ภายในห้องมีโต๊ะอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งในตอนนี้หลายคนก็ได้นั่งไปแล้วถังหว่านยิ้มและพูดว่า “หลินเฟิง ฉันขอแนะนำคุณสักหน่อย” “ท่านนี้คือผู้ว่าเมืองเจียงโจว หลิวกั๋วฮุย”ท่านแรกเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าทรงเหลี่ยมน่าเกรงขามพยักหน้าให้เล็กน้อยหลินเฟิงยกมือขึ้นคารวะแล้วพูดว่า “ผมเคยพบกับท่านผู้ว่าหลิวแล้ว”จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ ไล่แนะนำต่อไปเรื่อย ๆ “ท่านนี้คือประธานหอการค้าเจียงโจว ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตา ท่านผู้นำอุตสาหกรรมยาสมุนไพรเจียงโจว...”หลังจากแนะนำไปแล้วรอบหนึ่ง ผู้คนบนโต๊ะเกือบทั้งหมดต่างก็เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในเมืองเจียงโจวหลินเฟิงคำนับทักทายพวกเขาทีละคนสุดท้ายถังหว่านก็ได้แนะนำเขาให้ทุกคนรู้จัก “ท่านนี้ก็คือหลินเฟิงที่ฉันพูดถึง”ท่านผู้นำแห่งสำนักเจียงโจวเทียนเตากล่าวขึ้นทันที “ดูจากมารยาทของคุณหลินแล้ว คงจะเคยฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอยู่บ้าง”หลินเฟิงกล่าวอย่างถ่อมตัว “พอรู้แค่เล็กน้อย ไม่ถึงกับเก่งกาจอะไรหรอกครับ”เกี่ยวกับเรื่องที่หลินเฟิงฝึกพัฒนาหัตถ์สายฟ้า ถังหว่านยังไม่ได้พูดขึ้นมาให้ใครฟังและก็ยังสั่งให้ฉินอิ๋งเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับอย่างเด็ดขาด
ระหว่างคิ้วของหลินเฟิงแสดงถึงความมั่นใจอย่างแน่วแน่ “ไม่เพียงเท่านั้น ท่านผู้ว่าหลิวทุกเช้าหลังจากตื่นนอนจะรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อเอวเมื่อยล้า แขนขาอ่อนแรง”หลิวกั๋วฮุยสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ และมองไปที่หลินเฟิงอย่างจริงจัง “คุณรู้ได้อย่างไร?”เจ้าเด็กนี่ยังไม่เคยได้จับชีพจรของเขาเลยสักครั้ง และก็ยังไม่เคยได้ตรวจร่างกายของเขาเลยอาจจะเป็นไปได้ว่าถังหว่านไปเล่าอาการป่วยของตัวเองให้เขารู้ก่อนหน้านี้?”หลินเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อาการเจ็บป่วยทั้งหมดของท่านผู้ว่าหลิวต่างเขียนแสดงอยู่บนใบหน้า แค่มองก็รู้แล้ว”หลิวกั๋วเฟิงหัวเราะเยาะออกมา “แค่มองหน้าฉันก็สามารถรู้อาการของฉันได้หมดเลยหรอ?” “ถ้าอย่างนั้นนายลองบอกมาว่าแท้จริงแล้วฉันเป็นโรคอะไร?”หลินเฟิงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “เลือดและลมปราณพร่อง ไฟหยินกำเริบ จัดอยู่ในกลุ่มอาการของหัวใจและปอด” “ท่านผู้ว่าหลิวป่วยเป็นโรคปอดขั้นรุนแรง ถ้าตามการคาดการณ์ของผมอีกไม่เกินสามวัน อาการของเขาจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่แย่ลงไปอีก” “ควรได้รับการรักษาอย่างเร็วที่สุด”ทันทีที่พูดจบ ภายในห้องก็เงียบกริบไปชั่วขณะหนึ่งวินาทีต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น “ฮ่าฮ
