สาวสวยท่านนี้ คุณไม่สนใจผมเกินไปแล้ว”หวางเส้าหลงโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ฉันเป็นถึงคุณชายผู้สูงส่งแห่งตระกูลหวาง สู้คนไร้ค่าอย่างหลินเฟิงไม่ได้ตรงไหน?ถังหว่านพูดอย่างดูถูก “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่สนใจคุณ”มุมปากของหวางเส้าหลงกระตุก มือกำหมัดจนเส้นเลือดขึ้น “คนสวย ผมบอกคุณตรง ๆ นะ นายนี่จนถึงตอนนี้แม้แต่งานจะทำยังไม่มีเลย” “ไม่อย่างนั้นหลี่ฮุ่ยหรานคงไม่หย่ากับเขาหรอก” “นอกจากหน้าตาที่พอไปวัดไปวาได้แล้ว เขาสามารถให้อะไรกับคุณได้บ้าง?”ทันทีที่ได้ยินถังหว่านก็หันไปมองหลินเฟิง และชมว่า “คุณหลินขาดแค่เวลาเท่านั้น ฉันเชื่อว่าแค่ให้เวลาเขาสักหน่อย” “ก้าวนำหน้าตระกูลหวางภายในหนึ่งเดือน ไม่ใช่เรื่องยากเลย” “ฮ่าฮ่าฮ่า...”หวางเส้าหลงรู้สึกขบขันและหัวเราะเสียงดังหนึ่งเดือน เริ่มต้นจากศูนย์และก้าวนำหน้าตระกูลหวาง เป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระที่สุดในโลก “คนสวยคุณนี่พูดจาได้ตลกจริง ๆ”ถังหว่านยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ งั้นเรามาพนันกันไหมล่ะ?” “ถ้าคุณหลินก้าวนำหน้าตระกูลหวางได้ภายในหนึ่งเดือน คุณจะต้องคุกเข่าลงและขอโทษฉัน”หวางเส้าหลงหรี่ตาลงเล็กน้อย และเริ่มรู้ส
ถังหว่านเดินเข้ามาใกล้ ๆ ท่ามกลางฝูงคนที่รายล้อมหลี่ฮุ่ยหรานตกใจจนตัวแข็งเมื่อเห็นพฤติกรรมที่คนรอบตัวปฏิบัติต่อเธอ บุคคลนี้แท้จริงแล้วก็คือคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถังหลี่ฮุ่ยหรานที่ก่อนหน้านี้ยังปฏิบัติต่อเธออย่างดูถูกเหยียดหยามก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาทันทีผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีแค่รูปร่างหน้าตาที่ดีและเพียบพร้อมกว่าฉันเท่านั้น ขนาดฐานะทางบ้านของเธอฉันเองยังเทียบไม่ติดเลยสักนิดตอนนี้เธอเพิ่งจะเข้าใจประโยคที่ถังหว่านบอกว่าตัวเธอเองนั่นแหละที่จะต้องขายหน้านั้นหมายความว่าอย่างไรถ้ามีเธออยู่ ฉันจะสามารถคว้าโครงการของตระกูลถังมาได้ยังไงหวางเส้าหลงพูดจาตะกุกตะกักไปในทันที “คุณ... คุณคือคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถังหรอ?” “ทำไม ฉันเป็นคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถัง ทำให้คุณผิดหวังมากเลยหรอ?”ถังหว่านมองเขาอย่างหยอกล้อ “เมื่อกี้คุณใช่ไหมที่ดูถูกคุณหลิน?” “หึเขาไม่มีอะไรดีสักอย่างก็สมควรแล้วที่ผมจะดูถูก”หวางเส้าหลงพูดหน้าตาเฉยในสายตาของเขาหลินเฟิงก็เป็นแค่ขยะไร้ค่าเท่านั้นปีนสูงขึ้นไปเทียบขั้นคุณหญิงใหญ่แห่งตระกูลถัง ก็คงจะเป็นได้แค่ของเล่นของถังหว่านเท่านั้นถ้าหากว่าถังหว่านถึงกับยอมออกหน้าเพื่อปกป้อ
