ถ้าไม่การคัดค้านอะไร ก็เซ็นใบหย่าเถอะคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ในเจียงโจวสาวงามในชุดกี่เพ้าผลักเอกสารไปตรงหน้าหลินเฟิงหญิงสาวตรงหน้านี้เป็นแม่ยายของเขา จางกุ้ยหลานเมื่อมองใบหย่าที่อยู่ตรงหน้า หลินเฟิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยคุณแม่ นี่หมายความว่าอะไรจางกุ้ยหลานกอดอก พูดอย่างเย็นชาว่า “ตอนนี้ตระกูลหลี่เป็นบริษัทมหาชนแล้ว “ช่องว่างระหว่างคุณกับฮุ่ยหรานก็เริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ และไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆกับการงานของฮุ่ยหรานเลย” “มีแต่จะฉุดรั้งการพัฒนาของฮุ่ยหราน หากเป็นเช่นนี้ก็หย่ากันเร็วๆดีกว่า”หลินเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น ถามกลับว่า”นี่คือความคิดของฮุ่ยหรานหรือความคิดคุณแม่ครับ”จางกุ้ยหลานสีหน้าเย็นลง “นี่คือความคิดทุกคนของตระกูลหลี่เรา” “ที่คุณได้แต่งงานกับฮุ่ยหราน แค่เพราะสัญญาการแต่งงานที่คุณปู่ตั้งไว้” “สามปีมานี้ ที่คุณกินอยู่ในบ้านเรา ตระกูลหลี่เรามีความเมตตาต่อคุณมากแล้ว “ถ้าคุณรู้ตัว ก็รีบเซ็นชื่อ”หลินเฟิงหายใจเข้าลึกๆสามปีก่อน เขาใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของตัวเองที่มีเพื่อช่วยพัฒนาตระกูลหลี่ช่วยพัฒนาเป็นบริษัทมหาชนจากร้านค้าที่เล็กๆแต่ในสายตาของตระกูลหลี่ เขากลับกลายเป
หลินเฟิงออกจากคฤหาสน์ของตระกูลหลี่ มองสถานที่ที่เขาเคยใช้ชีวิตมาสามปีครั้งสุดท้ายตอนมาก็มาอย่างโดดเดี่ยว และจากไปด้วยมือเปล่ารถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่ขับมาแต่ไกลจอดตรงหน้าเขาเมื่อประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางที่สวมสูทคนหนึ่งลงจากรถ “คุณหลิน....”ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม วิ่งเหยาะๆไปที่หลินเฟิง “คุณมาได้อย่างไร” หลินเฟิงมองอย่างตั้งใจ คนที่มานั้นเป็นประธานบริษัทเทียนหัวอินเตอร์เนชั่นแนลจ้าวเทียนหวากล่าวตามความจริง “ช่วงนี้ผมกำลังวิจัยโครงการพัฒนาของเขตซีเฉิงกับนางหลิน วันนี้ตั้งใจจะมาหานางหลินเพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องรายละเอียดหลินเฟิงพยักหน้า “ไม่ต้องปรึกษาแล้ว” “หลี่ฮุ่ยหรานมีตระกูลหวางเป็นที่พึ่งแล้ว ต่อไปนี้จะไม่ต้องการความสนับสนุนของเราแล้ว” “และก็ไม่ใช่นางหลินอีกต่อไป” “อ๋า”จ้าวเทียนหวาตกใจมาก “นี่...นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”หลินเฟิงพูดแบบไม่ได้ปิดบัง “ผมหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว” “ต่อจากนี้ไป ผมจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลหลี่อีก”หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวา ตบไหล่เขาเบาๆ “จ้าว สามปีมานี้คุณงานหนักแล้วนะ”ธุรกิจของจ้าวเทียนหวาอยู่ที่ต่างประเทศทั้ง
ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
