ตอนนี้หลินเฟิงกําลังหลับตาพักผ่อนอยู่บนรถเสียงโทรศัพท์ปลุกให้เขาตื่นคาดไม่ถึงว่าหลี่ฮุ่ยหรานจะโทรมาเขารับสายก็ได้ยินเสียงที่เย็นชาชองเธอ “หลินเฟิง คุณกำลังอยู่กับประธานจ้าวเหรอ” “หลินเฟิงมองไปที่จ้าวเทียนหวาที่อยู่ข้างๆเขา “ใช่”หลี่ฮุ่ยหรานหายใจเข้าลึกๆ ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นรวดเร็วหลี่เหวินเชาไม่ได้โกหก “หลินเฟิง คุณทำให้ฉันผิดหวังมาก คุณมีอะไรไม่พอใจสามารถพูดกับฉันตรงๆได้” “ทำไหมถึงต้องใส่ร้ายตระกูลหลี่ลับหลังแบบนี้หรอ”หลินเฟิงนวดขมับและพูดว่า “ถ้าผมบอกว่าผมไม่ได้ใส่ร้ายตระกูลหลี่ คุณจะเชื่อผมไหม”หลี่ฮุ่ยหราน “งั้นทำไมประธานจ้าวมาถึงที่ตระกูลหลี่แล้วจู่ๆก็ออกไปล่ะ แถมยังต้องการยุติความร่วมมือกับตระกูลหลี่ด้วย” “จ้าวเทียนหวาจะเลือกทำอะไรเป็นเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผม”หลี่ฮุ่ยหรานโกรธมาก คิดว่าหลินเฟิงกล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับเธอกัดฟันแล้วพูดทีละคำว่า “ฉันดูคุณผิดไปจริงๆ”น้ำเสียงของหลินเฟิงเย็นลง “คุณเชื่อแต่ตัวเองอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะเข้าใจความจริง” “ผมไม่รู้ว่าหลี่เหวินเชาได้พูดอะไรกับคุณ และก็ไม่อยากอธิบายเรื่องนี้ด้วย” “ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มายุ่งผม”
“ปัง ๆ ๆ” เสียงระเบิดที่ต่อเนื่องกันดังขึ้นลมฝ่ามือของฉินอิ๋งเหมือนมีดพลังแข็งแกร่งและเผด็จการทั้งสองได้เผชิญหน้าแลกเปลี่ยนกันมากกว่าสิบกระบวนท่าหลินเฟิงไม่มีความคิดที่จะฆ่าเธอ แค่ป้องกันตัวเองเท่านั้นแม้ว่าการบำเพ็ญของเขายังไม่ฟื้นตัว แต่ฉินอิ๋งก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา “ฉินอิ๋ง หยุดนะ”ในเวลานี้ ถังหว่านที่อยู่บนเตียงตะโกนอย่างรุนแรงฉินอิ๋งได้ยินแล้วจึงหยุดการโจมตีทันทีมองเธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจ “พี่หว่านเอ๋อ เด็กคนนี้...” “พอแล้ว”ถังหว่านพูดเบาๆว่า “หมอเทวดาหลินมารักษาโรค อย่าหยาบคายใส่เขา”คุณพ่อของฉินอิ๋งเป็นอาจารย์ของเธอเอง คำพูดของหลินเฟิงทำให้เธอไม่สบายใจแต่ในฐานะที่เป็นคนแรกในสามรุ่นของตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะทางศิลปะการต่อสู้ คิดอย่างใจเย็นเป็นสิ่งที่เธอควรทำ ในการต่อสู้ที่เมื่อกี้ถังหว่านก็สามารถดูออกว่าหลินเฟิง ดูคล่องตัว ความสามารถไม่ธรรมดาแต่ดูเหมือนเขาไม่ได้สู้กับฉินอิ๋งอย่างเต็มที่ถ้าเขาสู้เต็มที่ ฉินอิ๋งต้องแพ้แน่ และนี่คือสาเหตุที่เธอพูดให้หยุดสำหรับคำสั่งของถังหว่าน ฉินอิ๋งไม่กล้าไม่ทำตาม จึงได้แต่ถอยหลังไปอย่างเงียบๆถังหว่า
