หลังจากที่คิดทบทวนอยู่หลายครั้งหลินเฟิงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วพูดว่า “การตัดช่องทางการทำเงินของคนอื่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าพ่อแม่ตัวเอง”“ในเมื่อคุณถังก็พิจารณาหลี่ซื่อกรุ๊ปไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แล้วผมจะไปทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปอีกทำไม”ถังหว่านมองไปที่หลินเฟิงอย่างยิ้ม ๆ “ฉันว่าคุณหลินน่าจะไม่อยากทำให้เรื่องมันวุ่นวายไปมากกว่านี้มากกว่าใช่ไหมคะ” “เพราะว่าคุณยังรักคุณหลี่อยู่ใช่ไหม?”หลินเฟิงเหลือบมองไปที่เธอ “ถ้าคุณคิดแบบนี้ผมก็ไม่มีอะไรจะพูด” “ตอนนี้คุณหลินก็โสดแล้ว ไม่คิดจะมีรักครั้งใหม่บ้างหรอคะ?”หลินเฟิงส่ายหน้า “ไม่อยาก” “คุณหลินนี่น่าเบื่อจริง ๆ”ถังหว่านทำปากมุ่ยน่าผิดหวังอยู่ไม่น้อยแต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้เรื่องนี้ต่อหลินเฟิงเพิ่งจะหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานได้สองวัน เรื่องบางเรื่องก็ไม่สามารถเร่งรีบได้เธอใช้มือเปิดกล่องผ้าอย่างสบาย ๆ “ฉันว่าคุณหลินสนใจเรื่องยาสมุนไพรมากกว่า” “ถ้าอย่างนั้นเห็ดหลินจืออายุร้อยปีนี้ก็ให้คุณละกัน”ทันทีที่เปิดกล่องผ้า กลิ่นหอมจาง ๆ ก็กระทบเข้ากับจมูกหลินเฟิงเริ่มมีแรงจูงใจขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่ค่อย ๆ สังเกตอย่างละเอียดถี่ถ้วนถังหว่านยักไหล่ข
นี่ถึงทำให้เธอพบว่ามีกล้องวงจรปิดติดอยู่ด้านบนศีรษะของเธอจุดไฟสีแดงกระพริบอย่างต่อเนื่อง “บอกตามตรง ฉันไม่อยากให้คุณรับผิดชอบโครงการพัฒนาที่ซีเฉิงเลยจริง ๆ” “แต่น่าเสียดายมีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปของคุณต้องล่มสลาย ฉันเองก็ไม่สามารถทำอะไรได้!” “สองวันหลังจากนี้มาที่อาคารสำนักงานใหญ่ถังซวนเพื่อเซ็นสัญญาละกัน”เมื่อได้ยินว่าถังหว่านให้ตัวเองเข้าไปเซ็นสัญญาหลี่ฮุ่ยหรานดีใจไม่ออกไปพักหนึ่งเธอพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “คุณถัง คุณตามดูคนอื่นลับหลังแบบนี้ก็ไม่ดีหรือเปล่า?”ถังหว่านที่อยู่ในห้องวงจรปิดยิ้มเยาะ “ตราบใดที่ฉันต้องการ ทั้งวันคุณเข้าห้องน้ำกี่ครั้งฉันก็สามารถรู้ได้” “ครั้งนี้ ฉันจะยกโทษให้ ครั้งหน้าถ้ายังกล้าพูดถึงฉันไม่ดีลับหลังอีก ระวังฉันจะไม่เกรงใจ” “ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด”หลี่ฮุ่ยหรานค่อย ๆ วางสายโทรศัพท์ลงจางกุ้ยหลานถามด้วยความสังสัย “ใครหรอ?” “ถังหว่าน” “คุณถังพูดว่าอย่างไรบ้าง?” จางกุ้ยหลานถามด้วยแววตาเป็นประกายทั้งสองข้าง “เธอบอกว่ามีคนไม่อยากให้หลี่ซื่อกรุ๊ปต้องล่มสลาย หลังจากนี้สองวันให้ฉันเข้าไปเซ็นสัญญาที่ตึกสำนักงานใหญ่ถังซวน”หลี่ฮุ่ยหรานพูดอย่างเหนื่อยใจถึงแม
