ทุกคนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นี่เขากล้าขึ้นไปจริง ๆ เหรอ ก่อนจะพากันหัวเราะ“ฮ่า ๆ ฉันล่ะตลกเป็นบ้า คนบ้านนอกอย่างแกยังกล้าพูดจาอวดเบ่งขนาดนี้”“...”เย่เทียนหยู่ขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจพวกเขา เขาหยิบดาบขึ้นมาแล้วเร่งเร้า: “ยังไม่รีบอีก?”หลิวเจี๋ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาจึงเดินเข้าไปแล้วพูดว่า “แกไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันเหรอ?”“ไม่จำเป็นหรอก”เมื่อหลิวเจี๋ยได้ยินแบบนั้นก็โกรธจัด เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ดี ถ้าอีกพักแกเจ็บตัวก็อย่ามาโทษฉันภายหลังแล้วกัน” เขาคิดจะใช้โอกาสนี้ทำให้มือและเท้าของเขาพิการ“พูดมากจริงจังเลยครับ” เย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วไม่ต้องพูดว่าหลิวเจี๋ยโกรธมากขนาดนั้น แต่ทุกคนต่างก็หมดคำจะพูดแค่ดูท่าถือดาบของเขา ก็มองออกเลยว่าเป็นคนนอกวงการ ดันกล้ามาอวดแบบนี้ นี่มันรนหาที่ตายชัด ๆ ไม่ใช่เหรอ?หลินหว่านหรูกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ชอบเย่เทียนหยู่ และอยากให้เขาออกจากชีวิตเธอไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็ไม่ได้อยากให้มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเขาซูถิงปลอบเธอทันที: “หว่านหรู ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรหรอกหน่า นายน้อยหลิวมีทักษะมากและก็รู้จักขอบเขตด้วย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขาหรอก”หลินห
“?”ความสนใจของทุกคนถูกดึงดูดเหมือนกันหมด“พวกคุณคงไม่รู้สินะ ว่าคืนนี้ประธานหยางแห่งหอการค้าหลงเถิงจะจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วยตนเองเพื่อเป็นเกียรติแก่แขกคนสำคัญ”“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ เป็นคนใหญ่คนโตแบบไหนกันนะที่ทำให้ประธานหยางถึงกับมาต้อนรับด้วยตัวเองน่ะ?”“แน่นอนว่าเป็นคนที่ยิ่งใหญ่เทียมฟ้าเลยล่ะ ตอนนี้มีเพียงเหล่าตระกูลผู้ร่ำรวยที่เข้าร่วมหอการค้าเท่านั้นที่ได้รับการแจ้งเตือน”หลิวเจี๋ยยิ้มและพูดว่า “หว่านหรู ตระกูลหลินยื่นขอเข้าร่วมหอการค้าหลงเถิงมานานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? คืนนี้จะเป็นโอกาส”“ยังไงเหรอคะ?” หลินหว่านหรูรู้สึกหัวใจสั่นไหวทันทีแม้ว่าพวกเขาจะยื่นขอแล้ว และก็ได้เข้าเป็นหนึ่งในรายชื่อใหญ่ แต่สุดท้ายก็มีเพียงสามตระกูลเท่านั้น และความหวังของพวกเขาก็ริบหรี่เสียเหลือเกิน“ง่ายมาก อาหารค่ำคืนนี้ผมสามารถพาคนไปด้วยได้หนึ่งคน คุณเข้าไปกับผมนะ ผมจะช่วยให้คุณได้รู้จักเจ้าหน้าที่อาวุโสของหอการค้า ถึงตอนนั้นยังต้องกลัวว่าจะไม่ได้เข้าร่วมหอการค้าอีกเหรอ?”“ก็จริงนะ ถ้าอย่างนั้น ฉันก็ต้องเตรียมตัวให้ดี” หลินว่านหรูกล่าวทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้นเย่เทียนหยู่ก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า
