ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่เขากล้าขึ้นไปจริง ๆ เหรอ ก่อนจะพากันหัวเราะ“ฮ่า ๆ ฉันล่ะตลกเป็นบ้า คนบ้านนอกอย่างแกยังกล้าพูดจาอวดเบ่งขนาดนี้”“...”เย่เทียนหยู่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วเร่งเร้า: “ยังไม่รีบอีก?”หลิวเจี๋ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “แกไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันเหรอ?”“ไม่จำเป็นหรอก”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ดี ถ้าอีกพักแกเจ็บตัวก็อย่ามาโทษฉันภายหลังแล้วกัน” เขาคิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้มือและเท้าของเขาพิการ“พูดมากจริงจังเลยครับ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วไม่ต้องพูดว่าหลิวเจี๋ยโกรธมากขนาดนั้น แต่ทุกคนต่างก็หมดคำจะพูดแค่ดูท่าถือดาบของเขา ก็มองออกเลยว่าเป็นคนนอกวงการ ดันกล้ามาอวดแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?หลินหว่านหรูกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่ และอยากให้เขาออกจากชีวิตเธอไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็ไม่ได้อยากให้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาซูถิงปลอบเธอทันที: “หว่านหรู ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรหรอกหน่า นายน้อยหลิวมีทักษะมากและก็รู้จักขอบเขตด้วย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอก”หลินห
“?”ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดเหมือนกันหมด“พวกคุณคงไม่รู้สินะ ว่าคืนนี้ประธานหยางแห่งหอการค้าหลงเถิงจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วยตนเองเพื่อเป็นเกียรติแก่แขกคนสำคัญ”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ เป็นคนใหญ่คนโตแบบไหนกันนะที่ทำให้ประธานหยางถึงกับมาต้อนรับด้วยตัวเองน่ะ?”“แน่นอนว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเลยล่ะ ตอนนี้มีเพียงเหล่าตระกูลผู้ร่ำรวยที่เข้าร่วมหอการค้าเท่านั้นที่ได้รับการแจ้งเตือน”หลิวเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “หว่านหรู ตระกูลหลินยื่นขอเข้าร่วมหอการค้าหลงเถิงมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? คืนนี้จะเป็นโอกาส”“ยังไงเหรอคะ?” หลินหว่านหรูรู้สึกหัวใจสั่นไหวทันทีแม้ว่าพวกเขาจะยื่นขอแล้ว และก็ได้เข้าเป็นหนึ่งในรายชื่อใหญ่ แต่สุดท้ายก็มีเพียงสามตระกูลเท่านั้น และความหวังของพวกเขาก็ริบหรี่เสียเหลือเกิน“ง่ายมาก อาหารค่ำคืนนี้ผมสามารถพาคนไปด้วยได้หนึ่งคน คุณเข้าไปกับผมนะ ผมจะช่วยให้คุณได้รู้จักเจ้าหน้าที่อาวุโสของหอการค้า ถึงตอนนั้นยังต้องกลัวว่าจะไม่ได้เข้าร่วมหอการค้าอีกเหรอ?”“ก็จริงนะ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องเตรียมตัวให้ดี” หลินว่านหรูกล่าวทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เทียนหยู่ก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า