หลี่เหวินเชาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “คนกากๆอย่างคุณกล้ามาชี้นิ้วสั่งผมเหรอ” “วันนี้กูต้องให้บทเรียนมึงแทนพี่สาวกู”หลินเฟิงเตะท้องของเขาด้วยขาเดียวหลี่เหวินเชาบินออกไปเหมือนโดนระเบิด “อา”แฟนสาวตัวเล็กของหลี่เหวินเชากลัวจนหน้าซีดวิ่งโซซัดโซเซไปยังข้างๆของหลี่เหวินเชา ถามด้วยความกลัว ที่รัก คุณเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าถังหว่านมีรอยยิ้มที่เย็นชาเด็กชายคนนี้กล้าต่อสู้กับหลินเฟิงด้วย ช่างกล้าหาญเกินแต่สิ่งที่เธออยากรู้อยากเห็นมากคือ หลี่ฮุ่ยหรานที่หลินเฟิงพูดถึงเป็นใคร “ไอเหี้ย”หลี่เหวินเชาใบหน้าบิดเบี้ยว ที่ท้องมีความเจ็บปวดที่รุนแรง รู้สึกลําไส้เกือบจะถูกเตะจนด้วยดวงตาที่มืดมนจ้องไปที่หลินเฟิง “คุณ...คุณกล้าเตะผมเหรอ”หลินเฟิงใจเย็นลง “แต่ก่อนคือเห็นแก่พี่สาวคุณ ผมจึงไม่ได้จริงจังกับคุณ” “ตอนนี้ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลี่อีกต่อไปแล้ว หากคุณยังกล้าหยาบคายต่อหน้าผมแบบนี้อีก ผมจะเอาคุณตาย”มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหลินเฟิงหลี่เหวินเชาสั่น คําสบถที่อยากจะพูดถูกกลืนลงไปหันหน้ามองไปที่ถังหว่านและตะโกน “นี่คุณมาทำอะไร กูมาใช้บริการที่นี่
ตอนหัวค่ำ หลินเฟิงได้นั่งแท็กซี่มาถึงวิลล่าบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ไม่คิดว่าจางกุ้ยหลานได้รออยู่ที่ประตูตั้งนานแล้วเมื่อเห็นหลินเฟิงมาถึง เธอก้าวเข้าไปเตือนทันทีว่า “หลินเฟิง เดี๋ยวเมื่อเห็นคุณปู่ อะไรควรพูด และอะไรไม่ควรพูด ฉันหวังว่าคุณรู้ดี” “หากคุณกังวลขนาดนี้จริงๆ งั้นก็ไล่ผมไปดีกว่า” หลินเฟิงยิ้ม “คุณ....”จางกุ้ยหลานจ้องมองหลินเฟิง ไม่คิดว่าเขากล้าพูดอย่างนี้กับเธอหลินเฟิงไม่สนใจเธอ เดินเข้าตรงวิลล่าไปในหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว นอกจากคุณปู่หลี่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครพอเข้าไปถึง ก็เห็นคุณปู่คาดผ้ากันเปื้อนที่เอวและได้จัดอาหารไว้เต็มโต๊ะ “คุณปู่ วันนี้เป็นวันอะไรนะ ทำอาหารไว้เยอะจัง”หลี่ไห่ซานพอเห็นหลินเฟิงก็รีบดึงมือเขา ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเฟิงนะ คุณมาแล้ว” “เดี๋ยวคุณก็รู้”สองคนนั่งคุยกัน จางกุ้ยหลานคอยจับจ้องหลินเฟิง กลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดสักพักหนึ่ง หลี่ฮุ่ยหรานก็มาถึงหลินเฟิงอยู่ที่นี่ด้วย อย่างที่เธอคาดไว้เมื่อก่อนก็คือคุณปู่สนับสนุนอย่างเต็มที่ที่ให้เธอแต่งกับเขาคุณปู่ของเธอเองให้ความสำคัญกับเขามากเนื่องจากรู้ถึงจุดนี้ หลี่ฮุ่ยหรานจ