ทุกคนตกใจมากหลินหว่านหรูก็ตกตะลึงเช่นกัน หรือคนที่ดูโลโซบ้าน ๆ แบบเขาจะเป็นผู้มีอำนาจมหาศาลจริง ๆ?แต่ในตอนนั้นเอง หลิวเจี๋ยได้รับข่าวและต้องประหลาดใจอีกครั้ง “คุณหนูตระกูลหยางล้มป่วยกะทันหันและอาการสาหัสมาก”“อะไรนะ นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ”“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าประธานหยางรักหลานสาวคนนี้มากและคอยปกป้องเธออยู่เสมอ นอกจากญาติและเพื่อนแล้วไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง”“ก็นั่นน่ะสิ ฉันได้ยินมาว่าเธอสวยมากเทียบได้กับนางฟ้านางสวรรค์เลยล่ะ”“ผมเข้าใจแล้ว” หลิวเจี๋ยตระหนักทันที: “ประธานหยางคงยกเลิกงานเลี้ยงอาหารค่ำต้องเป็นเพราะลูกสาวของเขาป่วยแน่”“ใช่ ๆ ประธานหยางรักลูกสาวคนนี้มาก ต้องเป็นแบบนั้นแน่!”“ฉันว่าแล้วเชียว ว่าอย่างหมอนี่จะไปกำหนดเรื่องของประธานหยางได้ยังไง”“ก็นั่นสินะ แค่เรื่องบังเอิญแท้ ๆ เกือบโดนมันทำตัวเก๊กสำเร็จแล้วเชียว”“ไร้ยางอายชะมัดเลย”ในตอนนั้นเอง เย่เทียนหยู่ได้รับโทรศัพท์ ซึ่งเป็นข้อความขอความช่วยเหลือจากหยางต้าฝูเขาขอที่อยู่และเตรียมไปที่นั่นทันทีเดิมทีหลินหว่านหรูรู้สึกว่าเย่เทียนหยู่ไม่มีทางเป็นผู้มีอำนาจได้แน่ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของหลิวเจี๋
“ใช่ครับ”เย่เทียนหยู่พยักหน้า ก่อนจะหยิบกล่องออกมาแล้วนั่งลงและเตรียมทำการฝังเข็ม“เดี๋ยวก่อน แกกำลังจะทำอะไร!” หยางปินดุเขา“รักษาไงครับ!”“ใครให้แกรักษา ฉันจะบอกแกไว้นะ ว่าฉันได้เชิญแพทย์เซียนหลี่ต้าเซียนแห่งเมืองจิงเฉิงมาแล้ว เขาใกล้ถึงแล้วด้วย แกรีบไสหัวออกไปซะ”หยางปินทั้งดุทั้งพึมพำ นี่พ่อเลอะเลือนรึไง อย่างไอ้เด็กหนุ่มนี่เนี่ยนะแพทย์เซียน มองดูก็รู้แล้วว่าเป็นมิจฉาชีพหวังอวิ๋นยังคงนิ่งเงียบ เห็นได้ชัดว่าเธอยอมรับแนวทางของลูกชายของเธอเย่เทียนหยู่ขมวดคิ้วในตอนนั้นเอง ก็มีร่างของคนสองคนปรากฏตัวที่ประตู หนึ่งในนั้นคือชายชรามีหนวดเคราสีขาวมาพร้อมกับกล่องยาเมื่อหยางปินเห็น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีความสุขทันทีและพูดว่า “แพทย์เซียนหลี่ ในที่สุดคุณก็มาถึงแล้ว รีบมาตรวจดูน้องสาวของผมเถอะครับ”“ได้!” แพทย์เซียนหลี่พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ“มัวยืนบื้ออะไรอยู่ ทำไมยังไม่ออกไปจากที่นี่ล่ะ ถ้าแกมาขัดขวางการรักษาน้องสาวล่ะก็ สิบชีวิตของแกก็ไม่พอให้ชดใช้หรอก” หยางปินสาปแช่งเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่ส่ายหัวแล้วหลบไปด้านข้างถ้าไม่ใช่เพราะชีวิตมนุษย์ เขาก็คงจะจากไปแล้วแพทย์เซียน
“แม่งเอ้ย มึงไม่รู้แล้วใครจะรู้วะ มึงเป็นแพทย์เซียนนะ”หยางปินคำรามด้วยความโกรธ ยังนึกว่าตนจะได้ทำประโยชน์ครั้งใหญ่แต่กลับกลายเป็นเช่นนี้หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเฉียนเฉียน พ่อของเธอจะต้องถลกหนังเขาแน่ในตอนนั้นเอง อาการสั่นของหยางเฉียนเฉียนยิ่งน้อยลงเรื่อย ๆ โดยแทบไม่มีการเคลื่อนไหวเลย ราวกัยเธอได้ตายไปแล้วใบหน้าของหยางปินเริ่มย่ำแย่มากขึ้นเรื่อย ๆ เขานึกถึงคำพูดของเย่เทียนหยู่ขึ้นมา มันแม่นยำมาก และตอนนี้เขาอาจทำผิดพลาดครั้งใหญ่ในขณะนี้ เขาคิดถึงคำพูดของเย่เทียนหยูที่บอกว่าเขาจะต้องเสียใจและตอนนี้เขาเสียใจจริง ๆในตอนนั้นเอง ในที่สุดหยางต้าฝูก็กลับมา ทันทีที่เขาเข้ามาและเห็นเย่เทียนหยู่เขาก็ถามอย่างกังวล: “ท่าราชามั…คุณชายเย่ เฉียนเฉียนเป็นยังไงบ้างครับ?”