“ดูพอหรือยัง”ฉินอิ๋งที่อยู่ข้างๆเห็นเขาจ้องมองถังหว่านอย่างตั้งใจ อดไม่ได้ที่พูดแม้ว่าศิลปะการต่อสู้ของหลินเฟิงจะเก่งมาก แต่เธอก็ยังสงสัยว่าวิธีการรักษาด้วยถอดเสื้อผ้านี่เขาคนนี้ตั้งใจอยากจะเอาเปรียบถังหว่านหรือเปล่าหลินเฟิงยิ้มเบาๆ สีหน้าไม่มีความอึดอัดใจเลยแม้แต่น้อยและชื่นชมจากใจจริงว่า “คุณถังสวยมากๆครับ ผมอดไม่ได้ที่จะดูไปหลายครั้ง” “ฮา ฮา”ถังหว่านยิ้ม “หมอเทวดาหลินก็พูดตรงไปตรงมามากนะ”เธอไม่คิดว่าหลินเฟิงจะยอมรับอย่างใจกว้างขนาดนี้ไม่เหมือนพวกที่เรียกตัวเองว่าเป็นสุภาพบุรุษ กล้าทำแต่ไม่กล้ายอมรับ “ตราบใดที่หมอเทวดาหลินสามารถรักษาโรคฉันหาย อยากดูอย่างไรก็ได้”ถังหว่านสายตาอ่อนโยนมีเสน่ห์ มุมปากมีรอยยิ้มที่น่าสนใจ “ไม่จำเป็นหรอก ของที่สวยงามดูเพียงครั้งเดียวก็ประทับใจมากเพียงพอแล้ว”หลินเฟิงส่ายหัวเอาเข็มเงินเข็มออกมาปลายนิ้วผ่านหน้าอกถังหว่าน สัมผัสได้ถึงความเย็นบนผิวที่เรียบเนียนและละเอียดอ่อนเข็มหนึ่งฝังในจุดเฟิงฝู่ถังหว่านหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายสั่นอย่างควบคุมไม่ได้หลินเฟิงเอาเข็มเงินหนึ่งออก กดนิ้วมือลงไปเรื่อยๆผ่านท้องน้อยของเธอ ฝังเข็มอีกหนึ
หลินเฟิงเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ของตระกูลถัง โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งขับมาจากข้างหลังและจอดอยู่ข้างๆเขาประตูรถเปิดออก ถังหว่านเดินลงมา “บ้านคุณหลินอยู่ที่ไหนคะ ให้ฉันไปส่งไหม”หลินเฟิงคิดสักพักแล้วถอนหายใจ “ตอนนี้ไม่มีที่อยู่ คิดว่าจะพักที่โรงแรม”ตัวเขาเองอยู่ที่เจียงโจวไม่ได้ซื้อบ้านไว้เลย เมื่อหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้วเขาก็จะไม่กลับไปตระกูลหลี่อีก “อึม...”ถังหว่านอึ้ง แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเยอะ “นี่พอดีเลย ตระกูลถังเรามีโรงแรมห้าสิบกว่าแห่งในเจียงโจว” “ให้ฉันจัดการให้คุณหลินเถอะ เมื่อเสวียนหลิงโสมถึงแล้ว ก็พอดีส่งไปให้คุณเลย” “ก็ได้”หลินเฟิงคิดไปคิดมาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรเขานั่งที่เบาะข้างหลังกับถังหว่าน ฉินอิ๋งเป็นคนขับรถเมื่อถึงประตูเขตวิลล่า ฉินอิ๋งก็จอดรถ “เกิดอะไรขึ้น”ถังหว่านถาม “ข้างหน้ามีรถคันหนึ่ง ไม่รู้ทำไมช้า”ฉินอิ๋งบ่นหลินเฟิงมองไปข้างนอกผ่านหน้าต่างรถ เห็นมีชายสวมชุดสูทคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย “แจ้งคุณปู่ถัง ว่าหวางเส้าหลง นายน้อยของตระกูลหวางในเจียงโจวขอมาเยี่ยม”พูดจบก็เอาเงินสดก้อนหนึ่งยื่นให้พนักงานรักษาความปลอดภัยพนักงานรักษาความปล
