก็ไม่สามารถกำเริบเสิบสานได้!คิดได้ถึงตรงนี้ คุณชายสวี่หัวเราะเยาะและพูดว่า:“ในเมื่อนายรู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลซือหม่า ตอนนี้ก็คุกเข่ากราบฉันซะดีๆ ไม่แน่ฉันอาจจะปล่อยนายไปได้...”“เพี๊ยะ!”ถูกตบหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้แสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกวิงเวียนและเจ็บปวดทำให้คุณชายสวี่งุนงงตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียวก็คือ:ในเมื่อเขารู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลซือหม่า งั้นทำไมยังกล้าลงมือกับฉันอีก?!ไม่นานนักหลินเฟิงตอบความสงสัยของเขา“หึ แม้แต่ซือหม่าเผิงหัวของตระกูลซือหม่าก็ต้องมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง น
“อะไรนะ? เพื่อนของอิ่นนั่วเจียเหรอ?!”ผู้กำกับงุนงงไปหมดนี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!ด้านหนึ่งคือคุณชายสวี่กับตระกูลซือหม่าย อีกด้านหนึ่งคืออิ่นนั่วเจียเขาถูกเบี้ยนอยู่ตรงกลาง ควรจะทำอย่างไร?ในขณะที่ผู้กำกับกำลังลำบากใจอยู่ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี คุณชายสวี่ก็ถูกคนประคองลุกขึ้นหลังจากที่ดวงตาเกิดความพร่ามัวอยูครู่หนึ่ง เขาถึงได้ตั้งสติได้ และมองคนที่อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจนเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แสบร้อนบนใบหน้าทันทีทำให้เขาแทบจะกรีดร้องออกมาแต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ และรีบให้ลูกน้องไปเอากระจกมารอให้รับกระจกที่ลูกน้องยื่นมา เห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของตัวเองคุณชายสวี่ก็ตกอยู่ในท่าทางเดือดดาล“แกแม่งกล้าแตะต้องฉัน?! แกน่ะ แกกล้าแตะต้องฉัน?!”คุณชายสวี่โมโหจนเป็นบ้าไปแล้วรอฝ่ามือช้ำเขียวบนใบหน้าตบลงที่ตัวเขาที่ไหนกัน นี่มันตบลงบนใจเขาชัดๆตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้เรื่องแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเจอครั้งแรกถูกตบอย่างแรงขนาดนี้ เป็นครั้งแรกแต่ทว่าตัวการสำคัญยังคงลอยนวลอยู่ข้างนอก และยืนอยู่ที่เดิมพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ทำไมฉันจะไม่กล้าแตะต้องนาย? ทำไม?
ผู้กำกับกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ส่วนผู้เขียนบทหัวล้านที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนออกมา ยิ้มขอโทษและพูดว่า:“คุณชายสวี่ ฉากนี้ได้รับการปฏิเสธจากคุณอิ่นนั่วเจีย เธอคือหนึ่งในผู้ร่วมงานกับเราในครั้งนี้ พวกเราไม่สามารถบังคับเขาได้หรอกครับ”“จริงด้วยคุณชายสวี่ คุณใจเย็นๆ เตรียมการถ่ายทำในวันนี้เถอะครับ”ผู้กำกับก็เข้ามาเกลี้ยกล่อม“ไสหัวไป!”ใครจะรู้ว่าคุณชายสวี่คนนี้ไม่ยินยอมด้วยซ้ำ ซัดบทละครที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามยื่นมาให้ไปที่ใบหน้าของผู้กำกับโดยตตรง“แม่ง ถ้าไม่ใช่ว่ามีอิ่นนั่วเจียร่วมแสดง ฉันจะรับบทนี้เหรอ? ผลปรากฏว่าวุ่นวายอยู่นาน พวกแกบอกว่าฉันกับอิ่นนั่วเจียไม่มีฉากเลิฟซีนแม้แต่นิด”“งั้นฉันมาทำอะไรวะ?!”