เย่เทียนหยู่ส่ายหัวมองดูหยางปินแล้วพูดว่า “ถามเขาสิ!”หยางต้าฝูมองไปที่ผู้คนที่ตื่นตระหนก แล้วเห็นแพทย์เซียนหลี่ยืนถือเข็มอยู่ข้างเขา เขาคาดเดาความเป็นไปได้คร่าว ๆ และพูดด้วยความโกรธว่า “หยางปิน เกิดอะไรขึ้น!”หยางปินถูกพ่อของเขาดุด้วยความโกรธและหวาดกลัวจนแทบสิ้นสติใบหน้าของแพทย์เซียนหลี่ซีดลงและเขาพูดอย่างขมขื่น: “ประธาน
มันเหมือนกับการแก้ปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น อันที่จริงพิษเย็นในร่างกายของ หยางเฉียนเฉียนนั้นไม่ธรรมดาและเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากทุกคนตกตะลึง แม้แต่หยางต้าฝูก็ตกใจและพูดอย่างตื่นเต้น: “ขอบคุณคุณชายเย่!”เพราะถึงยังไง เขาก็รู้สถานการณ์ของลูกสาวเธอเป็นอย่างดี แพทย์หลายคนทำอะไรไม่ได้เลย แต่กลับถูกราชามังกรก็รักษาได้อย่างง่ายดาย“ทักษะการรักษาท่านแพทย์เซียนเย่นั้นช่างน่าทึ่งจริง ๆ”“เมื่อกี้ข้าตาบอดมีตาหามีแววไม่ ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย”ในตอนแรก แพทย์เซียนหลี่ตกใจมาก แต่หลังจากนั้นก็ขอโทษด้วยความตื่นใจ“ไม่เป็นไร” เย่เทียนหยู่กล่าวอย่างสุภาพเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายยังพอมีทักษะอยู่บ้าง“ถ้าอย่างนั้นคุณชาย ท่านรับข้าเป็นศิษย์ของท่านได้หรือไม่? เพื่อจะได้ฝึกฝนทักษะทางการแพทย์ร่วมกับท่าน”แพทย์เซียนหลี่ก้มลงทันทีเพื่อวิงวอนด้วยความตื่นเต้นที่มากยิ่งขึ้นไปอีกท่าทางราวกับ รีบร้อนก้มหัวขอเป็นศิษย์ของเขานั้นเมื่อยางปินเห็นหก็ต้องตกใจ แพทย์เซียนหลี่เป็นถึงผู้นำด้านการแพทย์แผนจีนซึ่งมีชื่อเสียงและสถานะสูงส่ง แต่กลับมีท่าทางเช่นนี้ต่อชายหนุ่มแต่แล้ว เย่เทียนหยู่ส่ายหัวและปฏิเสธ: “ผมไม่มีเวลา
หลังจากดื่มไวน์และทานอาหารไปจนอิ่มหนำสำราญแล้ว หยางต้าฝูไม่เพียงแต่มอบของขวัญให้เขาเท่านั้น แต่ยังส่งเย่เทียนหยู่ไปที่วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณครึ่งทางขึ้นภูเขาเป็นการส่วนตัวด้วยแพทย์เซียนหลี่เฝ้าดูร่างที่จากไปของเย่เทียนหยู่อย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกอาลัยอาวรร์เป็นพิเศษหากเขาทำได้ เขาคงแทบรอไม่ไหวที่จะติดตามเย่เทียนหยู่กลับบ้านไปด้วย“ที่นี่สวยมาก เมื่อไหร่จะมีวิลล่าแบบนี้บ้างคะ?”ในขณะเดียวกัน ซูถิงซึ่งกำลังเดินอยู่ในวิลล่าสกายพาเลซหมายเต็มไปด้วยความอิจฉา“นี่จะไปนับประสาะไร วิลล่าสกายพาเลซหมายเลขหนึ่งตรงทางขึ้นไปบนภูเขานั่นน่าทึ่งจริงๆ แต่อให้มีเงินแต่ก็ไม่สามารถซื้อได้หรอก” หลิวเจี๋ยที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น“ตระกูลก็ไม่ได้เหรอคะ?”“ไม่ได้หรอก” หลิวเจี๋ยส่ายหัว ครั้งนี้เขาไม่ได้คุยโม้“ให้ตายสิ ตระกูลหลิวของคุณน่ะสุดยอดมากยังไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องเป็นผู้ทรงอำนาจแบบไหนกันนะ อยากรู้จักจริง ๆ ”“หยุดฝันซะเถอะ คนแบบนั้นน่ะ ทั้งชีวิตนี้คุณอาจไม่มีทางได้เจอเลยด้วยซ้ำไป”“นั่นสินะ!” ซูถิงพยักหน้าและทันใดนั้นก็พูดด้วยความประหลาดใจ: “เฮ้ นั่นรถของประธานหยางไม่ใช่เห