ณ โรงพยาบาลเจียงโจวหลี่เหวินเชาที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลส่งเสียงร้องอย่างโอดครวญแขนของเขาถูกดามด้วยเฝือก ไม่สามารถขยับได้เลยแม้แต่น้อยดวงตาของจางกุ้ยหลานเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา เธอกล่าวออกมาพร้อมกับสีหน้าที่เจ็บปวด “เหวินเชา นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ใครทำร้ายลูกจนต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้ห้ะ?”หวางเส้าหลงพูดอย่างโกรธเคือง “เหวินเชา ใครทำร้ายนาย บอกฉันมา ฉันจะไปล้างแค้นให้นาย”หลี่เหวินเชาร้องอย่างโอดครวญ “จะเป็นใครไปได้ ก็ไอ้สารเลวหลินเฟิงนั่นแหละ”หลี่ฮุ่ยหรานชะงัก “คืนนี้หลินเฟิงอยู่ที่โรงแรมเทียนหวาตลอด” “เขาส่งลูกน้องมาทำร้ายผมไง!”หลี่เหวินเชากัดฟันพูดตอนแรกเขาอยู่ที่โรงแรมกำลังเตรียมตัวจะไปงานเลี้ยง แต่แล้วไอ้สารเลวเหลยเปียวนั่นก็โผล่เข้ามาทุบตีเขาอย่างรุนแรงเขาบอกเองว่าหลินเฟิงส่งเขามาเพียงแต่ว่าหลี่เหวินเชาไม่ได้บอกเรื่องที่เขาส่งคนไปทำร้ายตีแขนของหลินเฟิงก่อน”หลี่ฮุ่ยหรานกลับรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ “ทำไมหลินเฟิงต้องหาคนมาทำร้ายนาย?”เท่าที่เธอรู้จักเขาเขาไม่ได้เป็นคนที่คิดเล็กคิดน้อยแบบนั้น?เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเพราะแค่เห็นน้องชายของเธอขัดหูขัดตา แล้วถึงกับจะต้อง
หลินเฟิงส่ายหน้าบอก "ไม่ใช่"หลี่ฮุ่ยหรานโล่งอกไปทีแค่แป๊บเดียว จากกำปั้นที่แน่นของเธอค่อยๆคลายออก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก"หลินเฟิง ฉันต้องขอโทษแทนน้องฉันด้วยจริงๆ เหวินเชาไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อย่าเอามาใส่ใจเลยนะ"ใบหน้าของหลี่ฮุ่ยหรานเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจตอนนี้ทั้งสองหย่ากันแล้ว เรื่องทั้งหมดก็เจ๊ากันไปเธอไม่อยากให้ครอบครัวของเธอไปหาเรื่องเขา"ผมขี้เกียจจะยุ่งกับเขา ถ้าเขาลำนึกแล้ว ก็อย่ามายุ่งกับผมอีก""ฉันจะเตือนเขาเอง"หลี่ฮุ่ยหรานก็ยอมรับเรื่องนี้เมื่อเอายาสมุนไพรเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็จะออกไปหลินเฟิงไม่ได้ทำการยื้อเวลาใด ๆภาพด้านหลังของหลี่ฮุ่ยหรานค่อยๆ ห่างออกไปจากนั้น ชายหนุ่มที่ย้อมผมสีเหลืองคนหนึ่งมาขวางทางของเธอเอาไว้เขายิ้มตาหยีและพูดว่า "รอก่อนนะครับคุณหลี่"หลี่ฮุ่ยหรานมองชายผมเหลืองที่ทำท่าทางทะลึ่งและถามอย่างระมัดระวังว่า "คุณเป็นใคร""ผมเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก"ชายผมเหลืองทำท่าทะเล้น "พี่ใหญ่ของเราชื่นชมคุณหลี่มานานแล้ว อยากเชิญคุณไปพบหน่อย"หลี่ฮุ่ยหรานมองดูเขาแวบหนึ่งเขาผู้นี้มีผมสีเหลืองอร่าม ใส่ต่างหูสะดุดตาคู่หนึ่ง สักรอยสักที่มี