“บ้าเอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ว!”จวงฉุนรีบถีบประตูห้องทำงานของหัวหน้าโรงงานทันทีสิ่งแรกที่เขาเห็นคือเริ่นโหย่วไฉที่เหงื่อไหลท่วมตัวและยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่เขลาและอิ่นนั่วเจียผู้มีเสน่ห์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา“อิอิอิ…”จวงฉุนเลียริมฝีปากและเผยรอยยิ้มหื่นกามออกมาทันทีตอนนี้เขาโยนคำพูดของเริ่นโหย่วไฉไปไกลโพ้นทันที เพียงแค่จ้องมองไปที่หุบเขาที่คอเสื้อของอิ่นนั่วเจียแล้วแสยะยิ้มพูดว่า:“คุณอิ่นนั่วเจีย ผมมารับคุณแล้ว”"โอ้?"ใครจะไปรู้ว่ารอยยิ้มของจวงฉุนไม่ได้ทำให้อิ่นนั่วเจียตกใจหรืองุนงง เธอยิ้มให้จวงฉุนแล้วพูดว่า:"ฉันรอคุณมานานแล้ว""รอผม?"จวงฉุนตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็หัวเราะออกมา“ที่แท้คุณหญิงอิ่นนั่วเจียก็สนใจผมด้วย ดังนั้นการเตรียมการทั้งหมดนี้เกินความจำเป็นไปแล้ว!”ขณะที่จวงฉุนกำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สวีโจวที่เดินเข้ามาเห็นอิ่นนั่วเจียและหลินเฟิงกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้เถ้าแก่ในห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูตกตะลึงเล็กน้อย“พี่สวี มีอะไรหรือเปล่า?”นักบู๊ตระกูลหลงที่อยู่ด้านหลังเขาเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวีโจว จึงรีบถามแต่สวีโจวกลับไม่สนใจคนข้างหลังเขา กลับก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขน
“ใช่ครับ!”เริ่นโหย่วไฉพูดอย่างกระวนกระวาย: "คุณรีบพาคนมาที่นี่เร็วๆ เถอะครับ ทางด้านผม... ผมจะต้านไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว!"“ต้านไม่อยู่?”จางฉุนรู้สึกตกใจเล็กน้อยหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจียจะเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?ที่นี่เริ่นโหย่วไฉมีผู้คุ้มกันนับร้อยคน เขาคนเดียวสามารถจัดการผู้คุ้มกันทั้งหมดได้?”จางฉุนไม่เชื่อเรื่องนี้แต่ไม่นานความคิดอีกอย่างก็ผุดขึ้นมาในใจเขาเริ่นโหย่วไฉคนนี้คงจะพูดเกินจริงไปมากอยากได้ผลประโยชน์จากตัวเองเพิ่มมากขึ้นหลังจากสาปแช่งจิ้งจอกแก่แล้ว จางฉุนก็เพียงแต่เร่งฝีเท้าของลูกน้องเขาให้เร็วขึ้นเท่านั้นแต่ที่แปลกคือระหว่างทางกลับเงียบสงบมากและพวกยามโรงงานเสื้อผ้าที่อยู่ที่นี่แต่เดิมก็หายไปไหนไม่รู้"เดี๋ยวก่อน!"สวีโจวยื่นมือออกไปเพื่อหยุดทุกคนไม่ให้ก้าวไปข้างหน้าเขาจ้องดูใบหน้าที่ใจร้อนของจางฉุนแล้วขมวดคิ้วพูด:“คุณ...จางฉุน หรือว่าคุณไม่รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติบ้างหรือ?”“ไม่ปกติอะไร?”ในขณะนี้จางฉุนเอาแต่นึกถึงรูปร่างที่น่าสะพรึงกลัวและใบหน้าที่งดงามของอิ่นนั่วเจียเพียงเท่านั้นยิ่งระยะทางใกล้เข้ามา เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าไฟที่อยู่ด้านล่
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนของรองผู้จัดการหลงซิ่วด้วยหรือเปล่า?”"