“ทำไมคุณถึงหน้าแดง? หรือเพราะคุณปู่อยากให้เรานอนห้องเดียวกันคืนนี้?”เย่เทียนหยู่นึกถึงสิ่งที่ชายชราพูดทางโทรศัพท์แล้วเดาดู“ก็ ก็ประมาณนั้นล่ะ” หลินหว่านหรูรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อเย่เทียนหยู่ได้ยินแบบนี้ เขาก็ส่ายหัวทันทีและพูดว่า “ไม่ได้หรอก หรือว่าตัวคุณมีราคาแค่ห้าแสนกันล่ะ?”“นายพูดเหลวไหลอะไรอยู่ยะ!”หลินหว่านหรูรู้สึกละอายใจและรำคาญ เธอจึงพูดอย่างรุนแรง: “ต่อให้นายตกลงไปแล้ว ฉันก็จะไม่ปล่อยให้นายได้รับสิ่งที่นายต้องการหรอก ในทางกลับกัน ถ้านายปฏิเสธ ฉันสามารถให้เงินนายได้”“ตกลง” เย่เทียนหยู่เห็นด้วย“คุณเห็นด้วยเหรอ?”“อือ แต่ว่าห้าแสนไม่พอหรอกครับ ผมต้องการห้าล้าน”หลินหว่านหรูแอบสาปแช่งเขา แต่เธอก็ตอบตกลง: “เอาล่ะ” ขณะที่เธอพูด เธอก็หยิบเช็คที่มีข้อความห้าล้านเขียนไว้ออกมาแล้วมอบให้เย่เทียนหยู่ทั้งสองเดินเข้าไปข้างใน มีเพียงสองสามีภรรยาตระกูลหลินอยู่ในห้องนั่งเล่นเมื่อเห็นเย่เทียนหยู่เข้ามาใกล้ หลิวอวิ๋นซิ่วก็พูดโดยตรงโดยไม่รอให้เขาพูด: “เย่เทียนหยู่ ฉันขอเตือนให้แกล้มเลิกความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ของแกไปซะ”“ตระกูลหลินไม่ใช่ตระกูลที่คนบ้านนอกแบบแกจะล้อเล่นด้วยได้หร
เมื่อเรื่องทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว เย่เทียนหยู่จึงสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกไปว่า “เอาล่ะ เกี่ยวกับเรื่องที่เราสองคนพูดคุยกันในวันนี้ ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด เข้าใจไหม?”“ครับ นายท่าน!”บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงตอบรับด้วยท่าทีเคารพ เพียงแต่หลังจากที่เขาพูดจบก็รู้สึกงงอยู่นิดหน่อย ทำไมตนถึงต้องเรียกอีกฝ่ายว่านายท่านด้วยแต่เมื่อลองย้อนคิดอีกที ถึงยังไงตอนนี้ชีวิตตนก็ตกอยู่ในมือของเขา จะเรียกอีกฝ่ายว่าอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้วเย่เทียนหยู่ก็ชะงักไปชั่วขณะ แต่ถ้าอีกฝ่ายอยากจะเรียกก็เรียกไปเถอะ เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็โบกมือขวาขึ้น และถอนม่านพลังโดยรอบออกทันทีตั้งแต่ตอนที่เย่เทียนหยู่และบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงหายเข้าไปในนั้น เวลาก็ได้ผ่านไปราว ๆ ยี่สิบนาทีแล้ว คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ในใจต่างก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาแต่พวกเขาก็กลัวว่าอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นก็ได้ สุดท้ายจึงไม่กล้าจากไป“คุณผู้หญิง คงไม่เกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายหรอกใช่ไหมคะ?”จูเก่อหลิวหลีอดไม่ได้ที่จะกระซิบถาม“คิดว่าคงไม่เป็นไรหรอก”มู่หรงอินเองก็ไม่ได้มั่นใจมากนัก แม้ว่าพลังข