หลี่เหวินเชาไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย พูดเสียงดังว่า “คนกากๆอย่างคุณกล้ามาชี้นิ้วสั่งผมเหรอ” “วันนี้กูต้องให้บทเรียนมึงแทนพี่สาวกู”หลินเฟิงเตะท้องของเขาด้วยขาเดียวหลี่เหวินเชาบินออกไปเหมือนโดนระเบิด “อา”แฟนสาวตัวเล็กของหลี่เหวินเชากลัวจนหน้าซีดวิ่งโซซัดโซเซไปยังข้างๆของหลี่เหวินเชา ถามด้วยความกลัว ที่รัก คุณเป็นอย่างไรบ้าง”สีหน้าถังหว่านมีรอยยิ้มที่เย็นชาเด็กชายคนนี้กล้าต่อสู้กับหลินเฟิงด้วย ช่างกล้าหาญเกินแต่สิ่งที่เธออยากรู้อยากเห็นมากคือ หลี่ฮุ่ยหรานที่หลินเฟิงพูดถึงเป็นใคร “ไอเหี้ย”หลี่เหวินเชาใบหน้าบิดเบี้ยว ที่ท้องมีความเจ็บปวดที่รุนแรง รู้สึกลําไส้เกือบจะถูกเตะจนด้วยดวงตาที่มืดมนจ้องไปที่หลินเฟิง “คุณ...คุณกล้าเตะผมเหรอ”หลินเฟิงใจเย็นลง “แต่ก่อนคือเห็นแก่พี่สาวคุณ ผมจึงไม่ได้จริงจังกับคุณ” “ตอนนี้ผมไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลหลี่อีกต่อไปแล้ว หากคุณยังกล้าหยาบคายต่อหน้าผมแบบนี้อีก ผมจะเอาคุณตาย”มองดูสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตของหลินเฟิงหลี่เหวินเชาสั่น คําสบถที่อยากจะพูดถูกกลืนลงไปหันหน้ามองไปที่ถังหว่านและตะโกน “นี่คุณมาทำอะไร กูมาใช้บริการที่นี่
ตอนหัวค่ำ หลินเฟิงได้นั่งแท็กซี่มาถึงวิลล่าบรรพบุรุษของตระกูลหลี่ไม่คิดว่าจางกุ้ยหลานได้รออยู่ที่ประตูตั้งนานแล้วเมื่อเห็นหลินเฟิงมาถึง เธอก้าวเข้าไปเตือนทันทีว่า “หลินเฟิง เดี๋ยวเมื่อเห็นคุณปู่ อะไรควรพูด และอะไรไม่ควรพูด ฉันหวังว่าคุณรู้ดี” “หากคุณกังวลขนาดนี้จริงๆ งั้นก็ไล่ผมไปดีกว่า” หลินเฟิงยิ้ม “คุณ....”จางกุ้ยหลานจ้องมองหลินเฟิง ไม่คิดว่าเขากล้าพูดอย่างนี้กับเธอหลินเฟิงไม่สนใจเธอ เดินเข้าตรงวิลล่าไปในหย่ากับหลี่ฮุ่ยหรานแล้ว นอกจากคุณปู่หลี่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจใครพอเข้าไปถึง ก็เห็นคุณปู่คาดผ้ากันเปื้อนที่เอวและได้จัดอาหารไว้เต็มโต๊ะ “คุณปู่ วันนี้เป็นวันอะไรนะ ทำอาหารไว้เยอะจัง”หลี่ไห่ซานพอเห็นหลินเฟิงก็รีบดึงมือเขา ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเฟิงนะ คุณมาแล้ว” “เดี๋ยวคุณก็รู้”สองคนนั่งคุยกัน จางกุ้ยหลานคอยจับจ้องหลินเฟิง กลัวว่าเขาจะพูดอะไรที่ไม่ควรพูดสักพักหนึ่ง หลี่ฮุ่ยหรานก็มาถึงหลินเฟิงอยู่ที่นี่ด้วย อย่างที่เธอคาดไว้เมื่อก่อนก็คือคุณปู่สนับสนุนอย่างเต็มที่ที่ให้เธอแต่งกับเขาคุณปู่ของเธอเองให้ความสำคัญกับเขามากเนื่องจากรู้ถึงจุดนี้ หลี่ฮุ่ยหรานจ
หลินเฟิงมองดูคุณปู่หลี่ที่น่าสงสารถึงแม้เขาสามารถยอมรับตัวเองได้ แต่ตระกูลหลี่ไม่สามารถยอมรับได้การสมรสไม่ใช่เรื่องระหว่างคนสองคน แต่เป็นเรื่องระหว่างสองครอบครัว “คุณปู่ ผมหมดวาสนากับตระกูลหลี่แล้ว ช่างเถอะครับ”พูดจบ หลินเฟิงก็เดินจากไปอย่างไม่คิดจะหันหลังกลับหลี่ไห่ซานเดินโซเซสักพักหนึ่ง เกือบจะล้มลงกับพื้นโชคดีที่หลี่ฮุ่ยหรานมองเห็นทัน และก้าวไปข้างหน้าจับเขาไว้ทันดวงตาของหลี่ไห่ซานเสียสติ พึมพําอย่างต่อเนื่องในปากว่า "ตายแล้ว ตายแล้ว ตระกูลหลี่ต้องพังแล้ว"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่ฮุ่ยหรานรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ “คุณปู่ นี่คุณพูดอะไรกัน” “บอกจริงๆนะ วันนี้หวางเส้าหลงยังตั้งใจช่วยฉันในการสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลถังด้วย” “อีกไม่นาน ตระกูลหลี่ก็จะกลายเป็นตระกูลชั้นนําของเจียงโจว” “ฮาฮา...”