หวางเส้าหลงพูดขึ้นทันที “ฮุ่ยหราน พวกเราอย่าเสียเวลาเปลืองน้ำลายไปพูดกับคนบ้านี้เลย” “วันนี้มีเรื่องมากมาย ผมคิดว่าคุณคงเหนื่อยแย่แล้ว” “ผมเปิดห้องวีไอพีไว้ที่โรงแรมเทียนอวี่ คุณกับคุณป้าไปพักผ่อนก่อนดีกว่าไหม?”จางกุ้ยหลานตอบตกลงอยู่หลายครั้ง “ดีเลย ดีเลย วันนี้ฉันเหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว” “ลูกสาว พวกเราไปกันเถอะ”จางกุ้ยหลานดึงมือลูกสาวอย่างเร่งเร้าหลี่ฮุ่ยหรานยืนนิ่งอยู่กับที่ “แม่คะช่างมันเถอะ”เธอรู้ดีว่าหวางเส้าหลงกำลังคิดอะไรอยู่แต่ว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเริ่มความสัมพันธ์ใหม่จางกุ้ยหลานเหลือบมองไปที่หลินเฟิง “ช่างมันอะไรกัน ลูกจะรีบกลับบ้านเร็วไปทำไม? ยังไงเสียที่บ้านก็ไม่มีผู้ชาย”เมื่อหวางเส้าหลงเห็นแบบนั้น เขาก็รีบตีเหล็กในขณะที่ยังร้อนอยู่ “ใช่แล้ว ฮุ่ยหราน ดีเลยคืนนี้พวกเราจะได้คุยกันต่อเรื่องการเซ็นสัญญาในวันพรุ่งนี้”ในเวลานี้ หลินเฟิงลุกขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชา แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความโกรธ “หลี่ฮุ่ยหราน ผมแนะนำให้คุณรีบกลับบ้านอย่าเถลไถลไปไหน”ภรรยาของตัวเองที่เพิ่งจะหย่าได้สองวัน จะไปเปิดห้องกับชายอื่นเสียแล้วในใจของหลินเฟิงรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม
ภายในห้องมีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งในตอนนี้หลายคนก็ได้นั่งไปแล้วถังหว่านยิ้มและพูดว่า “หลินเฟิง ฉันขอแนะนำคุณสักหน่อย” “ท่านนี้คือผู้ว่าเมืองเจียงโจว หลิวกั๋วฮุย”ท่านแรกเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าทรงเหลี่ยมน่าเกรงขามพยักหน้าให้เล็กน้อยหลินเฟิงยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า “ผมเคยพบกับท่านผู้ว่าหลิวแล้ว”จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ไล่แนะนำต่อไปเรื่อย ๆ “ท่านนี้คือประธานหอการค้าเจียงโจว ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตา ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว...”หลังจากแนะนำไปแล้วรอบหนึ่ง ผู้คนบนโต๊ะเกือบทั้งหมดต่างก็เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองเจียงโจวหลินเฟิงคำนับทักทายพวกเขาทีละคนสุดท้ายถังหว่านก็ได้แนะนำเขาให้ทุกคนรู้จัก “ท่านนี้ก็คือหลินเฟิงที่ฉันพูดถึง”ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตากล่าวขึ้นทันที “ดูจากมารยาทของคุณหลินแล้ว คงจะเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอยู่บ้าง”หลินเฟิงกล่าวอย่างถ่อมตัว “พอรู้แค่เล็กน้อย ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไรหรอกครับ”เกี่ยวกับเรื่องที่หลินเฟิงฝึกพัฒนาหัตถ์สายฟ้า ถังหว่านยังไม่ได้พูดขึ้นมาให้ใครฟังและก็ยังสั่งให้ฉินอิ๋งเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเด็ดขาด