เดิมทีคิดว่าการเรียนรู้ทักษะนี้คงจะยุ่งยากมากแน่ ๆ แต่เย่เทียนหยู่ก็กลับพบว่า พลังวิญญาณของเขามีความมั่นคงอย่างมาก พลังจิตเองก็แข็งแกร่งขึ้น การเรียนรู้ทักษะจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากกระดูกศักดิ์สิทธิ์โบราณรึเปล่า แต่ไม่ว่ายังไง ภายในเวลาไม่กี่นาที เขาก็สามารถทำความเข้าใจกับทักษะเหล่านั้นได้จริง ๆถึงขั้นสามารถใช้พลังจิตในการควบคุมความเป็นความตายของคนอื่นได้เลยด้วยซ้ำ ช่างน่าอัศจรรย์มากจริง ๆหลังจากที่เย่เทียนหยู่เรียนรู้ทักษะสำเร็จ เขาก็รีบกลับออกมาในทันที ในตอนที่หันไปมองบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงอีกครั้ง เขาก็ได้แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมา ตอนนี้เขามีวิธีแก้ไขปัญหาแล้วแน่นอน ว่าหากต้องการใช้เวทควบคุมวิญญาณควบคุมอีกฝ่าย เขาก็จะต้องมีพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายเสียก่อน นอกจากนี้ จำนวนคนที่เขาสามารถควบคุมได้ก็ค่อนข้างจำกัดอีกทั้งยังต้องให้อีกฝ่ายยอมรับการควบคุมอย่างเชื่อฟัง เพราะไม่อย่างนั้น อาจจะทำให้พลังจิตที่ส่งเข้าไปเกิดความเสียหายเอาได้เมื่อเห็นแววตาของเย่เทียนหยู่ บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงก็เกิดรู้สึกหนาวสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกเหมือนมีบางสิ่
หลังจากที่ข้อมูลทำการหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเย่เทียนหยู่ ทันใดนั้นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา โดยมีความยาวและความกว้างมากถึงสิบเมตรแหวนมีพื้นที่จัดเก็บมากขนาดนี้ นั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่เย่เทียนหยู่จะตกใจต้องเข้าใจก่อนว่า แหวนมิติอวกาศของเขาก่อนหน้านี้ มีพื้นที่ไม่ถึงหนึ่งลูกบาศก์เมตรเลยด้วยซ้ำ มันจึงทำให้เขารู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างมาก บนโลกใบนี้ก็ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่าย ๆและสิ่งที่ทำให้เย่เทียนหยู่ประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือ ด้านในมีสมุนไพรสดสีเขียวชอุ่มอยู่ด้วยเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “สมุนไพรที่อยู่ในนี้จะไม่มีวันเหี่ยวเฉางั้นเหรอ?”บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงรู้สึกตกใจนิดหน่อย มันก็ควรจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่รึไง หรือว่าแหวนมิติอวกาศวงอื่นจะทำแบบนี้ไม่ได้ เขาเริ่มรู้สึกได้อย่างเลือนลางแล้วว่า ตนคงต้องเสียสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ไปแล้วจริง ๆแต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังตอบตามความจริงออกไปอยู่ดี “ใช่ครับ สิ่งมีชีวิตเป็น ๆ เองก็สามารถอยู่ในนั้นได้โดยที่ไม่ตายครับ รวมถึงคนเองก็ด้วย นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งเขตการจัดเก็บตามความคิดได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วยครับ”“แต่น่าเสียดาย พื้นที่ด้านในค