มุมปากของเขาเผยอขึ้นโดยไม่รู้ตัวเขาแอบยิ้มในใจ "สวรรค์ช่วยผมจริงๆ เป็นฮีโร่ที่ช่วยสาวงามมันช่างเพอร์เฟคอะไรอย่างนี้ คุณตกหลุมรักผมรึเปล่า?"ชายผมเหลืองจับหน้าอกตัวเองที่พึ่งถูกเตะไป และรู้ว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหวางเส้าหลงเขาชี้ไปที่หน้าของหวางเส้าหลงและพูดอย่างโกธรแค้นว่า "มีปัญญาแค่นี้หรอ คอยดูเถอะ""รอให้พี่ใหญ่ของกูมาจัดการกับมึง"หวางเส้าหลงเท้าสะเอวและพูดตะเบ่งเสียงออกมาว่า "กูจะรอมึงอยู่ที่นี่ ถ้ามึงไม่มานะ มึงก็เป็นหลานชายของผมแล้ว"ชายผมสีเหลืองไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะแข็งแกร่งแบบนี้ เขาจึงรีบกลับไปเรียกคนมา"ฮื้อ"หวางเส้าหลงส่งเสียงอย่างหงุดหงิด และหันไปดูหลี่ฮุ่ยหรานเขาถามเธอด้วยความใส่ใจ "ฮุ่ยหราน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หลี่ฮุ่ยหรานส่ายหน้าไปมา แต่ดวงตาของเธอมองไปตรงหลินเฟิงที่ห่างไปไม่ไกลเธอคิดว่าหลินเฟิงจะเป็นคนที่ช่วยเหลือเธอได้ในช่วงวิกฤตแต่ในที่สุดเขาก็ยืนไม่สนใจอยู่ตรงนั้นความผิดหวังเกิดขึ้นในใจของเธอเธออาจจะไม่มีตัวตนในสายตาของเขาแล้วหวางเส้าหลงมองตามสายตาของเธอไปแล้วก็เห็นว่าหลินเฟิงอยู่ที่นี่สายตาที่อ่อนนุ่มนั้นกลายเป็นเย็นชาไปในทันที "คนแซ
ในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลเมืองเจียงโจวหลี่ฮุ่ยหรานเอนตัวและก้มหน้าลงครุ่นคิดอะไรบางอย่างในทางเดินหวางเส้าหลงเข้ามาและถามอย่างอ่อนโยน "ฮุ่ยหราน คุณกำลังคิดอะไรอยู่""ไม่มีอะไร"หวางเส้าหลงถามหยั่งเชิง "ไม่ใช่ว่าคิดถึงหลินเฟิงอยู่เหรอ?"หลี่ฮุ่ยหรานฝืนยิ้มและส่ายหน้า "ฉันจะคิดถึงเขาทำไม""ใช่ครับ ไอ้ขยะนี่ คุณรีบลืมเขาไปเถอะ"หวางเส้าหลงดูถูกเขาและพูดต่อว่า "แม้ว่าคุณจะเป็นภรรยาเก่าของเขา แต่พอเห็นว่าคุณตกอยู่ในอันตราย เขาก็กลับไม่กล้าเข้าไปช่วย""ผู้ชายแบบนี้ไว้ใจไม่ได้เลย"หลี่ฮุ่ยหรานพยักหน้าคุณหวางถือโอกาสหยิบแหวนเพชรออกมาจากกระเป๋าของเขาเขามองเธออย่างรักใคร่ "ฮุ่ยหราน นี่คือรุ่นล่าสุดของห้างเทียนเป่าหวีอวี้หางเลยนะ ผมตั้งใจซื้อมาให้คุณโดยเฉพาะ""เดิมทีอยากซื้อเป็นของขวัญสำหรับความร่วมมือกับตระกูลถัง แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสจะให้คุณเมื่อวานนี้"หลี่ฮุ่ยหรานตกใจมาก "คุณหวาง มันหมายถึงอะไร""ฮุ่ยหราน คุณไม่รู้ความหมายของน้ำใจของผมจริงๆหรอ?" สายตาของหวางเส้าหลงร้อนผ่าวมาก และจ้องมองเธออย่างตั้งใจหลี่ฮุ่ยหรานไม่กล้าสบตากลับ "คุณหวาง น้ำใจคุณฉันรับไว้แล้ว แต่ฉันคิด