ระหว่างคิ้วของหลินเฟิงแสดงถึงความมั่นใจอย่างแน่วแน่ “ไม่เพียงเท่านั้น ท่านผู้ว่าหลิวทุกเช้าหลังจากตื่นนอนจะรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อเอวเมื่อยล้า แขนขาอ่อนแรง”หลิวกั๋วฮุยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และมองไปที่หลินเฟิงอย่างจริงจัง “คุณรู้ได้อย่างไร?”เจ้าเด็กนี่ยังไม่เคยได้จับชีพจรของเขาเลยสักครั้ง และก็ยังไม่เคยได้ตรวจร่างกายของเขาเลยอาจจะเป็นไปได้ว่าถังหว่านไปเล่าอาการป่วยของตัวเองให้เขารู้ก่อนหน้านี้?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อาการเจ็บป่วยทั้งหมดของท่านผู้ว่าหลิวต่างเขียนแสดงอยู่บนใบหน้า แค่มองก็รู้แล้ว”หลิวกั๋วเฟิงหัวเราะเยาะออกมา “แค่มองหน้าฉันก็สามารถรู้อาการของฉันได้หมดเลยหรอ?” “ถ้าอย่างนั้นนายลองบอกมาว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นโรคอะไร?”หลินเฟิงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “เลือดและลมปราณพร่อง ไฟหยินกำเริบ จัดอยู่ในกลุ่มอาการของหัวใจและปอด” “ท่านผู้ว่าหลิวป่วยเป็นโรคปอดขั้นรุนแรง ถ้าตามการคาดการณ์ของผมอีกไม่เกินสามวัน อาการของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลงไปอีก” “ควรได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด”ทันทีที่พูดจบ ภายในห้องก็เงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งวินาทีต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “ฮ่าฮ
ณ โรงพยาบาลเจียงโจวหลี่เหวินเชาที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลส่งเสียงร้องอย่างโอดครวญแขนของเขาถูกดามด้วยเฝือก ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อยดวงตาของจางกุ้ยหลานเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เธอกล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เจ็บปวด “เหวินเชา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ใครทำร้ายลูกจนต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ห้ะ?”หวางเส้าหลงพูดอย่างโกรธเคือง “เหวินเชา ใครทำร้ายนาย บอกฉันมา ฉันจะไปล้างแค้นให้นาย”หลี่เหวินเชาร้องอย่างโอดครวญ “จะเป็นใครไปได้ ก็ไอ้สารเลวหลินเฟิงนั่นแหละ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงัก “คืนนี้หลินเฟิงอยู่ที่โรงแรมเทียนหวาตลอด” “เขาส่งลูกน้องมาทำร้ายผมไง!”หลี่เหวินเชากัดฟันพูดตอนแรกเขาอยู่ที่โรงแรมกำลังเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยง แต่แล้วไอ้สารเลวเหลยเปียวนั่นก็โผล่เข้ามาทุบตีเขาอย่างรุนแรงเขาบอกเองว่าหลินเฟิงส่งเขามาเพียงแต่ว่าหลี่เหวินเชาไม่ได้บอกเรื่องที่เขาส่งคนไปทำร้ายตีแขนของหลินเฟิงก่อน”หลี่ฮุ่ยหรานกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ “ทำไมหลินเฟิงต้องหาคนมาทำร้ายนาย?”เท่าที่เธอรู้จักเขาเขาไม่ได้เป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น?เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะแค่เห็นน้องชายของเธอขัดหูขัดตา แล้วถึงกับจะต้อง