สิ่งนี้ทำให้เย่เทียนหยู่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย ตามที่แม่เคยพูดเอาไว้ จี้หยกนี้ได้ซ่อนความลับที่น่าตกใจเอาไว้อยู่ และมันจะต้องเป็นประโยชน์กับผู้ฝึกฝนมากอย่างแน่นอนเพราะไม่อย่างนั้น พ่อของเขาก็คงไม่ได้รับประโยชน์มากมายขนาดนี้หรือที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำความเข้าใจมันได้ เป็นเพราะยังขาดอีกชิ้นไป ต้องรวมเข้าด้วยกันงั้นเหรอ?นี่ทำให้ในใจของเขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ว่าอย่างไร เย่เทียนหยู่ก็ไม่คิดที่จะนำมันออกมาลองในทันที แต่กลับพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบออกมาแทนว่า “จับแล้วเนื้อสัมผัสก็ดูไม่เลวเลยจริง ๆ เหมือนจะเป็นหยกที่ค่อนข้างมีอายุพอสมควร แล้วของชิ้นนี้มันมีประโยชน์ยังไง?”บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบอธิบายออกไปว่า “ของชิ้นนี้ไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่ามันใช้ยังไงครับ”“แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ จี้หยกมันเคยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างกายของผม เพราะไม่อย่างนั้น ผมก็แทบจะทะลวงเข้าสู่ระดับเทพยดาแดนดินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ”“โอ้ ขนาดนั้นเลยเหรอ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น คุณศึกษามานานมากขนาดนี้ก็ยังไม่ได้อะไรเลยงั้นเหรอ?”“ไม่ครับ ครั้
สีหน้าบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงดูขัดแย้งกันอย่างมาก สำหรับเขาแล้ว จี้หยกนี้คือสมบัติล้ำค่ามากสำหรับเขา ที่สำคัญเลยก็คือ ปัจจุบันยังไม่มีใครร่วงรู้เรื่องที่เขาเป็นผู้ครอบครองจี้หยกหนึ่งในสองชิ้นนั้นเลยสักคนแม้ว่าตอนนี้จะมีเพียงชิ้นเดียว แต่เขาก็พอจะใช้ประโยชน์จากมันได้เพราะไม่อย่างนั้น เขาก็แทบจะไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพยดาแดนดินได้เลยแม้ว่าแหวนเองก็เป็นสมบัติล้ำค่า แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งของที่มีมูลค่าเท่านั้น ไม่มีก็ไม่เป็นไรแต่หากตนสามารถตามหาจี้หยกอีกชิ้นจนพบ และสามารถบรรลุพลังของมันได้ บางทีสักวันตนอาจจะแข็งแกร่งจนสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้ จากนั้นจึงค่อยแย่งทุกอย่างกลับคืนมาอันที่จริง เหตุผลที่ส่งสองพี่น้องเจวี๋ยเทียนเจวี๋ยซินมาจัดการเรื่องรวมสำนักศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อเตรียมตัวสำหรับการค้นหาจี้หยกในอนาคตได้อย่างสะดวกนั่นเองอย่างไรก็ตาม หากพึ่งแค่พลังของตัวเอง ก็เกรงว่าคงไม่มีทางแย่งจี้หยกจากมือของผู้อารักขาเฟยหลงมาได้แน่จากการที่เขาทำการศึกษาค้นคว้ามาหลายปี ก็พบว่า หากต้องการเปิดเผยความลับของจี้หยก เกรงว่าคงต้องหาจี้หยกอีกชิ้นให้พบเสียก่อน เขาถึงจะพอมีหวังใ
