สุดท้ายบทเรียนในอดีตก็ได้สอนบางอย่างให้กับเราทำให้เธอนึกถึงก่อนที่เธอจะเข้าไปในงานเลี้ยง คำพูดที่ถังหว่านพูดกับเธอโครงการที่ซีเฉิงในครั้งนี้ ตัวเธอเองคงจะพลาดไปแล้วจริง ๆเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลี่ฮุ่ยหรานก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะหน้ามืดขึ้นมาทันทีหวางเส้าหลงในเวลานี้พูดด้วยสีหน้ามึนตึง “ไม่ต้องกังวล ไอ้ขยะนั่นเป็นได้แค่ผู้ชายที่เกาะถังหว่านกินเท่านั้น” “และอีกอย่างพ่อของผมกับคุณปู่ตระกูลถังเป็นมิตรที่ดีต่อกัน แค่เพียงโทรเจรจานิดหน่อย คุณปู่ตระกูลถังจะต้องเข้าใจเรื่องทั้งหมดอย่างแน่นอน”จางกุ้ยหลานเพิ่งจะนึกได้ว่า ยังมีหวางเส้าหลงอยู่นี่“ในช่วงเวลาวิกฤต ยังไงก็ต้องดูแลคุณหวางให้ดี!”หลี่ฮุ่ยหรานที่ในตอนนี้หันไปมองเขาอย่างน่าสงสาร “คุณหวางครั้งนี้คงต้องลำบากคุณแล้วจริง ๆ”ตอนนี้เธอไม่กล้าฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่หลินเฟิงแล้วโครงการที่ซีเฉิงเกี่ยวข้องกับการพัฒนาในอนาคตของหลี่ซื่อกรุ๊ป ดังนั้นเธอจึงต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษหวางเส้าหลงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หามุมเงียบสงบเพื่อโทรหาพ่อของเขาไม่ช้าเสียงของหวางเจิ้นไห่ผู้นำตระกูลหวางก็ดังมาจากปลายสายอีกด้าน “เฮ้ มีเรื่องอะไร? โทรมาหาฉันดึกข
หลังจากที่คิดทบทวนอยู่หลายครั้งหลินเฟิงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “การตัดช่องทางการทำเงินของคนอื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าพ่อแม่ตัวเอง”“ในเมื่อคุณถังก็พิจารณาหลี่ซื่อกรุ๊ปไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วผมจะไปทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปอีกทำไม”ถังหว่านมองไปที่หลินเฟิงอย่างยิ้ม ๆ “ฉันว่าคุณหลินน่าจะไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้มากกว่าใช่ไหมคะ” “เพราะว่าคุณยังรักคุณหลี่อยู่ใช่ไหม?”หลินเฟิงเหลือบมองไปที่เธอ “ถ้าคุณคิดแบบนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด” “ตอนนี้คุณหลินก็โสดแล้ว ไม่คิดจะมีรักครั้งใหม่บ้างหรอคะ?”หลินเฟิงส่ายหน้า “ไม่อยาก” “คุณหลินนี่น่าเบื่อจริง ๆ”ถังหว่านทำปากมุ่ยน่าผิดหวังอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้เรื่องนี้ต่อหลินเฟิงเพิ่งจะหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานได้สองวัน เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถเร่งรีบได้เธอใช้มือเปิดกล่องผ้าอย่างสบาย ๆ “ฉันว่าคุณหลินสนใจเรื่องยาสมุนไพรมากกว่า” “ถ้าอย่างนั้นเห็ดหลินจืออายุร้อยปีนี้ก็ให้คุณละกัน”ทันทีที่เปิดกล่องผ้า กลิ่นหอมจาง ๆ ก็กระทบเข้ากับจมูกหลินเฟิงเริ่มมีแรงจูงใจขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่ค่อย ๆ สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนถังหว่านยักไหล่ข
