“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
หลี่เหวินเชาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “คนกากๆอย่างคุณกล้ามาชี้นิ้วสั่งผมเหรอ” “วันนี้กูต้องให้บทเรียนมึงแทนพี่สาวกู”หลินเฟิงเตะท้องของเขาด้วยขาเดียวหลี่เหวินเชาบินออกไปเหมือนโดนระเบิด “อา”แฟนสาวตัวเล็กของหลี่เหวินเชากลัวจนหน้าซีดวิ่งโซซัดโซเซไปยังข้างๆของหลี่เหวินเชา ถามด้วยความกลัว ที่รัก คุณเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าถังหว่านมีรอยยิ้มที่เย็นชาเด็กชายคนนี้กล้าต่อสู้กับหลินเฟิงด้วย ช่างกล้าหาญเกินแต่สิ่งที่เธออยากรู้อยากเห็นมากคือ หลี่ฮุ่ยหรานที่หลินเฟิงพูดถึงเป็นใคร “ไอเหี้ย”หลี่เหวินเชาใบหน้าบิดเบี้ยว ที่ท้องมีความเจ็บปวดที่รุนแรง รู้สึกลําไส้เกือบจะถูกเตะจนด้วยดวงตาที่มืดมนจ้องไปที่หลินเฟิง “คุณ...คุณกล้าเตะผมเหรอ”หลินเฟิงใจเย็นลง “แต่ก่อนคือเห็นแก่พี่สาวคุณ ผมจึงไม่ได้จริงจังกับคุณ” “ตอนนี้ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลี่อีกต่อไปแล้ว หากคุณยังกล้าหยาบคายต่อหน้าผมแบบนี้อีก ผมจะเอาคุณตาย”มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหลินเฟิงหลี่เหวินเชาสั่น คําสบถที่อยากจะพูดถูกกลืนลงไปหันหน้ามองไปที่ถังหว่านและตะโกน “นี่คุณมาทำอะไร กูมาใช้บริการที่นี่
ตอนหัวค่ำ หลินเฟิงได้นั่งแท็กซี่มาถึงวิลล่าบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ไม่คิดว่าจางกุ้ยหลานได้รออยู่ที่ประตูตั้งนานแล้วเมื่อเห็นหลินเฟิงมาถึง เธอก้าวเข้าไปเตือนทันทีว่า “หลินเฟิง เดี๋ยวเมื่อเห็นคุณปู่ อะไรควรพูด และอะไรไม่ควรพูด ฉันหวังว่าคุณรู้ดี” “หากคุณกังวลขนาดนี้จริงๆ งั้นก็ไล่ผมไปดีกว่า” หลินเฟิงยิ้ม “คุณ....”จางกุ้ยหลานจ้องมองหลินเฟิง ไม่คิดว่าเขากล้าพูดอย่างนี้กับเธอหลินเฟิงไม่สนใจเธอ เดินเข้าตรงวิลล่าไปในหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว นอกจากคุณปู่หลี่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครพอเข้าไปถึง ก็เห็นคุณปู่คาดผ้ากันเปื้อนที่เอวและได้จัดอาหารไว้เต็มโต๊ะ “คุณปู่ วันนี้เป็นวันอะไรนะ ทำอาหารไว้เยอะจัง”หลี่ไห่ซานพอเห็นหลินเฟิงก็รีบดึงมือเขา ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเฟิงนะ คุณมาแล้ว” “เดี๋ยวคุณก็รู้”สองคนนั่งคุยกัน จางกุ้ยหลานคอยจับจ้องหลินเฟิง กลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดสักพักหนึ่ง หลี่ฮุ่ยหรานก็มาถึงหลินเฟิงอยู่ที่นี่ด้วย อย่างที่เธอคาดไว้เมื่อก่อนก็คือคุณปู่สนับสนุนอย่างเต็มที่ที่ให้เธอแต่งกับเขาคุณปู่ของเธอเองให้ความสำคัญกับเขามากเนื่องจากรู้ถึงจุดนี้ หลี่ฮุ่ยหรานจ