“เอ่อ เช่นนั้นผู้อาวุโสยังมีเรื่องอะไรที่ต้องการอีกไหมครับ?” บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงรีบถามขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตัวเขาได้มีการคาดการณ์ผลลัพธ์นี้เอาไว้แล้วแต่แรก ไม่เช่นนั้น เมื่อกี้สิ่งแรกที่ทำคงไม่ใช่การตั้งท่าเตรียมหนีแบบนั้นหรอกผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างพวกเรา แต่ไหนแต่ไรก็เป็นพวกที่มีแค้นต้องชำระ หากเป็นตัวเขา เกรงว่าก็คงจะกำจัดอีกฝ่ายให้สิ้นซากเหมือนกัน ไม่ก็ให้อีกฝ่ายมาเป็นทาสรับใช้ และทำตามคำสั่งของตนเสียเย่เทียนหยู่เหลือบมองอีกฝ่าย เมื่อพิจารณาถึงอายุของเขา กับความจริงที่ว่าเขาอยู่ในระดับเทพยดาแดนดินเพียงคนเดียวแล้ว เกรงว่าคงจะมีของสะสมอยู่ไม่น้อย เขาจึงพูดอย่างเย็นชาขึ้นว่า “ฮึ สิ่งที่ผมต้องการนั้นง่ายมาก ก็ให้คุณชดใช้ด้วยชีวิตยังไงล่ะ”ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ยกมือขวาขึ้น จากนั้นแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา และเนื่องจากการควบคุมของเขาค่อนข้างละเอียดอ่อนและแยบยลมาก เขาจึงสามารถควบคุมพลังให้พุ่งเป้าไปที่บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงแค่คนเดียวได้บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่น่ากลัวกำลังพุ่งตรงเข้ามาที่เขา สีหน้าขาวซีด ร่างกายสั่นเทาไปหมด “ช้าก่อน ช้าก่อนครับ ผมมีของดีอยู่ ขอผู้
เมื่อได้ยินคำนี้ ทุกคนต่างก็พากันรู้สึกตกตะลึงอีกครั้งหมายความว่ายังไง หรือที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงนิ่งไป ที่แท้คือเขากำลังแกล้งตายเพื่อที่จะหลบอยู่ในหลุมลึกอย่างนั้นเหรอเมื่อบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงได้ยินประโยคนี้ สีหน้าก็ขาวซีดทันที เขามีทักษะหนึ่งที่เรียกว่าวิชาเต่าหายใจ หลังจากที่เขาถูกโจมตี เขาก็จะสามารถใช้วิชานี้ได้ทันที ซึ่งวิชานี้จะทำให้เขาสามารถปกปิดลมหายใจทั้งหมดได้ ปกปิดได้กระทั่งการเต้นของหัวใจเมื่อเทียบกับการแกล้งตายแล้ว ก็แทบจะไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลยแต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า วิธีนี้อีกฝ่ายก็ยังมองออกได้อยู่ดี“แก แกรู้ได้ยังไง?” บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงยืนขึ้นด้วยความสั่นเทา เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการต่อสู้แรกที่เจอหลังจากการเลื่อนระดับจะมีผลลัพธ์เช่นนี้“ถ้าจะให้พูดจริง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่ทุกครั้งที่ผมเป็นคนลงมือ ผมใช้พลังไปมากแค่ไหนตัวผมนั้นรู้ดี หมัดนั้น ยังไม่สามารถเอาชีวิตคุณได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดด้วยท่าทีราบเรียบหลังจากที่คำนี้ถูกพูดออกมา บรรพจารย์เจวี๋ยฉิงก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก กระบวนท่าทั้งสองครั้งนั้นทำให้เขาแทบช็อค เกรงว่าครั้งต่อไ