สุดท้ายบทเรียนในอดีตก็ได้สอนบางอย่างให้กับเราทำให้เธอนึกถึงก่อนที่เธอจะเข้าไปในงานเลี้ยง คำพูดที่ถังหว่านพูดกับเธอโครงการที่ซีเฉิงในครั้งนี้ ตัวเธอเองคงจะพลาดไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะหน้ามืดขึ้นมาทันทีหวางเส้าหลงในเวลานี้พูดด้วยสีหน้ามึนตึง “ไม่ต้องกังวล ไอ้ขยะนั่นเป็นได้แค่ผู้ชายที่เกาะถังหว่านกินเท่านั้น” “และอีกอย่างพ่อของผมกับคุณปู่ตระกูลถังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แค่เพียงโทรเจรจานิดหน่อย คุณปู่ตระกูลถังจะต้องเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน”จางกุ้ยหลานเพิ่งจะนึกได้ว่า ยังมีหวางเส้าหลงอยู่นี่“ในช่วงเวลาวิกฤต ยังไงก็ต้องดูแลคุณหวางให้ดี!”หลี่ฮุ่ยหรานที่ในตอนนี้หันไปมองเขาอย่างน่าสงสาร “คุณหวางครั้งนี้คงต้องลำบากคุณแล้วจริง ๆ”ตอนนี้เธอไม่กล้าฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หลินเฟิงแล้วโครงการที่ซีเฉิงเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในอนาคตของหลี่ซื่อกรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษหวางเส้าหลงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หามุมเงียบสงบเพื่อโทรหาพ่อของเขาไม่ช้าเสียงของหวางเจิ้นไห่ผู้นำตระกูลหวางก็ดังมาจากปลายสายอีกด้าน “เฮ้ มีเรื่องอะไร? โทรมาหาฉันดึกข
หลังจากที่คิดทบทวนอยู่หลายครั้งหลินเฟิงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “การตัดช่องทางการทำเงินของคนอื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าพ่อแม่ตัวเอง”“ในเมื่อคุณถังก็พิจารณาหลี่ซื่อกรุ๊ปไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วผมจะไปทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปอีกทำไม”ถังหว่านมองไปที่หลินเฟิงอย่างยิ้ม ๆ “ฉันว่าคุณหลินน่าจะไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้มากกว่าใช่ไหมคะ” “เพราะว่าคุณยังรักคุณหลี่อยู่ใช่ไหม?”หลินเฟิงเหลือบมองไปที่เธอ “ถ้าคุณคิดแบบนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด” “ตอนนี้คุณหลินก็โสดแล้ว ไม่คิดจะมีรักครั้งใหม่บ้างหรอคะ?”หลินเฟิงส่ายหน้า “ไม่อยาก” “คุณหลินนี่น่าเบื่อจริง ๆ”ถังหว่านทำปากมุ่ยน่าผิดหวังอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้เรื่องนี้ต่อหลินเฟิงเพิ่งจะหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานได้สองวัน เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถเร่งรีบได้เธอใช้มือเปิดกล่องผ้าอย่างสบาย ๆ “ฉันว่าคุณหลินสนใจเรื่องยาสมุนไพรมากกว่า” “ถ้าอย่างนั้นเห็ดหลินจืออายุร้อยปีนี้ก็ให้คุณละกัน”ทันทีที่เปิดกล่องผ้า กลิ่นหอมจาง ๆ ก็กระทบเข้ากับจมูกหลินเฟิงเริ่มมีแรงจูงใจขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่ค่อย ๆ สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนถังหว่านยักไหล่ข