ทุกคนตกใจมากหลินหว่านหรูก็ตกตะลึงเช่นกัน หรือคนที่ดูโลโซบ้าน ๆ แบบเขาจะเป็นผู้มีอำนาจมหาศาลจริง ๆ?แต่ในตอนนั้นเอง หลิวเจี๋ยได้รับข่าวและต้องประหลาดใจอีกครั้ง “คุณหนูตระกูลหยางล้มป่วยกะทันหันและอาการสาหัสมาก”“อะไรนะ นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าประธานหยางรักหลานสาวคนนี้มากและคอยปกป้องเธออยู่เสมอ นอกจากญาติและเพื่อนแล้วไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง”“ก็นั่นน่ะสิ ฉันได้ยินมาว่าเธอสวยมากเทียบได้กับนางฟ้านางสวรรค์เลยล่ะ”“ผมเข้าใจแล้ว” หลิวเจี๋ยตระหนักทันที: “ประธานหยางคงยกเลิกงานเลี้ยงอาหารค่ำต้องเป็นเพราะลูกสาวของเขาป่วยแน่”“ใช่ ๆ ประธานหยางรักลูกสาวคนนี้มาก ต้องเป็นแบบนั้นแน่!”“ฉันว่าแล้วเชียว ว่าอย่างหมอนี่จะไปกำหนดเรื่องของประธานหยางได้ยังไง”“ก็นั่นสินะ แค่เรื่องบังเอิญแท้ ๆ เกือบโดนมันทำตัวเก๊กสำเร็จแล้วเชียว”“ไร้ยางอายชะมัดเลย”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ได้รับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อความขอความช่วยเหลือจากหยางต้าฝูเขาขอที่อยู่และเตรียมไปที่นั่นทันทีเดิมทีหลินหว่านหรูรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเป็นผู้มีอำนาจได้แน่ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลิวเจี๋
“ใช่ครับ”เย่เทียนหยู่พยักหน้า ก่อนจะหยิบกล่องออกมาแล้วนั่งลงและเตรียมทำการฝังเข็ม“เดี๋ยวก่อน แกกำลังจะทำอะไร!” หยางปินดุเขา“รักษาไงครับ!”“ใครให้แกรักษา ฉันจะบอกแกไว้นะ ว่าฉันได้เชิญแพทย์เซียนหลี่ต้าเซียนแห่งเมืองจิงเฉิงมาแล้ว เขาใกล้ถึงแล้วด้วย แกรีบไสหัวออกไปซะ”หยางปินทั้งดุทั้งพึมพำ นี่พ่อเลอะเลือนรึไง อย่างไอ้เด็กหนุ่มนี่เนี่ยนะแพทย์เซียน มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นมิจฉาชีพหวังอวิ๋นยังคงนิ่งเงียบ เห็นได้ชัดว่าเธอยอมรับแนวทางของลูกชายของเธอเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วในตอนนั้นเอง ก็มีร่างของคนสองคนปรากฏตัวที่ประตู หนึ่งในนั้นคือชายชรามีหนวดเคราสีขาวมาพร้อมกับกล่องยาเมื่อหยางปินเห็น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขทันทีและพูดว่า “แพทย์เซียนหลี่ ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว รีบมาตรวจดูน้องสาวของผมเถอะครับ”“ได้!” แพทย์เซียนหลี่พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ“มัวยืนบื้ออะไรอยู่ ทำไมยังไม่ออกไปจากที่นี่ล่ะ ถ้าแกมาขัดขวางการรักษาน้องสาวล่ะก็ สิบชีวิตของแกก็ไม่พอให้ชดใช้หรอก” หยางปินสาปแช่งเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่ส่ายหัวแล้วหลบไปด้านข้างถ้าไม่ใช่เพราะชีวิตมนุษย์ เขาก็คงจะจากไปแล้วแพทย์เซียน
“แม่งเอ้ย มึงไม่รู้แล้วใครจะรู้วะ มึงเป็นแพทย์เซียนนะ”หยางปินคำรามด้วยความโกรธ ยังนึกว่าตนจะได้ทำประโยชน์ครั้งใหญ่แต่กลับกลายเป็นเช่นนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเฉียนเฉียน พ่อของเธอจะต้องถลกหนังเขาแน่ในตอนนั้นเอง อาการสั่นของหยางเฉียนเฉียนยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ โดยแทบไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ราวกัยเธอได้ตายไปแล้วใบหน้าของหยางปินเริ่มย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ เขานึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ขึ้นมา มันแม่นยำมาก และตอนนี้เขาอาจทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในขณะนี้ เขาคิดถึงคำพูดของเย่เทียนหยูที่บอกว่าเขาจะต้องเสียใจและตอนนี้เขาเสียใจจริง ๆในตอนนั้นเอง ในที่สุดหยางต้าฝูก็กลับมา ทันทีที่เขาเข้ามาและเห็นเย่เทียนหยู่เขาก็ถามอย่างกังวล: “ท่าราชามั…คุณชายเย่ เฉียนเฉียนเป็นยังไงบ้างครับ?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวมองดูหยางปินแล้วพูดว่า “ถามเขาสิ!”หยางต้าฝูมองไปที่ผู้คนที่ตื่นตระหนก แล้วเห็นแพทย์เซียนหลี่ยืนถือเข็มอยู่ข้างเขา เขาคาดเดาความเป็นไปได้คร่าว ๆ และพูดด้วยความโกรธว่า “หยางปิน เกิดอะไรขึ้น!”หยางปินถูกพ่อของเขาดุด้วยความโกรธและหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติใบหน้าของแพทย์เซียนหลี่ซีดลงและเขาพูดอย่างขมขื่น: “ประธาน