แอบด่าในใจว่าจางกุ้ยหลานมันปัญญาอ่อนซะจริงๆพวกมันมีคนมากมายขนาดนั้น ตัวเขาเองจะไปต่อสู้ได้อย่างไรตอนนี้เขาจะวิ่งหนีก็ไม่ได้ ไม่หนีก็ไม่ได้ชายผมเหลืองนึกขึ้นได้ว่ามีคนหนึ่งจึงชี้ไปที่หวางเส้าหลงที่อยู่ด้านหลังและพูดว่า "พี่ใหญ่ ไอ้เหี้ยนี่ที่ตีผมเอง"ชั่วครู่หนึ่ง สายตาของคนพวกนี้ก็มองตรงไปที่เขาหวางเส้าหลงรู้สึกพะว้าพะวังอย่างมากเขากัดฟันเดินไปข้างหน้าหลี่ฮุ่ยหรานเพื่อปกป้องเธอให้หลบอยู่ข้างหลังเขาเขาจำใจต้องพูดว่า "ทุกคนต่างก็มีหน้ามีตาในสังคม""ตอนนี้เราก็อยู่ในสังคม ใช้มีดใช้ขวานมาตีกันแบบมันไม่ดีนะ ทุกคนไว้หน้าผมบ้าง ผมจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลของน้องชายคุณให้แล้วกันดีไหม""เรื่องนี้ช่างมันเถอะ""ฉาด" พี่ใหญ่ยกมือตบหน้าเขาหนึ่งทีตบหวางเส้าหลงจนมึนงงรู้สึกเวียนหัวและตาลาย"มึงคือใครวะต้องไว้หน้ามึง?"หวางเส้าหลงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เพราะเขาถูกตบหน้าสามครั้งแล้วภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวันเขาพูดด้วยความโกรธว่า "ผมเป็นหวางเส้าหลงของตระกูลหวาง""หวางเส้าหลงอะไรวะ กูไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน จัดการมันซะ!"พอพี่ใหญ่ออกคำสั่งลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาก็รีบพุ่งเข้าไป
"ปังๆๆ"มีเสียงหนักอู้อี้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องกลุ่มอันธพาลล้มลงตามเสียงไม่มีใครต้านทานหมัดของหลินเฟิงได้เหมือนรถถังในรูปแบบมนุษย์ และกำลังจะมาชนพี่ใหญ่"ขวาง ... ขวางเขา ขวางเขา" พี่ใหญ่สะดุ้งเจ้านี้มันเหมือนหมาบ้า มันน่ากลัวมากเกินไปแล้ว กลุ่มลูกน้องกลุ่มหนึ่งอยากยื่นมือเข้ามาขวาง แต่แค่โดนชนเบาๆ ของหลินเฟิง แขนของพวกเขาก็หักทันทีหลินเฟิงมาตรงหน้าของพี่ใหญ่ ใช้มือที่มันเหมือนสร้างจากเหล็กของเขาค้ำคอของพี่ใหญ่"วู ... "พี่ใหญ่รู้สึกว่าจู่ๆ ตัวเองหายใจก็ลำบาก เขาปล่อยหลี่ฮุ่ยหรานไปโดยไม่รู้ตัวอีกมือหนึ่งก็รีบเอามือไปข้างหลังของเขาดึงมีดสปริงออกมาคมมีดเงาๆ ส่งความรู้สึกหนาวเย็นเขาด่าทอว่า "ไปตายซะ""ระวัง" หลี่ฮุ่ยหรานตะโกนเธออยากห้ามเขา แต่มันก็สายเกินไปชั่วอึดใจเดียว มืออีกข้างของหลินเฟิงบีบข้อมือของเขาอย่างแรงมีดคมกริบอยู่ห่างจากท้องของหลินเฟิงเพียงหนึ่งนิ้ว แต่มันก็ยากที่จะให้ไปไกลกว่านี้หลินเฟิงถือโอกาสบิด"ก๊อก" มีเสียงดังขึ้นแขนของพี่ใหญ่หมุนหนึ่งร้อยแปดสิบองศาแขนถูกบิดจนเสียรูป"อ้า ... มือของกู ... มือของกู ... "หลี่ฮุ่ยหรานกลืนน้ำลาย
“คุณท่านรอง ไอ้หมอนี่พาลเกเรที่ตระกูลเฝิงของเราครับ!”“ใช่ครับคุณท่านรอง ไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว!””วันนี้พวกเราจะปิดประตูตีสุนัข สั่งสอนเขาอย่างดีสักหน่อย!”“หุบปาก”ฟังถึงตรงนี้ เฝิงเอ้อจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้นเขาเหลือบมองหลินเฟิง ไม่ได้พูดขอโทษอะไร แต่กลับมองไปทางลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงและพูดอย่างเย็นชาว่า:“ผู้ที่มาเยือนคือแขก ตระกูลเฝิงของเราจะให้คนนอกหัวเราะเยาะไม่ได้”“แยกย้ายไปให้หมด!”“แต่ว่าคุณท่านรอง...”“ทำไม?”