นี่ถึงทำให้เธอพบว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ด้านบนศีรษะของเธอจุดไฟสีแดงกระพริบอย่างต่อเนื่อง “บอกตามตรง ฉันไม่อยากให้คุณรับผิดชอบโครงการพัฒนาที่ซีเฉิงเลยจริง ๆ” “แต่น่าเสียดายมีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของคุณต้องล่มสลาย ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!” “สองวันหลังจากนี้มาที่อาคารสำนักงานใหญ่ถังซวนเพื่อเซ็นสัญญาละกัน”เมื่อได้ยินว่าถังหว่านให้ตัวเองเข้าไปเซ็นสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานดีใจไม่ออกไปพักหนึ่งเธอพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณถัง คุณตามดูคนอื่นลับหลังแบบนี้ก็ไม่ดีหรือเปล่า?”ถังหว่านที่อยู่ในห้องวงจรปิดยิ้มเยาะ “ตราบใดที่ฉันต้องการ ทั้งวันคุณเข้าห้องน้ำกี่ครั้งฉันก็สามารถรู้ได้” “ครั้งนี้ ฉันจะยกโทษให้ ครั้งหน้าถ้ายังกล้าพูดถึงฉันไม่ดีลับหลังอีก ระวังฉันจะไม่เกรงใจ” “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานค่อย ๆ วางสายโทรศัพท์ลงจางกุ้ยหลานถามด้วยความสังสัย “ใครหรอ?” “ถังหว่าน” “คุณถังพูดว่าอย่างไรบ้าง?” จางกุ้ยหลานถามด้วยแววตาเป็นประกายทั้งสองข้าง “เธอบอกว่ามีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปต้องล่มสลาย หลังจากนี้สองวันให้ฉันเข้าไปเซ็นสัญญาที่ตึกสำนักงานใหญ่ถังซวน”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเหนื่อยใจถึงแม
หวางเส้าหลงพูดขึ้นทันที “ฮุ่ยหราน พวกเราอย่าเสียเวลาเปลืองน้ำลายไปพูดกับคนบ้านี้เลย” “วันนี้มีเรื่องมากมาย ผมคิดว่าคุณคงเหนื่อยแย่แล้ว” “ผมเปิดห้องวีไอพีไว้ที่โรงแรมเทียนอวี่ คุณกับคุณป้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม?”จางกุ้ยหลานตอบตกลงอยู่หลายครั้ง “ดีเลย ดีเลย วันนี้ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” “ลูกสาว พวกเราไปกันเถอะ”จางกุ้ยหลานดึงมือลูกสาวอย่างเร่งเร้าหลี่ฮุ่ยหรานยืนนิ่งอยู่กับที่ “แม่คะช่างมันเถอะ”เธอรู้ดีว่าหวางเส้าหลงกำลังคิดอะไรอยู่แต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่จางกุ้ยหลานเหลือบมองไปที่หลินเฟิง “ช่างมันอะไรกัน ลูกจะรีบกลับบ้านเร็วไปทำไม? ยังไงเสียที่บ้านก็ไม่มีผู้ชาย”เมื่อหวางเส้าหลงเห็นแบบนั้น เขาก็รีบตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ “ใช่แล้ว ฮุ่ยหราน ดีเลยคืนนี้พวกเราจะได้คุยกันต่อเรื่องการเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้”ในเวลานี้ หลินเฟิงลุกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ “หลี่ฮุ่ยหราน ผมแนะนำให้คุณรีบกลับบ้านอย่าเถลไถลไปไหน”ภรรยาของตัวเองที่เพิ่งจะหย่าได้สองวัน จะไปเปิดห้องกับชายอื่นเสียแล้วในใจของหลินเฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม
ภายในห้องมีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งในตอนนี้หลายคนก็ได้นั่งไปแล้วถังหว่านยิ้มและพูดว่า “หลินเฟิง ฉันขอแนะนำคุณสักหน่อย” “ท่านนี้คือผู้ว่าเมืองเจียงโจว หลิวกั๋วฮุย”ท่านแรกเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าทรงเหลี่ยมน่าเกรงขามพยักหน้าให้เล็กน้อยหลินเฟิงยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า “ผมเคยพบกับท่านผู้ว่าหลิวแล้ว”จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ไล่แนะนำต่อไปเรื่อย ๆ “ท่านนี้คือประธานหอการค้าเจียงโจว ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตา ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว...”หลังจากแนะนำไปแล้วรอบหนึ่ง ผู้คนบนโต๊ะเกือบทั้งหมดต่างก็เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองเจียงโจวหลินเฟิงคำนับทักทายพวกเขาทีละคนสุดท้ายถังหว่านก็ได้แนะนำเขาให้ทุกคนรู้จัก “ท่านนี้ก็คือหลินเฟิงที่ฉันพูดถึง”ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตากล่าวขึ้นทันที “ดูจากมารยาทของคุณหลินแล้ว คงจะเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอยู่บ้าง”หลินเฟิงกล่าวอย่างถ่อมตัว “พอรู้แค่เล็กน้อย ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไรหรอกครับ”เกี่ยวกับเรื่องที่หลินเฟิงฝึกพัฒนาหัตถ์สายฟ้า ถังหว่านยังไม่ได้พูดขึ้นมาให้ใครฟังและก็ยังสั่งให้ฉินอิ๋งเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเด็ดขาด
ระหว่างคิ้วของหลินเฟิงแสดงถึงความมั่นใจอย่างแน่วแน่ “ไม่เพียงเท่านั้น ท่านผู้ว่าหลิวทุกเช้าหลังจากตื่นนอนจะรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อเอวเมื่อยล้า แขนขาอ่อนแรง”หลิวกั๋วฮุยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และมองไปที่หลินเฟิงอย่างจริงจัง “คุณรู้ได้อย่างไร?”เจ้าเด็กนี่ยังไม่เคยได้จับชีพจรของเขาเลยสักครั้ง และก็ยังไม่เคยได้ตรวจร่างกายของเขาเลยอาจจะเป็นไปได้ว่าถังหว่านไปเล่าอาการป่วยของตัวเองให้เขารู้ก่อนหน้านี้?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อาการเจ็บป่วยทั้งหมดของท่านผู้ว่าหลิวต่างเขียนแสดงอยู่บนใบหน้า แค่มองก็รู้แล้ว”หลิวกั๋วเฟิงหัวเราะเยาะออกมา “แค่มองหน้าฉันก็สามารถรู้อาการของฉันได้หมดเลยหรอ?” “ถ้าอย่างนั้นนายลองบอกมาว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นโรคอะไร?”หลินเฟิงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “เลือดและลมปราณพร่อง ไฟหยินกำเริบ จัดอยู่ในกลุ่มอาการของหัวใจและปอด” “ท่านผู้ว่าหลิวป่วยเป็นโรคปอดขั้นรุนแรง ถ้าตามการคาดการณ์ของผมอีกไม่เกินสามวัน อาการของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลงไปอีก” “ควรได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด”ทันทีที่พูดจบ ภายในห้องก็เงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งวินาทีต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “ฮ่าฮ