คุณปู่หลี่หลังจากได้ยินก็หัวเราะอย่างเย็นชา “คุณหวางคนนั้นหน่ะเหรอ” “ใช่ค่ะ” “เมื่อเทียบกับหลินเฟิงแล้ว หวางเส้าหลงคนนั้นไม่มีอะไร”คุณปู่หลลี่สะบัดแขนเสื้อ ไม่มีอารมณ์จะทานข้าวแล้ว กลับไปที่ห้องด้วยความโกรธหลี่ฮุ่ยหรานถอนหายใจยาว “ก็ไม่รู้ว่าทำไมคุณปู่ให้ความสำคัญกับหลินเ
หลินเฟิงยิ้ม “ผมก็ไม่ได้จีบเธอ จะอิจฉาผมทำไม” “แม้ว่าจะพูดอย่างนี้ก็เถอะ แต่พี่หว่านเอ๋อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว คุณสามารถรับประกันได้ไหมว่าเขาจะไม่คิดอะไรเกินเลย”ฉินอิ๋งถอนหายใจ “คู่หมั้นของพี่หว่านเอ๋อเป็นนายน้อยของตระกูลหรงในเมืองหลวง” “คนนี้ใจร้ายมาก ผู้ชายทั้งหมดที่เคยพยายามเข้าใกล้พี่หว่านเอ๋อ ไม่รู้ว่าตายยังไง”ในฐานะที่เป็นบอดี้การ์ดของถังหว่าน ความลับเหล่านี้เธอก็รู้มาบ้างเธอก็ไม่หวังว่าอัจฉริยะศิลปะการต่อสู้อย่างหลินเฟิงจะตายในมือของตระกูลเย่ไม่ว่ายังไงคนที่เก่งกว่าหลินเฟิงมีเยอะในเจียงโจว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณหรงที่เมื่องหลวงตัวฉันเองเตือนคุณด้วยความใจดี “ฮึ่ม”หลินเฟิงออกเสียงเย็นฮึ่ม ดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก “ไม่มายั่วยุผมก็พอ” “หากกล้ามายั่วยุผม มังกรแท้ๆก็เปลี่ยนกลายเป็นหนอนได้”ฉินอิ๋งกลืนน้ําลาย น้ำเสียงนี้หยิ่งผยองมากจริงๆก็ไม่รู้ว่าพอถึงตระกูลหรงมาจริงๆ เขายังคงหยิ่งผยองแบบนี้อยู่หรือเปล่าแต่ว่าในเมื่อพูดเป็นแบบนี้แล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดอีกเช้าวันรุ่งขึ้น หลี่ฮุ่ยหรานเพิ่งตื่นนอน ก็ได้รับข่าวของหวางเส้าหลง “ฮุ่ยหราน ข่าวดีนะ คุณหญิงใหญ่ตระกูลถังเมื
“ไส...ไสหัวไป?”ซือหม่าเหวินเกือบจะระเบิดโมโหแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าทำได้แค่ประสานมือไปทางหลินเฟิง เหลือบมองสวี่หรงเหิง และหนีไปโดยไม่หันหน้ากลับมามองอีกถูกต้อง หนีไปแล้วซือหม่าเหวินในตอนนี้ เห็นหลินเฟิงก็เหมือนกับหนูเห็นแมว ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านอะไรอีกแล้วโดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ที่ปู่ของเขาบังคับตระกูลซือหม่าไม่ให้เกิดการปะทะกับหลินเฟิงถึงแม้เขาจะคับแค้นใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้แค่แอบด่าในใจและเมื่อมองซือหม่าเหวินหนีไปด้วยความแค้นใจ คนของทั้งกองถ่ายไม่กล้าหายใจแรง ทุกคนต่างสั่นเทากันหมดแม่เจ้า พ่อหนุ่มคนนี้มีเบื้องหลังอะไรกันแน่นะ?