นี่ถึงทำให้เธอพบว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ด้านบนศีรษะของเธอจุดไฟสีแดงกระพริบอย่างต่อเนื่อง “บอกตามตรง ฉันไม่อยากให้คุณรับผิดชอบโครงการพัฒนาที่ซีเฉิงเลยจริง ๆ” “แต่น่าเสียดายมีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของคุณต้องล่มสลาย ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!” “สองวันหลังจากนี้มาที่อาคารสำนักงานใหญ่ถังซวนเพื่อเซ็นสัญญาละกัน”เมื่อได้ยินว่าถังหว่านให้ตัวเองเข้าไปเซ็นสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานดีใจไม่ออกไปพักหนึ่งเธอพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณถัง คุณตามดูคนอื่นลับหลังแบบนี้ก็ไม่ดีหรือเปล่า?”ถังหว่านที่อยู่ในห้องวงจรปิดยิ้มเยาะ “ตราบใดที่ฉันต้องการ ทั้งวันคุณเข้าห้องน้ำกี่ครั้งฉันก็สามารถรู้ได้” “ครั้งนี้ ฉันจะยกโทษให้ ครั้งหน้าถ้ายังกล้าพูดถึงฉันไม่ดีลับหลังอีก ระวังฉันจะไม่เกรงใจ” “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานค่อย ๆ วางสายโทรศัพท์ลงจางกุ้ยหลานถามด้วยความสังสัย “ใครหรอ?” “ถังหว่าน” “คุณถังพูดว่าอย่างไรบ้าง?” จางกุ้ยหลานถามด้วยแววตาเป็นประกายทั้งสองข้าง “เธอบอกว่ามีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปต้องล่มสลาย หลังจากนี้สองวันให้ฉันเข้าไปเซ็นสัญญาที่ตึกสำนักงานใหญ่ถังซวน”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเหนื่อยใจถึงแม
หวางเส้าหลงพูดขึ้นทันที “ฮุ่ยหราน พวกเราอย่าเสียเวลาเปลืองน้ำลายไปพูดกับคนบ้านี้เลย” “วันนี้มีเรื่องมากมาย ผมคิดว่าคุณคงเหนื่อยแย่แล้ว” “ผมเปิดห้องวีไอพีไว้ที่โรงแรมเทียนอวี่ คุณกับคุณป้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม?”จางกุ้ยหลานตอบตกลงอยู่หลายครั้ง “ดีเลย ดีเลย วันนี้ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” “ลูกสาว พวกเราไปกันเถอะ”จางกุ้ยหลานดึงมือลูกสาวอย่างเร่งเร้าหลี่ฮุ่ยหรานยืนนิ่งอยู่กับที่ “แม่คะช่างมันเถอะ”เธอรู้ดีว่าหวางเส้าหลงกำลังคิดอะไรอยู่แต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่จางกุ้ยหลานเหลือบมองไปที่หลินเฟิง “ช่างมันอะไรกัน ลูกจะรีบกลับบ้านเร็วไปทำไม? ยังไงเสียที่บ้านก็ไม่มีผู้ชาย”เมื่อหวางเส้าหลงเห็นแบบนั้น เขาก็รีบตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ “ใช่แล้ว ฮุ่ยหราน ดีเลยคืนนี้พวกเราจะได้คุยกันต่อเรื่องการเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้”ในเวลานี้ หลินเฟิงลุกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ “หลี่ฮุ่ยหราน ผมแนะนำให้คุณรีบกลับบ้านอย่าเถลไถลไปไหน”ภรรยาของตัวเองที่เพิ่งจะหย่าได้สองวัน จะไปเปิดห้องกับชายอื่นเสียแล้วในใจของหลินเฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม
ภายในห้องมีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งในตอนนี้หลายคนก็ได้นั่งไปแล้วถังหว่านยิ้มและพูดว่า “หลินเฟิง ฉันขอแนะนำคุณสักหน่อย” “ท่านนี้คือผู้ว่าเมืองเจียงโจว หลิวกั๋วฮุย”ท่านแรกเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าทรงเหลี่ยมน่าเกรงขามพยักหน้าให้เล็กน้อยหลินเฟิงยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า “ผมเคยพบกับท่านผู้ว่าหลิวแล้ว”จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ไล่แนะนำต่อไปเรื่อย ๆ “ท่านนี้คือประธานหอการค้าเจียงโจว ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตา ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว...”หลังจากแนะนำไปแล้วรอบหนึ่ง ผู้คนบนโต๊ะเกือบทั้งหมดต่างก็เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองเจียงโจวหลินเฟิงคำนับทักทายพวกเขาทีละคนสุดท้ายถังหว่านก็ได้แนะนำเขาให้ทุกคนรู้จัก “ท่านนี้ก็คือหลินเฟิงที่ฉันพูดถึง”ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตากล่าวขึ้นทันที “ดูจากมารยาทของคุณหลินแล้ว คงจะเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอยู่บ้าง”หลินเฟิงกล่าวอย่างถ่อมตัว “พอรู้แค่เล็กน้อย ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไรหรอกครับ”เกี่ยวกับเรื่องที่หลินเฟิงฝึกพัฒนาหัตถ์สายฟ้า ถังหว่านยังไม่ได้พูดขึ้นมาให้ใครฟังและก็ยังสั่งให้ฉินอิ๋งเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเด็ดขาด
ระหว่างคิ้วของหลินเฟิงแสดงถึงความมั่นใจอย่างแน่วแน่ “ไม่เพียงเท่านั้น ท่านผู้ว่าหลิวทุกเช้าหลังจากตื่นนอนจะรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อเอวเมื่อยล้า แขนขาอ่อนแรง”หลิวกั๋วฮุยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และมองไปที่หลินเฟิงอย่างจริงจัง “คุณรู้ได้อย่างไร?”เจ้าเด็กนี่ยังไม่เคยได้จับชีพจรของเขาเลยสักครั้ง และก็ยังไม่เคยได้ตรวจร่างกายของเขาเลยอาจจะเป็นไปได้ว่าถังหว่านไปเล่าอาการป่วยของตัวเองให้เขารู้ก่อนหน้านี้?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อาการเจ็บป่วยทั้งหมดของท่านผู้ว่าหลิวต่างเขียนแสดงอยู่บนใบหน้า แค่มองก็รู้แล้ว”หลิวกั๋วเฟิงหัวเราะเยาะออกมา “แค่มองหน้าฉันก็สามารถรู้อาการของฉันได้หมดเลยหรอ?” “ถ้าอย่างนั้นนายลองบอกมาว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นโรคอะไร?”หลินเฟิงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “เลือดและลมปราณพร่อง ไฟหยินกำเริบ จัดอยู่ในกลุ่มอาการของหัวใจและปอด” “ท่านผู้ว่าหลิวป่วยเป็นโรคปอดขั้นรุนแรง ถ้าตามการคาดการณ์ของผมอีกไม่เกินสามวัน อาการของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลงไปอีก” “ควรได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด”ทันทีที่พูดจบ ภายในห้องก็เงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งวินาทีต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “ฮ่าฮ