มันเหมือนกับการแก้ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงพิษเย็นในร่างกายของ หยางเฉียนเฉียนนั้นไม่ธรรมดาและเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากทุกคนตกตะลึง แม้แต่หยางต้าฝูก็ตกใจและพูดอย่างตื่นเต้น: “ขอบคุณคุณชายเย่!”เพราะถึงยังไง เขาก็รู้สถานการณ์ของลูกสาวเธอเป็นอย่างดี แพทย์หลายคนทำอะไรไม่ได้เลย แต่กลับถูกราชามังกรก็รักษาได้อย่างง่ายดาย“ทักษะการรักษาท่านแพทย์เซียนเย่นั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ”“เมื่อกี้ข้าตาบอดมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”ในตอนแรก แพทย์เซียนหลี่ตกใจมาก แต่หลังจากนั้นก็ขอโทษด้วยความตื่นใจ“ไม่เป็นไร” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างสุภาพเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังพอมีทักษะอยู่บ้าง“ถ้าอย่างนั้นคุณชาย ท่านรับข้าเป็นศิษย์ของท่านได้หรือไม่? เพื่อจะได้ฝึกฝนทักษะทางการแพทย์ร่วมกับท่าน”แพทย์เซียนหลี่ก้มลงทันทีเพื่อวิงวอนด้วยความตื่นเต้นที่มากยิ่งขึ้นไปอีกท่าทางราวกับ รีบร้อนก้มหัวขอเป็นศิษย์ของเขานั้นเมื่อยางปินเห็นหก็ต้องตกใจ แพทย์เซียนหลี่เป็นถึงผู้นำด้านการแพทย์แผนจีนซึ่งมีชื่อเสียงและสถานะสูงส่ง แต่กลับมีท่าทางเช่นนี้ต่อชายหนุ่มแต่แล้ว เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและปฏิเสธ: “ผมไม่มีเวลา
หลังจากดื่มไวน์และทานอาหารไปจนอิ่มหนำสำราญแล้ว หยางต้าฝูไม่เพียงแต่มอบของขวัญให้เขาเท่านั้น แต่ยังส่งเย่เทียนหยู่ไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณครึ่งทางขึ้นภูเขาเป็นการส่วนตัวด้วยแพทย์เซียนหลี่เฝ้าดูร่างที่จากไปของเย่เทียนหยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรร์เป็นพิเศษหากเขาทำได้ เขาคงแทบรอไม่ไหวที่จะติดตามเย่เทียนหยู่กลับบ้านไปด้วย“ที่นี่สวยมาก เมื่อไหร่จะมีวิลล่าแบบนี้บ้างคะ?”ในขณะเดียวกัน ซูถิงซึ่งกำลังเดินอยู่ในวิลล่าสกายพาเลซหมายเต็มไปด้วยความอิจฉา“นี่จะไปนับประสาะไร วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งตรงทางขึ้นไปบนภูเขานั่นน่าทึ่งจริงๆ แต่อให้มีเงินแต่ก็ไม่สามารถซื้อได้หรอก” หลิวเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น“ตระกูลก็ไม่ได้เหรอคะ?”“ไม่ได้หรอก” หลิวเจี๋ยส่ายหัว ครั้งนี้เขาไม่ได้คุยโม้“ให้ตายสิ ตระกูลหลิวของคุณน่ะสุดยอดมากยังไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นผู้ทรงอำนาจแบบไหนกันนะ อยากรู้จักจริง ๆ ”“หยุดฝันซะเถอะ คนแบบนั้นน่ะ ทั้งชีวิตนี้คุณอาจไม่มีทางได้เจอเลยด้วยซ้ำไป”“นั่นสินะ!” ซูถิงพยักหน้าและทันใดนั้นก็พูดด้วยความประหลาดใจ: “เฮ้ นั่นรถของประธานหยางไม่ใช่เห