ถึงได้ทำให้คคุณชายซือหม่าเหวินที่มีชื่อเสียงไปทั่วทั้งเมืองจิงไสหัวไปได้?!อีกทั้งคุณชายซือหม่าก็ไม่กล้าโมโห ถึงขั้นที่ไม่กล้าพูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขา “ไสหัวไป” ด้วยท่าทางหงอยเหงาแบบนี้?!ผู้กำกับกับนักเขียนบทต่างสูดหายใจเข้าลึกๆผู้กำกับคิดได้ว่าเมื่อครู่เขาสั่งรปภ. ให้ช่วยสวี่หรงเหิงจัดการหลินเฟิง ตอนนี้เสียใจจนอยากจะตบหน้าตัวเองแรงๆ สองครั้ง“คุณผู้ชาย ผม...เมื่อครู่ผม...”ผู้กำกับคุกเข่าให้หลินเฟิง ไม่กล้าหายใจแรง“ไม่ต้อง”
“หือ? มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?!”ซือหม่าเหวินนิ่งอึ้งครู่หนึ่ง และโมโหทันทีพูดจาได้โอ้อวดอย่างมากคนที่ให้พ่อของเขาไปขอโทษถึงที่ได้ ทั้งเมืองจิงมีเพียงไม่กี่คนจริงๆในตอนที่เขากำลังจะระเบิดอารมณ์ กลับรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย“หึหึ”หลังจากเสียงหัวเราะที่เหมือนกับฝันร้ายนี้ดังขึ้น ซือหม่าเหวินตัวสั่นเทาไปหมดเป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากเขามองไปตามทางที่สวี่หรงเหิงชี้ไป ก็คือผู้ชายที่หัวเราะเยาะคนนั้นหลินเฟิง!พัดที่อยู่ในมือซือหม่าเหวินก็หยุดลง หนังหน้าเริ่มกระตุกอย่างรุนแรงความหวาดกลัวที่หลินเฟิงทิ้งไว้ให้เขา ทำให้เขามีปฏิกิริยาจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ในตอนนี้เพียงแค่ได้ยินเสียงของหลินเฟิง เขาก็ตกใจจนแทบคุกเข่าลงบนพื้นซือหมาเหวินกว่าจะยืนมั่นคงได้ สวี่หรงเหิงที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มคุยโม้พูดพร่ำไม่หยุด และร้องเอะอะใส่หลินเฟิง:“ไอ้หนุ่ม นายไม่ใช่ว่าไม่กลัวตระกูลซือหม่าไม่ใช่เหรอ?”“ตอนนี้คุณชายซือหม่าเหวินมาแล้ว ฉันดูสิว่าแกจะกล้าคุยโวอีกไหม!”“คุณชายซือหม่าเหวิน คุณอย่าปล่อยไอ้หมอนี่ไปเด็ดขาดนะครับ เขาไม่เห็นตระกูลซือหม่าอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ คุณจะต้อง...”“หุบปาก”“เอ๊ะ?”ส
ในตอนนี้ พนักงานของกองถ่ายที่มีความรู้กว้างขวางอุทานออกมา“อะไรนะ?!”ผู้กำกับและนักเขียนบทต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก“หึ”หลินเฟิงมองดูคุณชายสวี่ที่ถอยหลังไม่หยุด และในดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาก็เดินเข้าไปโดยตรง จับคอเสื้อของเขาเอาไว้แล้วพูดว่า:“นายเป็นคนของตระกูลซือหม่า?”“ใช่...ใช่!”นึกถึงตระกูลซือหม่า ใบหน้าของคุณชายสวี่ที่กระวนกระวายก็เผยความหวังขึ้นมาทันทีใช่สินะ เขาเป็นคนของตระกูลซือหม่า!”ต่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าเป็นนักบู๊ เขาอยู่ต่อหน้าตระกูลซือหม่าก็ไม่สามารถกำเริบเสิบสานได้!คิดได้ถึงตรงนี้ คุณชายสวี่หัวเราะเยาะและพูดว่า:“ในเมื่อนายรู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลซือหม่า ตอนนี้ก็คุกเข่ากราบฉันซะดีๆ ไม่แน่ฉันอาจจะปล่อยนายไปได้...”