ณ โรงพยาบาลเจียงโจวหลี่เหวินเชาที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลส่งเสียงร้องอย่างโอดครวญแขนของเขาถูกดามด้วยเฝือก ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อยดวงตาของจางกุ้ยหลานเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เธอกล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เจ็บปวด “เหวินเชา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ใครทำร้ายลูกจนต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ห้ะ?”หวางเส้าหลงพูดอย่างโกรธเคือง “เหวินเชา ใครทำร้ายนาย บอกฉันมา ฉันจะไปล้างแค้นให้นาย”หลี่เหวินเชาร้องอย่างโอดครวญ “จะเป็นใครไปได้ ก็ไอ้สารเลวหลินเฟิงนั่นแหละ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงัก “คืนนี้หลินเฟิงอยู่ที่โรงแรมเทียนหวาตลอด” “เขาส่งลูกน้องมาทำร้ายผมไง!”หลี่เหวินเชากัดฟันพูดตอนแรกเขาอยู่ที่โรงแรมกำลังเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยง แต่แล้วไอ้สารเลวเหลยเปียวนั่นก็โผล่เข้ามาทุบตีเขาอย่างรุนแรงเขาบอกเองว่าหลินเฟิงส่งเขามาเพียงแต่ว่าหลี่เหวินเชาไม่ได้บอกเรื่องที่เขาส่งคนไปทำร้ายตีแขนของหลินเฟิงก่อน”หลี่ฮุ่ยหรานกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ “ทำไมหลินเฟิงต้องหาคนมาทำร้ายนาย?”เท่าที่เธอรู้จักเขาเขาไม่ได้เป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น?เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะแค่เห็นน้องชายของเธอขัดหูขัดตา แล้วถึงกับจะต้อง
หลินเฟิงส่ายหน้าบอก "ไม่ใช่"หลี่ฮุ่ยหรานโล่งอกไปทีแค่แป๊บเดียว จากกำปั้นที่แน่นของเธอค่อยๆคลายออก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก"หลินเฟิง ฉันต้องขอโทษแทนน้องฉันด้วยจริงๆ เหวินเชาไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อย่าเอามาใส่ใจเลยนะ"ใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจตอนนี้ทั้งสองหย่ากันแล้ว เรื่องทั้งหมดก็เจ๊ากันไปเธอไม่อยากให้ครอบครัวของเธอไปหาเรื่องเขา"ผมขี้เกียจจะยุ่งกับเขา ถ้าเขาลำนึกแล้ว ก็อย่ามายุ่งกับผมอีก""ฉันจะเตือนเขาเอง"หลี่ฮุ่ยหรานก็ยอมรับเรื่องนี้เมื่อเอายาสมุนไพรเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็จะออกไปหลินเฟิงไม่ได้ทำการยื้อเวลาใด ๆภาพด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานค่อยๆ ห่างออกไปจากนั้น ชายหนุ่มที่ย้อมผมสีเหลืองคนหนึ่งมาขวางทางของเธอเอาไว้เขายิ้มตาหยีและพูดว่า "รอก่อนนะครับคุณหลี่"หลี่ฮุ่ยหรานมองชายผมเหลืองที่ทำท่าทางทะลึ่งและถามอย่างระมัดระวังว่า "คุณเป็นใคร""ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก"ชายผมเหลืองทำท่าทะเล้น "พี่ใหญ่ของเราชื่นชมคุณหลี่มานานแล้ว อยากเชิญคุณไปพบหน่อย"หลี่ฮุ่ยหรานมองดูเขาแวบหนึ่งเขาผู้นี้มีผมสีเหลืองอร่าม ใส่ต่างหูสะดุดตาคู่หนึ่ง สักรอยสักที่มี