หลินเฟิงมองดูคุณปู่หลี่ที่น่าสงสารถึงแม้เขาสามารถยอมรับตัวเองได้ แต่ตระกูลหลี่ไม่สามารถยอมรับได้การสมรสไม่ใช่เรื่องระหว่างคนสองคน แต่เป็นเรื่องระหว่างสองครอบครัว “คุณปู่ ผมหมดวาสนากับตระกูลหลี่แล้ว ช่างเถอะครับ”พูดจบ หลินเฟิงก็เดินจากไปอย่างไม่คิดจะหันหลังกลับหลี่ไห่ซานเดินโซเซสักพักหนึ่ง เกือบจะล้มลงกับพื้นโชคดีที่หลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นทัน และก้าวไปข้างหน้าจับเขาไว้ทันดวงตาของหลี่ไห่ซานเสียสติ พึมพําอย่างต่อเนื่องในปากว่า "ตายแล้ว ตายแล้ว ตระกูลหลี่ต้องพังแล้ว"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “คุณปู่ นี่คุณพูดอะไรกัน” “บอกจริงๆนะ วันนี้หวางเส้าหลงยังตั้งใจช่วยฉันในการสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลถังด้วย” “อีกไม่นาน ตระกูลหลี่ก็จะกลายเป็นตระกูลชั้นนําของเจียงโจว” “ฮาฮา...”คุณปู่หลี่หลังจากได้ยินก็หัวเราะอย่างเย็นชา “คุณหวางคนนั้นหน่ะเหรอ” “ใช่ค่ะ” “เมื่อเทียบกับหลินเฟิงแล้ว หวางเส้าหลงคนนั้นไม่มีอะไร”คุณปู่หลลี่สะบัดแขนเสื้อ ไม่มีอารมณ์จะทานข้าวแล้ว กลับไปที่ห้องด้วยความโกรธหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจยาว “ก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณปู่ให้ความสำคัญกับหลินเ
หลินเฟิงยิ้ม “ผมก็ไม่ได้จีบเธอ จะอิจฉาผมทำไม” “แม้ว่าจะพูดอย่างนี้ก็เถอะ แต่พี่หว่านเอ๋อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว คุณสามารถรับประกันได้ไหมว่าเขาจะไม่คิดอะไรเกินเลย”ฉินอิ๋งถอนหายใจ “คู่หมั้นของพี่หว่านเอ๋อเป็นนายน้อยของตระกูลหรงในเมืองหลวง” “คนนี้ใจร้ายมาก ผู้ชายทั้งหมดที่เคยพยายามเข้าใกล้พี่หว่านเอ๋อ ไม่รู้ว่าตายยังไง”ในฐานะที่เป็นบอดี้การ์ดของถังหว่าน ความลับเหล่านี้เธอก็รู้มาบ้างเธอก็ไม่หวังว่าอัจฉริยะศิลปะการต่อสู้อย่างหลินเฟิงจะตายในมือของตระกูลเย่ไม่ว่ายังไงคนที่เก่งกว่าหลินเฟิงมีเยอะในเจียงโจว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณหรงที่เมื่องหลวงตัวฉันเองเตือนคุณด้วยความใจดี “ฮึ่ม”หลินเฟิงออกเสียงเย็นฮึ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก “ไม่มายั่วยุผมก็พอ” “หากกล้ามายั่วยุผม มังกรแท้ๆก็เปลี่ยนกลายเป็นหนอนได้”ฉินอิ๋งกลืนน้ําลาย น้ำเสียงนี้หยิ่งผยองมากจริงๆก็ไม่รู้ว่าพอถึงตระกูลหรงมาจริงๆ เขายังคงหยิ่งผยองแบบนี้อยู่หรือเปล่าแต่ว่าในเมื่อพูดเป็นแบบนี้แล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดอีกเช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฮุ่ยหรานเพิ่งตื่นนอน ก็ได้รับข่าวของหวางเส้าหลง “ฮุ่ยหราน ข่าวดีนะ คุณหญิงใหญ่ตระกูลถังเมื