“เพี๊ยะ!”ถูกตบหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้แสงสีทองปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกวิงเวียนและเจ็บปวดทำให้คุณชายสวี่งุนงงตอนนี้ในหัวของเขามีเพียงแค่ความคิดเดียวก็คือ:ในเมื่อเขารู้ว่าฉันเป็นคนของตระกูลซือหม่า งั้นทำไมยังกล้าลงมือกับฉันอีก?!ไม่นานนักหลินเฟิงตอบความสงสัยของเขา“หึ แม้แต่ซือหม่าเผิงหัวของตระกูลซือหม่าก็ต้องมาขอโทษฉันด้วยตัวเอง น
“อะไรนะ? เพื่อนของอิ่นนั่วเจียเหรอ?!”ผู้กำกับงุนงงไปหมดนี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!ด้านหนึ่งคือคุณชายสวี่กับตระกูลซือหม่าย อีกด้านหนึ่งคืออิ่นนั่วเจียเขาถูกเบี้ยนอยู่ตรงกลาง ควรจะทำอย่างไร?ในขณะที่ผู้กำกับกำลังลำบากใจอยู่ และไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี คุณชายสวี่ก็ถูกคนประคองลุกขึ้นหลังจากที่ดวงตาเกิดความพร่ามัวอยูครู่หนึ่ง เขาถึงได้ตั้งสติได้ และมองคนที่อยู่รอบๆ ได้อย่างชัดเจนเขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แสบร้อนบนใบหน้าทันทีทำให้เขาแทบจะกรีดร้องออกมาแต่ไม่นานเขาก็ตั้งสติได้ และรีบให้ลูกน้องไปเอากระจกมารอให้รับกระจกที่ลูกน้องยื่นมา เห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของตัวเองคุณชายสวี่ก็ตกอยู่ในท่าทางเดือดดาล“แกแม่งกล้าแตะต้องฉัน?! แกน่ะ แกกล้าแตะต้องฉัน?!”คุณชายสวี่โมโหจนเป็นบ้าไปแล้วรอฝ่ามือช้ำเขียวบนใบหน้าตบลงที่ตัวเขาที่ไหนกัน นี่มันตบลงบนใจเขาชัดๆตั้งแต่เกิด ไม่เคยมีใครกล้าทำกับเขาแบบนี้เรื่องแบบนี้ เขาเพิ่งเคยเจอครั้งแรกถูกตบอย่างแรงขนาดนี้ เป็นครั้งแรกแต่ทว่าตัวการสำคัญยังคงลอยนวลอยู่ข้างนอก และยืนอยู่ที่เดิมพูดอย่างเรียบเฉยว่า:“ทำไมฉันจะไม่กล้าแตะต้องนาย? ทำไม?
ผู้กำกับกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ส่วนผู้เขียนบทหัวล้านที่อยู่ข้างๆ ก็ยืนออกมา ยิ้มขอโทษและพูดว่า:“คุณชายสวี่ ฉากนี้ได้รับการปฏิเสธจากคุณอิ่นนั่วเจีย เธอคือหนึ่งในผู้ร่วมงานกับเราในครั้งนี้ พวกเราไม่สามารถบังคับเขาได้หรอกครับ”“จริงด้วยคุณชายสวี่ คุณใจเย็นๆ เตรียมการถ่ายทำในวันนี้เถอะครับ”ผู้กำกับก็เข้ามาเกลี้ยกล่อม“ไสหัวไป!”ใครจะรู้ว่าคุณชายสวี่คนนี้ไม่ยินยอมด้วยซ้ำ ซัดบทละครที่เจ้าหน้าที่ภาคสนามยื่นมาให้ไปที่ใบหน้าของผู้กำกับโดยตตรง“แม่ง ถ้าไม่ใช่ว่ามีอิ่นนั่วเจียร่วมแสดง ฉันจะรับบทนี้เหรอ? ผลปรากฏว่าวุ่นวายอยู่นาน พวกแกบอกว่าฉันกับอิ่นนั่วเจียไม่มีฉากเลิฟซีนแม้แต่นิด”“งั้นฉันมาทำอะไรวะ?!”ได้ยินคำพูดนี้ หลินเฟิงหางตากระตุกความคิดเห็นที่มีต่อคุณชายสวี่คนนี้ดำดิ่งลงไปถึงจุดต่ำสุดทันที“แกแม่งมองอะไรวะ?”ในตอนนี้คุณชายสวี่กำลังกลัดกลุ้มไม่มีคนให้ระบายอารมณ์สัญชาตญาณของเขาสัมผัสได้ว่าหลินเฟิงจ้องมองมาทางเขาอยู่ จึงชี้หน้าหลินเฟิงแล้วด่าทอเจ้าหน้าที่ภาคสนามกับพนักงานคนอื่นๆ ที่อยู่ในกองถ่ายตอนนี้ต่างยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง ก้มหน้าไม่กล้าหาเรื่องใส่ตัว มีเพียงหลินเฟิงคนเ