“มีสามสิ่งที่หลี่ซื่อกรุ๊ปจำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนตอนนี้ หากสามารถทำสามสิ่งนี้ได้ ฉัน กัวโหย่วคังจะชดใช้หนี้ที่ติดค้างบริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเดี๋ยวนี้”“และหลังจากนั้น ฉันจะมอบตัว”หลังจากพูดจบ กัวโหย่วคังก็เหลือบมองหลี่ฮุ่ยหรานอย่างดูถูกและพูดอย่างใจเย็น“ว่าไงล่ะ เธอกล้าไหม?”“ทำไมฉันต้องฟังคุณด้วย?”หลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองกัวโหย่วคังด้วยท่าทีเหมือนคนโง่และพูดอย่างเย็นชา“ตอนนี้ฉันสามารถส่งคุณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าคุณอยู่ในตำแหน่งที่จะต่อรองกับฉันได้?”“ฮ่า ๆ……”ใครก็ตามเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ กัวโหย่วคังไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังหัวเราะอย่างร่าเริงและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพูดว่า“เธอยังเด็กเกินไป ประธานกรรมการหลี่!”“ฉันได้เตรียมทางออกสำหรับตัวเองไว้แล้ว เงินที่ฉันได้รับจากบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้บริจาคให้กับองค์กรการกุศลที่ฉันก่อตั้งขึ้นเองในนามของฉันเอง”กัวโหย่วคังหรี่ตาและพูด“และองค์กรการกุศลนี้ก็อยู่ต่างประเทศ!”“ถ้าเธอส่งฉันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้ว่าฉันอาจถูกประหารชีวิต แต่เงินของบริษัทตลอดหลายปีมานี้ สลึงเดียวเธอก็เอากล
“ฉันแนะนำให้ฆ่าเขา….เพื่อเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู!”“ไม่ ๆ ต้องทำให้เขาคายเงินที่ยักยอกทั้งหมดจากบริษัทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามาซะ!”“ถูกต้อง คายเงินที่ขโมยมาออกไปก่อน แล้วค่อยจัดการกับเขา!”เมื่อได้ยินเหล่าอดีตพันธมิตรหันหลังให้ กัวโหย่วคังก็โกรธมากแต่ไม่กล้าพูดออกมาเขาแอบมองหลินเฟิงตอนนี้ กัวโหย่วคังเริ่มไตร่ตรองว่า เขาสามารถจับหลี่ฮุ่ยหรานเป็นตัวประกันได้หรือไม่ ก่อนที่หลินเฟิงจะโต้ตอบได้“ฮ่า ๆ….”เมื่อได้ยินคำพูดของเหล่าบอร์ดบริหาร "ความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม" และต้องการฆ่ากัวโหย่วคัง หลี่ฮุ่ยหรานก็เม้มริมฝีปากและยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองกัวโหย่วคังและหรี่ตาถามว่า“กรรมการกัว ตอนนี้คุณยอมรับฉันแล้วหรือยัง?”ในขั้นตอนนี้ กัวโหย่วคังรู้สึกประหลาดใจที่เธอยังคงเสียเวลาไปกับคำถามเช่นนี้เนื่องจากสถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว กัวโหย่วคังเบือนหน้าหนีไปเดินตรงไปยังมุมมืด แล้วพูดอย่างเย็นชา“ฉันยังไม่ยอมรับ!”“เธอหลอกคนโง่พวกนี้ได้ แต่เธอหลอกฉันไม่ได้!”“ตอนนี้เธอกำลังจับพวกเขาเป็นตัวประกันอยู่ เธอไม่กลัวเหรอว่าบริษัทจะเลิกจ้างผู้บริหารจำนวนมากชั่วคราวแ