ดูเหมือนว่าอันธพาลแก๊งหมาป่าสีเลือดพวกนี้ต้องการที่จะหนีหลินเฟิงก้าวไปข้างหน้าขัดขวางทางหลบหนีของท่านจิ่วก็เลยได้แต่บอกว่าหลินเฟิงชื่นชมท่านจิ่วอย่างมากเขายอมรับว่า หมัดที่ตัวเขาเองเพิ่งจะปล่อยออกไปนั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่เพราะหมดนี้ท่านจิ่วกลับสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของตัวเขาเองได้ในทันที และตัดสินว่าพวกเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเฟิงการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีขอบเขตหากพูดจากมุมมองนี้ ท่านจิ่วก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมาคนหนึ่ง“คิดจะหนี? จบแล้ว”หลินเฟิงพูดซ้ำกับสิ่งที่ท่านจิ่วเคยพูดไว้เหมือนเดิมทุกประการกลับคืนไป จากนั้นเขาก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า :“ท่านจิ่ว...ที่นี่น่าจะไม่ใช่สมาชิกของแก๊งหมาป่าสีเลือดทั้งหมดหรอกใช่ไหม?”“อ่ะ?!”เมื่อได้ยินคำถามของหลินเฟิง ท่านจิ่วก็ถูกทำให้ตกใจจนเหงื่อแตกพลั่กหรือว่ายอดฝีมือคนนี้ต้องการจะจัดการกับแก๊งหมาป่าสีเลือด?เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากพร้อมกับกัดฟันและพูดขึ้นว่า:“ท่านยอดฝีมือพูดถูก ที่นี่....ที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆของแก๊งหมาป่าสีเลือดของพวกเราเท่านั้น”“จริง ๆแล้ว....เมื่อเร็ว ๆนี้แก๊งหมาป่าของพวกเ
เมื่อท่านจิ่วออกคำสั่ง อันธพาลพวกนี้ก็รีบพุ่งเข้าไปเพื่อที่จะฉีกหลินเฟิงเป็นชิ้น ๆ โดยตรง“ไอ้หนู ฉันชื่นชมความกล้าหาญของนายมากนะ ไม่รู้ว่านายเป็นใครมาจากไหนงั้นเหรอ?”ท่านจิ่วหรี่ตาลง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ดูอวดดีและมั่นใจอย่างมากคนนี้ ในใจของเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อยหรือว่าเขาจะเป็นลูกชายของตระกูลที่มีอิทธิพลหรือเปล่า?หรือว่าเป็นลูกศิษย์ของสำนักหนานไห่?“ฉันคือ หลินเฟิง เป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ป”เมื่อหลินเฟิงตะโกนชื่อนี้ออกมาด้วยความมั่นใจ แม้แต่ท่านจิ่วก็เกิดภาพลวงตาบางอย่างขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งหลี่ซื่อกรุ๊ป? หลี่ซื่อกรุ๊ปอะไร?หรือว่าที่เขาถึงก็คือหลี่ซื่อกรุ๊ปของเมืองเจิ้งเต๋อ? อ่ะ? หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย?ท่านจิ่วตั้งสติอยู่นาน ถึงได้เข้าใจหลังจากเข้าใจถึงตัวตนของหลินเฟิงแล้ว ความรู้สึกอับอาบขายหน้าก็ผูดขึ้นมาในใจเป็นมอันดับแรก ไอ้หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของหลี่ซื่อกรุ๊ปบ้าอะไรนั้น ก็เป็นแค่ยามเฝ้าประตูไม่ใช่เหรอ? แค่งยามคนเดียวก็กล้าข่มขู่ฉันงั้นเหรอ?ทันใดนั้นท่านจิ่วก็โกรธขึ้นมาทันที ก่อนจะตะโกนไปทางหลินเฟิงว่า:“ไปเลย
พวกเขาทั้งหมดต่างก็ถือไม้เบสบอลและมีดสปาต้า พร้อมกับปิดกั้นทางของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานไว้ในชั่วพริบตา อาคารที่พักอาศัยทั้งตึกก็เปลี่ยนจากอาคารร้างเป็นครึกครื้นทันที“ฮึ่ม ฮึ่ม ฮึ่ม!”พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์และเสียงร้องไม่กี่ครั้ง ก็มีอันธพาลขี่รถจักรยานต์นับสิบคนพุ่งเข้ามาจากด้านนอกของเขตที่พักอาศัยยางล้อรถเสียดสีกับพื้น ก่อนที่สพวกเขาจะหยุดลงที่ข้าง ๆหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานในตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีที่ให้ถอยกลับอีกแล้ว ทั้งสี่ทิศทางก็ถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนา“ติดจะไปตอนนี้ ก็สายเกินไปแล้ว!”แล้วอันธพาลที่มีทรงผมโมฮอร์กก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง“ฮ่าฮ่าฮ่า....”อันธพาลที่อยู่โดยรอบต่างก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของผู้คนนับร้อย ดังมากจนทำให้อาคารที่พักอาศัยโดยรอบถึงกับสั่นสะเทือน“พวกคุณคิดจะทำอะไร?!”หลี่ฮุ่ยหรานเข้าใจว่า พวกเขาได้เข้ามาในถ้ำของพวกโจรแล้วถึงแม้ในใจจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของหลินเฟิง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนจำนวนมากขนาดนี้ในเวลาเดียว ก็ทำให้หลี่ฮุ่ยหรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า
“ฮ่าฮ่าฮ่า....”แต่คิดไม่ถึงว่า หลังจากที่หลินเฟิงสำรวจทั้งกลุ่มเสร็จแล้ว จู่ ๆก็หัวเราะออกมาเสียงดังรอยยิ้มนี้ กลับทำให้พวกอันธพาลที่เข้ามาใกล้ ๆตกใจแทน“หลินเฟิง คุณเป็นอะไร?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปทางหลินเฟิงด้วยความกังวล หรือเป็นเพราะว่าจ่ายเงินสองพันห้าร้อยล้านบาทเพื่อซื้อที่ดินแย่ ๆแบบนี้ ก็เลยโกรธจนสติมีปัญหางั้นเหรอ?หลี่ฮุ่ยหรานที่คาดเดาความเป็นไปได้ต่าง ๆอยู่ในใจแต่เธอเห็นหลินเฟิงหัวกลับมา พร้อมกับยิ้มและกระพริบตาให้เธอและพูดว่า :“ถ้าหากผมเดาไม่ผิดละก็ ครั้งนี้แม่ของคุณจะต้องขาดทุนครั้งใหญ่”“อะไรนะ?”หลี่ฮุ่ยหรานเบิกตากว้างอย่างไม่เข้าใจในตอนนี้เธอรู้สึกหวาดกลัวอยู่เล็กน้อยจริง ๆว่าหลินเฟิงอาจจะมีปัญหาทางจิต“ที่ดินนี้ ไม่ถึงครึ่งเดือนก็ต้องถูกรื้อแล้ว เมืองเจิ้งเต๋อจะสร้างทางหลวงพิเศษที่ต้องผ่านทางจากตรงนี้พอดี!”หลินเฟิงหันหน้าไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นว่า :“คุณรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร?”ไม่รอให้หลี่ฮุ่ยหรานตอบกลับ หลินเฟิงก็พูดขึ้นกับตัวเองว่า :“นี่หมายความว่า ราคาของที่ดินนี้จะต้องเพิ่มขึ้นมากว่าสิบเท่าอย่างแน่นอน! หึหึ ฮุ่ยหราน ครั้งนี้พวก
เมื่อเห็นที่อยู่ที่นี่ ใจของหลี่ฮุ่ยหรานก็จมดิ่งลงไปกว่าครึ่งการจราจรที่นี่ไม่ค่อยจะสะดวกสบายเท่าไหร่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาคารสำนักงานหรือโรงงานเลย มันไม่มีทางที่จะเปิดได้เช่นกันยิ่งไม่ต้องพูดว่า....หลี่ฮุ่ยหรานยืนอยู่หน้าที่ดินที่อยู่ห่างออกไปจากตัวเมืองแห่งนี้ และภายในต่างก็เต็มไปด้วยอาคารที่พักอาศัยเก่า ๆที่ทรุดโทรมอาคารที่พักอาศัยจำนวนไม่น้อยที่มีอายุการใช้งานที่เกินกำหนดแล้วแม้แต่กำแพงก็ยังมีรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ และมีบางรอยที่ยังเอียงไปด้านใดด้านหนึ่งอีกด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามันทรุดโทรมมาหลายปีโดยไร้การซ่อมแซม“หลินเฟิง