หลินเฟิงส่ายหน้าบอก "ไม่ใช่"หลี่ฮุ่ยหรานโล่งอกไปทีแค่แป๊บเดียว จากกำปั้นที่แน่นของเธอค่อยๆคลายออก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก"หลินเฟิง ฉันต้องขอโทษแทนน้องฉันด้วยจริงๆ เหวินเชาไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อย่าเอามาใส่ใจเลยนะ"ใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจตอนนี้ทั้งสองหย่ากันแล้ว เรื่องทั้งหมดก็เจ๊ากันไปเธอไม่อยากให้ครอบครัวของเธอไปหาเรื่องเขา"ผมขี้เกียจจะยุ่งกับเขา ถ้าเขาลำนึกแล้ว ก็อย่ามายุ่งกับผมอีก""ฉันจะเตือนเขาเอง"หลี่ฮุ่ยหรานก็ยอมรับเรื่องนี้เมื่อเอายาสมุนไพรเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็จะออกไปหลินเฟิงไม่ได้ทำการยื้อเวลาใด ๆภาพด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานค่อยๆ ห่างออกไปจากนั้น ชายหนุ่มที่ย้อมผมสีเหลืองคนหนึ่งมาขวางทางของเธอเอาไว้เขายิ้มตาหยีและพูดว่า "รอก่อนนะครับคุณหลี่"หลี่ฮุ่ยหรานมองชายผมเหลืองที่ทำท่าทางทะลึ่งและถามอย่างระมัดระวังว่า "คุณเป็นใคร""ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก"ชายผมเหลืองทำท่าทะเล้น "พี่ใหญ่ของเราชื่นชมคุณหลี่มานานแล้ว อยากเชิญคุณไปพบหน่อย"หลี่ฮุ่ยหรานมองดูเขาแวบหนึ่งเขาผู้นี้มีผมสีเหลืองอร่าม ใส่ต่างหูสะดุดตาคู่หนึ่ง สักรอยสักที่มี
มุมปากของเขาเผยอขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาแอบยิ้มในใจ "สวรรค์ช่วยผมจริงๆ เป็นฮีโร่ที่ช่วยสาวงามมันช่างเพอร์เฟคอะไรอย่างนี้ คุณตกหลุมรักผมรึเปล่า?"ชายผมเหลืองจับหน้าอกตัวเองที่พึ่งถูกเตะไป และรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวางเส้าหลงเขาชี้ไปที่หน้าของหวางเส้าหลงและพูดอย่างโกธรแค้นว่า "มีปัญญาแค่นี้หรอ คอยดูเถอะ""รอให้พี่ใหญ่ของกูมาจัดการกับมึง"หวางเส้าหลงเท้าสะเอวและพูดตะเบ่งเสียงออกมาว่า "กูจะรอมึงอยู่ที่นี่ ถ้ามึงไม่มานะ มึงก็เป็นหลานชายของผมแล้ว"ชายผมสีเหลืองไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะแข็งแกร่งแบบนี้ เขาจึงรีบกลับไปเรียกคนมา"ฮื้อ"หวางเส้าหลงส่งเสียงอย่างหงุดหงิด และหันไปดูหลี่ฮุ่ยหรานเขาถามเธอด้วยความใส่ใจ "ฮุ่ยหราน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้าไปมา แต่ดวงตาของเธอมองไปตรงหลินเฟิงที่ห่างไปไม่ไกลเธอคิดว่าหลินเฟิงจะเป็นคนที่ช่วยเหลือเธอได้ในช่วงวิกฤตแต่ในที่สุดเขาก็ยืนไม่สนใจอยู่ตรงนั้นความผิดหวังเกิดขึ้นในใจของเธอเธออาจจะไม่มีตัวตนในสายตาของเขาแล้วหวางเส้าหลงมองตามสายตาของเธอไปแล้วก็เห็นว่าหลินเฟิงอยู่ที่นี่สายตาที่อ่อนนุ่มนั้นกลายเป็นเย็นชาไปในทันที "คนแซ