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงหางตากระตุกความคิดเห็นที่มีต่อคุณชายสวี่คนนี้ดำดิ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดทันที“แกแม่งมองอะไรวะ?”ในตอนนี้คุณชายสวี่กำลังกลัดกลุ้มไม่มีคนให้ระบายอารมณ์สัญชาตญาณของเขาสัมผัสได้ว่าหลินเฟิงจ้องมองมาทางเขาอยู่ จึงชี้หน้าหลินเฟิงแล้วด่าทอเจ้าหน้าที่ภาคสนามกับพนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในกองถ่ายตอนนี้ต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ก้มหน้าไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว มีเพียงหลินเฟิงคนเ
แต่ทว่าตั้งแต่แรก คุณชายสวี่ที่ถูกพวกเธอเลื่อมใสไม่ได้เหลือบมองพวกเธอแม้แต่นิดยิ่งไม่ต้องพูดว่าโบกมือยิ้มแย้มตอบโต้อะไรเลยถึงขั้นที่สีหน้าของเขาขึงตึงไปหมด อารมณ์ไม่ดีแต่ทว่าผู้หญิงเหล่านี้กลับยังคงกรีดร้องไม่หยุด“อ๊ะอ๊ะอ๊ะ คุณชายสวี่เมื่อครู่มองฉันด้วย เมื่อครู่เขามองฉันจริงๆ นะ!”“พูดไร้สาระ เขามองฉันต่างหาก!”“แน่จริงเธอพูดอีกครั้งสิ!”ทันใดนั้น เหตุการณ์เกิดความวุ่นวายขึ้น ถึงขั้นที่ผู้หญิงจำนวนมากตบตีกันเพราะเรื่องนี้แบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึงอย่างมากถ้าหากวันหนึ่งอวี๋จื่อเสวียนกลายเป็นดาราดังแบบนี้ เมื่อคิดว่ามีผู้ชายกลุ่มหนึ่งมาตะโกนคำขวัญอยู่ตรงนี้...หลินเฟิงจิตใจหดหู่ไปกว่าครึ่งทันทีเรื่องแบบนี้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่าดังนั้นเขาหาจุดที่เงียบสงบ โทรศัพท์ไปหาอิ่นนั่วเจียโดยตรง“ฮัลโหล”อิ่นนั่วเจียน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย เหมือนกับเพิ่งตื่น“คุณอิ่นนั่วเจีย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“ฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียยังงุนงงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตั้งสติได้ และหัวเราะร่าพูดขึ้นว่า:“ตอนนี้ฉันอยู่ที่เจียงโจวค่ะ”“เอ๊ะ? คุณไม่ได้ถ่ายละครอยู่ที่เมืองจ
ในเมื่อกองถ่ายขนาดใหญ่ของพวกเขากำลังถ่ายทำอยู่ที่นี่และเขาคนแปลกหน้าแบบนี้ สามารถบุกเข้าไปข้างในได้ตามใจชอบ ก็เป็นไปไม่ค่อยได้ดังนั้นหลังจากที่หลินเฟิงครุ่นคิด ก็เงยหน้ายิ้มพูดว่า: “ผมเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย ครั้งนี้ผมมาเยี่ยมดูเธอ”“......”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง รปภ.สามคนที่ขวางหลินเฟิงเอาไว้ก็นิ่งอึ้งผ่านไปครู่หนึ่ง รปภ.สามคนนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันทีท่ามกลางเสียงหัวเราะตรงนี้ คนที่ผ่านไปมาก็มองมาทางนี้ด้วยความสงสัย “นี่นี่นี่ พวกนายฟังสิ พวกนายฟังดู”หนึ่งในรปภ. ควงกระบองที่อยู่ในมือ จากนั้นชี้หน้าหลินเฟิงและหัวเราะเสียงดังพูดว่า:“ไอ้โง่นี้พูดว่าเขาเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย อยากจะเข้าไปพบอิ่นนั่วเจียในกองถ่าย”“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม นายรู้ไหมว่าอิ่นนั่วเจียโด่งดังมากแค่ไหน? นายนับประสาอะไรกัน ยังอยากจะมาเกาะกระแสของเธอ?”“ฉันคิดว่านายไม่สู้หาข้ออ้างอื่น อย่างเช่นพูดว่าตั้งใจมาสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบ”“แบบนี้อย่างน้อยยังพอดีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง”ได้ยินคำเยาะหยันของรปภ. คนที่เดินผ่านไปมาก็พากันหัวเราะเยาะอิ่นนั่วเจียเธอเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร ไอ้หมอน