เอ่อ... ใช่"พูดอย่างตรงไปตรงมา จวงฉุนก็เป็นแค่สุนัขของหลงซิ่วเนื่องจากเขาไม่ใช่นักบู๊และไม่ได้รู้จักผู้คนมากมาย เขาจึงถูกหลงซิ่วส่งมาที่เมืองเจิ้งเต๋อทำหน้าที่เป็นผู้นำเล็กๆ ของคนเหล่านี้แต่คนเหล่านี้จากตระกูลหลงล้วนเป็นนักบู๊ ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วพวกเขาจึงดูถูกจวงฉุนที่เป็นคนโลภโมบและหื่นกามอย่างเขาดังนั้นครั้งนี้พวกเขาถูกเรียกมา เพราะเห็นแก่หน้าของหลงซิ่วเท่านั้น จวงฉุนก็ไม่มีอำนาจที่จะสั่งพวกเขาได้เลยจวงฉุนก็รู้ดีถึงเรื่องนี้เช่นกันดังนั้นเอาหลงซิ่วออกมาเป็นโล่ไม่อย่างนั้น คนพวกนี้คงหันหลังแล้วจากไปทันที“ก็ได้ งั้นเราควรรีบลงมือปฏิบัติการ หากหลี่ซื่อกรุ๊ปพบเห็นเรา เราคงเดือดร้อนแน่”“อย่ากังวล คนจากหลี่ซื่อกรุ๊ปจะไม่รู้เรื่องนี้”จวงฉุนยิ้มอย่างเย็นชาเขาคิดว่าเขาทำหน้าที่เก็บความลับได้ดีมาก แต่เกรงว่าจวงฉุนคิดจนหัวระเบิดก็ยังไม่เข้าใจอิ่นนั่วเจียจริงๆ แล้วเป็นคนของหลี่ซื่อกรุ๊ปและคนที่อยู่ข้างกายอิ่นนั่วเจีย ไม่ใช่บอดี้การ์ดส่วนตัวของอิ่นนั่วเจีย แต่เป็นคนของกลุ่มหลี่ซื่อกรุ๊ปไม่ควรยุ่งด้วยมา
“เถ้าแก่เริ่น ผมว่าผมเป็นคนใจดีมากและไม่ชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คุณเชื่อผมไหม?”หลินเฟิงไม่ตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนอย่างยิ่งของเริ่นโหย่วไฉ แต่กลับถามคำถามด้วยรอยยิ้มแทนคำถามนี้ของหลินเฟิง ทำให้ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้“แม่งเอ๊ย”“ทำร้ายคนของฉันไปหลายคนในพริบตาเดียว ยังพูดว่าเราถูกล้อมรอบโดยแกเพียงผู้เดียว ตอนนี้แกยังบอกฉันอีกว่าแกเป็นคนใจดี ไม่ชอบแก้ปัญหาด้วยความรุนแรงอีกเหรอ?”เริ่นโหย่วไฉเกือบจะกลอกตาไปด้านหลังศีรษะแต่เมื่อลองคิดดูดีๆ เขาเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?เขาเหลือบมองหลินเฟิง และเห็นได้ชัดจากท่าทางเยาะเย้ยว่าหลินเฟิงกำลังล้อเลียนเขาเป็นที่ชัดเจนว่าคำถามของหลินเฟิงในเวลานี้เป็นการเสียดสีต่อเริ่นโหย่วไฉเริ่นโหย่วไฉก็มีตอบสนองกลับมาได้ และรู้สึกซับซ้อนขึ้นมาทันใดเขาใช้ชีวิตเร่ร่อนในเมืองเจิ้งเต๋อมาครึ่งชีวิตแล้ว ระมัดระวังและหวาดกลัวอยู่เสมอ พยายามตัดสินใจเลือกทุกอย่างให้ปลอดภัยที่สุดแต่วันนี้การกระโดดซ้ำๆ ของเขาล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงเพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจนักบู๊เลยเขาไม่สามารถเข้าใจความสามารถของหลินเฟิงได้เลยยิ่งกว่าพระเอกบู๊
“ผิดแล้ว เถ้าแก่เริ่น จากที่ผมดู เป็นพวกคุณที่ถูกผมล้อมเอาไว้เพียงคนเดียว"อีกทั้ง......"รอยยิ้มของหลินเฟิงลึกมากขั้น“แถมยังส่งคนที่อยู่เบื้องหลังที่จัดการหลี่ซื่อกรุ๊ปของผมมาตรงหน้าผมอีกด้วย ประหยัดเวลาที่ผมไม่ต้องตามหาพวกเขาทีละคน มันสะดวกจริงๆ”“อ๊ะ? นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรอยู่? นายคนเดียวล้อมพวกเราไว้..”ก่อนที่ เริ่นโหย่วไฉจะพูดจบ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปจากความมั่นใจในชัยชนะกลายเป็นความตกตะลึงจากนั้นความตื่นตระหนกก็เกิดขึ้นหลินเฟิงกระโดดออกจากห้องทำงานและกลายเป็นเงาที่พร่ามัวทันทีเขาพุ่งเข้าไปในกลุ่มลูกสมุนจำนวนหลายร้อยคน ลำพังคนเดียวอย่างเปิดเผย“อ๊ากกกก!”"เอื้อกกก!"“อ้าก แขนฉัน แขนฉัน!”