แต่ทว่าตั้งแต่แรก คุณชายสวี่ที่ถูกพวกเธอเลื่อมใสไม่ได้เหลือบมองพวกเธอแม้แต่นิดยิ่งไม่ต้องพูดว่าโบกมือยิ้มแย้มตอบโต้อะไรเลยถึงขั้นที่สีหน้าของเขาขึงตึงไปหมด อารมณ์ไม่ดีแต่ทว่าผู้หญิงเหล่านี้กลับยังคงกรีดร้องไม่หยุด“อ๊ะอ๊ะอ๊ะ คุณชายสวี่เมื่อครู่มองฉันด้วย เมื่อครู่เขามองฉันจริงๆ นะ!”“พูดไร้สาระ เขามองฉันต่างหาก!”“แน่จริงเธอพูดอีกครั้งสิ!”ทันใดนั้น เหตุการณ์เกิดความวุ่นวายขึ้น ถึงขั้นที่ผู้หญิงจำนวนมากตบตีกันเพราะเรื่องนี้แบบนี้จึงทำให้หลินเฟิงที่อยู่ไกลออกไปตกตะลึงอย่างมากถ้าหากวันหนึ่งอวี๋จื่อเสวียนกลายเป็นดาราดังแบบนี้ เมื่อคิดว่ามีผู้ชายกลุ่มหนึ่งมาตะโกนคำขวัญอยู่ตรงนี้...หลินเฟิงจิตใจหดหู่ไปกว่าครึ่งทันทีเรื่องแบบนี้ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมจะดีกว่าดังนั้นเขาหาจุดที่เงียบสงบ โทรศัพท์ไปหาอิ่นนั่วเจียโดยตรง“ฮัลโหล”อิ่นนั่วเจียน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย เหมือนกับเพิ่งตื่น“คุณอิ่นนั่วเจีย ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน?”“ฉันเหรอ?”อิ่นนั่วเจียยังงุนงงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตั้งสติได้ และหัวเราะร่าพูดขึ้นว่า:“ตอนนี้ฉันอยู่ที่เจียงโจวค่ะ”“เอ๊ะ? คุณไม่ได้ถ่ายละครอยู่ที่เมืองจ
ในเมื่อกองถ่ายขนาดใหญ่ของพวกเขากำลังถ่ายทำอยู่ที่นี่และเขาคนแปลกหน้าแบบนี้ สามารถบุกเข้าไปข้างในได้ตามใจชอบ ก็เป็นไปไม่ค่อยได้ดังนั้นหลังจากที่หลินเฟิงครุ่นคิด ก็เงยหน้ายิ้มพูดว่า: “ผมเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย ครั้งนี้ผมมาเยี่ยมดูเธอ”“......”ได้ยินคำพูดของหลินเฟิง รปภ.สามคนที่ขวางหลินเฟิงเอาไว้ก็นิ่งอึ้งผ่านไปครู่หนึ่ง รปภ.สามคนนี้ก็ระเบิดหัวเราะออกมาทันทีท่ามกลางเสียงหัวเราะตรงนี้ คนที่ผ่านไปมาก็มองมาทางนี้ด้วยความสงสัย “นี่นี่นี่ พวกนายฟังสิ พวกนายฟังดู”หนึ่งในรปภ. ควงกระบองที่อยู่ในมือ จากนั้นชี้หน้าหลินเฟิงและหัวเราะเสียงดังพูดว่า:“ไอ้โง่นี้พูดว่าเขาเป็นเพื่อนของอิ่นนั่วเจีย อยากจะเข้าไปพบอิ่นนั่วเจียในกองถ่าย”“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้หนุ่ม นายรู้ไหมว่าอิ่นนั่วเจียโด่งดังมากแค่ไหน? นายนับประสาอะไรกัน ยังอยากจะมาเกาะกระแสของเธอ?”“ฉันคิดว่านายไม่สู้หาข้ออ้างอื่น อย่างเช่นพูดว่าตั้งใจมาสมัครเป็นนักแสดงตัวประกอบ”“แบบนี้อย่างน้อยยังพอดีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง”ได้ยินคำเยาะหยันของรปภ. คนที่เดินผ่านไปมาก็พากันหัวเราะเยาะอิ่นนั่วเจียเธอเป็นถึงซูเปอร์สตาร์ประเทศมังกร ไอ้หมอน