ที่อยู่นี่ สองพันห้าร้อยล้านบาทนะ! และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของพวกเราแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจด้วยความหดหู่มองจากมุมของเธอ เดิมทีที่ดินนี่ก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลยจนกระทั่งผู้อาศัยภายในอาคารพักอาศัยต่างก็อพยพออกไปมากกว่าครึ่งแล้ว ทำให้บ้านมากมายกลายเป็นบ้านผีสิงไป“หึหึ มันก็ไม่แน่นอนหรอก”หลินเฟิงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปเขตที่อยู่อาศัยแห่งนี้“รีบวางไพ่เร็วเข้าสิ นายแม่งมองอะไรอยู่ได้?”“เฮยจื่อ นายเห็นผีหรือไง?”ทั้งสองคนยังเดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เห
เธอกลัวว่าหลินเฟิงจะกลับคำหากเป็นแบบนั้น การตีสนิทกับรอยยิ้มที่เธอทำมาเกือบครึ่งชั่วโมง ก็สูญเปล่าทั้งหมดแต่เห็นได้ชัดว่า จางกุ้ยหลานคิดมากไปเงินแค่สองพันห้าร้อยล้านบาทเอง หลินเฟิงไม่ได้เห็นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำเขาโทรศัพท์หาจ้าวเทียนหัวทันที ให้เธอโอนเงินเข้าบัญชีของจางกุ้ยหลาน และเซ็นชื่อของเขาลงบนสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานที่อยู่ด้านข้างเห็นหลินเฟิงเซ็นชื่อจริงๆ สีหน้าก็ไม่พอใจทันทีจางกุ้ยหลานกลับหน้าตายิ้มแย้ม“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ หลินเฟิง ไม่สู้วันนี้นายไม่ต้องกลับไปหรอก มา ฉันเป็นเจ้ามือเอง เลี้ยงข้าวนายกับฮุ่ยหราน”“ไม่ต้องครับ”หลินเฟิงส่ายหน้า พูดเสียงเข้มว่า:“ผมจะถือโอกาสนี้ไปดูที่ดินที่พวกคุณโอนมาให้ผม ผมคิดหาวิธี ดูว่าที่ดินผืนนั้นมีประโยชน์อะไรบ้าง อย่างน้อยก็อย่าขาดทุนเยอะเกินไป”หลินเฟิงตอบอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ในตอนนี้จางกุ้ยหลานก็ได้รับข้อความเงินเข้าบัญชีจากทางธนาคารเมื่อเห็นเงินเข้าบัญชี จางกุ้ยหลานก็รู้สึกโล่งใจสักที ทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นมิตรต่างจากเมื่อคู่นี้“ได้ ในเมื่อนายอยากไปดู งั้นก็ไปเถอะ ฉันไม่รั้งพวกเธอเอาไว้”จางกุ้ยหลานนอนกลับลงไปบนเตียงของเธอ
“หลินเฟิงไม่สนใจ”หลี่ฮุ่ยหรานยืนออกมา ขวางอยู่ตรงหน้าหลินเฟิง จ้องมองไปที่แม่ของตัวเองแล้วพูดตวาด“แม่ หนูรู้ว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ในเมื่อนี่เป็นเรื่องที่พวกแม่ทำ งั้นพวกแม่ก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง อย่ามาดึงหลินเฟิงเข้าไปเกี่ยวข้อง!”“ฮุ่ยหราน ทำไมลูกถึงเข้าข้างคนนอกล่ะ?”จางฮุ่ยหรานโมโหลูกที่ไม่ได้ดั่งใจจึงพูดว่า:“ถ้าหากที่ดินผืนนี้ขายไม่ออก งั้นวันนี้แม่ก็ทำได้แค่ตายอยู่ตรงนี้ หรือว่าหลินเฟิงอยากแต่งงานกับลูกสาวของฉัน จะไม่แสดงท่าทีสักหน่อยเหรอ?!”“ก่อนหน้านี้หลินเฟิงเคยให้ทับทิมเม็ดหนึ่งกับพวกคุณ แต่กลับถูกพวกคุณทิ้งไปเอง!”หลี่ฮุ่ยหรานเริ่มพูดเรื่องเก่าๆตอนนี้เธอไม่อยากให้คนในครอบครัวของตัวเองสร้างเรื่องวุ่นวายให้หลินเฟิงอีกแล้ว“งั้น...