หลินเฟิงล้วงมือทั้งสองข้างเข้าไปในกระเป๋า และขึ้นไปนั่งบนรถอย่างใจเย็นถังหว่านที่นั่งอยู่ตรงฝั่งข้างคนขับกลับยังคงมองเขาอยู่“คุณหลิน หลี่เหวินเชาคนนั้นคือใคร?”หลินเฟิงก็ไม่ได้เลือกที่จะปิดบัง พูดอย่างตรงไปตรงมา “น้องชายของภรรยาเก่าฉัน”“อ๋อ......แบบนี้นี่เอง”ทันใดนั้นถังหว่านก็ตระหนักขึ้นได้ว่า “ถ้าอย่างนั้นหลี่ฮุ่ยหรานก็คือภรรยาเก่าของคุณ”หลินเฟิงพยักหน้าตอบรับถังหว่านถามด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าระหว่างคุณหลินกับภรรยาเก่าคุณจะจบแบบไม่สวยเท่าไรนัก!”“ต้องการให้ฉันช่วยคุณแก้ปัญหาไหมคะ?”หลินเฟิงเหลือบไปมองเธอ หากให้เธอลงมือ เธอสามารถทำให้ตระกูลหลี่หายไปจากเจียงโจวได้อย่างไร้ร่องรอยถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะเกลียดตระกูลหลี่ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะฆ่าพวกเขาทิ้งทั้งหมดยิ่งไปกว่านั้นคุณปู่ก็ยังอยู่ ไม่ว่าเขาคิดจะทำอะไรก็ยังต้องรักษาหน้าของคุณปู่ไว้“เรื่องของผมเอง ผมจัดการได้ คงไม่ต้องทำให้คุณถังลำบากใจหรอก”ถังหว่านยิ้มเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว แต่ถ้าคุณหลินพบเจอกับปัญหาอะไรสามารถเรียกฉันได้ตลอดเวลา”เวลาพลบค่ำประตูทางเข้าหลักโรงแรมเทียนอวี่หลี่ฮุ่ยหรานสวมชุดราตรีสีน้ำเงินสวยเพื่อเข้าร่วมงาน
สาวสวยท่านนี้ คุณไม่สนใจผมเกินไปแล้ว”หวางเส้าหลงโกรธขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคก่อนหน้านี้ฉันเป็นถึงคุณชายผู้สูงส่งแห่งตระกูลหวาง สู้คนไร้ค่าอย่างหลินเฟิงไม่ได้ตรงไหน?ถังหว่านพูดอย่างดูถูก “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่สนใจคุณ”มุมปากของหวางเส้าหลงกระตุก มือกำหมัดจนเส้นเลือดขึ้น “คนสวย ผมบอกคุณตรง ๆ นะ นายนี่จนถึงตอนนี้แม้แต่งานจะทำยังไม่มีเลย” “ไม่อย่างนั้นหลี่ฮุ่ยหรานคงไม่หย่ากับเขาหรอก” “นอกจากหน้าตาที่พอไปวัดไปวาได้แล้ว เขาสามารถให้อะไรกับคุณได้บ้าง?”ทันทีที่ได้ยินถังหว่านก็หันไปมองหลินเฟิง และชมว่า “คุณหลินขาดแค่เวลาเท่านั้น ฉันเชื่อว่าแค่ให้เวลาเขาสักหน่อย” “ก้าวนำหน้าตระกูลหวางภายในหนึ่งเดือน ไม่ใช่เรื่องยากเลย” “ฮ่าฮ่าฮ่า...”