เขาคือราชามังกรที่คอยสั่นประสาทผู้ทรงอิทธิพลจากทั่วทุกมุมโลก แถมยังเป็นแพทย์เซียนชื่อดังที่ชอบทำตัวลึกลับไม่เปิดเผยตัวตน เขากลับมาไปยังเมืองอย่างติดดินแต่กลับถูกสมาชิกตระกูลหลินดูหมิ่น และแม้แต่คู่หมั้นของเขาก็ยังอยากที่จะยุติการหมั้นหมายกับเขาด้วย ถ้าเช่นนั้น ทุกอย่างก็คงเริ่มต้นหลังจากการยุติการหมั้น…
View Moreสีหน้าบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงดูขัดแย้งกันอย่างมาก สำหรับเขาแล้ว จี้หยกนี้คือสมบัติล้ำค่ามากสำหรับเขา ที่สำคัญเลยก็คือ ปัจจุบันยังไม่มีใครร่วงรู้เรื่องที่เขาเป็นผู้ครอบครองจี้หยกหนึ่งในสองชิ้นนั้นเลยสักคนแม้ว่าตอนนี้จะมีเพียงชิ้นเดียว แต่เขาก็พอจะใช้ประโยชน์จากมันได้เพราะไม่อย่างนั้น เขาก็แทบจะไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพยดาแดนดินได้เลยแม้ว่าแหวนเองก็เป็นสมบัติล้ำค่า แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของที่มีมูลค่าเท่านั้น ไม่มีก็ไม่เป็นไรแต่หากตนสามารถตามหาจี้หยกอีกชิ้นจนพบ และสามารถบรรลุพลังของมันได้ บางทีสักวันตนอาจจะแข็งแกร่งจนสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ จากนั้นจึงค่อยแย่งทุกอย่างกลับคืนมาอันที่จริง เหตุผลที่ส่งสองพี่น้องเจวี๋ยเทียนเจวี๋ยซินมาจัดการเรื่องรวมสำนักศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อเตรียมตัวสำหรับการค้นหาจี้หยกในอนาคตได้อย่างสะดวกนั่นเองอย่างไรก็ตาม หากพึ่งแค่พลังของตัวเอง ก็เกรงว่าคงไม่มีทางแย่งจี้หยกจากมือของผู้อารักขาเฟยหลงมาได้แน่จากการที่เขาทำการศึกษาค้นคว้ามาหลายปี ก็พบว่า หากต้องการเปิดเผยความลับของจี้หยก เกรงว่าคงต้องหาจี้หยกอีกชิ้นให้พบเสียก่อน เขาถึงจะพอมีหวังใ
“เอ่อ เช่นนั้นผู้อาวุโสยังมีเรื่องอะไรที่ต้องการอีกไหมครับ?” บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงรีบถามขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตัวเขาได้มีการคาดการณ์ผลลัพธ์นี้เอาไว้แล้วแต่แรก ไม่เช่นนั้น เมื่อกี้สิ่งแรกที่ทำคงไม่ใช่การตั้งท่าเตรียมหนีแบบนั้นหรอกผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างพวกเรา แต่ไหนแต่ไรก็เป็นพวกที่มีแค้นต้องชำระ หากเป็นตัวเขา เกรงว่าก็คงจะกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซากเหมือนกัน ไม่ก็ให้อีกฝ่ายมาเป็นทาสรับใช้ และทำตามคำสั่งของตนเสียเย่เทียนหยู่เหลือบมองอีกฝ่าย เมื่อพิจารณาถึงอายุของเขา กับความจริงที่ว่าเขาอยู่ในระดับเทพยดาแดนดินเพียงคนเดียวแล้ว เกรงว่าคงจะมีของสะสมอยู่ไม่น้อย เขาจึงพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “ฮึ สิ่งที่ผมต้องการนั้นง่ายมาก ก็ให้คุณชดใช้ด้วยชีวิตยังไงล่ะ”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ยกมือขวาขึ้น จากนั้นแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา และเนื่องจากการควบคุมของเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนและแยบยลมาก เขาจึงสามารถควบคุมพลังให้พุ่งเป้าไปที่บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงแค่คนเดียวได้บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่น่ากลัวกำลังพุ่งตรงเข้ามาที่เขา สีหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นเทาไปหมด “ช้าก่อน ช้าก่อนครับ ผมมีของดีอยู่ ขอผู้
เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนต่างก็พากันรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งหมายความว่ายังไง หรือที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงนิ่งไป ที่แท้คือเขากำลังแกล้งตายเพื่อที่จะหลบอยู่ในหลุมลึกอย่างนั้นเหรอเมื่อบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็ขาวซีดทันที เขามีทักษะหนึ่งที่เรียกว่าวิชาเต่าหายใจ หลังจากที่เขาถูกโจมตี เขาก็จะสามารถใช้วิชานี้ได้ทันที ซึ่งวิชานี้จะทำให้เขาสามารถปกปิดลมหายใจทั้งหมดได้ ปกปิดได้กระทั่งการเต้นของหัวใจเมื่อเทียบกับการแกล้งตายแล้ว ก็แทบจะไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลยแต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า วิธีนี้อีกฝ่ายก็ยังมองออกได้อยู่ดี“แก แกรู้ได้ยังไง?” บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงยืนขึ้นด้วยความสั่นเทา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการต่อสู้แรกที่เจอหลังจากการเลื่อนระดับจะมีผลลัพธ์เช่นนี้“ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่ทุกครั้งที่ผมเป็นคนลงมือ ผมใช้พลังไปมากแค่ไหนตัวผมนั้นรู้ดี หมัดนั้น ยังไม่สามารถเอาชีวิตคุณได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีราบเรียบหลังจากที่คำนี้ถูกพูดออกมา บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก กระบวนท่าทั้งสองครั้งนั้นทำให้เขาแทบช็อค เกรงว่าครั้งต่อไ
ขณะเดียวกันนั้นเอง ร่างของเย่เทียนหยู่ก็เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วราวกับภูตผี แทบจะเหมือนกับการใช้เวทเคลื่อนที่พริบตาเลยด้วยซ้ำ ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ขอบของหลุมลึกความเร็วของเขาค่อนข้างที่จะเร็วมาก เร็วเสียจนคนธรรมดาไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งก็มีเพียงผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเท่านั้น บางทีพวกเขาเองก็อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จึงจะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้สักนิดสักหน่อย แต่ก็เท่านั้นฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงกันอีกครั้งพวกเขาต่างจ้องมองด้วยดวงตาเบิกโพลง แทบจะไม่อยากเชื่อกับฉากที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมากจริง ๆสีหน้าเจวี๋ยเทียนที่เดิมทีก็ดูแย่เพราะอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว ตอนนี้กลับซีดหนักกว่าเดิม ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”แต่ความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ พลังของเจ้าตำหนักหยู่นั้นเกินกว่าที่เขาจิตนาการเอาไว้เสียอีก เกรงว่าเขาคงทะลวงเข้าสู่ระดับเทพยดาแดนดินไปตั้งนานแล้วในเวลานี้ เจวี๋ยเทียนก็นึกถึงคำที่เย่เทียนหยู่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา บอกว่าเขามาที่นี่ก็เพื่อขึ้นนั่งบ
เจวี๋ยเทียนและศิษย์สำนักเจวี๋ยฉิงคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าหูของตัวเองนั้นมีปัญหา หูคงฝาดไปแล้วแน่ ๆ ปกติจะต้องเป็นอีกฝ่ายที่ร้องโอดครวญด้วยความกลัวไม่ใช่รึไงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเสียงของบรรพจารย์!เดิมทีมู่หรงอินและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อมกันอยู่ก่อนแล้ว และพร้อมจะทุ่มสุดชีวิตเข้าไปช่วยเย่เทียนหยู่ได้ทุกเมื่อการที่ทุกคนสามารถพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้นั้น แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ต้องมีไพ่ตายที่น่ากลัวเป็นของตัวเอง ถึงยังไงพวกเขาก็คิดที่จะทุ่มสุดชีวิตอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินเสียงนี้เข้าเสียก่อนนี่คือเสียงของบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงงั้นเหรอ?นี่คงไม่ได้ฟังผิดไปหรอกใช่ไหม?ในขณะที่ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่นั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็กระแทกลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา หลังจากที่เขาควบคุมพลังที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายเสร็จ เขาก็พลิงฝ่ามือลงในทันทีร่างของบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงร่วงหล่นลงมาจากอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจังผั๊วะ!ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ฝุ่นบนพื้นฟุ้งกระจายเต็มสนาม แต่ก็ยังพอจะสามารถเห็นร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังถูกแรงกดดันกดทับเอาไว้อยู่ ก่อนที่ต่อมาจะตกลงสู