หลินเฟิงลงจากรถ พร้อมกับอิ่นนั่วเจีย มองดูรอยไหม้ที่บนท้องถนนทีละรอย"เอ๊ะ?"หลินเฟิงพบกระดุมเม็ดหนึ่งที่ตกหล่นอยู่บนพื้นหญ้าริมถนนซึ่งไม่มีใครสังเกตเห็น“นี่คือ......”ดวงตาของอิ่นนั่วเจียเบิกกว้าง ริมฝีปากสีแดงของเธอเปิดออก ใบหน้าตกตะลึงกระดุมเม็ดเล็กขนาดนี้ หลินเฟิงเห็นได้ยังไง?“รูปแบบของกระดุมแบบนี้... อืม ผมเดาดูนะ มันคงหลุดออกโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนที่เขาเอื้อมมือไปดึงคนขับออกจากรถ สุดท้ายก็กลิ้งตกไปที่ข้างถนน”หลินเฟิงทำท่าทำทางบางอย่างภายใต้การจ้องมองของอิ่นนั่วเจียจากนั้นเขาจึงตรวจสอบอีกครั้งสุดท้ายก็พบว่าคนเหล่านี้ระมัดระวังมากพอจริงๆ นอกจากกระดุมที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรเม็ดนี้แล้ว ก็ไม่มีร่องรอยใดๆ เหลืออยู่เลยจริงๆแต่แค่กระดุมเม็ดเดียวก็เพียงพอแล้วหลินเฟิงขับรถพาอิ่นนั่วเจียกลับเมืองเจิ้งเต๋อทันที และไปหาบริษัทออกแบบเสื้อผ้าเครือข่ายใหญ่แห่งหนึ่งภายใต้อิทธิพลของอำนาจเงินผู้หญิงที่ดูเหมือนผู้จัดการเอ่ยปากพูด“รูปแบบของกระดุมเม็ดนี้มีความพิเศษมาก มันคือกระดุมบนแขนเสื้อสูท จากการเปรียบเทียบของเรา กระดุมเม็ดนี้ได้รับการออกแบบมาจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าหลงชิ่งในเมื
“คุณอย่าเพิ่งตื่นตระหนก”หลินเฟิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง และพูดความสงสัยของตัวเองออกมา:“นอกจากการข่มขู่แล้ว คนเหล่านี้รู้เวลาและสถานที่ส่งมอบสินค้าที่แน่ชัดของบริษัทได้อย่างไร?”"คุณเคยคิดเรื่องนี้บ้างไหม?""จริงด้วย!"อิ่นนั่วเจียอยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี ดังนั้นสติปัญญาของเธอจึงไม่ได้แย่ เธอเข้าใจความหมายของหลินเฟิงได้ทันทีมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือมีหนอนบ่อนไส้หนอนบ่อนไส้ได้เปิดเผยเวลาและสถานที่ที่ชัดเจนในการจัดส่งให้โลกภายนอกทราบหากไม่เช่นนั้นคงไม่ทำให้พวกเขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ"แต่ว่า......"อิ่นนั่วเจียรู้สึกลำบากใจ“เนื่องจากช่วงนี้บริษัทบันเทิงได้ขยายขนาดและจ้างพนักงานจำนวนมาก จึงทำให้มีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่ในบริษัท ยากที่จะทำการคัดกรอง”“ผมจะไปที่นั่นหน่อย เจอหน้าแล้วไว้คุยกัน”หลินเฟิงวางสายโทรศัพท์ และขับรถบูกัตติ เวย์รอนไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ทางเหนือของเมืองเจิ้งเต๋อทั้งสวนถูกหลี่ซื่อกรุ๊ปซื้อเอาไว้หมดแล้วแม้ว่าสถานที่แห่งนี้ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่างที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้วมีสตูดิโอถ่ายทำโดยเฉพาะ อาคารบันทึกเสียง ห้อง
“อาจารย์หลิน คุณมีบุญคุณต่อฉันอย่างใหญ่หลวง ฉันอวี๋จื่อเสวียนไม่มีอะไรจะตอบแทนคุณได้ ไม่สู้ถวายตัวให้...”"เอ่อ?"สาวๆ ที่มารวมตัวกันอยู่รอบโต๊ะอาหาร รวมถึงหลี่ฮุ่ยหราน หลินเสวี่ยฮุ่ย จ้าวหลิงเยว่และคนอื่น ๆ ทุกคนต่างมองไปที่อวี๋จื่อเสวียนอย่างไม่เป็นมิตร“พวก…พวกคุณมองฉันทำไม?”อวี๋จื่อเสวียนรู้สึกอึดอัดที่ถูกมอง จึงเกาหัวแล้วพูดว่า:“อาจารย์ศิษย์รักกันไม่ได้เหรอ?”“อาจารย์กับศิษย์...”