หวางเส้าหลงรู้สึกขบขันและหัวเราะเสียงดังหนึ่งเดือน เริ่มต้นจากศูนย์และก้าวนำหน้าตระกูลหวาง เป็นเรื่องที่เหลวไหลไร้สาระที่สุดในโลก “คนสวยคุณนี่พูดจาได้ตลกจริง ๆ”ถังหว่านยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่ได้ล้อคุณเล่นนะ งั้นเรามาพนันกันไหมล่ะ?” “ถ้าคุณหลินก้าวนำหน้าตระกูลหวางได้ภายในหนึ่งเดือน คุณจะต้องคุกเข่าลงและขอโทษฉัน”หวางเส้าหลงหรี่ตาลงเล็กน้อย และเริ่มรู้ส
“ฮัลโหล?”หลินเฟิงรับโทรศัพท์ ส่วนฝ่ายตรงข้าม หลี่ฮุ่ยหรานก็รับสายเช่นกัน“อะไรนะ?!”ทั้งสองคนพูดคำที่เหมือนกันออกมาพร้อมๆ กัน“คุณพูดอีกครั้งสิ?!”หลี่ฮุ่ยหรานกับหลินเฟิงก็พูดพร้อมกันอีกแล้ว“แย่แล้วหัวหน้าหลิน มีครอบครัวหนึ่งมาก่อเรื่องที่บริษัทของเรา พวกเขาอยู่ที่ห้องโถงชั้นหนึ่งของบริษัทเราไม่ยอมกลับไป บอกว่าประธานหลี่ร่วมมือกับคุณ ยึดครองที่ดินของพวกเขา“แย่แล้วค่ะท่านประธาน คุณแม่กับลูกพี่ลูกน้องของคุณมาที่บริษัท ตอนนี้พวกเธอถูกฉันขวางเอาไว้แล้ว บอกว่าจะให้คุณคืนที่ดินให้กับพวกเธอ!”ทั้งสองคนต่างได้ยินข่าวสารที่เหมือนกันจากในโทรศัพท์“จางกุ้ยหลาน?”ในใจของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานก็เกิดความอึมครึมขึ้นมาจางกุ้ยหลานคนนี้มาตอนไหนไม่มา กลับเลือกมาในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ เป้าหมายชัดเจนเป็นอย่างมาก เกรงว่าเธอก็รู้ข่าวเรื่องที่ที่ดินผืนนั้นมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นแล้ว“แม่ของฉัน เธอ...”เดิมหลี่ฮุ่ยหรานอยากจะพูดว่าทำไมเธอถึงได้มีหน้ามาพูดเรื่องที่ดินอีกแต่ก็คิดอีกว่าจางกุ้ยหลานคือแม่ของเธอ พูดแบบนี้ไม่เหมาะสม ทำได้เพียงหน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกสักคำและโมโหจนตัวสั่นไปหมด“เอาเถอะ
หัวใจของเขาใสสะอาดเหมือนกระจก สามารถรับรู้ข่าวสารในเมืองเจิ้งเต๋อได้ล่วงหน้า แถมสามารถซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ได้ นั่นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอนตอนนี้ในที่สุดเขาก็ยอมรับถึงความสามารถของหลินเฟิงแล้ว“เอาล่ะเอาล่ะ ผมแค่แกล้งคุณเล่น อีกอย่าง ประธานหลี่เป็นภรรยาของผม ที่ดินผืนนี้ในมือของผม ก็เป็นของเธอไม่ใช่เหรอ?”