เฝิงเอ้อถลึงตาใส่ และพูดด้วยความโมโห:“ไม่ฟังคำสั่งของฉันงั้นเหรอ?”“......”เห็นเฝิงเอ้อแสดงอำนาจ ลูกศิษย์ตระกูลเฝิงที่อยู่ในเหตุการณ์ทำได้แค่ส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ และพากันแยกย้าย ก่อนจะเดินออกไป ก็ไม่ลืมที่จะถลึงตาใส่หลินเฟิง“คุณหลินเฟิง ไม่ว่าคุณจะมองตระกูลเฝิงของเรายังไง ลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาอบรมสั่งสอน”“หวังว่าคุณจะเข้าใจ”หลังจากพูดคำเหล่านี้จบ เฝิงเอ้อก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปหลินเฟิงได้ยินแบบนี้ ก็รู้ว่าเฝิงเอ้อคนนี้ไม่ได้รู้สึกคาดหวังอะไรต่อเขาเลยสักนิด สำหรับเรื่องที่หลินเฟิงพูดว่าสามารถแก้พิษให้อวี
หลินเฟิงตามกลุ่มคนตระกูลเฝิงมาที่ตึกเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังตรงสวนหลังบ้าน ยังไม่ได้เข้าประตู หลินเฟิงก็เห็นหมอเทวดาเลี่ยวที่ถูกคนกลุ่มหนึ่งติดตามมาเขาไม่ได้เข้าไปทักทาย แต่ยืนอยู่นอกกลุ่มคนเพราะว่าผู้คุ้มกันของตระกูลเฝิงสองคนจับตาดูเขาอยู่ตลอดพวกเขาสองคนอนุญาตให้หลินเฟิงรออยู่ตรงนี้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้เขาเข้าไปยุ่งวุ่นวายในเมื่อเฝิงอวี้อู่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีชื่อเสียงและอำนาจมากที่สุดในตระกูลเฝิงพวกเขาได้ยินมานานแล้วว่า สภาพครึ่งเป็นครึ่งตายของคุณชายเฝิงอวี้อู่ในตอนนี้ เป็นฝีมือของหลินเฟิงถึงแม้หลินเฟิงไม่ได้เป็นคนวางยา และหลินเฟิงก็ชี้แจงแล้วว่า เขาไม่ใช่คนชั่วช้าต่ำทรามที่ใช้แผนลวงทำร้ายคนอื่นแต่ความโมโหแบบนี้ยังคงมีอยู่และยิ่งเป็นคนชั้นล่างของตระกูลเฝิง ผลกระทบแบบนี้ก็ยิ่งมีมากดังนั้นเหล่าผู้คุ้มกันตระกูลเฝิง จึงยังคงมีท่าทางไม่เป็นมิตรต่อหลินเฟิงเป็นอย่างมากถึงขั้นที่มีลูกศิษย์ของตระกูลเฝิงจำนวนมากขยับเข้ามา อยากจะประลองฝีมือกับหลินเฟิง ลองดูว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆ หรือไม่ถ้าหากไม่ได้ผู้คุ้มกันตระกูลเฝิงขวางไว้ ตรงนี้คงเกิดการปะทะครั้งใหญ่ขึ้นตั้งนานแล
“ง่ายมาก”หลินเฟิงยืดอก พูดด้วยความมั่นใจว่า:“ผมช่วยแก้พิษให้เฝิงอวี้อู่ ส่วนคุณ บอกเบาะแสะของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊กับผม เป็นยังไง?”“พรวด”คิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงเพิ่งพูดแบบนี้จบ เฝิงหลีที่อยู่ข้างๆ ก็หัวเราะออกมาเขามองไปทางหลินเฟิงด้วยความเยาะหยันและพูดว่า:“คุณหลินคนนี้ คุณคงไม่ได้คิดว่าพวกเราโง่เหมือนกับคุณหรอกนะ? ใครจะเชื่อคำพูดไร้สาระของคุณได้?”“ผมได้พูดกำชับหลายครั้งแล้วว่า ยาโลหิตปลิดชีพเป็นยาพิษพิเศษของสำนักร้อยพิษ ไม่ใช่ผู้อาวุโสของเราแก้พิษก็ไม่มีทางแก้ได้”“ส่วนคุณพูดจาโอ้อวดอยู่ตรงนี้ ไม่กลัวว่าฟ้าจะผ่าลิ้นบ้างเหรอ?”