“ฆ่าใคร?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นรักษาระยะห่างกับผู้หญิงคนนี้โดยสัญชาตญาณแต่เธอกลับตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูดแนบชิดเข้ามติดๆ“คนที่ฉันพูดถึง เก่งมากๆ เลยนะ เกรงว่าคุณสามีจะทำไม่ได้น่ะสิ”ฉู่ฮวาจิ่นหรี่ตาลงท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนกับนังจิ้งจอกในตำนานชัดๆท่าทางออดอ้อนมีเสน่ห์ ใบหน้าแดงระเรื่อ สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกคลุ้มคลั่งได้แต่ทว่าเสียงของหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย“ฆ่าใคร?”เห็นหลินเฟิงไม่ติดกับ ฉู่ฮวาจิ่นสายตาหยุดชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสติมั่นคงได้ขนาดนี้ดังนั้นเธอจึงขยับไปข้างหูของหลินเฟิง พ่นลมหายใจอุ่นชื้น ริมฝีปากแดงอ้าออกเล็กน้อย และยิ้มบางพูดว่า:“คนที่ฉันจะฆ่า ก็คือหยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตร”“อะไรนะ?!”หลินเฟิงได้ยินชื่อนี้ ก็ชักสีหน้าทันทีเขามองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยความเย็นชา ถึงขั้นที่แรงสังหารรุนแรง เตรียมจะลงมือทันที และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า:“คุณอยากตายเหรอ?”“อุ๊ย ฉันล้อคุณเล่นเองนะ”ได้ยินคำขู่ของหลินเฟิง ฉู่ฮวาจิ่นรู้ได้ทันทีว่าเธอล้อเล่นไปโดนจุดสำคัญของหลินเฟิง จึงรีบหัวเราะขึ้นมา“ตกลงว่าเป็นใครกันแน่?”หลินเฟิงในตอนนี้เริ่มหงุดหงิดเล็กน
อวี๋จื่อเสวียนวิ่งออกไปบนนถนน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกวักรถแท็กซี่คันหนึ่งก่อนที่จะขึ้นรถ เธอยังไม่ลืมที่จะหันมองไปทางหลินเฟิงและแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้นผ่านกระจกรถ ถึงได้จากไปเมื่อเห็นภาพนี้ หลินเฟิงหางตากระตุก ฉู่ฮวาจิ่นกลับเอามือปิดปากและหัวเราะออกมา“เด็กคนนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ”“เฮ้อ...”หลินเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ถามฉู่ฮวาจิ่น หลินเฟิงก็เข้าใจแล้วเป้าหมายของหลงซิ่วและคนอื่นๆ มารื้อถอนชุมชนกลางเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแอบอ้างการรื้อถอนชุมชนการเมือง เพื่อมาสืบข่าวเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่อย่างอื่น แน่นอนว่าเป็นชีพจรมังกร!ดูท่า พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างได้รับข่าวสารมาว่าชีพจรมังกรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชีพจรมังกรไม่ได้หมายถึงสิ่งของบางอย่าง“แต่เป็นคนตัวเป็นๆ!”อวี๋จื่อเสวียน ก็คือชีพจรมังกรที่พวกเขาต้องการตามหา!ครั้งนี้ ยาที่หลินเฟิงกลั่นออกมา ใช้เลือดของอวี๋จื่อเสวียนก็สามารถผลลัพธ์ที่ดีได้ขนาดนี้ ถึงขั้นที่สามารถกลั่นยาหยกโมราออกมาได้ทั้งหมดนี้ต่างอธิบายได้อวี๋จื่อเสวียนก็คือชีพจรมังกรที่ส