“ทำไมคุณถึงหน้าแดง? หรือเพราะคุณปู่อยากให้เรานอนห้องเดียวกันคืนนี้?”เย่เทียนหยู่นึกถึงสิ่งที่ชายชราพูดทางโทรศัพท์แล้วเดาดู“ก็ ก็ประมาณนั้นล่ะ” หลินหว่านหรูรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็ส่ายหัวทันทีและพูดว่า “ไม่ได้หรอก หรือว่าตัวคุณมีราคาแค่ห้าแสนกันล่ะ?”“นายพูดเหลวไหลอะไรอยู่ยะ!”หลินหว่านหรูรู้สึกละอายใจและรำคาญ เธอจึงพูดอย่างรุนแรง: “ต่อให้นายตกลงไปแล้ว ฉันก็จะไม่ปล่อยให้นายได้รับสิ่งที่นายต้องการหรอก ในทางกลับกัน ถ้านายปฏิเสธ ฉันสามารถให้เงินนายได้”“ตกลง” เย่เทียนหยู่เห็นด้วย“คุณเห็นด้วยเหรอ?”“อือ แต่ว่าห้าแสนไม่พอหรอกครับ ผมต้องการห้าล้าน”หลินหว่านหรูแอบสาปแช่งเขา แต่เธอก็ตอบตกลง: “เอาล่ะ” ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบเช็คที่มีข้อความห้าล้านเขียนไว้ออกมาแล้วมอบให้เย่เทียนหยู่ทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน มีเพียงสองสามีภรรยาตระกูลหลินอยู่ในห้องนั่งเล่นเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่เข้ามาใกล้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดโดยตรงโดยไม่รอให้เขาพูด: “เย่เทียนหยู่ ฉันขอเตือนให้แกล้มเลิกความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของแกไปซะ”“ตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลที่คนบ้านนอกแบบแกจะล้อเล่นด้วยได้หร
แม้ว่าจะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็สามารถทำให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเย่เทียนหยู่ได้ ประมุกสำนักดอกไม้อย่างเยว่เหลียนหานและศิษย์ในสำนักนอกจากรู้สึกตกใจกับความแข็งแกร่งของเย่เทียนหยู่แล้ว ยังรู้สึกอับอายในใจอีกด้วยตอนแรกพวกเธอต่างพากันดูถูกอีกฝ่ายแทบจะตลอดเวลา กระทั่งยังคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กไม่รู้จักโตด้วยซ้ำแม้จะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงก่อนจะลงไปต่อสู้กับเจวี๋ยเทียน แต่ในใจลึก ๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อถืออยู่ดี โชคดีที่ไม่ได้พูดออกไปจริง ๆ ไม่เช่นนั้นคงจะรู้สึกอายมากกว่านี้เป็นแน่ในเวลานี้ เมื่อเห็นท่าทีสง่างามและดูมั่นใจของเย่เทียนหยู่แล้ว ดวงตาของสองพี่น้องเยว่เหลียนหานและเยว่เหลียนเวยต่างก็แสดงออกถึงความชื่นชมอย่างลึกซึ้งออกมาคนที่มีความสง่างามและทรงพลังเช่นนี้ ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจและรู้สึกชอบได้จริง ๆเพียงแต่น่าเสียดาย ที่หน้าตาอาจจะบกพร่องไปนิดหน่อยเพราะไม่อย่างนั้น ป่านนี้คงทำให้ผู้หญิงนับหมื่นหลงใหลได้แน่ ต่อให้เป็นพวกเธอสองพี่น้องก็อาจจะตกหลุมรักได้เช่นกันหลินเจวี๋ยตาเบิกกว้าง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าตำหนักถึงไม่ต้องการให้เขาช่วย
“งั้นก็เข้ามาเลย!”สีหน้าเจวี๋ยเทียนดูเย็นชา เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะแค่ขู่เฉย ๆ ก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตนยังมีเวทอาคมที่เตรียมเอาไว้อยู่ในมือ ใครหน้าไหนจะสู้กับตนได้กัน?เสียงพูดยังไม่ทันจะจบ เขาก็เคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็วราวกับภูตผี ก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงตำแหน่งจุดศูนย์กลางของลานประลองทันทีเย่เทียนหยู่เองก็เช่นกัน เขาเคลื่อนไหวแทบจะในทันที ก่อนจะมายืนอยู่ตรงข้ามกับเจวี๋ยเทียนเพียงแต่ว่า พลังที่ทั้งสองแสดงออกมานั้นไม่ได้ชัดเจนสักเท่าไหร่ จึงยากที่จะบอกได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันโดยเฉพาะเย่เทียนหยู่ ดูเหมือนว่าพลังของเขานั้นจะถูกควบคุมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ราวกับน้ำในบ่อที่นิ่งสงบ ซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนปรมาจารย์ผู้ทรงพลังเลยแม้แต่น้อยแต่ยิ่งมันเป็นแบบนี้ เจวี๋ยเทียนก็ยิ่งไม่กล้าที่จะประมาท เขามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะพูดอย่างเย็นชาออกไปว่า “เจ้าตำหนักหยู่ ผมจะลงมือแล้วนะ รับเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน!”“เริ่มเลยเถอะ!”เย่เทียนหยู่พูดอย่างใจเย็น ท่าทีดูไม่รีบร้อนแต่อย่างใดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูถูกตนแบบนี้ นั่นจึงทำให้เจวี๋ยเทียนรู้สึกโ