“ฆ่าใคร?”หลินเฟิงขมวดคิ้ว จากนั้นรักษาระยะห่างกับผู้หญิงคนนี้โดยสัญชาตญาณแต่เธอกลับตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูดแนบชิดเข้ามติดๆ“คนที่ฉันพูดถึง เก่งมากๆ เลยนะ เกรงว่าคุณสามีจะทำไม่ได้น่ะสิ”ฉู่ฮวาจิ่นหรี่ตาลงท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนกับนังจิ้งจอกในตำนานชัดๆท่าทางออดอ้อนมีเสน่ห์ ใบหน้าแดงระเรื่อ สามารถทำให้ผู้ชายทั้งโลกคลุ้มคลั่งได้แต่ทว่าเสียงของหลินเฟิงกลับยังคงนิ่งเฉย“ฆ่าใคร?”เห็นหลินเฟิงไม่ติดกับ ฉู่ฮวาจิ่นสายตาหยุดชะงัก เธอคิดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะสติมั่นคงได้ขนาดนี้ดังนั้นเธอจึงขยับไปข้างหูของหลินเฟิง พ่นลมหายใจอุ่นชื้น ริมฝีปากแดงอ้าออกเล็กน้อย และยิ้มบางพูดว่า:“คนที่ฉันจะฆ่า ก็คือหยินหลิง ผู้นำกลุ่มพันธมิตร”“อะไรนะ?!”หลินเฟิงได้ยินชื่อนี้ ก็ชักสีหน้าทันทีเขามองไปทางฉู่ฮวาจิ่นด้วยความเย็นชา ถึงขั้นที่แรงสังหารรุนแรง เตรียมจะลงมือทันที และพูดเสียงทุ้มต่ำว่า:“คุณอยากตายเหรอ?”“อุ๊ย ฉันล้อคุณเล่นเองนะ”ได้ยินคำขู่ของหลินเฟิง ฉู่ฮวาจิ่นรู้ได้ทันทีว่าเธอล้อเล่นไปโดนจุดสำคัญของหลินเฟิง จึงรีบหัวเราะขึ้นมา“ตกลงว่าเป็นใครกันแน่?”หลินเฟิงในตอนนี้เริ่มหงุดหงิดเล็กน
อวี๋จื่อเสวียนวิ่งออกไปบนนถนน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปกวักรถแท็กซี่คันหนึ่งก่อนที่จะขึ้นรถ เธอยังไม่ลืมที่จะหันมองไปทางหลินเฟิงและแลบลิ้น ทำหน้าทะเล้นผ่านกระจกรถ ถึงได้จากไปเมื่อเห็นภาพนี้ หลินเฟิงหางตากระตุก ฉู่ฮวาจิ่นกลับเอามือปิดปากและหัวเราะออกมา“เด็กคนนี้ น่าสนใจยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้นะ”“เฮ้อ...”หลินเฟิงพูดไม่ออก ทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆหลังจากที่ถามฉู่ฮวาจิ่น หลินเฟิงก็เข้าใจแล้วเป้าหมายของหลงซิ่วและคนอื่นๆ มารื้อถอนชุมชนกลางเมืองที่ไหนกันล่ะ? เห็นได้ชัดว่าแอบอ้างการรื้อถอนชุมชนการเมือง เพื่อมาสืบข่าวเป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่อย่างอื่น แน่นอนว่าเป็นชีพจรมังกร!ดูท่า พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างได้รับข่าวสารมาว่าชีพจรมังกรอยู่ที่นี่ แต่ทว่าพวกเขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าครั้งนี้ชีพจรมังกรไม่ได้หมายถึงสิ่งของบางอย่าง“แต่เป็นคนตัวเป็นๆ!”อวี๋จื่อเสวียน ก็คือชีพจรมังกรที่พวกเขาต้องการตามหา!ครั้งนี้ ยาที่หลินเฟิงกลั่นออกมา ใช้เลือดของอวี๋จื่อเสวียนก็สามารถผลลัพธ์ที่ดีได้ขนาดนี้ ถึงขั้นที่สามารถกลั่นยาหยกโมราออกมาได้ทั้งหมดนี้ต่างอธิบายได้อวี๋จื่อเสวียนก็คือชีพจรมังกรที่ส