หลินเฟิงไออย่างรุนแรงและจ้องมองอวี๋จื่อเสวียนอย่างดุดัน“เด็กเมื่อวานซืน เธอพูดเหลวไหลอะไรน่ะ?!”หลินเฟิงพูดดุ แล้วมองไปที่ลุงอวี๋ที่อยู่ข้างๆ “ลุงอวี๋ คุณต้องสั่งสอนลูกสาวของคุณให้ดีๆ นะครับ”"เอ่อ?"ลุงอวี๋กลับหัวเราะแห้งๆ“ลูกสาวของฉันโตแล้ว เธอจะตัดสินใจเลือกเอง ฉันคิดได้แล้ว และในฐานะพ่อของเธอ ฉันควรสนับสนุนการตัดสินใจของเธอ”"พ่อ!"อวี๋จื่อเสวียนน้ำตาคลอมองดูลุงอวี๋"หึหึ......"ลุงอวี๋ก็มองลูกสาวด้วยสายตาที่ชื่นชมเช่นกันเห็นได้ชัดว่า ลุงอวี๋ไม่ได้ต่อต้านหลินเฟิงเลย จากเมื่อก่อนที่ระวังเขา ตอนนี้เขาแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้หลินเฟิงเป็นลูกเขยของเขาแล้ว“......”หลี่ฮุ่ยหรานถือชามแ
“อ๊ะ? ครับ ผมเข้าใจแล้ว”ตู้เผิงรีบตบหน้าอกของตัวเอง เพื่อบอกว่าไว้ใจเขาจัดการได้มีการรับรองจากรองหัวหน้าแก๊งเลี่ยหยาง อวี๋จื่อเสวียนถึงวางใจได้ในที่สุดรอให้ตู้เผิงได้ส่งทั้งสองออกไปอย่างเคารพเขาหันไปมองทางซุนเชี่ยนที่ซ่อนตัวอยู่ในครัว แล้วเผยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนพูดว่า:“ไปกันเถอะคุณซุน”“ไป…ไปที่ไหน?”ซุนเชี่ยนแอบสังเกตห้องรับแขกผ่านร่องประตูห้องครัวมาโดยตลอด เมื่อเธอเห็นว่าตู้เผิงหันเป้าหมายมาทางเธอ เธอก็ตกใจกลัวจนสติกระเจิงทันทีต้องรู้ไว้ว่า คนของแก๊งเลี่ยหยางนั้นเป็นคนที่โหดร้ายฆ่าคนโดยไม่กะพริบตา!หากเธอตกไปอยู่ในมือของพวกเขา เกรงว่าอยากตายก็ยังยาก“พาคุณออกไปจากที่นี่ก่อนเถอะครับ อ่อใช่ ท่านหลินขอให้ผมช่วยประคับประคองคุณ ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณจะเป็นรองผู้จัดการแก๊งเลี่ยหยางของเราแล้ว!”“อ่อ...ฮะ?! อะไรนะ?!”เมื่อซุนเชี่ยนได้ยินสิ่งที่ตู้เผิงพูด เธอก็ตกใจจนตื่นเต้นไปหมดเธอจะต้องเป็นผู้จัดการของคนไร้ความปราณีที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตางั้นเหรอ?!”“ทำไมครับ? คุณซุนไม่เต็มใจเหรอครับ?”แม้ว่าตู้เผิงจะกำลังยิ้มอยู่ แต่จากฟิลเตอร์ที่น่าหวาดกลัวของซุนเชี่ยน เขา
ปู่ของเขาคือหมอเลี่ยวผู้โด่งดังระดับโลกเชียวนะ!หลานชายของหมอเลี่ยวเรียกอาจารย์หลินเฟิงงั้นเหรอ?ตู้เผิงนวดขมับของเขา ความตกตะลึงที่มีต่อหลินเฟิงไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้“ไปที่ห้องข้างๆ ก่อน พาคนที่ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วไปด้วย ที่ชั้นบนยังมีอีกคน”หลินเฟิงชี้ไปในทิศทางหนึ่งแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ ฉันใช้พลังชี่ของฉันในการเย็บแผลบนร่างกายของพวกเขา ต้องใช้สมุนไพรสมบัติล้ำค่ากว่าร้อยปีเพื่อรักษาพลังชี่ของไว้ประมาณหนึ่งสัปดาห์”“คนที่อยู่ห้องข้างๆ ชื่อฟางเลี่ยง ค่ารักษาที่ต้องใช้จ่ายเรียกเก็บที่ฉันได้ ส่วนคนที่อยู่ชั้นบน เรียกเก็บจากตระกูลซุน”ได้ยินหลินเฟิงใช้คำพูดสั้นๆ อธิบายเรื่องที่น่าหวาดกลัวเลี่ยวจงตัวสั่นสะท้าน ท่าทางของคนทั้งคนก็ถ่อมตัวมากยิ่งขึ้นเลี่ยวจงในตอนนี้ อารมณ์ซับซ้อนอย่างถึงที่สุดอันดับแรกเขาได้ยินชัดเจนว่าหลินเฟิงใช้พลังชี่แท้เย็บแผล พลังชี่แท้จริงสามารถนั้นได้จริงหรือ?แพทย์แผนโบราณประเทศมังกรจะอัศจรรย์เกินไปหน่อยไหม?จากนั้นใช้สมุนไพรสมบัติล้ำค่าหลายร้อยประคองพลังชี่แท้ไว้ เวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ก็สามารถรักษาหายได้?เลี่ยวจงงุนงงไปหมดวิธีการนี้เกินจริงไปหน่อยแ