“ครับ เจ้านาย!”เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เทียนหยู่ หยางผั่วจวินก็กลับไม่โต้แย้งเลยแม้แต่คำเดียว เขาเพียงก้มตัวและโน้มศีรษะด้วยท่าทีเคารพเท่านั้น ก่อนจะถอยกลับไปฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อกี้ท่าทีของหยางผั่วจวินดูหยิ่งยโสอย่างมาก แทบจะไม่มีใครสามารถเทียบเคียงเขาได้เลย แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับเจ้าตำหนักหยู่ กลับแสดงท่าทีเคารพออกมาเสียอย่างนั้น ให้เกียรติมากถึงขั้นเรียกว่าเจ้านายเลยด้วยที่สำคัญเลยก็คือ ดูเหมือนว่าเขาจะทำเพราะความเต็มใจเสียด้วยซ้ำนี่จึงยิ่งทำให้ในใจของเจวี๋ยเทียนเกิดความมืดมนขึ้นมานิดหน่อย แต่เมื่อลองนึกดูอีกที ต่อให้เจ้าตำหนักหยู่จะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็คงไม่มีทางแข็งแกร่งถึงขั้นนั้นแน่นอนเว้นเสียแต่ว่า เขาจะเลื่อนขั้นถึงระดับเทพยดาแดนดินแล้วแต่นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในวัยแค่นี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีใครสามารถทำได้ส่วนหยางผั่วจวิน เจ้าเด็กนั่นมีร่างกายที่แปลกประหลาด เขามีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นจึงไม่อาจมองเขาเป็นแค่คนธรรมดาได้เพราะด้วยเหตุนี้ เจวี๋ยเทียนจึงคิดว่าเย่เทียนห
แต่สีหน้าของเจวี๋ยซินกลับเริ่มเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาถึงขั้นยอมสละทุกอย่างออกไปจนหมดแล้วแท้ ๆ แต่กลับทำอะไรอีกฝ่ายได้เลยไม่มีกระทั่งบาดแผลเลยแม้แต่น้อย!เป็นไปได้ยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้!ทันใดนั้นเลือดก็พุ่งออกจากปาก ก่อนจะสลบไปในทันที“เจวี๋ยซิน!”เจวี๋ยเทียนตกใจมาก เขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาโชคดี ที่มันเป็นแค่ผลข้างเคียงจากการใช้ยาจนร่างกายอ่อนแอลงก็เท่านั้น ก่อนจะนำยาสองสามเม็ดให้เขากิน จากนั้นจึงเรียกให้ยอดฝีมือคนอื่นพาไปดูแลต่อเมื่อเห็นเจวี๋ยซินกำลังถูกยกลงไปจากสนาม แววตาของหยางผั่วจวินก็เป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “เจวี๋ยเทียน เจวี๋ยซินถูกฉันจัดการจนอยู่ในสภาพนี้แล้ว มันกลายเป็นสวะไปแล้ว งั้นแกก็รีบขึ้นมาแก้แค้นแทนเขาเถอะ มาจัดการฉันซะสิ?”“......”คนอื่น ๆ ต่างก็หมดคำจะพูด หยางผั่วจวินคนนี้ต้องการจะทำให้เจวี๋ยเทียนโกรธจนตายเลยรึไง อวดดีเกินไปแล้วพวกเขาคิดแค่ว่าหยางผั่วจวินกำลังตั้งใจจะดูถูกเจวี๋ยเทียน แต่จริง ๆ แล้วหยางผั่วจวินแค่ต้องการต่อสู้เท่านั้นทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจวี๋ยเทียน เพื่อดูว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไรหากเขาปฏิเสธ นั่นก็เท่ากับ