เรื่องหนึ่งก็ส่วนเรื่องหนึ่ง!”จางกุ้ยหลานมีความไม่มั่นใจเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก เธอก็หน้าด้านพูดขึ้นมาอีกว่า:“เรื่องอัญมณีทับทิมที่ทำหายเป็นปัญหาของพวกเรา แต่นั่นเป็นเรื่องก่อนหน้านี้!”“ตอนนี้ลูกสาวของฉันค่าตัวไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เพียงมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจียงโจว ยังมีหลี่ซื่อกรุ๊ปเมืองเจิ้งเต๋อ และก็ยังมีโฮมสเตย์ที่หรูหราอย่าง
“ใช่แล้ว!”เมื่อได้ยินคำเตือนของจางซิน จางกุ้ยหลานก็ตบที่ศีรษะ และรู้ตัวขึ้นมาทันที ก่อนจะพูดว่า :ทำไมฉันถึงคิดเรื่องนี้ไม่ออกนะ? หรือว่าสมองของจางซินจะปรับตัวได้แล้ว!” “เหอะ นั่นมันแน่นอน เพียงแต่ว่า.....”จางซินทำเสียงเย็นชา พร้อมกับเหลือบไปมองหลี่ฮุ่ยหรานด้วยสายตาคลุมเครือ ก่อนจะเม้มปากและพูดว่า : “แค่มีคนไม่เจียมตัวก็เท่านั้น”หลี่ฮุ่ยหรานรู้ว่าสิ่งที่จางซินพูดอยู่ก็เพื่อให้ตัวเองได้ยินแต่เธอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย แต่พูดขึ้นมาอย่างจริงจังว่า :“ฉันคิดว่าโอกาสที่เรื่องนี้จะสำเร็จมีน้อยมาก เพราะว่าใครก็ตามที่ใช้เงินมากขนาดนั้น จะต้องมีมันสมองที่ไม่ดีแน่ ๆ” “ที่ดินแห่งนี้ แม้ว่าอยากจะหลอกลวงคน แต่ก็ยากที่จะให้หลุดมือไป”“อ่อ ความหมายของคุณก็คือสมองของคุณป้าไม่ดีอย่างนั้นเหรอ? พี่สาว คำพูดของพี่มีเลศนัยจริงๆ !”จางซินกลัวว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็ดูไม่ดีอย่างมากถึงแม้ตัวเองที่เชื่อหลี่เหวินเชาครั้งนี้จะผิดจริง ๆ แต่ลูกสาวของตัวเองที่พูดตำหนิคนหนึ่งอยู่แล้วพูดประชดอีกคน จะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ในที่สุดเสียงตะโกนร้องของหลี่ฮุ่ยหรานก็ทำให้กำแพงของจางกุ้ยหลานพังทลายก่อนที่เธอจะกระโดดลงจากเตียงแล้วพุ่งไปที่กำแพง“ฮุ่ยหราน แม่ขอโทษ แม่ก็ไม่มีทางแล้วเหมือนกัน ให้แม่ตายตอนนี้ เพื่อชดใช้หนี้ของลูก...”จางกุ้ยหลานร้องสะอื้น พร้อมทั้งกระแทกใส่กำแพงอย่างแรงกระแทกไปเพียงสองครั้ง ผ้าก๊อซบนหัวของเธอก็เริ่มมีเลือดไหลออกอีกครั้ง“หยุดนะ!”หลี่ฮุ่ยหรานคว้าแม่ของตัวเองไว้ ก่อนจะตะโกนว่า :“แม่เอาการฆ่าตัวตายมาข่มขู่อยู่ตรงนี้ แล้วจะเอาชีวิตมาชดใช้หนี้ของหนูได้ยังไง? แทนที่แม่จะคิดหาวิธีดี ๆว่าควรจะเอาเงินกลับมาได้ยังไง!”“ตอนนี้แม่หาหลี่เหวินเชา ให้เขารีบมาที่นี่!”หลี่ฮุ่ยหรานพูดขึ้นด้วยความโกรธ“ได้ได้ได้....”จางกุ้นหลานเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ก่อนจะรีบต่อสายหาหลี่เหวินเชาทันทีแต่เสียงดังไม่กี่ครั้ง หลี่เหวินเชาก็ตัดสายไป“หืม? เกิดอะไรขึ้น?”หลี่ฮุ่ยหรานมองไปที่หลินเฟิงอย่างสงสัย หรือว่าหลี่เหวินเชาจะถูกน้องชายของโจวเซวียโหลวจับตัวไปแล้ว?“ผมโทรเอง”หลินเฟิงเดินเข้ามา แล้วเอาหมายเลขโทรศัพท์มือถือของหลี่เหวินเชาจากจางกุ้ยหลานและกดโทรออกเสียงดังขึ้นสองครั้ง หลี่เหวินเชา