“......”แต่ละคนต่างก็พูดเร่งเร้าเขาไม่หยุดเจวี๋ยเทียนและศิษย์สำนักคนอื่น ๆ จากสำนักเจวี๋ยฉิงต่างก็รู้สึกอึ้งไปตาม ๆ กัน พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่า เย่เทียนหยู่สามารถทำให้เกิดฉากเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้ยังไงรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเอายาสั่งให้ทุกคนกินยังไงอย่างงั้น เพราะไม่งั้นจะมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไรนี่มันลูกรักเทพเจ้าชัด ๆ!“ฮ่า ๆ......”“น่าสนใจมาก น่าสนใจมากจริง ๆ!”“คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเด็กอย่างแกจะมีเสน่ห์ดึงดูดคนรอบข้างได้มากขนาดนี้”บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงหัวเราะอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดเยาะเย้ยออกไปว่า “แต่น่าเสียดาย ด้วยความสามารถของพวกแก แทบจะขวางฉันไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”ทันทีที่เขาพูดจบ คลื่นพลังเวทอาคมอันน่าสะพรึงกลัวก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า แรงกดดันมหาศาลที่น่าตกใจก็กำลังบีบอัดเข้ามาโดยตรงทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่น่ากลัวนั้นกำลังพุ่งตรงเข้ามา ซึ่งมันก็ทำให้ร่างกายพวกเขาสั่นสะท้านอย่างควบคุมไม่ได้ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ทุกคนต่างก็พยายามใช้พลังที่มีของตนกันอย่างเต็มที่ภายใต้การร่วมมือกัน พวกเขาได้ทำการรวมพลังให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อใช้ต่อต้านแรงกดดันที่น่าสะพ
ศิษย์สำนักเจวี๋ยฉิงทุกคนต่างก็อ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน แทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นเลยแม้แต่น้อยหยางผั่วจวินเรียกเย่เทียนหยู่ว่าเจ้านาย หลินเจวี๋ยเองก็เป็นรองประมุขตำหนักซิวหลัว ดังนั้นการที่พวกเขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้องเจ้านายก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้ ส่วนสำนักอื่น ๆ อย่างสำนักเงา และสำนักดอกไม้ต่างเป็นอะไรกันไปหมดชีวิตของพวกคุณไม่มีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ เพียงเพื่อปกป้องคนนอกคนเดียวเนี่ยนะ?บางทีอาจเพราะบรรยากาศมันน่าตื่นตาตื่นใจเกินไปหน่อย คำพูดที่จูเก่อหลิวหลีกระซิบกับเย่เทียนหยู่จึงทำให้คนอื่น ๆ ไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะไม่เช่นนั้นป่านนี้คนอื่น ๆ อาจจะเดาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ออกไปแล้วอย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่เย่เทียนหยู่เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเรื่องจะเดินมาทิศทางนี้ได้เย่เทียนหยู่เองก็พอจะมองออก ว่าคนเหล่านี้เต็มใจที่จะปกป้องเขาจริง ๆ แม้จะต้องเสี่ยงชีวิต พวกเขาก็ต้องทำให้ตนมีชีวิตรอดออกไปให้ได้นี่จึงทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งใจมากอย่างมากแม้แต่บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงที่มีชีวิตอยู่มานานกว่าร้อยห้าสิบปีเองก็ยังรู้สึกตกตะลึงด้วยเช่นกัน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเกินกว่