เจวี๋ยซินส่งเสียงคำรามออกมาเสียงดัง ร่างกายของเขากลับมามีพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง ทำให้ท่าทีของเขาดูเหมือนคนบ้ายิ่งกว่าเดิม ดวงตาของเขาแดงก่ำสีหน้าของหยางผั่วจวินดูมืดลง เขารู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังจะใช้ท่าไม้ตายแล้วหลังจากท่านี้ถูกปล่อยออกมา อีกฝ่ายจะไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแน่นอนตัวเขาเองก็ทำการรวบรวมกำลังภายในของตนด้วยเช่นกัน ความน่าสะพรึงกลัวของชี่แท้ถูกหลอมรวมเอาไว้ที่หมัดทั้งสองข้างทันที เพื่อเตรียมพร้อมรับการโจมตีที่ดีที่สุดทุกคนต่างจ้องมองฉากตรงหน้าด้วยความตั้งใจ เพราะพวกเขารู้ดีว่าหลังจากทำการปล่อยท่านี้ออกไป ผลแพ้ชนะของทั้งสองก็จะปรากฏออกมาแล้วเป็นอย่างที่คิด เวลาหลังจากนั้นผ่านไปเพียงชั่วขณะ ความแข็งแกร่งอันทรงพลังทั้งสองก็เข้าปะทะกันอย่างรุนแรงทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เสียงระเบิดที่น่ากลัวดังขึ้นซ้อนกันเป็นระยะ ๆ ทั่วทั้งพื้นที่โดยรอบมีเพียงกระแสของกำลังภายในที่น่าทึ่งลอยเต็มไปหมดพื้นที่ทั้งหมดถูกฉีกขาดอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นพายุหมุนที่พัดผ่านไปมาทั้งสองคนติดอยู่ด้านในกับสถานการณ์ที่ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนผลกระทบที่เกิดจากพลังอันน
“สายเกินว่าที่แกจะเข้าไปขวางแล้วล่ะ”“ก็แล้วแต่แกจะคิด เสร็จรึยัง ฉันแทบรอไม่ไหวแล้วเนี่ย” หยางผั่วจวินพูดด้วยความตื่นเต้น รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้าคือสาวงามที่หาใดเปรียบแทบอยากกระโจนเข้าไปกระชากเสื้อผ้าออกจนเกลี้ยงเขาแทบรอไม่ไหวแล้วจริง ๆคนอื่น ๆ ต่างมองฉากนี้ด้วยความงงงวย และหมดคำจะพูดไปโดยสิ้นเชิงบางครั้งพวกเขาก็อยากจะพูดออกไปว่า เจ้าเด็กนี่กำลังรนหาที่ตายอยู่รึไง ในตอนแรกพวกเขาอาจจะคิดแบบนี้ แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็นว่าหมัดที่ทรงพลังนั้นได้ตอบคำถามทั้งหมดกับพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพวกเขาคิดผิด กระทั่งผิดจนไม่อาจให้อภัยได้เลยทีเดียวแต่คำพูดนี้ กลับทำให้เจวี๋ยซินโกรธจัดทันทีเห็นเพียงกำลังภายในของเจวี๋ยซินที่กำลังพุ่งสูงขึ้นจนถึงจุดที่น่ากลัว ดวงตาสองข้างแดงก่ำ จ้องมองไปทางหยางผั่วจวินอย่างโหดเหี้ยม ก่อนจะพูดด้วยความโกรธออกไปว่า “เจ้าหนู แกตายซะเถอะ!”หลังจากที่เขาพูดจบ เจวี๋ยซินก็พุ่งตรงเข้าหาหยางผั่วจวินทันที พร้อมกับพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวจนน่าตกใจ“เข้ามาเลย!”หยางผั่วจวินเองก็ตรงเข้าไปเผชิญหน้าโดยตรงเช่นกัน เมื่อเขาเห็นพลังที่เพิ
เมื่อเห็นว่าหยางผั่วจวินไม่ได้รับบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมยังแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก เจวี๋ยซินกลับแทบพังทลายอยู่รอมร่อ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เป็นคนที่ภูมิใจในตัวเองมาโดยตลอด จะให้ทนอับอายอยู่แบบนี้ได้อย่างไรเมื่อเจวี๋ยเทียนเห็นฉากนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยแย่แล้ว! สถานการณ์แบบนี้เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่ เกรงว่าเขาคงจะเปิดใช้เวทอาคมเป็นแน่ จะทำอย่างไรดีเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงแววตาแดงก่ำของเจวี๋ยซิน เขาบ่นพึมพำขึ้นมาว่า “เวรเอ้ย ฉันไม่มีทางยอมแพ้ให้กับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแกแน่!”ทันทีที่เขาพูดจบ มือขวาของเขาก็ยาเม็ดหนึ่งออดมา ก่อนจะกลืนมันลงไปทันทีสีหน้าเจวี๋ยเทียนเปลี่ยนไปอย่างมาก คนอื่นอาจจะยังไม่รู้ แต่เขากลับรู้ดีว่าเจวี๋ยซินคิดจะทำอะไรเขาต้องการที่จะหยุดยั้งเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่ทันแม้แต่จะได้เอ่ยปาก เพราะนอกจากสิ่งนี้ ก็แทบจะไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้อีกแล้วทุกคนต่างพากันชะงักไปชั่วขณะ การที่เลือกกินยารักษาบาดแผลในเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่ช่วยอะไรมากนักแต่ในเวลาต่อมา เจวี๋ยซินก็ได้เริ่มทำการใช้วิชามารที่คนทั่วไปไม่สามารถใช้ได้อย่าง วิชามหาเวทสลายชีพจรทันที ผ่านไป