ขณะเดียวกันนั้นเอง ร่างของเย่เทียนหยู่ก็เคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็วราวกับภูตผี แทบจะเหมือนกับการใช้เวทเคลื่อนที่พริบตาเลยด้วยซ้ำ ทันใดนั้นเขาก็ปรากฏตัวขึ้นที่ขอบของหลุมลึกความเร็วของเขาค่อนข้างที่จะเร็วมาก เร็วเสียจนคนธรรมดาไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนซึ่งก็มีเพียงผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นสูงสุดเท่านั้น บางทีพวกเขาเองก็อาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จึงจะสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้สักนิดสักหน่อย แต่ก็เท่านั้นฉากนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึงกันอีกครั้งพวกเขาต่างจ้องมองด้วยดวงตาเบิกโพลง แทบจะไม่อยากเชื่อกับฉากที่อยู่ตรงหน้า เพราะมันอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปมากจริง ๆสีหน้าเจวี๋ยเทียนที่เดิมทีก็ดูแย่เพราะอาการบาดเจ็บอยู่แล้ว ตอนนี้กลับซีดหนักกว่าเดิม ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาว่า “เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!”แต่ความจริงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ พลังของเจ้าตำหนักหยู่นั้นเกินกว่าที่เขาจิตนาการเอาไว้เสียอีก เกรงว่าเขาคงทะลวงเข้าสู่ระดับเทพยดาแดนดินไปตั้งนานแล้วในเวลานี้ เจวี๋ยเทียนก็นึกถึงคำที่เย่เทียนหยู่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ขึ้นมา บอกว่าเขามาที่นี่ก็เพื่อขึ้นนั่งบ
เจวี๋ยเทียนและศิษย์สำนักเจวี๋ยฉิงคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกว่าหูของตัวเองนั้นมีปัญหา หูคงฝาดไปแล้วแน่ ๆ ปกติจะต้องเป็นอีกฝ่ายที่ร้องโอดครวญด้วยความกลัวไม่ใช่รึไงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเสียงของบรรพจารย์!เดิมทีมู่หรงอินและคนอื่น ๆ ต่างก็เตรียมพร้อมกันอยู่ก่อนแล้ว และพร้อมจะทุ่มสุดชีวิตเข้าไปช่วยเย่เทียนหยู่ได้ทุกเมื่อการที่ทุกคนสามารถพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้นั้น แน่นอนว่าทุกคนต่างก็ต้องมีไพ่ตายที่น่ากลัวเป็นของตัวเอง ถึงยังไงพวกเขาก็คิดที่จะทุ่มสุดชีวิตอยู่แล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ยินเสียงนี้เข้าเสียก่อนนี่คือเสียงของบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงงั้นเหรอ?นี่คงไม่ได้ฟังผิดไปหรอกใช่ไหม?ในขณะที่ทุกคนต่างตกตะลึงอยู่นั้นเอง เย่เทียนหยู่ก็กระแทกลมหายใจออกมาอย่างเย็นชา หลังจากที่เขาควบคุมพลังที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายเสร็จ เขาก็พลิงฝ่ามือลงในทันทีร่างของบรรพจารย์เจวี๋ยฉิงร่วงหล่นลงมาจากอากาศอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะกระแทกกับพื้นเข้าอย่างจังผั๊วะ!ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ฝุ่นบนพื้นฟุ้งกระจายเต็มสนาม แต่ก็ยังพอจะสามารถเห็นร่าง ๆ หนึ่งที่กำลังถูกแรงกดดันกดทับเอาไว้อยู่ ก่อนที่ต่อมาจะตกลงสู