เมื่อเห็นว่าหลินเฟิงพูดแบบนี้ ตู้เผิงก็ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆยังไงวันนี้พูดทุกอย่างออกไปแล้ว เขาไม่มีทางที่จะแตะต้องภรรยาของซุนหยวนเหว่ยอีก ดังนั้นตระกูลซุนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งเลี่ยหยางของเขาอีกต่อไปแม้ว่าคนรักของเขาจะขอร้องเขาอย่างสิ้นหวัง แต่ตู้เผิงก็ตอบกลับเธอเพียงคำเดียว"ไสหัวไป!"“ขอร้องล่ะนังหนู เมื่อครู่ฉันผิดเอง เธอขอร้องอาจารย์ของเธอ ให้เขาคืนไตของลูกชายฉันมาได้ไหม ฉันเอาอะไรมาแลกก็ได้”เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ จากตู้เผิงได้เลย ภรรยาของซุนหยวนเหว่ยก็ไม่กล้าที่จะวิงวอนหลินเฟิง ได้แต่หันหัวหอกไปทางอวี๋จื่อเสวียนเท่านั้นกลับไม่รู้เลยว่า อวี๋จื่อเสวียนคือคนที่เกลียดตระกูลซุนของพวกเขามากที่สุดเธอเหลือบมองหญิงวัยกลางคนด้วยความดูถูก ยิ้มเยาะพูดว่า:“ไตของลูกคุณหมายถึงอะไร?”“พวกเราเพิ่งพูดชัดเจนแล้วว่านี่คือไตของฟางเลี่ยง ฟางเลี่ยงมีเมตตา เสียสละตนเองเพื่อช่วยชีวิตลูกชายของคุณ”“แต่ตระกูลซุนของคุณล่ะ? เคยให้ความเคารพแก่ฟางเลี่ยงผู้มีพระคุณคนนี้สักนิดบ้างไหม?”“ฉันกับอาจารย์หลินไม่ใช่คนไร้เหตุผล เงินสองล้านห้าแสนบาทคืนให้พวกคุณแล้ว เรื่องไตของฟางเลี่ยง ต
ภรรยาของซุนหยวนเหว่ยก็ไม่ได้มีเวลาสนใจอะไรขนาดนั้นแล้ว“ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณอยู่บนเตียง ก็ไม่เคยทำท่าทางอย่างในวันนี้กับฉันเลยนะ!”“อะไรนะ?!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ซุนหยวนเหว่ยที่อยู่ไกล ๆก็รู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่าภรรยาของตัวเอง คิดไม่ถึงว่าจะนอกใจตัวเอง.....แววตาของซุนหยวนเหว่ยมืดลงจนแทบจะหมดสติไปและตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้วว่า เพราะอะไรแก๊งเลี่ยหยางถึงได้กระตือรือร้นที่จะปกป้องตัวเองมากขนาดนี้หลังจากวุ่นวายมาครึ่งวัน ก็เป็นภรรยาของตัวเองที่เหยียบเรือสองแคมเมื่อเห็นหญิงสาวคนนี้คอยรังควานตัวเองอยู่ ในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับหลินเฟิง ตู้เผิงก็รู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยตู้เผิงไม่ได้โง่ว่าระหว่างหลินเฟิงกับคนรักแล้ว มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคิดอะไรเลยเขาเลือกหลินเฟิงอย่างไม่ลังเลน่าขันถ้าหากช่วยผู้หญิงคนนี้จัดการหลินเฟิงต่อให้ตู้เผิงมีหลายชีวิตก็ไม่เพียงพอที่จะให้หลินเฟิงฆ่าได้ต่อให้วันนี้เขาโชคดีสามารถพาคนรักของตัวเองหนีไปได้แต่หลังจากกลับไปที่แก๊งเลี่ยหยาง พี่ใหญ่ของตัวเอง ตู้ไหวก็จะไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆอยู่ดีหลินเฟิงกับคนรักดูเหมือนว่าจะต้องเลือกระหว่างท่านหลินก