หลินเฟิงหัวเราะคิกคัก เอื้อมมือไปตบไหล่ผู้จัดการหวง“เอ่อ…หึหึ…ก็จริงนะครับ…”ผู้จัดการหวงยิ้มอย่างเก้ๆ กังๆรอจนกระทั่งหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหรานออกไป ในดวงตามีร่องรอยของความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง หลินเฟิงคนนี้ไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่เป็นก็ถูกแล้วผู้ชายที่ประธานหลี่ชอบ เขาจะเป็นบุคคลธรรมดาได้ยังไง?คิดถึงตรงนี้ เขาโบกมือ พูดไล่พนักงานที่ดูความครึกครื้นอยู่รอบๆ เสียงดังว่า:“มองอะไรกัน? มีอะไรให้น่ามอง? คราวนี้พวกคุณคงไม่วิพากษ์วิจารณ์ลับหลัง ว่าหัวหน้าหลินคู่ควรหรือไม่คู่ควรประธานหลี่อีกแล้วสินะ?“เฮ้อ คิดไม่ถึงจริงๆ หัวหน้าหลินมีความสามารถแบบนี้จริงๆ?”“ฉันก็คิดเหมือนกัน นั่นเป็นถึงผู้ชายของประธานหลี่เชียวนะ จะเป็นคนธรรมดาๆ ได้ยังไงกัน?”คำวิพากษ์วิจารณ์ที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ ลดน้
“เอ๊ะเอ๊ะเอ๊ะ”หลินเฟิงยื่นมือออกไปห้ามหลี่ฮุ่ยหราน เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาของพนักงานที่พักกลางวันกันอยู่กำลังมองมา เขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กลับยิ้มบางพูดว่า:“ดูท่าผู้จัดการหวงก็ทำเพื่อบริษัทถึงได้โมโหขนาดนี้”“ถูกต้อง ผมขี้เกียจจริงๆ นั่นแหละ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ทำอะไรทั้ง”หลินเฟิงส่ายนิ้ว ยิ้มพูดว่า:“ผมได้เจรจาธุรกิจใหญ่โตให้หลี่ซื่อกรุ๊ปได้สำเร็จเชียวนะ”“นายเนี่ยนะ?”ผู้จัดการหวงหัวเราะเยาะ“นายเป็นแค่หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย พูดอีกอย่างก็เป็นแค่คนเฝ้าประตู นายมีความสามารถอะไรไปคุยธุรกิจ? แถมยังเป็นธุรกิจใหญ่โตงั้นเหรอ?”“เลิกพูดได้แล้ว”เห็นได้ชัดว่าผู้จัดการหวงไม่เชื่อ“ถ้าหากนายสามารถทำกำไรให้บริษัทได้ห้าแสนบาท ฉันก็จะคุกเข่าขอโทษนาย”“คุณอย่าเสียใจภายหลังล่ะ”หลินเฟิงหัวเราะร่า จากนั้นหยิบหนังสือพิมพ์ยามเช้าของวันนี้ออกมาจากชั้นวางที่อยู่ด้านข้างโดยตรง ยัดใส่บนมือของผู้จัดการหวง“ดูหัวข้อบทความนี้ให้ดี”หลินเฟิงชี้ตัวอักษรขนาดใหญ่ที่เขียนอยู่บนรายงานกำลังบรรยายเรื่องทำถนนทางหลวงของเมืองเจิ้งในช่วงนี้“ถนนทางหลวงเส้นนี้ผ่านพื้นที่ที่อยู่อาศัย และเ
ตอนเที่ยง ณ บริษัทหลี่ซื่อกรุ๊ปหลี่ฮุ่ยหรานที่เพิ่งทำงานเสร็จ เพิ่งออกมาจากห้องทำงาน ก็เห็นหลินเฟิงที่สบายอกสบายใจ จึงจนปัญญาทันทีและพูดว่า:“ที่ฉันยุ่งจนหัวร้อน คุณกลับผ่อนคลายอยู่ที่ตรงนี้!”เห็นท่าทางของหลี่ฮุ่ยหรานที่ถามหาความผิด หลินเฟิงก็สะดุ้งโหยง รีบลุกขึ้น ยิ้มแหยพูดว่า:“งานของคุณมีแต่เรื่องในบริษัท เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ผมไม่คุ้น อีกทั้ง…ผู้มีความสามารถควรทำงานให้มากนะ ใครใช้ให้ผู้หญิงของผมสุดยอดขนาดนี้ล่ะ?”