เมื่อเห็นหลินเฟิงเย่อหยิ่งขนาดนั้นพวกอันธพาลกระหายเลือดเหล่านี้ ต่างตะโกนปลุกขวัญกำลังใจ "ลุย" คนทั้งกลุ่มก็คำรามและวิ่งเข้าหาหลินเฟิง“ปัง!”เมื่อเห็นจังหวะที่เหมาะสม หลินเฟิงก็เตะอันธพาลคนแรกออกไปนอกหน้าต่าง และทำให้กระจกบานใหญ่แตกอีกบานอันธพาลคนอื่น ๆ ก็มีชะตากรรมแบบเดียวกันหลินเฟิงยืนบนโต๊ะ และอันธพาลเหล่านี้ไม่สามารถทนการท้าทายของหลินเฟิงได้ ในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที มีบอดี้การ์ดสิบคนก็บินออกจากหน้าต่างจากตำแหน่งเดียวกันต้องรู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ชั้นที่ 20 และไม่มีวิธีเอาตัวรอด เมื่อถูกโยนออกจากหน้าต่างแค่ได้ยินเสียงกรีดร้องของอันธพาลเหล่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ใครคนหนึ่งสั่นสะท้านแล้วเมื่อเห็นสีหน้าผ่อนคลายของหลินเฟิง กรรมการที่เพิ่งสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อหลี่ฮุ่ยหรานต่างก็เงียบและรู้สึกขอบคุณในใจตลอดเวลาโชคดีที่พวกเขาไม่ได้ดื้อรั้นหากเลือกตามกัวโหย่วคัง เพื่อจัดการกับประธานกรรมการคนใหม่หลี่ฮุ่ยหรานไม่เช่นนั้นหากหลี่ฮุ่ยหรานกลายเป็นคนไร้ความปรานี พวกเขาก็จะถูกโยนออกไปจากตึกโดยตรงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั่นไม่ใช่แค่การชดเชยการสูญเสียของบริษัทเท่านั้นชีวิตก็ไม่มีแล้ว
อันธพาลบุกเข้ามาอย่างกล้าหาญ ทำให้ทุกคนที่อยู่ที่นั่นตะลึงชัดเจนว่ากัวโหย่วคังได้ส่งคนเหล่านี้ มารอรอบห้องประชุมล่วงหน้า ตราบใดที่เขาส่งสัญญาณ อันธพาลทั้งหมดเหล่านี้จะรีบวิ่งเข้ามาทั้งโขยงกำจัดทุกคนและปิดปากบอร์ดบริหารที่เพิ่งหันหลังให้กับกัวโหย่วคังหน้าซีดด้วยความกลัว ความรู้สึกหวาดกลัวที่น่ากลัวเติมเต็มหัวใจของพวกเขา“ไม่ต้องห่วง หลี่ฮุ่ยหรานทางไปลงนรกของแกจะไม่เงียบเหงา คนพวกนี้จะไปเป็นเพื่อนร่วมทางแกเอง”"ไปเล่าเรื่องบริษัทใหญ่ให้ยมบาลฟังนะ!""ฮ่า ๆ..."กัวโหย่วคังหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง แสดงท่าทางว่าเขาสามารถควบคุมทุกคนได้อย่างไรก็ตาม เมื่อหลี่ฮุ่ยหรานเห็นพวกอันธพาลรีบเข้ามาอย่างไม่คาดคิด เธอไม่เพียงแต่ไม่ตื่นตระหนก แต่ยังแสดงเสียงหัวเราะเย็นชาด้วย“กัวโหย่วคัง แกไม่ไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเหรอ?”"แกคิดว่าฉันไม่รู้ว่าแกจะฉีกหน้าฉันเหรอ?"“ฉันเตรียมใจไว้แล้วสำหรับสถานการณ์แบบนี้มานานแล้ว!”คำพูดของหลี่ฮุ่ยหรานมีจุดประสงค์ เพื่อปลอบใจเหล่าบอร์ดบริหาร ที่กำลังตื่นตระหนกรอบตัวและป้องกันไม่ให้พวกเขาเปลี่ยนใจไปเข้าข้างอีกฝ่ายในทางกลับกัน มันยังช่วยข่มขู่กัวโหย่วคังอีก
แข็งแกร่งกว่ากัวโหย่วคังด้วยซ้ำบอร์ดบริหารเหล่านี้ตอบสนองทันทีวิธีที่ดีที่สุดในขณะนี้คือรีบก้มหัวและขอโทษ หวังว่าอีกฝ่ายจะจ้างพวกเขาต่อไปการมอบอำนาจต่อรองให้กับเธอโดยเต็มใจเป็นหนทางเดียวที่จะรักษาทรัพย์สินและตำแหน่งของพวกเขาไว้ได้ แทนที่จะสูญเสียทรัพย์สินและสถานะทั้งหมดไปอาจกล่าวได้ว่า แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ไม่มีใครกล้าที่จะยืนหยัดต่อต้านหลี่ฮุ่ยหรานในขณะนี้ความดูถูกเหยียดหยามทั้งหมดก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลายเป็นความกลัว