เผชิญหน้ากับการเยาะหยันของเฝิงหลี หลินเฟิงไม่ได้รู้สึกโกรธเพียงแค่ส่ายหน้าช้าๆ พูดว่า:“ผู้นำตระกูลเฝิง ผมมองออกถึงความลำบากใจของคุณ”“ไม่สู้เอาแบบนี้ คุณพาผมไปพบเฝิงอวี้อู่ตอนนี้ รักษาหายไม่หาย ก็คิดบัญชีกับผมได้”“ถ้าหากรักษาหาย คุณก็บอกเบาะแสของหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊กับผม แต่ถ้าหากรักษาไม่หาย...ผมก็จะติดเชื้อพิษ และก็จะต้องตายเพราะคำพูดโอ้อวดของผม”“เป็นยังไง?”ได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองของหลินเฟิง เฝิงชางนิ่งอึ้งเล็กน้อย
“ขู่นายนี่แหละ จะทำไม?”เฝิงเอ้อก็ไม่เสแสร้งแล้ว เขาชักดาบสะท้อนแสงเล่มใหญ่ออกมาจากด้านหลัง ฟันไปบนโต๊ะเสียงดังปึง จ้องมองหลินเฟิงด้วยความดุดันและพูดอย่างโมโหว่า:“วันนี้ถ้านายพูดไม่ชัดเจน นายก็อย่าได้คิดจะออกจากตระกูลเฝิงเลย!”“พรวด...”ในตอนที่บรรยากาศค่อยๆ เปลี่ยนไปตึงเครียดเฝิงหลีที่อยู่ข้างๆ กลับหลุดหัวเราะออกมากระทันหัน“นายหัวเราะอะไร?!”เฝิงเอ้อไม่พอใจอย่างมากเป้าหมายที่เขาข่มขู่หลินเฟิงแบบนี้ ก็เพราะไม่อยากให้ไอ้หมอนี่สมหัวงถ้าหากสามารถได้รับวิธีการรักษาอวี้อู่จากตัวหลินเฟิง งั้นพวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องมอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ออกไปแล้วเมื่อเป็นแบบนี้ ก็จะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางกับกลุ่มพันธมิตรบู๊แล้วและก็ไม่ต้องทิ้งจุดอ่อนเอาไว้แต่ทว่าแม้แต่เรื่องที่แม้แต่เฝิงเอ้อยังสามารถคิดได้ เฝิงหลีจะคิดไม่ได้ได้อย่างไร?เขากวาดตามองหลินเฟิงด้วยความเหยียดหยาม และก็มองไปทางเฝิงเอ้ออีกครั้ง:“ฉันว่านะพี่รอง ฉันเคยพูดไว้แล้ว พิษที่อวี้อู่โดนคือยาโลหิตปลิดชีพ พิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก”“บนโลกนี้แล้ว นอกจากผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษ ก็ไม่มีใครสามารถแก้พิษนี้ได้แล้ว”“ไอ้ห
“ที่คุณหลินพูดถึง ไม่ทราบว่ารับการไหว้วานมาจากใคร? ตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ทำไม?”ตอบกลับด้วยคำถามง่ายๆเตะบอลกลับมาที่เท้าของหลินเฟิงใหม่อีกครั้ง“ได้รับการไหว้วานจากพ่อของผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ สำหรับเรื่องที่ตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ทำไมนั้น...”หลินเฟิงหยุดชะงัก ในหัวครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และยิ้มบางพูดว่า:“ตอนเด็กผมเคยมีหมั้นหมายกับผู้นำกลุ่มพันธมิตรบู๊ ที่มาตามหาในวันนี้ เพื่อให้การหมั้นหมายเสร็จสมบูรณ์”“หือ?”เฝิงชางนิ่งอึ้งเล็กน้อยผู้นำของกลุ่มพันธมิตรบู๊มีหมั้นหมายแล้วงั้นเหรอ? ภายในกลุ่มพันธมิตรบู๊ก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่พูดจาซี้ซั้วหรอกนะ?