“หึ พูดจากะล่อนปลิ้นปล้อน”หลี่ฮุ่ยหรานส่งเสียงไม่พอใจ แต่กลับไม่ได้มีท่าทีจะตำหนิหลินเฟิงเธอคล้องแขนของหลินเฟิงขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติ และยิ้มพูดว่า:“ใกล้ๆ นี้มีร้านก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยมากๆ ร้านหนึ่ง ไปกัน ฉันไปคุณไปด้วยกัน”“เหรอ? ร้านก๋วยเตี๋ยวที่สามารถเข้าตาประธานหลี่ได้ งั้นผมต้องลองดูหน่อยจริงๆ”หลินเฟิงยิ้มบางทั้งสองคนเดินออกไปจากห้องทำงานเคียงข้างกันพนักงานของหลี่ซื่อกรุ๊ปจำนวนมากเห็นภาพนี้ หลังจากที่ได้ทำความรู้จักหลายวันนี้ พวกเขาต่างก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของหลินเฟิงกับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วแต่ยังคงมีพนักงานชายหลายคนที่เผยสีหน้าไม่พอใจออกมาประธานหลี่คน
“อีกเดี๋ยว แกไปหลี่ซื่อกรุ๊ปกับฉัน คุกเข่าขอร้องหลี่ฮุ่ยหรานพี่สาวของแก ขอให้เขาช่วยแก”“สำหรับเรื่องที่ดิน ไม่ต้องเอ่ยถึงอีก”“ไม่มีทาง!”หลี่เหวินเชาตะโกนขึ้นมาด้วยความคลุ้มคลั่ง:“ฆ่าผมเถอะ ฆ่าผมผมก็ไม่ยอมคุกเข่าให้หลินเฟิง!”“งั้น…”จางกุ้ยหลานเห็นว่าลูกชายของเธอเป็นคนดื้อรั้นขนาดนี้ จึงไม่รู้จะทำยังไงชั่วขณะจางซินก็เสนอตัวขึ้นมา“คุณป้า พูดอีกอย่าง ประธานโจวของเจี้ยนหงกรุ๊ปคนนั้นก็แค่อยากได้เงิน แบบนี้แล้ว คุณป้าคิดหาวิธีเอาที่ดินมาจากในเมื่อของหลินเฟิงและหลี่ฮุ่ยหราน”“จากนั้นพวกเราให้เงินประธานโจวก้อนหนึ่ง ใช้เพื่อไถ่ตัวหลี่เหวินเชา รักษาชีวิตน้อยๆ ของเขาเอาไว้ เงินที่เหลือเราค่อยแบ่งกัน”“แบบนี้ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เหรอ?”หลี่เหวินเชาเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของจางซินอย่างรวดเร็วเขาเปลี่ยนจากร้องไห้เป็นยิ้มพูดว่า:“ไม่เสียแรงที่เป็นพี่จางซิน ฉลาดจริงๆ!”“หึ ไม่รู้เมื่อครู่ใครยังจะสู้ตายกับฉันอยู่เลยนะ”จางซินกลอกตาไปมาด้วยความครุมเครือ“ยังต้องเอาที่ดินอีกเหรอ…นี่มัน…”จางกุ้ยหลานลังเลอย่างเห็นได้ชัด“คุณป้า คุณป้าคิดดูนะคะ นั่นเป็นเงินสองหมื่นห้าพันล้านบาท ต่อให้เ