ท่ามกลางเสียงโอดครวญของพวกอันธพาลที่นี่ หลินเฟิงก็เหมือนกับสิงโตที่พุ่งเข้าใส่ฝูงแกะ และไม่มีใครหยุดเขาได้ด้วยซ้ำก่อนที่พวกอันธพาลเหล่านี้จะตอบโต้ หลินเฟิงก็ได้เคลื่อนไหวไปแล้ว เขาตัดแขนหรือต้นขาของพวกเขาอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนทำให้พวกเขาสูญเสียความสามารถในการโจมตีหลายๆ คนมองเห็นเงาดำแวบผ่านไปและรู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูกเมื่อมองลงไป
“สหาย!”หลังจากที่เริ่นโหย่วไฉตะโกนใส่หลินเฟิง เขาก็มองไปที่กลุ่มสกายของเขาและออกคำสั่งเสียงดัง:"พวกนายแค่ลากผู้ชายคนนั้นออกไป!"“คุณชายจวงฉุนจะกลับมาแล้ว รอให้เขามาถึง เขาพายอดฝีมือของตระกูลหลง ก็สามารถฆ่าไอ้หมอนี่ได้โดยตรง!”"เรารอดูการแสดงก็พอ!""ดี!"ไม่พูดไม่ได้ว่า เริ่นโหย่วไฉหัวหน้าเล็กคนนี้มีเกียรติมากพอสมควรต่อหน้าพวกอันธพาลพวกนี้หลังจากเขาออกคำสั่ง ลูกสมุนพวกนี้ก็ล้อมรอบห้องทำงานที่หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียอยู่เอาไว้ท่าทางแบบนี้ ไม่ได้จะสู้ตายกับหลินเฟิงแค่อยากล้อมหลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียไว้ที่นี่เท่านั้น"ต่ำทราม!"อิ่นนั่วเจียก็มองความคิดของเริ่นโหย่วไฉออก ยกคิ้วขึ้นทันที จากนั้นชี้ไปที่เริ่นโหย่วไฉและพูดด่าทอ“ต่ำทราม? หึ อิ่นนั่วเจีย อย่าคิดว่าเธอเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งประเทศมังกร แล้วไม่มีใครกล้าแตะต้องเธอ!”“เธอในตอนนี้ไม่มีคนหนุนหลัง กลับยังอยากพึ่งพาตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้นมา เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!”“น่ารังเกียจจริงๆ”อิ่นนั่วเจียกำหมัดแน่นจริงๆแล้วเริ่นโหย่วไฉก็พูดถูกครั้งนี้อิ่นนั่วเจียอยากสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในวงการบันเทิงของประเทศมังกร ด้วยความพ
ครั้งนี้หลินเฟิงไม่ปล่อยไปอีกแล้ว คว้าคอเสื้อของเขาแล้วกดไว้กับผนังอย่างแรง“อ๊า!”เริ่นโหย่วไฉท้ายทอยกระแทกกับกับกำแพงอย่างแรงเจ็บจนเขาร้องโอดครวญออกมา“เถ้าแก่เริ่น ดูเหมือนคุณจะยังไม่สามารถเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนนักนะ!”หลินเฟิงเข้าไปหาเริ่นโหย่วไฉแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม:"ตอนนี้ผมให้โอกาสคุณครั้งสุดท้ายแล้ว"หลินเฟิงเอื้อมมือไปหยิบเช็คจำนวนยี่สิบห้าล้านจากในกระเป๋า ต่อหน้าเริ่นโหย่วไฉ“คุณอยากเป็นสุนัขของตระกูลหลง ถูกผมบีบคอตายตอนนี้ หรือคุณอยากจะบอกทุกสิ่งที่คุณรู้ให้ผมฟัง”เมื่อเห็นหลินเฟิงฉีกเช็คแล้วโยนลงพื้น ใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็บิดเบี้ยวด้วยความเสียใจ“ฉัน...ฉัน...”เริ่นโหย่วไฉพูดคำเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเขาตกอยู่ในความสับสนอย่างสิ้นเชิง“ตัดสินใจไม่ได้เหรอ? งั้นผมช่วยคุณเอง”หลินเฟิงยิ้มอย่างเย็นชา ประสานนิ้วเข้าด้วยกันเพื่อรวบรวมกระแสพลังชี่แท้ แทงมันไปที่จุดตันเถียนของเขาทันใดนั้นพลังชี่แท้เป็นเกลียวถูกหลินเฟิงปล่อยเข้าสู่ร่างกายของเริ่นโหย่วไฉในขณะที่พลังชี่แท้ยังคงหมุนวนและขยายตัวต่อไปพลังชี่แท้นี้ยังคงกระแทกอยู่ในร่างของเริ่นโหย่วไฉไม่หยุด ทำให้เขาต้องกรี
“นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย?”เริ่นโหย่วไฉหน้าตาโศกเศร้าเขาเป็นเพียงเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าเล็กๆ ที่ต้องการสร้างรายได้ แม้ว่าจะมีอำนาจอยู่บ้าง แต่แค่ชื่อโรงงานเสื้อผ้าของเขาก็สามารถฟังออกโรงงานเสื้อผ้าหลงชิ่งจะเป็นโรงงานใหญ่โตอะไรได้ล่ะ?เงินที่เขาได้รับมาแค่พอเลี้ยงชีพพรรคพวกเมื่อครู่ได้เท่านั้นมีจวงฉุนจากตระกูลหลงมาก่อน บังคับให้ลูกน้องของเขาทำเครื่องแบบมากกว่าสิบชุดภายในเวลาไม่กี่วันใช้เพื่อปกปิดความเคลื่อนไหวของพวกเขาเขาจำนนต่อผลประโยชน์และการบังคับ ตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับจวงฉุนและคนอื่นๆ อย่างเชื่อฟัง แต่คิดไม่ถึงว่าวันถัดมา เขาจะกลับมาอวดดีกับเขาอีกเขาและพรรคพวกได้ทำลายอุปกรณ์มูลค่าหนึ่งหมื่นล้านของหลี่ซื่อกรุ๊ป!แม่เจ้า นั่นมันหนึ่งหมื่นล้านเลยนะ!เมื่อได้ยินข่าวนี้เริ่นโหย่วไฉก็ตกใจจนสติแทบกระเจิง หากหลี่ซื่อกรุ๊ปตรวจสอบมาจนถึงเขาจวงฉุนของตระกูลหลงอาจจะสามารถหลบหนีไปได้ส่วนทางด้านเขาก็ซวย!ไม่ต้องพูดถึงการที่อิ่นนั่วเจียมาเยี่ยมเยียนด้วยตนเองแถมยังเอากดกระดุมของเขามาด้วย ซึ่งทำให้เขาตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้นภายใต้การแสดง เงินทอง และออเดอร์ของอิ่นนั่วเจีย ในที่ส
“เขาขู่กรรโชคผมบ่อยมากในช่วงนี้”"ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีภูมิหลังอย่างตระกูลหลง ผมคงสั่งให้ลูกน้องของผมฆ่าเขาไปแล้ว!"เมื่อพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเริ่นโหย่วไฉก็กลายเป็นความจนปัญญา"ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง"หลินเฟิงพยักหน้า จากนั้นเหมือนจะนึกถึงบางอย่างได้ จึงมองไปที่เริ่นโหย่วไฉแล้วพูดว่า:“อ่อใช่ครับ เรื่องกระดุมที่คุณเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้ผลิตที่นี่จริงๆ ใช่มั้ยครับ”“ถูก...ถูกต้องแล้ว”เริ่นโหย่วไฉตกตะลึงไปชั่วขณะ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อยหลังจากที่เขาพูดสถานการณ์ที่ตึงเครียดเช่นนี้ออกมา หลินเฟิงและอิ่นนั่วเจียก็ไม่ได้แสดงท่าทางกระวนกระวายหรือตึงเครียดอะไรออกมาตรงกันข้าม คนหนึ่งกลับสงบและมีสติมากกว่าอีกคน“พวกคุณอย่ากังวลเรื่องกระดุมเลย นี่มันก็สายมากแล้ว ผมคิดว่าจวงฉุนกับลูกน้องของเขาใกล้จะกลับมาแล้ว”"ถ้าคุณไม่ไปตอนนี้ ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว"เริ่นโหย่วไฉ่พูดเร่งด้วยความร้อนรนในเมื่อเขาต้องการให้อิ่นนั่วเจียหนีไปและมอบเงินเช็คคงเหลือจำนวนยี่สิบห้าล้านบาทให้เขา!หากอิ่นนั่วเจียถูกจวงฉุนจับได้ เขาจะไปเอาเงินจากใคร?ตอนนี้กลับเป็นเริ่นโหย่วไฉที่งวิตกกังวลมากที่ส