และการทำใจจำยอม“ฮึ่ม เนื่องจากทัศนคติของคุณจริงใจมาก ฉันจึงจะละเว้นคุณอย่างไม่เต็มใจ”หลี่ฮุ่ยหรานเหลือบมองหลินเฟิงแล้วหันไปหากรรมการเหล่านี้แล้วพูดว่า“ฉันสัญญาว่า จะไม่ทำเรื่องสกปรกที่คุณเคยทำมาก่อน แต่ต้องชดใช้ให้ฉันเต็มจำนวนสำหรับการสูญเสียที่กรุ๊ปและบริษัทต้องเผชิญ”“แน่นอน เมื่อฉันเข้ารับช่วงต่อหลี่ซื่อกรุ๊ป ฉัน หลี่ฮุ่ยหรานก็ต้องการนำหลี่ซื่อกรุ๊ปให้ใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น”“ฉันรับรองกับคุณได้ว่า ถ้าพวกคุณติดตามฉัน จะไม่มีขาดทุน และยังจะทำเงินได้มากมายอีก”“เป็นไง ทำได้ไหม?”บอร์ดบริหารรู้สึกขอบคุณสำหรับความเมตตาของเธอ จึงกราบลงและขอบคุณเธอ
เพราะตราบใดที่หลี่ฮุ่ยหรานต้องการ ก็สามารถส่งพวกเขาทั้งหมดเข้าคุกได้ทุกเมื่อพวกเขาไม่รู้ว่าหลี่ฮุ่ยหรานหาจุดอ่อนของพวกเขาเจอได้อย่างไร แถมยังรู้อย่างชัดเจน ดังนั้นพวกเขารู้สึกหงุดหงิดและหมดหนทาง และตำหนิโจวคุนที่ทรยศต่อพวกเขาทุกคนมีสีหน้าไม่สู้ดีเดิมทีพวกเขาต้องการใช้ประโยชน์จากวันนี้ เพื่อเตือนประธานกรรมการคนใหม่ แต่ไม่คิดว่าจะโดนเล่นงานเข้าซะเองเธอมีข้อมูลมากมายเกี่ยวกับพวกเขาอยู่ในมือเห็นได้ชัดว่าประธานกรรมการหญิงคนนี้ไม่ใช่แค่หุ่นเชิด เธอเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงที่เตรียมตัวมาอย่างดี“โอเค ฉันพูดจบแล้ว”หลี่ฮุ่ยหรานกางมือและพูดอย่างใจเย็น"ตอนนี้พวกคุณออกไปได้แล้ว ฉันจะไม่หยุดคุณ และฉันจะไม่ขอร้องให้พวกคุณอยู่ต่อด้วย""ฉันจะส่งเอกสารทั้งหมดนี้ให้คุณ ส่วนใครที่ฉันจะส่งให้ คุณทุกคนคงพอจะรู้แล้ว"“เมื่อถึงเวลานั้น ฉันจะเรียกประชุมผู้ถือหุ้นและหาคนมาแทนที่คุณ และคุณ โปรดชดใช้สำหรับการกระทำที่โง่เขลาของคุณอย่างเชื่อฟัง”เมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้ความปราณีของหลี่ฮุ่ยหราน ในที่สุดบอร์ดบริหารก็เริ่มกลัวกรรมการหวัง ซึ่งเคยทำให้หลี่ฮุ่ยหรานต้องอับอายหลายครั้ง ได้คุกเข่า
“นี่คือภาพที่กล้องวงจรปิดถ่าย”ขณะที่หลี่ฮุ่ยหรานเปิดเอกสารต่อหน้า ผู้จัดการจั๋วหัวล้านก็อ้าปากกว้างหลี่ฮุ่ยหรานไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?เรื่องนี้ควรจะเป็นความลับภายในบริษัท ซึ่งมีเพียงเขาและโจวคุนเท่านั้นที่รู้ ซึ่งเป็นผู้ดูแลบัญชีค่าใช้จ่ายของเขาผู้จัดการจั๋วจ้องไปที่โจวคุนโดยไม่ละสายตา ราวกับว่าไฟกำลังจะปะทุขึ้นในดวงตาของเขา“แน่นอนว่านอกจากคุณแล้ว ปัญหาใหญ่ที่สุดในกลุ่มก็คือกัวโหย่วคัง กรรมการกัว”“ในฐานะ CFO รักษาการของกลุ่ม ความคิดสร้างสรรค์ของคุณนั้นไม่มีใครเทียบได้จริง ๆ”หลี่ฮุ่ยหรานเดินไปหากัวโหย่วคัง และวางแฟ้มเอกสารไว้บนโต๊ะตรงหน้าเขา พร้อมพูดอย่างใจเย็นว่า“ก่อนที่จะมาถึงมือคุณ งบการเงินประจำปีนั้น มีแต่ได้กำไร แต่เมื่อคุณลงมือจัดการ ไม่เพียงแต่ไม่มีกำไรเท่านั้น แต่ยังขาดทุนอีกด้วย”“ที่แย่กว่านั้นก็คือตระกูลหลี่ของฉัน ยังต้องเอาเงินมาโป๊ะตัวแดงเหล่านั้นอีก”“ต้องบอกว่า คุณกล้ามาก”“ฉันได้ตรวจสอบบัญชีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และหากคุณมีคำถามใด ๆ โปรดอย่าลังเลที่จะปรึกษาฉันได้ตลอดเวลา”หลี่ฮุ่ยหรานตบไหล่กัวโหย่วคังและในขณะนี้ ดวงตาของกัวโหย่วคังก็กระตุก และเหงื่