เฝิงชางหรี่ตาลง ในใจครุ่นคิดไม่หยุดส่วนทางด้านหลินเฟิงเขาจำเป็นต้องหาข้ออ้างที่สมเหตุสมผล หาสถานะที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพื่อที่จะให้เขาตามหาผู้นำกลุ่มพันธมิตรไม่อย่างนั้นคุณจะเข้ายุ่งเรื่องภายในของกลุ่มพันธมิตรบู๊ได้อย่างไร?ในตอนนี้เอง หลินเฟิงก็มีข้ออ้างแล้วหยินหลิงเป็นหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรของพวกคุณ เป็นเรื่องภายในของกลุ่มพันธมิตรบู๊ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ฉันตามหาคู่หมั้นของตัวเอง มีปัญหาไ
ตอนที่หลินเฟิงขับรถมาถึงที่จวนตระกูลเฝิงเมืองหนิงโจวก็ดึกแล้วภายใต้การนำทางของคนรับใช้ เขามองดูคฤหาสน์สไตล์โบราณของตระกูลเฝิง ในใจกลับเกิดความแปลกใหม่เล็กน้อยตระกูลเฝิงนี้เป็นตระกูลบู๊โบราณจริงๆ ด้วยแม้แต่การตกแต่งคฤหาสน์ก็ยังเป็นสไตล์โบราณ ศาลาและอาคาร ถึงขั้นยังสามารถมองเห็นภูเขาน้ำพุปลอม และบ่อปลาใต้ทางเดินได้ด้วย มีน่าสนใจอยู่นิดหน่อยหลินเฟิงถูกคนรับใช้ของตระกูลเฝิงจัดแจงอยู่ที่ห้องรับแขกแถมยังเสิร์ฟชาให้กับเขาแก้วหนึ่งการต้อนรับอย่างสมเกียรติแบบนี้หลินเฟิงคิดไม่ถึง เดิมคิดว่าตระกูลเฝิงจะมาคิดบัญชีกับเขาโดยตรงไม่นานนัก หลินเฟิงก็ได้เห็นกับคนคุ้นเคยเห็นเพียงแค่เฝิงไฉ่เซวียนที่สวมชุดฝึกวิชาที่รัดรูปเดินเข้ามา แวบแรกที่เขาเห็นหลินเฟิงก็นิ่งอึ้งครู่หนึ่ง และพูดด้วยความตกตะลึงว่า:“คุณจริงๆ ด้วย คุณ...คุณมาที่ตระกูลเฝิงของฉันได้ยังไง?”“หรือว่า...”เธอสีหน้าซีดเซียว ยังคิดว่าหลินเฟิงมาคิดบัญชีกับตระกูลเฝิงของเธอในเมื่อจากมุมมองของเธอหลินเฟิงถูกคนของตระกูลเฝิงไปก่อความวุ่นวายที่บริษัทอย่างไม่มีเหตุผลก่อน หลังจากนั้นถูกตระกูลเฝิงกับตระกูลสยงใส่ความ จากนั้นก็ถูกบังคั
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเฝิงเอ้อน้องชายคนรองแสดงความคิดเห็นที่ไม่ดีต่อเขาขนาดนี้อีกทั้งเมื่อเฝิงหลีควบคุมอำนาจทั้งตระกูลเฝิงก็จะตกไปอยู่ในอ้อมกอดของสำนักร้อยพิษโดยสิ้นเชิงตกไปเป็นหนูทดลองของสำนักร้อยพิษดังนั้นต่อให้ครั้งนี้เฝิงหลียินยอม สีหน้าของเฝิงชางยังคงไม่ได้ผ่อนคลายแม้แต่นิด“พี่ใหญ่ ไม่สู้พวกเรารับปากดีไหม?”เฝิงเอ้อมองไปทางพี่ใหญ่ของตัวเองและพูดอย่างร้อนใจ:“เพียงแค่ไม่เป็นหมาให้สำนักร้อยพิษ ให้พวกเขารักษาอวี้อู่หายก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน”“ไร้เดียงสา”เฝิงชางเหลือบมองเฝิงเอ้อน้องรองของตัวเอง และส่ายหน้าพูดว่า:“นายคิดจริงๆ เหรอว่าเฝิงหลีมาช่วยพวกเรา?”เขาหัวเราะเยาะพูดอีกว่า:“ถ้าหากพวกเรามอบตัวหัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊ออกไปให้สำนักร้อยพิษตอนนี้ นายคิดดูสิ ถ้าหากทางด้านกลุ่มพันธมิตรบู๊รู้เรื่องนี้ ต่อไปสถานการณ์ของพวกเราตระกูลเฝิงจะเป็นยังไง?”“อ๊ะ!”เฝิงเอ้อตบหน้าขาของตัวเอง และมองไปทางเฝิงหลีด้วยความโมโหอย่างมาก:“ฉันรู้อยู่แล้วว่าคนชั่วอย่างแกไม่ได้หวังดี!”“ไม่ไม่ไม่”เฝิงหลีส่ายหน้ายิ้มพูดว่า:“พี่ใหญ่ ผู้อาวุโสของสำนักร้อยพิษเคยบอกไว้แล้ว”“อันที่จริ