จางกุ้ยหลานวางโทรศัพท์ลง ภายใต้สายตาคาดหวังของจางซินและหลี่เหวินเชา จากนั้นถอนหายใจพูดว่า:“ช่างเถอะ ในเมื่อที่ดินผืนนี้ได้ถูกขายไปแล้ว งั้นฉันก็ไม่เอาแล้ว ในเมื่อ…”จางซินรู้ดีอยู่แล้ว แต่เธอหนังหน้าหนาพูดเกลี้ยกล่อมว่า:“คุณป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!”“มีเงินสองพันห้าล้านบาทนี้ ชีวิตที่เหลือของเราก็มีแต่ความร่ำรวยรุ่งโรจน์ อยากได้อะไรก็ได้หมด?”“ตอนนี้ไปขอจากหลินเฟิง คิดว่าสุดท้ายเขาเห็นแก่หน้าของหลี่ฮุ่ยหราน ก็ยังคืนที่ดินผืนนั้นมาให้เราอยู่ดี”“ในเมื่อไอ้หมอนี่ชอบโอ้อวดต่อหน้าหลี่ฮุ่ยหรานมากที่สุด”คำแนะนำของจางซินทำให้จางกุ้ยหลานหวั่นไหวจริงด้วย นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทเชียวนะ!มีเงินมหาศาลก้อนนี้ ชีวิตที่เหลือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ที่เธอต้องการ“แม่ แม่ต้องซื้อที่ดินผืนนั้นกลับมาจากในมือหลินเฟิงให้ได้นะ ไม่อย่างนั้น…ไม่อย่างนั้นลูกชายแม่ต้องตายแน่!”หลี่เหวินเชาล้มลงบนเตียงและร้องไห้โฮออกมา“อะไร?! ไม่มีที่ดินผืนนี้ ก็จะตายเหรอ?”จางกุ้ยหลานตกตะลึงส่วนจางซินกลับมองความเสแสร้งของไอ้หมอนี่ออก พูดยิ้มว่า:“คุณป้า ไม่ใช่ว่าจนถึงตอนนี้ป้ายังดูไม่ออก
“คุณป้า สิบเท่า! ไม่เพียงแค่สิบเท่า!”จางซินนับนิ้วมือ คำนวณและพูดว่า:“ก่อนหน้านี้พวกเราใช้เงินจำนวนสองพันห้าร้อยล้านบาทซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ และตอนนี้ มูลค่าของที่ดินผืนนี้เกินสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”“ป้า นั่นมันสองหมื่นห้าพันล้านบาทแล้ว!”ได้ยินตัวเลขที่จางซินรายงานออกมา จางกุ้ยหลายงุนงงไปหมด เธอนั่งลงบนเตียง พูดไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่“เร็ว…เร็ว…เร็ว…”จางกุ้ยหลานตั้งสติอยู่นาน ถึงได้ยกมือขึ้นอย่างเหม่อลอย มองไปทางจางซินและพูดว่า:“เอาโทรศัพท์ของฉันมา ฉัน…ฉันจะโทรศัพท์ไปหาหลินเฟิง!”“ได้ค่ะ!”จางซินกระตือรือร้นอย่างมาก ที่ดินผืนนี้ถ้าหากจางกุ้ยหลานได้มา งั้นเธอยังไงก็ได้รับเงินส่วนแบ่งจางกุ้ยหลานถือโทรศัพท์มือถือเอาไว้ เปิดสมุดโทรศัพท์เลื่อนไปที่หมายเลขของหลินเฟิงในตอนที่ปุ่มโทรออก จู่ๆ เธอก็นิ่งอึ้งไป“คุณป้า เป็นอะไรไป? รีบโทรสิคะ!”เห็นได้ชัดว่าจางซินร้อนใจยิ่งกว่าจางกุ้ยหลานส่วนหลี่เหวินเชาที่อยู่ข้างๆ ก็ร้อนใจอย่างมาก รีบพูดเร่งว่า: “แม่ รีบโทรสิ แม่ยังลังเลอะไรอีก?”“ฉัน…”จางกุ้ยหลานพูดไม่ออก ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงได้มองไปทางจางซินกับหลี่เหวินเชาด้วยความกร