หลังจากนั้นไม่นาน ซุนหยวนเหว่ยก็เอามือปิดหน้าของตัวเองเอาไว้ พร้อมกับมองไปทางตู้เผิงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ“น้อง...น้องตู้เผิง นาย...นายตบฉันทำไม?”“ตบคุณทำไม? วันนี้ฉันยังอยากจะฆ่าคุณให้ตายด้วยซ้ำ!”ตู้เผิงพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของซุนหยวนเหว่ย แล้วผลักเขาลงบนโต๊ะอาหารไม้เนื้อแข็งในบ้านของตัวเอง“ปัง!”ซุนหยวนเหว่ยรับการโจมตีอย่างหนักในครั้งนี้ ริมฝีปากก็ถึงกับมีเลือดออก แล้วฉากตรงหน้าก็เริ่มที่จะพร่ามัวเขาพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นจากพื้น และไม่รอให้เขาได้พูดอะไร ก็ได้เห็นฉากที่ทำให้หัวใจของเขาเย็นวาบไปถึงกระดูกเพียงแค่เห็นตู้เผิงโบกมือ และเรียกลูกน้องแก๊งเลี่ยหยางทั้งหมดในแก๊งที่ติดตามเขามา ทยอยพากันคุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าหลินเฟิง“สวัสดีครับ ท่านหลิน!”“สวัสดีครับ ท่านหลิน!”ซุนหหยวนเหว่ยที่เพิ่งจะยืนขึ้นได้ ก็ได้ยินเสียงทักทายดังสนั่นพร้อม ๆกัน ทันใดนั้นก็ราวกับว่าพละกำลังทั้งหมดถูกดึงออกไปจนหมด แล้วก็ล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับเสียงดังโครม“ท่านหลิน? อะไร.....”ซุนหยวนเหว่ยมองดูฉากตรงหน้าด้วยความตกใจ คนทั้งคนดูงุนงงไปหมดผู้ชายที่เย่อหยิ่งคนนั้น เป็นใครกันแน่?ทำไม...แ
ป้าจางก็กลัวเช่นเดียวกัน เธอไม่เคยเห็นซุนหยวนเหว่ยมีท่าทางที่ดุร้ายอย่างนี้มาก่อนเลยเธอไม่กล้าขัดขืน ก่อนจะรีบกดปุ่มในห้องรับแขกเพื่อเปิดประตูเหล็กที่ด้านนอกคฤหาสน์ทันใดนั้นก็มีเสียงดังวุ่นวายเข้ามาเมื่อรับรู้ถึงเสียงฝีเท้าที่ดังกึกก้องเข้ามาใกล้ที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ รอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซุนหยวนเหว่ย“ยังอยากจะทำให้ฉันกลัวอยู่อีกเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใครกัน?!”“ล่วงเกินฉัน ก็แสดงว่าหาเรื่องกับตระกูลจีและแก๊งเลี่ยหยางด้วย ฉันอยากจะรู้ว่าเบื้องหลังของแกมีอะไรกันแน่ ใครที่จะสามารถปกป้องแกได้!”เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสียงคำรามที่ดุดันของซุนหยวนเหว่ย หลินเฟิงก็ส่ายหน้าด้วยความเสียดาย แม้แต่แววตาที่มองไปทางซุนหยวนเหว่ยก็ยังเต็มไปด้วยความสงสาร“ปัง!”เพียงแค่เห็นประตูคฤหาสน์ที่จู่ ๆก็ถูกเตะเปิดออก ก็มีชายหนุ่มในชุดสูทเดินนำหน้าเข้ามาเขาถือแท่งเหล็กอยู่ในมือ ในปากคาบบุหรี่ ทั้งยังสวมแว่นตากันแดดสีฉูดฉาดอีกด้วย ดูมีออร่าไปทั้งตัวอย่างมาก“ซุนหยวนเหว่ย ทำไมเปิดประตูก็ยังต้องใช้เวลานานขนาดนี้อีก? ใครกล้าทำเรื่องบ้า ๆในตระกูลซุนของคุณ?”ในขณะที่ชายในชุดสูทกำลังไต่ถาม