“อวี้อู่เป็นถึงอันดับสองของลำดับสวรรค์นะ!”ชายร่างใหญ่ร้อนใจจนหัวปั่น:“พี่ใหญ่ นี่คือลูกชายของพี่นะ!”“พี่คิดดูให้ดี ถ้าหากต่อไปอวี้อู่เติบโตขึ้นมา ตระกูลเฝิงของเราอย่าว่าแต่จะกลายเป็นตระกูลร่ำรวยของหัวตงเลย แม้แต่เข้าสู่เมืองจิงก็ไม่ใช่ปัญหาเลย!”“ฉันรู้”เฝิงชางถอนหายใจออกมา“แต่ตอนนี้นอกจากสำนักร้อยพิษ ยังมีใครที่สามารถช่วยอวี้อู่ได้อีก?”“ถ้าหากพวกเรายอมรับเงื่อนไขของสำนักร้อยพิษ เช่นนั้นการฝึกวิทยายุทธและการต่อสู้หลายชั่วคนนับร้อยปีของพวกเราตระกูลเฝิง ก็จะมลายหายไป”เฝิงชางจ้องมองน้องชายของตัวเองอย่างเย็นชาและพูดว่า:“ถึงเวลา สำนักร้อยพิษก็จะควบคุมตระกูลเฝิงของเราอย่างสิ้นเชิง แบบนี้ยังไม่เหมือนกับกลุ่มพันธมิตรบู๊”“กลุ่มพันธมิตรบู๊เป็นเพียงแค่องค์กรที่หละหลวง แต่สำนักร้อยพิษ...คนตระกูลเฝิงของเราก็จะตกไปเป็นหนูทดลองของสำนักร้อยพิษโดยสิ้นเชิง!”“เพื่ออวี้อู่คนเดียว เสียสละคนตระกูลเฝิงจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าหากนายเป็นผู้นำตระกูล นายสามารถทำการตัดสินใจแบบนี้ได้งั้นเหรอ?”“พี่ใหญ่ พี่พูดมีเหตุผลจริงๆ นั่นแหละ แต่ว่า...”ชายร่างใหญ่อยากจะย้อนแย้ง แต่ก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะย้อน
ชายร่างใหญ่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกำลังจะชี้หน้าด่าทอพี่ชายของตัวเองแต่ประโยคที่เรียบง่ายของเฝิงชางในตอนนี้ ทำให้ชายร่างใหญ่มีหนวดเครานิ่งอึ้งทันที“หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊อยู่ที่จวนของเรา”“อะไร? หัวหน้ากลุ่มพันธมิตรบู๊? พี่หมายถึง...”“อืม”จ้องมองสีหน้าเหลือเชื่อของน้องชายตัวเอง เฝิงชางพยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม“เธอได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก วิทยายุทธถูกทำลายจนแทบหมดไป”เฝิงชางพูดต่อ“งั้น...ชีพจรมังกร...”“ชีพจรมังกรไม่ได้อยู่ในมือของเธอแล้ว”คำพูดของเฝิงชางทำให้ชายร่างใหญ่เผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา“ฉันรู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ตอนที่ฉันสนับสนุนเธอ ก็มีความคิดที่เหมือนกันกับนาย”เฝิงชางพูดอย่างเรียบเฉย:“แต่ก่อนหน้านี้ เธอได้มอบชีพจรมังกรออกไปแล้ว อีกทั้งนักบู๊จำนวนร้อยกว่าคนที่กลุ่มพันธมิตรบู๊ส่งมาในครั้งนี้ ในกลุ่มพวกเขามีผู้แข็งแกร่งแดนแปรภาพช่วงกลางจำนวนมาก ได้เสียชีวิตทั้งหมด”“มีเพียงแค่เธอที่ยืนหยัดลมหายใจสุดท้ายหนีออกมา”เฝิงชางสีหน้าเคร่งขรึม ถอนหายใจพูดว่า:“ฉันสามารถมองออกได้ว่า ชีพจรมังกรเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเฝิงของเราจะเกี่ยวข้องได้”“บา