“ก็ปล่อยให้เธออยู่ด้วยกันกับหลินเฟิงไปเถอะ ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องจบเห่!”“สุดท้ายพี่สาวของผมก็ต้องร้องไห้กลับมาขอร้องพวกเรา”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดจางกุ้ยหลานก็วางใจ“ได้ได้ได้ เด็กอย่างแกถือว่าคิดได้แล้วนะ”หลังจากที่ได้รับคำชม สีหน้าของจางกุ้ยหลานก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน โดยมีความรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย“ที่พูดมานั้นก็เป็นเรื่องจริง แต่.....เหวินเชา ที่ดินตรงนั้น....ที่ดินตรงนั้นถูกฉันขายทิ้งไปแล้ว”“อะไรนะ?!”หลังจากที่ได้ยินคำพูดนี้ หลี่เหวินเชาก็กระโดดสูงสามฟุตเหมือนกับแมวที่ถูกเหยียบหาง “แม่....แม่...แม่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีคนซื้อที่ดินตรงนี้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ล่ะ?”“แม่ขายให้ใครไป?”เมื่อเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้ของลูกชายตัวเอง จางกุ้ยหลานก็รู้สึกผิดเล็กน้อย ก่อนจะเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วนพร้อมกับพูดว่า :“หลังจากที่ลูกโทรมาหาในวันนั้น แม่ก็กังวลนิดหน่อย สุดท้ายก็เลยเอาที่ดินตรงนั้นขายให้กับหลินเฟิงไป”“หลินเฟิง? แม่ขายให้กับหลินเฟิง?!”เมื่อหลี่เหวินเชาได้ยินชื่อนี้ หัวก็แทบจะระเบิด แต่เขายังคงกอดความหวังสุดท้ายเอาไว้ ก่อนจะฝืนรอยยิ้มสุดท้า
“ไอ้สารเลว แกยังกล้ากลับมาอีกนะ!”ทันทีที่จางกุ้ยหลานเห็นหลี่เหวินเชา สีหน้าก็เปลี่ยนไป ก่อนที่จะเริ่มด่าทอหลี่เหวินเชาทำเธอเจ็บปวดอย่างมากสุดท้ายหากไม่ใช่หลินเฟิงที่เป็นคนโดนโกง แล้วเอาที่ดินที่ขายไม่ออกตรงนั้นไปเธอก็คงจะเดือดร้อนมากแน่ ๆไม่เพียงแค่สูญเสียวิลล่าหรูหราเท่านั้น ถึงขั้นที่ถูกคนไล่ล่าอีกด้วยจุดจบแบบนั้น แค่คิดก็ทำให้จางกุ้ยหลานสั่นไปทั้งตัวเมื่อเห็นตัวการสำคัญคนนี้ จางกุ้ยหลานก็ไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้อีกต่อไป ก่อนจะชี้ไปที่หน้าของหลี่เหวินเชาและด่าทอเสียงดัง“ไอ้สารเลวน่ารังเกียจ แกต้องการจะฆ่าแม่ของแกให้ตาย! แล้วตอนนี้แกยังกล้าโผล่หน้ามาเจอฉันอีกเหรอ?!”“แม่ แม่ก็พูดเกินไป”หลี่เหวินเชาเกาหัว ก่อนจะยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน สุดท้ายก็วางดอกไม้ที่พามาด้วยไว้บนโต๊ะที่อยู่ด้านข้างจางกุ้ยหลานแต่คิดไม่ถึงเลยว่าจางกุ้ยหลานจะไม่ซาบซึ้งเลยแม้แต่น้อยก่อนจะปัดช่อดอกไม้ร่วงตกไปอยู่บนพื้น“แกออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก ฉันไม่มีลูกชายสารเลวที่หลอกได้แม้กระทั่งแม่อย่างแก!”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหลี่เหวินเชาก็เปลี่ยนไปแต่เมื่อเขาคิดถึงราคาที่ดินตรงนั้น