พลังปรานที่แข็งแกร่งนี้ แทบไม่ได้ด้อยไปกว่าตอนก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ แถมพลังยังมีการพัฒนาอีกต่างหาก ให้ความรู้สึกเหมือนกับนักล่าสังหารที่เอาแต่พรุ่งตรงไปข้างหน้าเท่านั้น“พูดได้ดี ต่อให้หยุดไม่ได้ก็ยังจะทำ เช่นนั้นก็เพิ่มฉันด้วยอีกคน”ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งกระโจนออกมา ไม่นานก็มาหยุดอยู่ข้าง ๆ หยางผั่วจวิน ร่างกายปะทุพลังปรานออกมาอย่างบ้าคลั่งแม้ว่าระดับของเขาจะอยู่แค่ปรมาจารย์ขั้นกลาง แต่ท่าทีก็ดูองอาจอย่างมาก เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นออกไปว่า “เจ้าตำหนัก ท่านไปเถอะ ที่ผ่านมาผมต้องขอบคุณท่านเจ้าตำหนัก ที่ทำให้ผม หลินเจวี๋ยคนนี้สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกหลายปี หากวันนี้จะต้องสละชีวิตเพื่อเจ้าตำหนัก ก็นับเป็นเกียรติของผมมากแล้ว!”“หากชาติหน้ามีจริง ผมก็ขอให้ได้เป็นลูกน้องของท่านอีก!”“พวกเราเองก็เช่นกัน!”ในขณะเดียวกันนั้นเอง ราชาสวรรค์สองคนจากตำหนักซิวหลัวก็กระโจนตามเข้ามาด้วย แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าตนอาจจะเป็นได้แค่เกราะกำบัง แต่เพื่อท่านเจ้าตำหนักแล้ว พวกเขาก็เต็มใจที่จะทำ“ผมเองก็ด้วย!”ทันใดนั้นเสียงของชายอีกคนก็ดังขึ้น คนผู้นั้นคือถังวั่นหลี่ ทันท
พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!พ่ายแพ้อย่างราบคาบแล้วจริง ๆ!กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ความแข็งแกร่งทางร่างกายของหยางผั่วจวินนั้นค่อนข้างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเกินกว่าที่จินตนาการเอาไว่เสียอีก เพราะไม่เช่นนั้น หากเป็นคนธรรมดาก็คงตายไปไม่รู้กี่หนแล้ว“เจ้าหนู ต้องบอกเลยว่า ร่างกายของแกนั้นแข็งแกร่งมากจริง ๆ ถึงขั้นสามารถทนต่อการโจมตีของฉันได้ตั้งหลายครั้ง แม้ว่าฉันจะใช้พลังไปเพียงห้าส่วนก็ตาม”สายตาของบรรพจารย์ฉายแววของความรู้สึกประหลาดใจออกมา แต่คำพูดนี้ของเขา กลับทำให้ผู้คนต่างสั่นสะท้านไปตาม ๆ กัน สีหน้าของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป“บรรพจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!”“บรรพจารย์เก่งกาจไร้คู่ต่อกร!”เจวี๋ยเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะยกมือขวาขึ้นกำหมัดแน่น และคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราดตั้งแต่การต่อสู้ครั้งแรก พวกเขาก็รู้สึกเจ็บใจ และเป็นทุกข์อย่างมากพวกเขาแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนกระทั่งมาถึงตอนนี้ ความรู้สึกหงุดหงิดทั้งหมดที่มีถึงได้หายไปเพราะในสายตาของพวกเขา เมื่อกี้หยางผั่วจวินอโสโอหังอย่างมาก และเขาก็แข็งแกร่งจนไม่อาจเอาชนะได้ง่าย ๆ อีกด้วย แต่ตอนนี้ต่อให้เขาจะทำการเพิ่มพลังมากแค่ไหน เขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบรรพ
เย่เทียนหยู่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่เขารู้สึกได้ถึงสัมผัสอันนุ่มนวลที่ฝ่ามือข้างขวา ก่อนที่เขาจะบีบมันเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว เป็นสัมผัสที่ไม่เลวเลยเมื่อเขาหันหน้าไปมอง ใบหน้าอันงดงามดุจสาวงามล่มเมืองก็เข้าสู่วิสัยทัศน์ของเขา ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด และเปล่งปลั่งนุ่มนิ่ม“อ๊ะ…”หลินหว่านหรูถูกบีบจนตื่น ก่อนจะพบว่าเธอกำลังโป๊เปลือย เธอกรีดร้องแล้วผลักเย่เทียนหยู่ออกมือข้างหนึ่งดึงผ้าห่มไว้ และมืออีกข้างก็ถือหมอนทุบออกไปอย่างแรง“ไอ้คนชั่ว ไอ้คนลามก แกทำอะไรฉัน!”“เรื่องนั้น เหมือนจะทำไปทุกท่าเลย”“หน้าด้าน ไอ้คนไร้ยางอาย” หลินหว่านหรูทั้งอับอายทั้งโกรธ“จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูกมั้งครับ เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มก่อนนี่” เย่เทียนหยู่น้อยเนื้อต่ำใจ“เหลวไหล ก็…”หลินหว่านหรูอยากจะเถียงแต่ก็พูดต่อไม่ออก เพราะสมองของเธอกำลังฉายภาพฉากเมื่อคืนเมื่อคืนวานเพื่อจะเก็บหนี้ก้อนโต เธอถูกคนวางยา และเมื่อพบความผิดปกติก็ใช้โอกาสหนีออกมาตอนไปเข้าห้องน้ำอีกฝ่ายพาเธอมาส่งที่ประตูโรงแรมและจะกลับออกไป แน่นอนว่าเธอเองเป็นคนรั้งเขาไว้และกระโจนใส่เขา“ฮือ ฮือ…”หลินหว่านหรูกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป เธ...
Comments