“ฮึ่ม อย่าคิดว่าคุณจะทำให้เรากลัวได้ ลาออกก็ลาออก!”กัวโหย่วคังหรี่ตาลงและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย“ฉันอยากรอดูจริง ๆ ถ้าบริษัทนี้ไม่มีเรา คุณจะทำให้กลุ่มบริษัทใหญ่ขนาดนี้ไปรอดได้ยังไง?”“ใช่แล้ว พี่กัว พวกเราไปกันเถอะ!”“ดูสิว่า เธอทำให้กลุ่มบริษัทดำเนินงานต่อไปได้ยังไง!”“แล้วเธอจะต้องคุกเข่าลงและขอร้องพวกเรา!”บอร์ดบริหารอาวุโสหลายคนก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันภายใต้การนำของพวกเขา บอร์ดบริหารเกือบทั้งหมดลุกขึ้นยืนมีเพียงชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางสวมแว่นตา โจวคุน เท่านั้นที่ดูประหม่า เขาอยากลุกขึ้นยืนเช่นกัน แต่เขารู้สึกถึงสายตาอันเฉียบคมของหลี่ฮุ่ยหราน จึงไม่กล้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นท้ายที่สุดแล้ว แผนกที่เขาดูแลนั้นพิเศษเกินไปแผนกบัญชีซึงมีหน้าที่จัดการบัญชีภายในและรวบรวมบันทึกทางการเงินทั้งหมดของบริษัทเขามักจะช่วยบอร์ดบริหารเหล่านี้ ฟอกบัญชีของพวกเขาเป็นประจำทุกวัน หากหลี่ฮุ่ยหรานสืบสวนจริง ๆ ชีวิตของเขาจะคงจบสิ้นชีวิตที่เหลืออาจจะต้องไปกินข้าวแดงในคุกจนตายดังนั้นเขาจึงไม่กล้าขัดใจหลี่ฮุ่ยหรานแต่คนอื่นก็ไม่สนใจท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จากหลี่ฮุ่ยหรานไปแล้ว เมื่อพ
“ใช่แล้ว เราไม่ยอมรับคุณ”บอร์ดบริหารที่อยู่รอบ ๆ ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า“ถ้าจ้างคนนอกมาเป็นประธาน เราเข้าใจได้ แต่คุณเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง แถมยังเป็นคนนอกของตระกูลหลี่ นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ไม่เคยเหยียบเมืองเจิ้งเต๋อมาก่อน”“พวกเราบอร์ดบริหารไม่ชอบคนประเภทคุณที่สุด วันแรกที่นี่ แทนที่จะแสดงความเคารพ คุณกลับเข้ามาโดยแสดงอำนาจและตั้งกฎเกณฑ์ใหม่ ๆ ……คุณล้อเล่นใช่ไหม?”“ไม่มีความสามารถ ไม่มีอำนาจ ไม่มีเส้นสาย สิ่งเดียวที่คุณมีก็คือหน้าตาที่สวยงาม อะไรนะ เราควรส่งคุณออกไปต้อนรับลูกค้าและหาคู่ค้าธุรกิจให้เรางั้นเหรอ?”“ฮึฮึ... ฮ่า ๆ…..!”บอร์ดบริหารพูดคุยกันไม่หยุด และคนวัยกลางคนที่แทะโลมภาพลักษณ์ของหลี่ฮุ่ยหรานซ้ำแล้วซ้ำเล่าเธอถูกดูหมิ่นอย่างมาก“พวกคุณพูดจบหรือยัง?”หลี่ฮุ่ยหรานมองพวกเขาโดยไม่แสดงอารมณ์ และเมื่อพวกเขาเกือบจะหัวเราะ เธอจึงยืนอย่างภาคภูมิใจที่โต๊ะประชุมและพูดอย่างใจเย็น“นี่เป็นการตัดสินใจของตระกูลหลี่ที่ให้ฉันรับช่วงต่อกลุ่มการลงทุนในเมืองแห่งนี้ พวกคุณไม่มีสิทธิ์คัดค้าน” “นอกจากนี้ คุณเพิ่งพูดถึงความทุ่มเทของคุณต่อบริษัทหรือเปล่า?”หลี่ฮุ่ยหรานหัวเราะเยาะและพู