“เข้ามาเลย!”สีหน้าหยางผั่วจวินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เขาเองก็เริ่มด้วยเช่นกันในชั่วพริบตา ทั้งสองต่างก็นำพาพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ในเวลาอันสั้น ทั้งสองกลับมีการแลกกระบวนท่ากันไปแล้วกว่าสิบกระบวนท่าภายใต้การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ก็ได้มีการปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาเรื่อย ๆ ทำให้ผู้ชมต้องตกตะลึงไปกับความตื่นตาตื่นใจทุกคนต่างจ้องมองการต่อสู้บนสนามโดยไม่ละสายตาหลัก ๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองนั้นน่ากลัวและแข็งแกร่งมาก ทั้งชีวิตนี้ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสได้เห็นการต่อสู้แบบนี้อีกแล้วนอกจากนี้ พวกเขาต่างก็มีผู้สนับสนุนของตนเองเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งสองถึงได้แยกออกจากกันหลังจากการเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง หยางผั่วจวินหัวเราะออกมาเสียงดัง ก่อนจะพูดอย่างมีความสุขออกไปว่า “สะใจ นี่สิ ถึงจะเรียกว่าการต่อสู้!”“คนเมื่อกี้ มารโลหิตอะไรนั่นก็เป็นได้แค่ขยะเท่านั้นแหละ!”“......”ทุกคนที่กำลังตั้งใจดูการต่อสู้ จู่ ๆ พูดแบบนี้ขึ้นมา เสียมารยาทเกินไปไหมถ้าบอกว่ามารโลหิตคือขยะ เช่นนั้นพวกเราล่ะ?สีหน้าเจวี๋ยซินดูเคร่งเครียด แม้จะเป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เขาก็แทบจะใช
ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์พากันตกตะลึงไปตาม ๆ กันทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนพวกเขาไม่มีเวลาให้ได้ตอบสนองเลยด้วยซ้ำในเวลาอันสั้น เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ สถานการณ์ในสนามก็เปลี่ยนแปลงอย่างมาก มารโลหิตถูกสังหารในทันทีไม่ว่าใครก็คาดไม่ถึงว่าหยางผั่วจวินจะลงมือได้อย่างรวดเร็ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดนี้ แถมยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมอีกต่างหากบอกได้เลยว่า ในตอนนั้นมารโลหิตเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าตนจะต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้ในใจของตู๋เปียนฝูและบรรพจารย์หวงเฉวียนต่างก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน พลังของพวกเขาต่างจากมารโลหิตก็จริง กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่านิดหน่อยด้วยซ้ำ แต่เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากพวกเขาบุกเข้าไป ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอพวกเขาอยู่ในเวลานี้ พวกเขารู้สึกโชคดีมากจริง ๆโดยเฉพาะตู๋เปียนฝู เมื่อกี้เขาเองก็กำลังคิดที่จะลงมือเช่นกันถ้าหากเขาลงมือจริง ๆ ตอนนี้คนที่นอนกองอยู่บนพื้นก็คงเป็นเขาไปแล้วปรมาจารย์ที่แท้จริง น่ากลัวขนาดนี้เชียวเหรอ?พวกเขาเองก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าระดับปรมาจารย์ที่ตนมีอยู่ตอนนี้จะเป็นของปลอมรึเปล่าเย